ในตำราอินทรีย์เคมีมีการกล่าวถึง
Beilstein
test ว่าเป็นวิธีการทดสอบเชิงคุณภาพ
(คือหามีหรือไม่มี)
ว่าตัวอย่างนั้นมีธาตุกลุ่มเฮไลด์หรือไม่
วิธีการทดสอบเริ่มด้วยการนำเอาลวดทองแดงมาขดให้เป็นห่วงเล็ก
ๆ ที่ปลาย
แล้วนำปลายนั้นไปเผาไฟในตะเกียงบุนเสนเพื่อเป็นการทำความสะอาดและทำให้เกิดชั้น
CuO
เคลือบผิวลวด
จากนั้นจึงนำปลายลวดนั้นไปจุ่มในตัวอย่างที่ต้องการทดสอบ
(ตัวอย่างนั้นเป็นของเหลวหรือของแข็ง)
แล้วนำไปเผาไฟใหม่
ถ้าเห็นเปลวไฟมีสีเขียวก็แสดงว่าตัวอย่างนั้นมีธาตุเฮไลด์เป็นองค์ประกอบ
ในเว็บ https://en.wikipedia.org/wiki/Beilstein_test
บอกว่าวิธีการนี้ใช้ไม่ได้กับตัวอย่างที่ประกอบด้วยธาตุฟลูออรีนหรือไอออนฟลูออไรด์
รูปที่
๑ ตะเกียงแก๊ส (Halide
torch leak detector)
ที่ช่างแอร์ใช้ตรวจหาว่ามีน้ำยาแอร์รั่วออกจากตู้แอร์หรือไม่
เมื่อวันเสาร์เอารถเข้าไปซ่อมแอร์
บอกกับช่าง (ร้านประจำ)
ว่าเปลี่ยนชิ้นส่วนไปเกือบทุกอย่างแล้ว
เหลือแต่ตู้แอร์ที่ยังไม่ได้เปลี่ยน
วันนี้สงสัยว่าคงถึงคราวต้องเปลี่ยนแล้ว
ช่างก็บอกว่าต้องขอตรวจสอบก่อนให้แน่ใจก่อน
หลังจากตรวจแล้วว่าน้ำยาแอร์หายไปเยอะ
ช่างก็เริ่มด้วยการเติมน้ำยาแอร์เข้าไปหน่อยเพื่อให้ระบบมีความดัน
จากนั้นก็ทำการตรวจหารอยรั่วที่ระบบท่อต่างที่อยู่ในห้องเครื่อง
เมื่อไม่พบก็เลยต้องตรวจภายในห้องโดยสาร
ทีนี้ตู้แอร์ในห้องโดยสารมันอยู่ใต้แผงคอนโซลหน้ารถ
รถรุ่นเก่า ๆ
ยังพอถอดออกได้โดยไม่ต้องถอดแผงคอนโซลหน้า
แต่รถรุ่นใหม่ ๆ (ช่างเขาว่าอย่างนั้น)
ต้องรื้อแผงคอนโซลหน้าออก
(งานใหญ่เหมือนกัน)
จึงจะเปลี่ยนได้
ดังนั้นต้องมั่นใจก่อนว่าตู้แอร์ในห้องโดยสารมันรั่วจริง
ถึงจะลงมือถอด
วิธีการที่เขาทำก็คือไปเอาตะเกียงแก๊สโพรเพน
(แบบในรูป)
มาจุดไฟ
โดยที่ตัวตะเกียงจะมีแผ่นทองแดงอยู่
แผ่นทองแดงนี้จะถูกเผาให้ร้อน
เปลวไฟในตะเกียงจะดูดอากาศเข้าทางสายยางที่ต่ออยู่ที่ฐานตะเกียงด้วย
ด้วยการแหย่ปลายสายยางไปยังบริเวณต่าง
ๆ อากาศบริเวณนั้นก็จะถูกดูดเข้ามา
เปลวไฟโพรเพนปรกติจะเป็นสีฟ้า
แต่ถ้าอากาศที่ดูดเข้ามานั้นมีแก๊สที่มีฮาโลเจนเป็นองค์ประกอบ
(ในที่นี้ก็คือสารทำความเย็น)
เปลวไฟก็จะเปลี่ยนสี
คือมีสีเขียวปน
วิธีการนี้ใช้ไม่ได้กับสารทำความเย็นที่เป็นไฮโดรคาร์บอน
เขาบอกว่าเทคนิคนี้เป็นของช่างรุ่นเก่า
(รุ่นใหม่คงใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แทนแล้วมั้ง)
ที่ผมแปลกใจก็คือตรงที่ข้อมูลบางแหล่งบอกว่าวิธีการนี้ใช้ไม่ได้ในกรณีของฟลูออรีน
แต่สารทำความเย็นที่ใช้กันทั่วไปในรถคือ
R134a
หรือ
1,1,1,2-Tetrafluoroethane
(F3C-CH2F) ที่มีแต่ฟลูออรีน
ซึ่งวิธีการดังกล่าวมันก็ตรวจสอบได้
ก็เลยไม่รู้ว่ามันใช้ตรวจสอบฟลูออรีนได้
หรือที่มันเห็นคือสารปนเปื้อน
(สารตั้งตั้นที่ใช้ในการผลิต)
turที่มากับ
R134a
รูปที่
๒
อีกมุมหนึ่งของตะเกียงที่ช่างแอร์ใช้ตรวจหาการรั่วไหลของน้ำยาแอร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น