บทความชุดนี้เป็นตอนต่อเนื่องจากชุด
"ทำความรู้จัก
Process
Design Questionnaire" ที่มีทั้งสิ้น
๖ ตอน โดยตอนที่ ๑ เริ่มจากฉบับที่
๙๒๑ วันอังคารที่ ๑๓ มกราคม
๒๕๕๘ และไปสิ้นสุดยังตอนที่
๖ ในฉบับที่ ๙๓๕ วันอังคารที่
๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
บทความชุดก่อนหน้านั้นเป็นคำถามที่เน้นไปที่
"Process"
หรือกระบวนการผลิตเป็นหลัก
ส่วนคำถามในชุดใหม่ที่เริ่มต้นใน
Memoir
ฉบับนี้นั้นเน้นไปที่
"Project"
หรือโครงการก่อสร้างเป็นหลัก
แต่เนื้อหาในคำถามบางส่วนนั้นก็มีความซ้ำซ้อนกันอยู่
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเกี่ยวข้องกันระหว่างงานก่อสร้างและงานฝ่ายผลิต
คำถามในชุดนี้มีทั้งหมด
๒๑ หน้า แต่จะค่อยนำลงมาเป็นตอน
ๆ เพื่อไม่ให้เรื่องมันยาวเกินไป
เริ่มจากหน้า
Page
1 of 21 TABLE OF CONTENTS หน้านี้ไม่มีอะไรมาก
เป็นเพียงแค่บอกว่าเนื้อหาของแบบสอบถามมีกี่หัวข้อ
ในเรื่องอะไรบ้าง
ถัดไปคือหน้า
Page
2 of 21 หัวข้อ
1.0
INTRODUCTION หน้านี้เป็นส่วนของบทนำ
คำถามเน้นไปที่มาตรฐานที่จะใช้ในการออกแบบ
ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจหน่อยว่ามาตรฐานนั้นเราอาจแยกเป็น
๒ ประเภทคือ "มาตรฐานสากล
(International
standard" และ
"มาตรฐานท้องถิ่น
(Local
standard)" (ในแบบสอบถามบางทีจะใช้คำว่า
code
(ข้อกำหนด)
เป็นคำรวม
ๆ ครอบคลุมคำว่า standard
ด้วย
แต่จะว่าไปแล้วสองคำนี้มันก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียว)
"มาตรฐ,านสากล"
คือกฏเกณฑ์ที่เป็นที่ยอมรับกันระหว่างประเทศ
มักออกโดยองค์กรวิชาชีพที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในด้านต่าง
ๆ และได้รับการรับรองโดยสถาบันมาตรฐานของประเทศต่าง
ๆ
ในบ้านเราที่มีการนำมาใช้ก็เห็นจะได้แก่มาตรฐานของประเทศสหรัฐอเมริกา
สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น
และเยอรมัน
ในกรณีของระบบท่อ
(piping
และ
tubing0
ถ้าเป็นของสหรัฐอเมริกาหรือสหราชาอาณาจักรจะใช้ระบบ
"นิ้ว"
แต่ถ้าเป็นระบบญี่ปุ่นหรือเยอรมันจะใช้ระบบ
"มิลลิเมตร"
แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าถ้าโรงงานเลือกใช้ท่อระบบนิ้วแล้วจะต้องเลือกใช้หน่วยวัดความยาวเป็นฟุต
สามารถที่จะใช้หน่วยวัดความยาวเป็นเมตรได้
ในหลาย
ๆ กรณีแต่ละประเทศจะมีการกำหนดมาตรฐานเพิ่มเติมสำหรับการติดตั้ง
ก่อสร้าง ฯลฯ
นอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในมาตรฐานสากลที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วไป
ตรงนี้ขึ้นอยู่กับสภาพของแต่ละท้องถิ่น
(เช่นประเทศในเขตร้อนไม่จำเป็นต้องมีการป้องกันหิมะ
แต่สำหรับของเหลวที่จัดว่าเป็นสารไม่ไวไฟสำหรับประเทศในเขตหนาวนั้น
(พวกมีจุดวาบไฟ
(flash
point) สูงกว่า
37ºC
หรือ
100ºF)
อาจกลายมาเป็นของเหลวไวไฟในประเทศเขตร้อนได้
ทำให้วิธีการเก็บรักษาแตกต่างกัน)
