ก็ต้องขอแสดงความยินดีกับทั้งสามคนที่เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในวันนี้ด้วยครับ ที่คุณทั้งสามสามารถฝ่าฝันมาจนถึงวันนี้ได้
วันนี้
เป็นวันที่ใครหลายต่อหลายคนทางบ้านของพวกคุณ
รอที่จะได้เห็น ช่วงเวลาเพียงไม่กี่วินาที
ที่คุณ ที่สวมชุดครุย
เดินขึ้นเวทีไปรับพระราชทานปริญญาบัตร
วันนี้
คงเป็นวันสุดท้ายที่คุณทั้งสามคงได้สนุกกับการถ่ายรูปร่วมกับญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงได้อย่างเต็มที่ภายใต้บรรยากาศของงานพระราชทานปริญญาบัตร
(จะเรียกว่าเป็นวันที่
peak
สุดก็ได้)
และวันนี้
เมื่ออ่านมาถึงบรรทัดนี้
คุณทั้งสองก็คงเดาได้เช่นกันนะครับว่า
"บันทึกฉบับนี้"
จะเป็นฉบับสุดท้ายที่คุณจะได้รับส่งตรงทางอีเมล์จากผม
"อาจารย์
หนูฝากสองคนนี้ให้อยู่กับอาจารย์ด้วย"
นิสิตหญิงป.โท
ที่กำลังขึ้นปี ๒ คนหนึ่งมาบอกกับผม
"แล้วทำไมไม่ชวนเขาไปอยู่กับอาจารย์ที่ปรึกษาของคุณล่ะ"
ผมถามเขากลับไป
เพราะเห็นอาจารย์ที่ปรึกษาของเขาก็มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก
ได้รับรางวัลจากหลายสถาบัน
แถมยังเพียบพร้อมไปด้วยทุนวิจัย
ซึ่งตรงข้ามกับผมเลย
"ให้อยู่กับอาจารย์แหละ
ดีแล้ว"
สรุปก็คือเขาก็ไม่บอกเหตุผลให้กับผมตรง
ๆ ให้ผมคาดเดาเอาเอง
ปีนี้ก็นับเป็นปีที่
๓ ติดต่อกันแล้ว
ที่การประชาสัมพันธ์ของสมาชิกกลุ่มเรา
ไม่สามารถดึงคนให้เข้ามาร่วมกลุ่มได้เลยสักคน
ที่อยู่ ๆ กันตอนนี้ถ้าไม่เป็นเด็กฝาก
(แบบพวกคุณและพวกปี
๒ ตอนนี้)
ก็เป็นแบบที่อยู่ดี
ๆ ก็บอกว่าอยากจะมาเรียนกับผม
ทั้ง ๆ ที่ผมยังไม่ได้ประกาศไปเลยว่าจะรับ
(แบบพวกปี
๑ ตอนนี้)
ว่าแต่
การที่คุณเชื่อเพื่อนคุณในวันนั้น
เป็นการตัดสินใจที่ถูกหรือผิด
คำตอบนั้นคุณทั้งสองน่าจะรู้ดีที่สุดครับ
เมื่อก้าวเข้ามาสู่แดนร่มจามจุรี เอิบอิ่มฤดีเย็นใจใต้ร่มใบบัง
เหมือนไม้โอบอวยชัยให้สมหวัง เหมือนเป็นกำลังใจให้ก้าวเดิน
ที่ผมกล่าวถึง "สาม" คนนั้นผมไม่ได้พิมพ์ผิดหรอกครับ เพราะนอกจากพวกคุณสองคนแล้วก็ยังมีอีกคนหนึ่งที่ผมเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน ที่แม้จะไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับเรา แต่ตลอดช่วงเวลาที่เขาเรียนอยู่ เขาก็มาร่วมวงกับกลุ่มเราอยู่เป็นประจำ จะเรียกว่าเป็นสมาชิกสมทบก็ได้ครับ แถมทางอาจารย์จากสถาบันที่เขาจบป.ตรีมาก็ฝากฝังเป็นการส่วนตัวให้ผมช่วยดูแลเขาให้ด้วย แต่ผมก็ทำได้แค่เพียงเฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ ไม่สามารถเข้าไปให้ความช่วยเหลือในด้านการทำแลปของเขาได้โดยตรง ทำได้อย่างมากก็เพียงแค่เสนอหนุ่มหล่อสุดของกลุ่มของเรา (ที่มีอยู่เพียงแค่หนึ่งเดียวในขณะนั้น ที่ตอนนั้นหัวใจกำลังอ้างว้าง) ไปช่วยเป็นแรงงานทำแลปแบบไม่ต้องมีค่าตอนแทน .... แล้วก็โดนปฏิเสธกลับมา (55555 ...) คิดว่าที่เขาปฏิเสธนั้นคงไม่ใช่เพราะข้อเสนอของผม แต่น่าจะเป็นผู้ที่ผมเสนอให้เขา แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ก็ตอนนั้นมีแค่เพียงตัวเลือกเดียวจริง ๆ
คงไม่ต้องเอ่ยชื่อนะครับว่าเขา
(คนที่สาม)
เป็นใคร
เชื่อว่าพวกคุณคงจะเดาได้
ส่วนหนุ่มหล่อคนนั้นเป็นใคร
ก็รู้ ๆ กันอยู่ ไม่เห็นจำเป็นต้องคาดเดา
:)
:) :)
ผมเองมองว่าสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าการสอนประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน
คือ "พัฒนาการของผู้เรียน"
ซึ่งก็คือการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ก้าวหน้าขึ้นของผู้เรียน
และนี่คือสิ่งที่ผมอยากให้คุณทั้งสองได้ไป
ไม่ใช่ความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงานของผู้สอน
จริงอยู่ที่ว่า
ในแต่ละสาขาวิชานั้น
ต่างมีมาตรฐานขั้นต่ำที่ผู้เรียนจะต้องผ่านให้ได้
แต่ถ้าเราใช้การวัด output
หรือผลผลิตเป็นหลัก
มันบ่งบอกได้จริงหรือว่า
ผู้ที่จบด้วยการมี output
ที่สูงกว่าคนอื่น
คือผู้ที่มีพัฒนาการมากกว่าผู้ที่จบด้วย
output
ที่ต่ำกว่า
(แต่ต้องไม่ต่ำกว่ามาตรฐานขั้นต่ำนะ)
ลองถามตัวคุณเองนะครับว่า
ช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นมีพัฒนาการทางความคิดอย่างไรบ้าง
ซึ่งมันจะไปช่วยตอบคำถามแรกข้างบนที่ผมถามเอาไว้
และยังเป็นการประเมินการทำงานของผมด้วย
ได้อาศัยร่มใบต้นจามจุรี สุขฤดีนี้คือจุฬาลงกรณ์
รู้เรียนร่ำพร่ำเพียรเพื่อเกียรติขจร หวังเชิดชูนามกรแห่งจุฬาฯ
สถานที่ที่สามารถสร้างความประทับใจลึก
ๆ ให้กับใครสักคนนั้น
อาจไม่ใช่สถานที่ที่หรูหรา
สถานที่ที่สวยหรู
สถานที่ที่เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก
ติดเครื่องปรับอากาศที่เย็นฉ่ำ
แต่เป็นสถานที่ที่เปิดกว้างให้กับทุกคน
ที่เมื่อใดก็ตามที่มายังที่ดังกล่าว
จะมั่นใจได้ว่าจะมีโอกาสได้พบกับคู่สนทนาที่รู้ใจ
ที่สามารถคุยเรื่องอะไรด้วยกันกับเขาได้อย่างเป็นกันเอง
แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่อีกฝ่ายหนึ่งจะไม่ค่อยเข้าใจก็ตาม
แต่เขาก็ยินดีที่จะรับฟัง
โต๊ะเล็ก
ๆ รก ๆ ตัวหนึ่งที่รกจนแทบจะไม่มีที่วางของ
เก้าอี้นั่งหลบมุมอยู่หน้าตู้เอกสารและข้างตู้อบเครื่องแก้วนับรวมกันได้สามตัว
และพัดลมตั้งพื้นอีกหนึ่งตัว
กับมุมทำงานข้างทางเดินเข้าออกห้องแลปที่เราเรียกกันเล่น
ๆ ว่า "สามแยก
SCR"
ณ
ที่นี้ หลากหลายเรื่องราวถูกบอกเล่าต่อ
ๆ กันมา (แถมบางครั้งก็ยังมีภาพถ่ายประกอบ)
และคงจะได้รับการเล่าขานสืบต่อกันไป
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคนที่ทำงานตรงนี้ก่อนหน้า
หรือคนที่กำลังทำงานอยู่ตรงนี้
หรือแม้แต่เรื่องของคนอื่นที่ไม่ได้ทำงานอยู่ตรงนี้
ซึ่งมักเป็น hot
issue ของการสนทนาเสมอ
บางครั้ง
เราก็ไม่ได้ต้องการใครสักคนมาเป็นคู่สนทนา
เราอาจต้องการเพียงแค่ใครสักคน
จะรับฟังสิ่งที่เราอยากจะพูดแต่เพียงฝ่ายเดียว
หรือเพียงแค่ใครสักคน
ที่จะบอกเล่าเรื่องอะไรบางอย่างให้เราฟังแต่เพียงฝ่ายเดียว
หรือเพียงแค่ใครสักคน
ที่ทำให้เราไม่รู้สึกเหงา
เมื่อได้มานั่งพักผ่อนหรือนั่งทำงานอยู่ใกล้
ๆ เขา แม้ว่าจะไม่มีการพูดคุยกันเลยสักคำก็ตาม
แม้ว่าวันนี้
สถานที่ที่เราเรียกว่า
"สามแยก
SCR"
นี้จะเปลี่ยนแปลงไป
แต่หวังว่าภาพความทรงจำของคนที่ได้เข้ามาใช้ชีวิตช่วงหนึ่งของเขา
ณ สถานที่แห่งนี้ จะไม่เปลี่ยนแปลง
สิ่งดี
ๆ ที่ได้ประสบได้พบเห็น
ถ้ามีโอกาสก็อย่าลืมนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์เมื่อมีโอกาสนะครับ
ส่วนสิ่งใด ๆ ที่เห็นว่าเป็นตัวอย่างไม่ดี
ก็ไม่ควรนำเอาไปปฏิบัติต่อ
ความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นจากความเข้าใจผิดหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ก็พึงระวังอย่าให้ต้องเกิดขึ้นซ้ำอีก
(เช่นกรณีที่ต้องทำแลปใหม่เกือบหมด
ทั้ง ๆ ที่คิดว่าปิดแลปได้แล้ว)
นะครับ
ขอปิดท้ายด้วยท่อนสุดท้ายของเนื้อเพลง
"ร่มจามจุรี"
ถ้าสงสัยว่าเพลงนี้ร้องยังไง
ก็ดูในคลิปวิดิโอที่ส่งให้ก็แล้วกันครับ
และขอให้ทุกคนโชคดี
ประสบแต่ความสุขความสำเร็จในชีวิตครอบครัวและการทำงาน
สวัสดีครับ
เมื่อจะก้าวออกไปจากอกไกลเงาจามจุรี จากถิ่นนี้นามที่จุฬาลงกรณ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น