วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2562

แล้วเราก็มีเรื่องราวใหม่ ๆ ที่จะบอกเล่าสืบต่อกันไป MO Memoir : Thursday 3 October 2562

   
ก็ต้องขอแสดงความยินดีกับทั้งสามคนที่เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในวันนี้ด้วยครับ ที่คุณทั้งสามสามารถฝ่าฝันมาจนถึงวันนี้ได้
     
วันนี้ เป็นวันที่ใครหลายต่อหลายคนทางบ้านของพวกคุณ รอที่จะได้เห็น ช่วงเวลาเพียงไม่กี่วินาที ที่คุณ ที่สวมชุดครุย เดินขึ้นเวทีไปรับพระราชทานปริญญาบัตร
    
วันนี้ คงเป็นวันสุดท้ายที่คุณทั้งสามคงได้สนุกกับการถ่ายรูปร่วมกับญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงได้อย่างเต็มที่ภายใต้บรรยากาศของงานพระราชทานปริญญาบัตร (จะเรียกว่าเป็นวันที่ peak สุดก็ได้)
      
และวันนี้ เมื่ออ่านมาถึงบรรทัดนี้ คุณทั้งสองก็คงเดาได้เช่นกันนะครับว่า "บันทึกฉบับนี้" จะเป็นฉบับสุดท้ายที่คุณจะได้รับส่งตรงทางอีเมล์จากผม

"อาจารย์ หนูฝากสองคนนี้ให้อยู่กับอาจารย์ด้วย" นิสิตหญิงป.โท ที่กำลังขึ้นปี ๒ คนหนึ่งมาบอกกับผม
   
"แล้วทำไมไม่ชวนเขาไปอยู่กับอาจารย์ที่ปรึกษาของคุณล่ะ" ผมถามเขากลับไป เพราะเห็นอาจารย์ที่ปรึกษาของเขาก็มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ได้รับรางวัลจากหลายสถาบัน แถมยังเพียบพร้อมไปด้วยทุนวิจัย ซึ่งตรงข้ามกับผมเลย
  
"ให้อยู่กับอาจารย์แหละ ดีแล้ว" สรุปก็คือเขาก็ไม่บอกเหตุผลให้กับผมตรง ๆ ให้ผมคาดเดาเอาเอง

ปีนี้ก็นับเป็นปีที่ ๓ ติดต่อกันแล้ว ที่การประชาสัมพันธ์ของสมาชิกกลุ่มเรา ไม่สามารถดึงคนให้เข้ามาร่วมกลุ่มได้เลยสักคน ที่อยู่ ๆ กันตอนนี้ถ้าไม่เป็นเด็กฝาก (แบบพวกคุณและพวกปี ๒ ตอนนี้) ก็เป็นแบบที่อยู่ดี ๆ ก็บอกว่าอยากจะมาเรียนกับผม ทั้ง ๆ ที่ผมยังไม่ได้ประกาศไปเลยว่าจะรับ (แบบพวกปี ๑ ตอนนี้)
ว่าแต่ การที่คุณเชื่อเพื่อนคุณในวันนั้น เป็นการตัดสินใจที่ถูกหรือผิด คำตอบนั้นคุณทั้งสองน่าจะรู้ดีที่สุดครับ

เมื่อก้าวเข้ามาสู่แดนร่มจามจุรี     เอิบอิ่มฤดีเย็นใจใต้ร่มใบบัง
เหมือนไม้โอบอวยชัยให้สมหวัง     เหมือนเป็นกำลังใจให้ก้าวเดิน
  