ตัวอย่างหนึ่งที่เคยพบเห็นก็คือการเชื่อมต่อระบบไฟฟ้าจากผู้จำหน่ายไฟฟ้า
(ของบ้านเราคือการไฟฟ้านครหลวงหรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาพ
ขึ้นอยู่กับว่าโรงงานตั้งที่ไหน)
เข้ากับตัวโรงงาน
ทางผู้จำหน่ายไฟฟ้าอาจมีข้อกำหนดเพิ่มเติมสำหรับการติดตั้งเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับผู้ใช้รายอื่น
หรือในกรณีของการติดตั้งปั๊มน้ำสำหรับเพิ่มแรงดันน้ำในบ้านนั้น
ทางการประปาก็จะกำหนดว่าไม่ให้ต่อปั๊มโดยตรงเข้ากับระบบท่อ
แต่ให้ต่อจากถังพักน้ำแทน
เป็นต้น
หน้า
Page
3 of 21 หัวข้อ
2.0
SITE INFORMATION หัวข้อแรกของส่วนนี้คือข้อมูลตำแหน่งที่ตั้ง
(Location
Data) เริ่มด้วยคำถามเกี่ยวกับแผนที่ตำแหน่งที่ตั้ง
เส้นทางการคมนาคมต่าง ๆ
(ทางเรือ
รถยนต์ รถไฟ เครื่องบิน)
ทั้งภาพกว้างและบริเวณพื้นที่ของโครงการ
โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการขนส่ง
เช่น โกดังเก็บของ เส้นทางรถไฟแยกย่อย
(rail
spurs) เคยมีการสำรวจพื้นที่มาก่อนหรือไม่
ฯลฯ
คำถามถัดไปเกี่ยวกับเส้นทางการเข้าถึง
(Access
to site) สภาพของถนนว่ารับน้ำหนักได้เท่าใดและกว้างเท่าใด
เป็นตัวกำหนดขนาดและน้ำหนักของอุปกรณ์และเครื่องจักรที่จะเดินทางในเส้นทางดังกล่าวได้)
ใช้ได้ทุกฤดูกาลหรือไม่
สิ่งที่อาจเป็นสิ่งกีดขวางการสัญจร
เช่นสะพานลอย อุโมงค์ลอด
การรับน้ำหนักและรูปแบบของสะพาน
และถ้าจำเป็นต้องมีการสร้างใหม่
ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบในการก่อสร้าง
และการขออนุญาตก่อสร้างต้องติดต่อใคร
ถัดมาเป็นคำถามเกี่ยวกับท่าเรือ
(Dock)
ว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกในการขนถ่ายอะไรบ้าง
ระดับความลึกของน้ำและระดับความกว้างของช่องทาง
(กำหนดขนาดเรือที่จะเข้าถึงได้
ถ้าเรือขนาดใหญ่เข้าได้ก็อาจทำการประกอบชิ้นส่วนสำเร็จรูปขนาดใหญ่ในโรงงาน
แล้วค่อยขนมาติดตั้งหน้างาน
แทนการแยกออกเป็นชิ้นย่อย
ๆ แล้วค่อยนำมาประกอบใหม่หน้างาน)
ช่องทางการคมนาคมทางอากาศ
และระยะห่างจากสถานที่ก่อสร้างไปยังสนามบิน
ถัดไปในหน้า
Page
4 of 21 เริ่มด้วยคำถามเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสาร
พึงระลึกว่าแบบสอบถามนี้เป็นแบบสอบถามเมื่อกว่า
๓๐ ปีที่แล้ว
(โทรศัพท์เคลื่อนที่เพิ่งจะเริ่มมีการทดลองใช้)
และสำหรับงานก่อสร้างในเขตท้องถิ่นห่างไกลตัวเมืองนั้นยังอาจต้องทำการติดต่อสื่อสารกันด้วยวิทยุ
(ในบ้านเราเองจะขอติดตั้งอะไรสักอย่างต้องมี
"บ้านเลขที่"
ก่อน
แต่บ้านเลขที่จะมีได้มันก็ต้องมีตัวอาคารถาวร
แต่ในระหว่างการก่อสร้างนั้นก็อาจขอใช้น้ำ-ไฟฟ้าแบบชั่วคราวก่อนได้)
ถัดไปเป็นตำแหน่งเกี่ยวกับสภาพภูมิศาสตร์ของสถานที่ตั้ง
เช่น พื้นที่ได้ระดับหรือไม่
(ถ้าพื้นที่มีความลาดเอียง
มีความสูงที่แตกต่างกัน
จะได้พิจารณาได้ว่าควรจะทำอย่างไร
เช่นปรับให้เป็นระดับเดียวกันทั้งหมด
หรือปรับเป็นระดับขั้นบันได)
ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำท่วม
ความถี่ และระดับน้ำที่ท่วม
ผลกระทบจากน้ำขึ้นน้ำลง
ตำแหน่งที่ตั้งทะเลสาบ
(หรือหนอง
บึง อ่างเก็บน้ำ)
แม่น้ำ
ลำธาร
(แหล่งน้ำเหล่านี้อาจส่งผลถึงระดับน้ำใต้ดินของสถานที่ก่อสร้างโรงงานที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล)
โรงงานแห่งหนึ่งที่ได้ไปเห็น
ตั้งอยู่ในบริเวณภูมิประเทศที่เป็นที่ลาดลงโดยโรงงานตั้งอยู่ทางด้านต่ำของภูมิประเทศ
บริเวณนี้ในหน้าแล้งใต้ดินจะไม่มีน้ำ
แต่พอหน้าฝนเมื่อมีฝนตกทางด้านภูมิประเทศที่อยู่สูงกว่า
น้ำฝนที่ซึมลงดินจะไหลงสู่ภูมิประเทศที่ต่ำกว่าในชั้นดินและทรายอยู่ใต้ดิน
ทำให้เกิดเป็นทางน้ำไหลใต้ดินตามฤดูกาล
(คือพอน้ำฝนจะมีน้ำไหล
แต่พอหน้าร้อนจะไม่มี)
ถัดไปเป็นข้อมูลเกี่ยวกับชั้นดิน
ประวัติการเกิดแผ่นดินไหวในบริเวณดังกล่าว
ระดับน้ำใต้ดิน
สิ่งก่อสร้างอื่นที่อยู่ใต้ผิวดิน
(ที่อาจมีอยู่ในบริเวณ)
ตรงนี้จะเกี่ยวข้องกับการออกแบบระบบฐานราก
(ขึ้นอยู่กับความสามารถในการรับน้ำหนักของชั้นดิน)
และสิ่งก่อสร้างที่อยู่ต่ำกว่าระดับผิวดิน
(เช่นถังเก็บที่อยู่ใต้ผิวดิน)
และสุดท้ายของคำถามในชุด
SITE
INFORMATION คือหน้า
Page
5 of 21 เริ่มด้วยคำถามเกี่ยวข้องกับการปรับระดับหน้าดิน
(ว่าจะต้องมีการกำจัดสิ่งที่มีอยู่เดิม
(เช่นต้นไม้)
ขุดดินที่สูงออกไป
หรือต้องมีการใช้ระเบิด
หรือต้องมีการถมที่ หรือไถปรับ)
วัสดุส่วนที่เหลือจะกำจัดทิ้งที่ไหน
และถ้าต้องมีการถมจะใช้วัสดุใดในการถม
ต้องมีการกำจัดน้ำ (dewatering)
ออกจากดินหรือไม่
จำเป็นต้องมีการสร้างเขื่อนกั้นชั่วคราว
(cofferdam)
หรือเปลี่ยนเส้นทางการไหลของน้ำในระหว่างการก่อสร้างหรือไม่
ปัญหาและข้อพึงระวังต่าง
ๆ ในการระบายน้ำทิ้ง
(ไม่ว่าจะเป็นในระหว่างการก่อสร้างหรือเมื่อโรงงานสร้างเสร็จ)
และถ้าเป็นการก่อสร้างบนพื้นที่ที่เคยมีสิ่งก่อสร้างเดิมอยู่
จำเป็นต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งก่อสร้างที่มีอยู่ใต้ดินเดิมด้วย
แบบสอบถามนี้ออกแบบจากประเทศสหรัฐอเมริกาสำหรับการก่อสร้างในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก
แต่สำหรับในหลายประเทศทั่วโลก
(ซึ่งประเทศไทยควรจะรวมอยู่ด้วย)
ควรมีคำถามเพิ่มเติมอีกข้อหนึ่งคือ
พื้นที่บริเวณนั้นเคยถูก
"ทิ้งระเบิด"
ในช่วงสงครามมาบ้างหรือเปล่า
ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดในบ้านเราก็คือบริเวณสถานีรถไฟบางซื่อ
ที่เป็นเป้าหมายของการทิ้งระเบิดในระหว่างสงครามโลกครั้งที่
๒ และถูกทิ้งระเบิดทำลาย
หลังการทิ้งระเบิดผ่านไป
๗๐ ปี
ปีที่แล้วก็ยังมีการขุดพบลูกระเบิดที่ทิ้งลงมาแล้วแต่ไม่ระเบิดฝังอยู่ใต้พื้นดินระหว่างการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงอีก
๒ ลูก
(อ่านข่าวได้ที่
http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=527112
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น