วันพุธที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2560

คู่มือที่ดี ไม่ควรมีข้อขัดแย้งในตัวเอง MO Memoir : Wednesday 18 October 2560

เมื่อไม่นานนี้เริ่มมีการนำเครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ (Automated External Defibrillator หรือย่อว่า AED) เข้ามาติดตั้งในมหาวิทยาลัย พร้อมกันมีการเปิดให้การอบรมแก่ผู้ที่สนใจ (และไม่ติดขัดหน้าที่การงานอะไร) วิธีการปฏิบัติพื้นฐานในการช่วยชีวิตและใช้อุปกรณ์ AED ดังกล่าว


รูปที่ ๑ หน้าปกเอกสารคู่มือการช่วยชีวิตพื้นฐานที่แจกจ่ายให้มหาวิทยาลัย

หัวใจมีกล้ามเนื้อชนิดพิเศษที่สามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมากระตุ้นให้หัวใจบีบตัวอย่างเป็นจังหวะ ถ้าจังหวะการปล่อยกระแสไฟฟ้านี้ผิดปรกติ ก็จะทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะตามไปด้วย และสามารถนำไปสู่การเสียชีวิตได้ ผู้ที่เกิดอาการภาวะหัวใจเฉียบพลัน ถ้าได้รับการแก้ไขให้คลื่นไฟฟ้าที่กระตุ้นการทำงานของหัวใจนั้นกลับมาเป็นปรกติได้ทันท่วงที ผู้ป่วยก็จะรอดชีวิตได้
 
ตัวเครื่องที่เอามาติดตั้งนั้นแท้จริงหน้าตาเป็นอย่างไรผมก็ไม่รู้เหมือนกัน (เพราะมันอยู่ในตู้) แต่ตามคู่มือมันบอกว่ามันประกอบด้วยตัวเครื่องและแผ่นนำไฟฟ้าสองแผ่น เครื่องนี้ไม่ใช่เครื่องทำให้หัวใจที่หยุดเต้นไปแล้วกลับมาเต้นใหม่ แต่เป็นเครื่องที่ทำให้การเต้นหัวใจที่กำลังผิดจังหวะและกำลังนำไปสู่การหยุดเต้นนั้น กลับมาเต้นตามปรกติ
 
การทำงานของเครื่องนั้น หลังจากที่ติดแผ่นนำไฟฟ้าเข้ากับผู้ป่วยแล้ว ตัวเครื่องจะทำการวิเคราะห์คลื่นไฟฟ้าหัวใจของผู้ป่วย (เครื่องบางรุ่นอาจจะเริ่มทำการวิเคราะห์เองอัตโนมัติเมือทำการติดแผ่นนำไฟฟ้า ในขณะที่บางรุ่นต้องกดปุ่มให้เริ่มการวิเคราะห์) ถ้าเครื่องตรวจพบว่าผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องได้รับการช็อกด้วยไฟฟ้า เครื่องก็ให้สัญญาณออกมาว่าไม่จำเป็น แต่ถ้าพบว่าจำเป็นต้องได้รับการช็อกด้วยไฟฟ้า เครื่องก็จะให้สัญญาณเตือนออกมาเพื่อให้ผู้ช่วยเหลือเตรียมการช็อกด้วยไฟฟ้าในขั้นตอนถัดไป
 
รูปที่ ๒ และ ๓ ที่อยู่ถัดไป ผมสแกนมาจากหน้า ๒๖ และ ๒๗ ของเอกสารคู่มือที่เขาแจกจ่ายในคณะ ลองอ่านดูเองเองก่อนไหมครับ


รูปที่ ๒ หน้า ๒๖ ของเอกสารคู่มือที่นำมาแสดงในรูปที่ ๑

รูปที่ ๓ หน้า ๒๗ ของเอกสารคู่มือที่นำมาแสดงในรูปที่ ๑ อ่านเสร็จแล้วสังเกตเห็นอะไรไหมครับ ตรงข้อความ ๓ บรรทัดล่างในหน้า ๒๖ ของเอกสารที่กล่าวถึงตำแหน่งติดตั้งแผ่นนำไฟฟ้า และตำแหน่งติดตั้งแผ่นนำไฟฟ้าบนตัวหุ่นในรูปที่แสดง