ที่ผมกล่าวถึง "สาม" คนนั้นผมไม่ได้พิมพ์ผิดหรอกครับ เพราะนอกจากพวกคุณสองคนแล้วก็ยังมีอีกคนหนึ่งที่ผมเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน ที่แม้จะไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับเรา แต่ตลอดช่วงเวลาที่เขาเรียนอยู่ เขาก็มาร่วมวงกับกลุ่มเราอยู่เป็นประจำ จะเรียกว่าเป็นสมาชิกสมทบก็ได้ครับ แถมทางอาจารย์จากสถาบันที่เขาจบป.ตรีมาก็ฝากฝังเป็นการส่วนตัวให้ผมช่วยดูแลเขาให้ด้วย แต่ผมก็ทำได้แค่เพียงเฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ ไม่สามารถเข้าไปให้ความช่วยเหลือในด้านการทำแลปของเขาได้โดยตรง ทำได้อย่างมากก็เพียงแค่เสนอหนุ่มหล่อสุดของกลุ่มของเรา (ที่มีอยู่เพียงแค่หนึ่งเดียวในขณะนั้น ที่ตอนนั้นหัวใจกำลังอ้างว้าง) ไปช่วยเป็นแรงงานทำแลปแบบไม่ต้องมีค่าตอนแทน .... แล้วก็โดนปฏิเสธกลับมา (55555 ...) คิดว่าที่เขาปฏิเสธนั้นคงไม่ใช่เพราะข้อเสนอของผม แต่น่าจะเป็นผู้ที่ผมเสนอให้เขา แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ก็ตอนนั้นมีแค่เพียงตัวเลือกเดียวจริง ๆ
   
คงไม่ต้องเอ่ยชื่อนะครับว่าเขา (คนที่สาม) เป็นใคร เชื่อว่าพวกคุณคงจะเดาได้ ส่วนหนุ่มหล่อคนนั้นเป็นใคร ก็รู้ ๆ กันอยู่ ไม่เห็นจำเป็นต้องคาดเดา :) :) :)
     
ผมเองมองว่าสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าการสอนประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน คือ "พัฒนาการของผู้เรียน" ซึ่งก็คือการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ก้าวหน้าขึ้นของผู้เรียน และนี่คือสิ่งที่ผมอยากให้คุณทั้งสองได้ไป ไม่ใช่ความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงานของผู้สอน
    
จริงอยู่ที่ว่า ในแต่ละสาขาวิชานั้น ต่างมีมาตรฐานขั้นต่ำที่ผู้เรียนจะต้องผ่านให้ได้ แต่ถ้าเราใช้การวัด output หรือผลผลิตเป็นหลัก มันบ่งบอกได้จริงหรือว่า ผู้ที่จบด้วยการมี output ที่สูงกว่าคนอื่น คือผู้ที่มีพัฒนาการมากกว่าผู้ที่จบด้วย output ที่ต่ำกว่า (แต่ต้องไม่ต่ำกว่ามาตรฐานขั้นต่ำนะ)
       
ลองถามตัวคุณเองนะครับว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นมีพัฒนาการทางความคิดอย่างไรบ้าง ซึ่งมันจะไปช่วยตอบคำถามแรกข้างบนที่ผมถามเอาไว้ และยังเป็นการประเมินการทำงานของผมด้วย

ด้อาศัยร่มใบต้นจามจุรี     สุขฤดีนี้คือจุฬาลงกรณ์
รู้เรียนร่ำพร่ำเพียรเพื่อเกียรติขจร     หวังเชิดชูนามกรแห่งจุฬาฯ
   

สถานที่ที่สามารถสร้างความประทับใจลึก ๆ ให้กับใครสักคนนั้น อาจไม่ใช่สถานที่ที่หรูหรา สถานที่ที่สวยหรู สถานที่ที่เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ติดเครื่องปรับอากาศที่เย็นฉ่ำ แต่เป็นสถานที่ที่เปิดกว้างให้กับทุกคน ที่เมื่อใดก็ตามที่มายังที่ดังกล่าว จะมั่นใจได้ว่าจะมีโอกาสได้พบกับคู่สนทนาที่รู้ใจ ที่สามารถคุยเรื่องอะไรด้วยกันกับเขาได้อย่างเป็นกันเอง แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่อีกฝ่ายหนึ่งจะไม่ค่อยเข้าใจก็ตาม แต่เขาก็ยินดีที่จะรับฟัง
     
โต๊ะเล็ก ๆ รก ๆ ตัวหนึ่งที่รกจนแทบจะไม่มีที่วางของ เก้าอี้นั่งหลบมุมอยู่หน้าตู้เอกสารและข้างตู้อบเครื่องแก้วนับรวมกันได้สามตัว และพัดลมตั้งพื้นอีกหนึ่งตัว กับมุมทำงานข้างทางเดินเข้าออกห้องแลปที่เราเรียกกันเล่น ๆ ว่า "สามแยก SCR" ณ ที่นี้ หลากหลายเรื่องราวถูกบอกเล่าต่อ ๆ กันมา (แถมบางครั้งก็ยังมีภาพถ่ายประกอบ) และคงจะได้รับการเล่าขานสืบต่อกันไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคนที่ทำงานตรงนี้ก่อนหน้า หรือคนที่กำลังทำงานอยู่ตรงนี้ หรือแม้แต่เรื่องของคนอื่นที่ไม่ได้ทำงานอยู่ตรงนี้ ซึ่งมักเป็น hot issue ของการสนทนาเสมอ

บางครั้ง เราก็ไม่ได้ต้องการใครสักคนมาเป็นคู่สนทนา เราอาจต้องการเพียงแค่ใครสักคน จะรับฟังสิ่งที่เราอยากจะพูดแต่เพียงฝ่ายเดียว หรือเพียงแค่ใครสักคน ที่จะบอกเล่าเรื่องอะไรบางอย่างให้เราฟังแต่เพียงฝ่ายเดียว
    
หรือเพียงแค่ใครสักคน ที่ทำให้เราไม่รู้สึกเหงา เมื่อได้มานั่งพักผ่อนหรือนั่งทำงานอยู่ใกล้ ๆ เขา แม้ว่าจะไม่มีการพูดคุยกันเลยสักคำก็ตาม
    
แม้ว่าวันนี้ สถานที่ที่เราเรียกว่า "สามแยก SCR" นี้จะเปลี่ยนแปลงไป แต่หวังว่าภาพความทรงจำของคนที่ได้เข้ามาใช้ชีวิตช่วงหนึ่งของเขา ณ สถานที่แห่งนี้ จะไม่เปลี่ยนแปลง
    
สิ่งดี ๆ ที่ได้ประสบได้พบเห็น ถ้ามีโอกาสก็อย่าลืมนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์เมื่อมีโอกาสนะครับ ส่วนสิ่งใด ๆ ที่เห็นว่าเป็นตัวอย่างไม่ดี ก็ไม่ควรนำเอาไปปฏิบัติต่อ ความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นจากความเข้าใจผิดหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็พึงระวังอย่าให้ต้องเกิดขึ้นซ้ำอีก (เช่นกรณีที่ต้องทำแลปใหม่เกือบหมด ทั้ง ๆ ที่คิดว่าปิดแลปได้แล้ว) นะครับ

ขอปิดท้ายด้วยท่อนสุดท้ายของเนื้อเพลง "ร่มจามจุรี" ถ้าสงสัยว่าเพลงนี้ร้องยังไง ก็ดูในคลิปวิดิโอที่ส่งให้ก็แล้วกันครับ และขอให้ทุกคนโชคดี ประสบแต่ความสุขความสำเร็จในชีวิตครอบครัวและการทำงาน สวัสดีครับ

เมื่อจะก้าวออกไปจากอกไกลเงาจามจุรี     จากถิ่นนี้นามที่จุฬาลงกรณ์
ลมโชยโบกก้านใบให้พร     ขอลาก่อนไม่ไปลับจะกลับเยือน
    

ดาวน์โหลดคลิปวิดิโอกดที่นี่ครับ :) :) :)

ไม่มีความคิดเห็น: