จดหมายข่าว
Safety
Alert ฉบับวันที่
๖ เดือนกันยายน ค.ศ.
๒๐๐๒
(พ.ศ.
๒๕๔๕)
นำเสนอเรื่อง
"Multiple
fatalities - H2S released from molecular sieves after
contact with water"
รายงานเหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตจากแก๊สไฮโดรเจนซัลไฟด์หรือ
H2S
ถึง
๓ รายในขณะที่ทำการถ่าย
molecular
sieves (ที่ใช้ในการดูดความชื้นจากแก๊สธรรมชาติเหลว)
ที่หมดสภาพการใช้งานแล้วลงสู่รถบรรทุก
โดยสถานที่เกิดเหตุคือ
"กระบะท้ายรถบรรทุก"
รูปที่
๑ แบบจำลองสถานที่เกิดเหตุที่วาดขึ้นตามความเข้าใจ
(บทความไม่มีรูปประกอบ)
โรงงานดังกล่าวผลิต
Lean
gas (แก๊สที่ไม่มีส่วนที่ควบแน่นเป็นของเหลว
หรือมีอยู่น้อยมาก
บางทีก็เรียกแก๊สนี้ว่า
Dry
gas) และ
Natural
Gas Liquid - NGL
(คือส่วนที่เป็นของเหลวที่ควบแน่นออกมาจากแก๊สที่ได้จากบ่อ
โดยเป็นส่วนไฮโดรคาร์บอนตั้งแต่
C3
ขึ้นไป)
โดยไฮโดรคาร์บอนที่ได้มาจากบ่อนั้นมีไอน้ำและ
H2S
ปะปนมาด้วย
กระบวนการประกอบด้วย
การเพิ่มความดันให้กับแกีส
การทำให้แก๊สเป็นของเหลว
การกำจัดความชื้น
ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการแยกเป็น
Lean
gas และ
Natural
Gas Liqiud ด้วย
cryogenic
process ต่อไป
ตัว
NGL
ที่เป็นของเหลวนั้นจะถูกนำไปผ่านเบด
molecular
sieve เพื่อกำจัดน้ำและ
H2S
ก่อนเข้าสู่กระบวนการ
cryogenic
และเมื่อ
molecular
sieve ดูดซับน้ำจนอิ่มตัวก็จะใช้แก๊สร้อนที่อุณหภูมิ
250ºC
ไล่ความชื้นออกเพื่อที่จะนำเอา
molecular
sieve กลับมาใช้งานใหม่
หลังจากไล่ความชื้นหมดแล้วก็จะลดอุณหภูมิของเบดด้วยการให้แก๊สที่เย็นไหลผ่าน
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม
ก็ยังคงต้องเปลี่ยน molecular
sieve ใหม่ทุก
ๆ ๓-๔
ปี การเปลี่ยนจะเริ่มด้วยการไล่ความชื้นออกจาก
molecular
sieve ก่อน
(เดาว่าคงทำเพื่อไล่ไฮโดรคาร์บอนที่มีจุดเดือดสูงที่ตกค้างอยู่ในตัว
molecular
sieve ออกไปด้วย)
จากนั้นจึงลดอุณหภูมิเบดให้เย็นลงด้วยการให้แก๊สเย็นไหลผ่าน
และการทำ nitrogen
purging
(แสดงว่าแก๊สเย็นที่ใช้ในการลดอุณหภูมิเบดนั้นไม่ได้เป็นแก๊สเฉื่อย)
แล้วจึงส่งคนเข้าทางด้านบนของเบดเพื่อลำเลียงเอา
molecular
sieve ออกมาและเทลงสู่กระบะท้ายรถบรรทุกที่รออยู่ทางด้านล่าง
กระบวนการนี้เคยทำมาหลายครั้งในช่วง
๒๐ ปีที่ผ่านมา
ในการลำเลียง
molecular
sieve ลงสู่ท้ายรถบรรทุกนั้น
จะเท molecular
sieve ที่นำออกมาจาก
dryer
(คือ
vessel
ที่บรรจุ
molecular
sieve) ผ่านปล่องเท
(chute)
ลงสู่กระบะท้ายรถบรรทุกที่ยกท้ายกระบะเทได้
(tipper
truck) ที่จอดรออยู่ข้างล่าง
รถบรรทุกที่จอดรอยู่นั้นมีขอบข้างสูง
ตัวกระบะท้ายรถถูกทำให้เปียกชุ่มด้วยน้ำและยังมีการทำให้
molecular
sieve ที่ตกลงมากองบนท้ายรถกระบะนั้นเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ
ทั้งนี้เพื่อที่จะลดการที่สาร
pyrophoric
ที่อาจมีมากับตัว
molecular
sieve นั้นลุกติดไฟ
และยังช่วยไม่ให้เกิดผงผุ่นฟุ้งกระจาย
(สารประกอบซัลไฟล์บางชนิดเช่น
FeS
(ที่เกิดจากสนิมเหล็กทำปฏิกิริยากับ
H2S)
สามารถเกิดการลุกไหม้ได้เองในอากาศโดย
S2-
ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนโดยมีความร้อนคายออกมามาก
แม้ว่าอาจจะไม่เกิดการลุกติดไฟ
แต่ความร้อนที่เกิดขึ้นก็สามารถทำให้ไอเชื้อเพลิง
(ถ้ามีอยู่ในบริเวณนั้น)