ตามคู่มือนั้นบอกว่าแผ่นนำไฟฟ้ามีสองแผ่น แผ่นแรกติดไว้ใต้กระดูกไหปลาร้าด้านขวา แผ่นที่สองติดไว้ "ใต้ราวนมซ้ายด้านข้างลำตัว" แต่สำหรับการใช้งานจริงนั้นคงไม่มีใครมาอ่านคู่มือการใช้งาน แต่การดูรูปภาพมันรวดเร็วกว่า ดังนั้นทางผู้ผลิตเครื่องมือจึงทำภาพสัญญลักษณ์เอาไว้บนแผ่นนำไฟฟ้าเลยว่า แผ่นไหนควรติดไว้ที่ตำแหน่งไหนบนร่างกาย ลองดูภาพขยายในรูปข้างล่างดูก็ได้ครับ จะเห็นว่าแผ่นที่วงสีแดงนั้นมีเครื่องหมายบอกเอาไว้ว่าให้ติดที่ใต้กระดูกไหปลาร้าด้านขวา ส่วนแผ่นที่วงสีเขียวนั้นให้ติดไว้ทางด้านซ้ายข้างลำตัว ตรงบริเวณระดับหัวนมหรือต่ำลงมาเล็กน้อย (คือบริเวณใต้ราวนมด้านซ้ายข้างลำตัว


รูปที่ ๔ ภาพขยายของรูปที่ ๒ (รูปที่ ๑๑ ของเอกสาร) ตัวแผ่นแปะมีภาพบอกไว้ชัดเจน (และใช้สีที่ต่างกันด้วย) ว่าแผ่นไหนควรติดตรงส่วนไหนของลำตัว

แต่พอแสดงการติดตั้งบนตัวหุ่นนั้น (รูปถัดไป) กลับเป็นอย่างดังที่เห็นในรูปนั่นแหละครับ ลองพิจารณาดูเองเองก็แล้วกัน

รูปที่ ๕ ภาพขยายของรูปที่ ๓ (รูปที่ ๑๒ ของเอกสาร) ลูกศรสีเหลืองคือแนวทางการไหลของกระแสไฟฟ้า

ผมไม่ใช่บุคคลากรทางการแพทย์ ก็เลยไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ว่าการปฏิบัติไม่ตรงตามที่ตัวอุปกรณ์กำหนดนั้น จะส่งผลต่อการทำงานของตัวอุปกรณ์และการรักษาผู้ป่วยหรือไม่ จากการค้นดูทางอินเทอร์เน็ตก็พบว่าประเด็นเรื่องการติดตั้งแผ่นนำไฟฟ้าสลับกัน และการวางตำแหน่งแผ่นนำไฟฟ้าที่ไม่เหมาะสมนั้น จะส่งผลต่อการช่วยชีวิตอย่างไรหรือไม่ ก็มีคนถามอยู่เยอะเหมือนกัน (เว็บต่างประเทศที่เป็นภาษาอังกฤษ)
 
ตรงนี้ก็มีผู้ให้คำตอบว่า การวางแผ่นนำไฟฟ้าสลับตำแหน่งกันนั้น ส่งผลต่อพีคสัญญาณที่วัดได้ (คือกราฟจะกลับหัว) แต่ตัวเครื่องวิเคราะห์จะรับรู้ได้เองและปรับแก้ไขให้ (แต่ก็ไม่รู้ว่าทำได้ทุกรุ่นหรือไม่) ที่สำคัญกว่าคือตำแหน่งที่วางแผ่นนำไฟฟ้า ที่เพื่อจะให้การรักษาได้ผลดี เส้นทางเดินของกระแสไฟฟ้าจากแผ่นนำไฟฟ้าแผ่นหนึ่งไปยังอีกแผ่นหนึ่งนั้นควรต้องเดินทาง "ผ่าน" หัวใจ (ก็เราต้องการให้กระแสไฟฟ้าไปกระตุ้นกล้ามเนื้อหัวใจ และลองดูแนวทางเส้นสีเหลืองในรูปข้างบนดูว่ามันผ่านหรือไม่) 
  
คำตอบที่ค้นเจอตามย่อหน้าข้างบนนี้จะถูกต้องแค่ไหนผมคงบอกไม่ได้ แต่สิ่งที่อยากชี้ให้เห็นก็คือการจัดทำเอกสารคู่มือเพื่อการปฏิบัติงานต่าง ๆ นั้น ที่สำคัญคือต้องไม่มีข้อมูลที่ขัดแย้งในตนเอง หรือทำให้ผู้ที่มาอ่านนั้นเกิดความสับสนและแปลความหมายผิดไปได้ ถ้าคู่มือนั้นได้มีการกระจายออกไปยังระดับหน่วยงานต่าง ๆ แล้วและพบว่ามีความผิดพลาดที่สำคัญ ก็ควรที่จะต้องเรียกคืนส่วนที่ยังไม่กระจายออกไปยังบุคคลต่าง ๆ และฉบับที่ทำออกมาใหม่นั้นก็ควรมีการระบุด้วยว่ามีการแก้ไขจากของเดิมในประเด็นตรงไหนบ้าง (เช่น ยกเลิกข้อความบางส่วนหรือทั้งฉบับ และให้ใช้ข้อความไหนแทน เป็นต้น) เพื่อที่ว่าคนที่มาอ่านภายหลังจะได้รู้ว่าทำไปฉบับที่ทำออกมาที่หลังจึงมีข้อความที่แตกต่างไปจากฉบับที่ออกมาก่อนหน้า

ไม่มีความคิดเห็น: