ผมกับอาจารย์อีกท่านหนึ่งถือโอกาสหลบจากการประชุม
(ที่มักจะเข้าร่วมในฐานะผู้เข้าฟังและร่วมรับประทานข้าวเที่ยงซะเป็นส่วนใหญ่)
ออกมาเดินเล่นอาบแดดช่วงก่อนเที่ยงรอบโรงงาน
ด้วยว่าอาจารย์ท่านนั้นท่านไม่เคยมาเยี่ยมโรงงานนี้ผมก็เลยอาสาเป็นไกด์นำเที่ยวเดินชมรอบ
ๆ ในขณะเดียวกันก็ตรวจหาดูว่ามีอะไรที่ทำเอาไว้ไม่เรียบร้อย
หรือมีการแก้ไขปรับปรุงตามที่แนะนำบ้างหรือไม่
เรื่องบางเรื่องมันดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยใน
punch
list ที่เอามาเล่าให้ฟังก็เพราะมันไม่มีการสอนกันในมหาวิทยาลัย
(คงเป็นเพราะอาจารย์คงไม่รู้จักอุปกรณ์ของจริง
หรือรู้แต่เรื่องที่ตัวเองทำวิจัย)
แต่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับการทำงานปฏิบัติภาคสนามวิศวกร
"Punch
list"
คือรายการของสิ่งที่ควรต้องทำการแก้ไขหลังการก่อสร้างหรือการซ่อมบำรุง
รายการนี้มีการแบ่งออกเป็น
Major
คือต้องทำการแก้ไขก่อนที่จะเริ่มเดินเครื่อง
โดยมักจะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและความราบรื่นของการทำงาน
ส่วน Minor
นั้นอาจเก็บเอาไว้ภายหลังก็ได้
เรื่องที่นำเสนอวันนี้มีอะไรบ้างก็ติดตามชมได้เลย
๑.
กว่าจะยอมแก้แบบ
ปลายปีที่แล้ว
(ใน
Memoir
ปีที่
๗ ฉบับที่ ๙๐๔ วันศุกร์ที่
๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ เรื่อง
"เก็บตกงานก่อสร้างถังเก็บน้ำสำรอง")
ผมได้เล่าถึงการติดตั้งวาล์วปิด-เปิดน้ำดิบเข้าถังเก็บน้ำสำรองของโรงงาน
ที่ตามแบบก่อสร้างนั้นเอาไปติดตั้งไว้ซะบนสุดแถมไม่มีที่ให้ยืนเปิด-ปิดวาล์วอีก
ตอนแรกที่มีคนทักท้วงไปนั้น
ทางผู้ก่อสร้างก็ยืนยันว่าจะติดตั้งอย่างนี้เพราะแบบมันเขียนเอาไว้อย่างนั้น
(รูปที่
๑ ซ้าย)
ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจหน่อยก็คือ
เป็นเรื่องปรกติที่ผู้ออกแบบกับผู้ก่อสร้างนั้นเป็นคนละกลุ่มกัน
ผู้ออกแบบทำหน้าที่ก่อสร้างตามแบบที่ผู้ออกแบบกำหนด
เขาจะไม่ทำการแก้ไขแบบ
ถ้ามีการตรวจสอบและพบข้อสงสัยว่าแบบนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสมในทางปฏิบัติ
ผู้ตรวจสอบพบก็อาจจะขอให้ผู้ก่อสร้งทำก็คือหยุดการก่อสร้างตรงนั้นไว้ก่อน
และสอบถามไปยังผู้ออกแบบให้ทำการตรวจสอบความถูกต้องและ/หรือแก้ไขแบบให้เหมาะสมกับสภาพการทำงานจริง
รายการนี้ก็เช่นกัน
กว่าจะคุยกันรู้เรื่องและมีการปรับแก้ให้เหมาะสมกับสภาพการทำงานจริง
ด้วยการปรับย้ายวาล์วปิด-เปิดน้ำดิบเข้าถังลงมาไว้ข้างล่าง
ก็กินเวลาเข้าไปกว่าครึ่งปี
(รูปที่
๑ ขวา)
รูปที่
๑ ระบบท่อป้อนน้ำดีเข้าถังเก็บ
(ซ้าย)
ก่อนการปรับปรุง
(ขวา)
หลังปรับปรุงแล้ว
๒.
Machine bolt สั้นไปหน่อย
การยึดด้วยการใช้
bolt
(ไม่ว่าจะเป็น
machine
bolt หรือ
stud
bolt) ก็ควรที่ใช้
bolt
ที่ไม่สั้นเกินไป
เพราะจะทำให้ตัว nut
ไม่สามารถจับ
bolt
ได้ครบทุกร่องเกลียว
การใช้ bolt
ที่ยาวเกินไปมันไม่ทำให้เกิดปัญหาเรื่อง
nut
จับกับเกลียวที่ตัว
bolt
ไม่เต็มตัว
เพียงแต่มันจะดูเกะกะรกลูกตาหน่อยแค่นั้นเอง
(ดูรูปที่
๔)
รูปที่
๒ และ ๓ แสดงตัวอย่างการประกอบ
bolt
ที่ไม่ค่อยจะเรียบร้อยของวาล์วตัวหนึ่ง
รูปที่
๓ machine
bolt ตัวที่ลูกศรชี้นั้นสั้นเกินไป
ทำให้ตัว nut
นั้นจับได้ไม่เต็มตัวเหมือนตัวทางด้านขวา
(รูปที่
๒)
หน้าแปลนทางด้านซ้ายที่เป็นทิศทางไหลเข้าของวาล์วนั้นใช้
machine
bolt ที่มีขนาดที่เหมาะสม
(ไม่สั้นและไม่ยาวเกินไป)
ที่ประกอบแล้วทำให้ดูเรียบร้อยดี
แต่หน้าแปลนทางด้านขวาที่เป็นด้านไหลออก
กลับใช้ machie
bolt ที่สั้นเกินไป
ทำให้ตัว nut
นั้นจับกับตัว
bolt
ไม่เต็มตัว
ดังเห็นได้จากการที่ตัว
bolt
ไม่โผล่พ้นตัว
nut
ออกมา
๓.
นอกจากซ้าย-ขวา
ก็ยังมี บน-ล่าง
อีก
steam
trap เป็นอุปกรณ์ที่ใช้แยกไอน้ำที่ควบแน่นเป็นของเหลวออกจากระบบท่อไอน้ำ
การติตตั้ง steam
trap นั้นจะมีทั้งท่อที่ผ่าน
steam
trap และท่อ
bypass
(ดูรูปที่
๔ ประกอบ)
ท่อที่ผ่าน
steam
trap ประกอบด้วยส่วนประกอบต่าง
ๆ เรียงลำดับดังนี้คือ block
valve ด้านขาเข้า
-
ตัวกรอง
(strainer)
- steam trap - block valve ด้านขาออก
ส่วนท่อ bypass
นั้นมีเพียงแค่
block
valve เอาไว้ใช้ในกรณีที่ต้องถอด
steam
trap ไปซ่อม
หรือใช้ในการระบายสิ่งสกปรกออกจากระบบท่อไอน้ำเมื่อเริ่มเดินเครื่อง
การทำงานของ steam
trap หลายชนิดนั้นใช้แรงโน้มถ่วงด้วย
ดังนั้นการติดตั้งจึงต้องทำให้ถูกทั้งทิศทางการไหล
(ด้านไหนไหลเข้า-ออก)
และทิศทางการวาง
(ด้านไหนต้องหันขึ้นด้านบน)
ตรงนี้ขอขยายความเพิ่มเติมนิดนึง
ท่อไอน้ำสำหรับการใช้งานทั่วไป
(ที่ไม่ใช่ท่อไอน้ำความสะอาดสูงเช่นพวกที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและยา)
จะใช้ท่อเหล็กกล้า
และเป็นเรื่องปรกติที่ท่อเหล็กกล้านี้จะขึ้นสนิม
เวลาสร้างโรงงานเสร็จ
(หรือหลังการปิดระบบท่อไอน้ำเพื่อซ่อมบำรุงใหญ่)
ภายในท่อก็จะมีสนิมอยู่
ทีนี้พอท่อร้อนขึ้นจากไอน้ำที่ป้อนเข้าไปในระบบ
สนิมเหล็กกับท่อเหล็กต่างก็ขยายตัว
แต่ด้วยอัตราการขยายตัวที่ไม่เท่ากัน
ทำให้สนิมเหล็กหลุดร่อนออกจากผิวท่อ
ดังนั้นไอน้ำที่ควบแน่นในช่วงนี้จะมีสิ่งสกปรกปนเปื้อนมาก
(ได้แก่สนิมเหล็กและขยะต่าง
ๆ ที่อาจมีอยู่ในท่อหลังการก่อสร้าง)
จำเป็นต้องมีช่องทางระบายน้ำที่เกิดจากการควบแน่นของไอน้ำนี้ออกทางท่อ
bypass
โดยไม่ปล่อยให้ไหลผ่าน
steam
trap จนกว่าจะเห็นว่าน้ำที่ไหลออกมาจากท่อนั้นสะอาดแล้ว
จึงค่อยปิดท่อ bypass
และเปิดใช้
steam
trap แทน
รูปที่
๔ และ ๕ เป็น steam
trap รุ่นเดียวกัน
แต่ติดตั้งอยู่คนละส่วนของโรงงาน
ตอนที่เดินผ่านก็ไม่รู้สึกอะไร
แต่พอเอารูปถ่ายมาดูเปรียบเทียบกันก็พบว่ามันมีความแตกต่างกันอยู่
คือดูเหมือนว่าตัวในรูปที่
๔ มันติดตั้งผิดทิศ
รูปที่
๔ การติดตั้ง steam
trap ตัวหนึ่ง
พึงสังเกตหน้าแปลนของท่อ
bypass
ที่ใช้
machine
bolt ที่ยาวมากไปหน่อย
bolt
ที่ยาวมากไปมันไม่มีปัญหาใด
ๆ เพียงแค่อาจจะดูรกลูกตาแค่นั้นเอง
รูปที่
๕ Steam
trap รุ่นเดียวกัน
แต่ติดตั้งไว้ที่ท่ออีกระบบหนึ่ง
จะเห็นชัดว่ามีการระบุว่าด้านไหนต้องหันขึ้นด้านบน
๔.
Rising stem/Inside stem screw
ดูออกไหมครับว่าวาล์วเปิดหรือปิด
stem
ของวาล์วคือชิ้นส่วนที่เชื่อมต่อตัว
gate
หรือ
plug
ที่ทำหน้าที่ปิดกั้นการไหล
กับตัว wheel
หรือก้านหมุนที่ใช้ในการปรับตำแหน่งของตัว
gate
หรือ
plug
ตัว
stem
นี้มีแยกเป็นแบบ
rising
ที่ยกตัวสูงขึ้นให้เห็นเมื่อตำแหน่งของ
gate
หรือ
plug
ยกตัวขึ้นเพื่อเปิดวาล์ว
และลดตัวต่ำลงเมื่อตำแหน่งของ
gate
หรือ
plug
ลดลงเพื่อปิดวาล์ว
ถ้าเป็นแบบ non-rising
นั้นเราจะมองไม่เห็นการยกตัวสูงขึ้นหรือลดต่ำลงของตัว
stem
เพราะการเคลื่อนตัวมันอยู่ภายในตัววาล์ว
ตัว
wheel
ก็เช่นกัน
วาล์วตัวเล็กนั้นตัว wheel
จะยึดติดอยู่กับ
stem
เมื่อ
stem
ยกตัวสูงขึ้น
ตัว wheel
ก็ยกตัวสูงขึ้นตาม
แต่สำหรับวาล์วตัวใหญ่ตัว
wheel
มักจะอยู่กับที่เมื่อเทียบกับตัววาล์ว
เวลาหมุน wheel
ก็จะเห็นเพียงแค่ตัว
stem
ปรับเปลี่ยนระดับเท่านั้น
แต่ตัว wheel
ยังคงอยู่ที่ระดับเดิม
รูปที่
๖ (ซ้าย)
เป็นวาล์วสองตัวของระบบท่อ
steam
trap ที่แสดงในรูปที่
๔ ที่เป็นชนิด Rising
stem/Inside stem screw
ที่เอามาให้ดูก็เพื่อจะได้เปรียบเทียบได้ว่าวาล์วตัวไหนอยู่ไหนตำแหน่งเปิดหรือปิด
ตรงนี้ต้องอาศัยประสบการณ์ว่าเคยเห็นของจริงและเคยลองหมุนวาล์วของจริงบ้างหรือไม่
ไม่เช่นนั้นก็คงจะบอกไม่ได้ว่าวาล์วอยู่ในตำแหน่งเปิดหรือปิด
ส่วนรูปที่ ๖ (ขวา)
นั้นเป็นวาล์วของท่อน้ำร้อนท่อหนึ่งที่เป็นชนิด
Rising
stem/Outside stem screw
รูปที่
๖ (ซ้าย)
วาล์วทั้งสองตัวเป็นชนิด
Rising
stem/Inside stem screw
การดูตำแหน่งว่าวาล์วเปิดหรือปิดต้องสังเกตเอาจากระดับความสูงของ
wheel
(ล้อสำหรับหมุนเปิด-ปิดวาล์ว)
เทียบกับตัววาล์ว
(ขวา)
วาล์วทางด้านขวาเป็นแบบ
Rising
stem/Outside stem screw ในวงเขียวคือตัว
stem
ที่เปลี่ยนระดับตามระดับการเปิด-ปิดของวาล์ว
(ในรูปคือ
gate
valve) ในขณะที่ตัว
wheel
นั้นอยู่ที่ระดับเดิม
ไม่ได้ปรับตามระดับการเปิด-ปิดวาล์ว
ส่วนในกรอบสีเหลืองเป็นวาล์วแบบ
Rising
stem/Inside stem screw
๕.
นอตมันดูสะอาดไปหน่อย
เหล็กเป็นวัสดุที่นำไฟฟ้าได้
ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่มีการติดตั้งโครงสร้างเหล็กที่มีการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าเข้ากับโครงสร้าง
(ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างอาคารหรือรั้วกั้น)
จึงมักต้องทำการต่อต่อสายดินให้กับโครงสร้างเหล็กเหล่านั้น
เพื่อให้กระแสไฟฟ้าที่หากเกิดการรั่วไหลจากอุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่กับโครงสร้าง
ไหลลงสายดินแทนที่จะทำอันตรายต่อบุคคลที่สัมผัสอยู่กับโครงสร้างเหล็กนั้น
อาคารหนึ่งที่ผมเดินไปดู
สร้างจากโครงสร้างเหล็กด้วยการใช้เหล็กรูปตัว
H
ทำเป็นเสาโครงสร้าง
4
ต้น
เสา 4
ต้นนี้วางบนฐานรากคอนกรีตอีกชั้นหนึ่ง
(ไม่ได้ฝังลงไปในดิน)
ที่ฐานของเสาแต่ละต้นก็มีการต่อสายดินลงไปยังแท่งทองแดงที่ฝังอยู่ข้างเสาลึกลงไปในชั้นดิน
ดูตอนแรกงานติดตั้งสายดินตรงนี้มันก็ดูเรียบร้อยดี
แต่ดูเหมือนว่ามันจะเรียบร้อยเกินไปหน่อย
คือตัว bolt
ที่ใช้ในการยึดหางปลาของสายดินเข้ากับโครงสร้างเหล็กนั้นมัน
"สะอาดมาก"
คือไม่เลอะเทอะสีอะไรเลย
ลักษณะเช่นนี้มันเป็นเหมือนกับว่ามีการทาสีโครงสร้างเหล็กก่อน
จากนั้นจึงทำการติดตั้งสายดินด้วยการร้อยหางปลาของสายดินเข้ากับนอตร้อยผ่านรูที่ทำขึ้นบนโครงสร้างเหล็ก
คำถามที่เกิดขึ้นก็คือเนื่องจากชั้นสีเป็น
"ฉนวนไฟฟ้า"
การทาสีโครงสร้างเหล็กก่อนแล้วค่อยทำการติดตั้งนอตหางปลาจะมีชั้นสีคั่นอยู่ระหว่างตัวนอตหางปลาและผิวโลหะของโครงสร้าง
ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่าโครงสร้างเหล็กกับสายดินนั้นมีการเชื่อมต่อกันทางไฟฟ้าหรือ
(อาจมีได้ถ้าหากส่วนที่เป็นเกลียวของตัว
bolt
ในรูเจาะนั้นสัมผัสกับผิวโลหะของโครงสร้างเหล็ก)
อันที่จริงก็ไม่ได้มีเพียงแค่สีที่เป็นฉนวนไฟฟ้า
สนิมเหล็กเองก็เป็นฉนวนไฟฟ้า
ด้วยเหตุนี้วิธีการที่เหมาะสมกว่าในการต่อนอตหางปลาเข้ากับพื้นผิวโลหะควรต้องใช้
"tooth
washer" เพราะตัวฟันของ
tooth
washer จะกัดเข้าไปในเนื้อโลหะของทั้งตัวนอตหางปลาและของโครงสร้างเหล็ก
ทำให้มีการเชื่อมต่อกันทางไฟฟ้าที่ดีกว่า
แม้ว่าจะมีการทาสีทับก็ยังคงรักษาการเชื่อมต่อทางไฟฟ้าเอาไว้ได้
แต่จากที่เดินตรวจดูไม่พบเห็นการใช้
tooth
washer สักตำแหน่ง
รูปที่
๘ ด้านหัวของ bolt
ที่แสดงในรูปที่
๗ ที่เป็นตำแหน่งที่ใช้ยึดหางปลาตัว
รูปที่
๙ อีกด้านหนึ่งของ bolt
ตัวที่แสดงในรูปที่
๗ ด้านนี้จะมีแหวนสปริงรองอยู่
ถ้านอตไม่มีการคลายตัวก็จะเห็นรอยตัดของแหวนสปริง
(ตรงลูกศรสีเหลืองชี้)
วางตัวราบประกบกัน
แต่ถ้านอตมีการคลายตัวก็จะเห็นรอยตัดดังกล่าวเผยอขึ้น
มาถึงตรงนี้ก็คงต้องขอจบบทความอีกหนึ่งเรื่องในชุด
"วิศวกรรมเคมีภาคปฏิบัติ"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น