ลุกติดไฟได้)
หลังจากได้ทำการเท
molecular
sieve ลงกระบะท้ายไปได้พักหนึ่ง
molecular
sieve ที่เทลงมาก็กองเป็นเนินอยู่ท้ายกระบะ
ผู้รับเหมาคนหนึ่งจึงตัดสินใจที่จะลงไปเกลี่ยกองเนินดังกล่าว
การลงไปท้ายกระบะใช้บันไดที่พาดอยู่ทางด้านหลังห้องคนขับ
หลังจากนั้นประมาณ ๑๐
นาทีก็มีผู้รับเหมาอีกคนลงไปช่วยงานคนแรก
แต่ไม่นานก็หมดสติไป
ผู้รับเหมาคนแรกจึงเข้าไปช่วยเหลือพร้อมกับผู้รับเหมาคนที่สามที่โดดลงมาช่วยจาก
platform
ของตัว
dryer
แต่ในที่สุดทั้งสามคนก็หมดสติและเสียชีวิต
ผู้รับเหมาคนที่สี่ที่ปีนขึ้นไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นก็หมดสติไปด้วย
แต่ทีมช่วยเหลือสามารถนำตัวออกมาได้ทันจึงรอดชีวิตออกมา
ผู้รับเหมาทั้ง ๔
รายที่ทำงานอยู่ทางด้านนอกนั้นไม่ได้มีอุปกรณ์ป้องกันแก๊สใด
ๆ ในระหว่างการทำงาน
จากการสอบสวนพบว่าทั้ง
๓ รายเสียชีวิตจากแก๊ส H2S
ที่สะสมอยู่ในกระบะท้ายรถที่เป็นพื้นที่กึ่งปิด
(semi-enclosed
spaceเพราะมีขอบข้างที่สูง)
โดย
H2S
นั้นคายซับออกมาจาก
molecular
sieve กล่าวคือในขั้นตอนการไล่น้ำออกจาก
molecular
sieve นั้นใช้แก๊สร้อน
(ที่เหลือจากกระบวนการผลิต)
ที่มี
H2S
ปนอยู่
830
ppm และตอนที่ทำการลดอุณหภูมิเบดให้เย็นลงหลังการไล่ความชื้น
(ซึ่งก็คงใช้แก๊สเย็นที่มี
H2S
ปนอยู่เช่นกัน)
H2S ก็จะถูก
molecular
sieve ดูดซับเอาไว้
H2S
ส่วนนี้ไม่ถูกไล่ออกในขั้นตอนการทำ
nitrogen
purging (การเอาแก๊สเฉื่อยไปไล่แก๊สเชื้อเพลิงออก)
แต่จะหลุดออกมาเมื่อ
molecular
sieve สัมผัสกับน้ำเนื่องจาก
molecular
sieve มีความชอบน้ำมากกว่า
H2S
ในเอกสารจดหมายข่าวนั้นได้สรุปความบกพร่องหลายประการที่นำไปสู่การเกิดโศกนาฏกรรมดังกล่าวและนำเสนอแนวทางเพื่อป้องกันไม่ให้มันเกิดอีก
แต่โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่าประเด็นสำคัญที่น่าจะหยิบมาพิจารณาคือ
"ทำไมงานเดียวกันนี้ทั้งนี้ทำแบบเดียวกันนี้มานาน
๒๐ ปีแล้วแต่ไม่เคยเกิดเรื่อง"
ความแตกต่างสำคัญระหว่างปีที่เกิดเหตุการณ์กับปีก่อนหน้าคือ
แก๊สที่เข้าสู่กระบวนการนั้นมี
H2S
ปนเปื้อนในปริมาณที่สูงขึ้นเรื่อย
ๆ โดยที่ผู้ทำงานไม่ทราบ
และไม่มีการให้ข้อมูลใด ๆ
จากทางผู้ผลิต molecular
sieve ด้วยว่ามันสามารถดูดซับ
H2S
เอาไว้ได้
และสามารถคายซับออกมาได้ถ้ามีน้ำเข้าไปแทนที่
ซึ่งประเด็นการคายซับนี้ทั้งตัวผู้รับเหมาและพนักงานของบริษัทนั้นต่างไม่ทราบมาก่อน
อันที่จริงเรื่องการเสียชีวิตเนื่องจากแก๊ส
H2S
เนี่ยในบ้านเราก็มีอยู่เรื่อย
ๆ เพียงแต่ว่ามักจะไม่ได้เป็นข่าวใหญ่หรือปรากฏออกมาในช่วงเวลานั้น
ๆ แล้วก็เงียบหายไป
สถานที่เกิดเหตุก็มีทั้งสถานที่ที่เห็นได้ว่าเป็นที่อับอากาศอย่างชัดเจน
(เช่นในหลุมหรือในบ่อ)
หรือเป็นสถานที่ที่เป็นที่โล่ง
แต่มีการรั่วไหลของแก๊ส
H2S
ออกมาในปริมาณมาก
(เช่นการเข้าไปปิดรอยรั่วที่ผ้าใบคลุมบ่อผลิตแก๊สชีวภาพ)
ความเป็นพิษของ
H2S
นั้นเพียงแค่ระดับไม่ถึง
1000
ppm ก็สามารถทำให้คนเสียชีวิตได้ในเวลาอันสั้น
ซึ่งแก๊สเข้มข้นมากนี้สามารถทำให้ผู้ได้รับแก๊สหมดสติอย่างรวดเร็วจนทำให้คนที่อยู่รอบข้างคิดว่าหมดสติจากสาเหตุอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับแก๊ส
จึงรีบเข้าไปช่วยเหลือ
ทำให้เกิดการเสียชีวิตตาม
ๆ กัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น