วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2561

รถไฟสายแม่กลอง ตอนนั่งรถไฟไปบางกระเจ้า MO Memoir : Sunday 5 August 2561

" ... ส่วนผมกับปุ๊ยไปทางรถไฟวงเวียนใหญ่ รถไฟสายนี้เร็วกว่าแต่ก่อนมาก แต่ผู้โดยสารชอบเอาหนังสือพิมพ์บ้าง กระเป๋าบ้างวางไว้ใกล้ ๆ ที่ที่ตนนั่ง เป็นทีว่ามีผู้จองที่นั่งแล้ว แต่ความจริงไม่อยากให้ใครมานั่งเบียด พอชึ้นรถก็ต้องยืน เป็นเช่นนี้มานานแล้ว เมื่อไรการรถไฟจะขายตั๋วให้มีที่นั่งเหมือนที่หัวลำโพงเสียทีก็ไม่รู้ จะได้ไม่ต้องยืนแกร่วไปแกร่วมา อีกประการหนึ่ง เรือสำหรับข้ามฟากเมื่อลงจากรถไฟก็ต้องเดินบ้างวิ่งบ้างเป็นการใหญ่ หนุ่ม ๆ สาว ๆ ก็ไม่เป็นไร อาวุโสหน่อยก็ต้องมายืนหอบอยู่ในเรือเป็นเวลานาน น่าเวทนาผู้ที่ใช้บริการรถไฟสายแม่กลองเป็นยิ่งนัก พอคนกำลังขึ้นรถไฟอีกต่อนึง ยังไม่ทันขึ้นนั่งเรียบร้อย ระฆังก็ดังแล้วประกาศว่า อีก ๓ นาทีรถจะออกละ พอสิ้นเสียงพูด รถไฟก็เปิดหวูดเตรียมตัวออกจากสถานีบ้านแหลมทันที ผู้อาวุโสหลังจากหอบอยู่ในเรือข้ามแม่น้ำท่าจีนแล้วก็เดินบ้างวิ่งบ้างมาหอบบนรถไฟต่ออีกนาน"
 
จากเรื่อง "ผีที่บางโทรัด" โดย สง่า อารัมภีร ในหนังสือ "ผีกระสือที่บางกระสอ" สำนักพิมพ์ดอกหญ้า ๒๕๓๙
 
"บางกระเจ้า" ในที่นี้เป็นชื่อหมู่บ้านหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร ไม่ใช่ "บางกระเจ้า" แถวพระประแดงที่ตอนนี้มีคนนิยมไปปั่นจักรยานเล่นกัน
 
นับจากเวลาที่ สง่า อารัมภีร เล่าถึงเหตุการณ์การเดินทางโดยรถไฟไปยังแม่กลองมาถึงปัจจุบัน ก็เรียกว่าหลายสิบปีแล้ว (คงจะมากกว่าอายุผมอีก) ทั้งตัวรถไฟและตารางเวลารถไฟก็เปลี่ยนไปจากเดิม คือมีเวลาเดินจากสถานีมหาชัยไปข้ามเรือเพื่อเดินต่อไปยังสถานีบ้านแหลมโดยไม่ต้องรีบร้อนเหมือนก่อน แต่สิ่งหนึ่งที่ยังเห็นไม่เปลี่ยนแปลงไปก็คือ พฤติกรรมของผู้โดยสารรถไฟบางส่วน


รูปที่ ๑ จากเรือข้ามฟากมองไปยังท่าเรือ "ท่าฉลอม" ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เรือข้ามฟากนี้ให้มอเตอร์ไซค์ขึ้นเรือข้ามไปได้ด้วย
 
เมื่อวันเข้าพรรษาที่ผ่านมา (เสาร์ ๒๘ กรกฎาคม) ถือโอกาสพาครอบครัวไปกินข้าวเที่ยงที่มหาชัย โดยจับรถไฟเที่ยว ๑๐.๔๐ น. จากสถานีวงเวียนใหญ่ เดินทางไปถึงมหาชัยก็ใช้เวลาเพียงแค่ชั่วโมงเดียว เดินดูตลาดมหาชัยพักนึงก็ไปนั่งกินข้าวเที่ยงกันที่ร้านอาหารตรงท่าเรือข้ามฟากไปท่าฉลอก กินข้าวเที่ยงเสร็จก็พากันข้ามเรือเพื่อไปขึ้นรถไฟเที่ยว ๑๓.๓๐ น. จากสถานีบ้านแหลมไปยังแม่กลอง

รูปที่ ๒ จากท่าเรือท่าฉลอมต้องเดินเลี้ยวซ้ายไปยังสถานีรถไฟบ้านแหลมที่อยู่เลยองค์พระทางด้านขวาของรูปที่ตั้งอยู่ในวัดแหลมสุวรรณาราม

ทางรถไฟจากบ้านแหลมไปยังแม่กลองนี้ หลังจากปิดซ่อมทั้งเส้นทางไปเมื่อปี ๒๕๕๘ ก็เรียกว่านั่งสบายกว่าช่วงจากวงเวียนใหญ่มามหาชัยมาก สิ่งที่ยังเห็นหลงเหลืออยู่ข้างทางจากการซ่อมแซมก็คือเศษไม้หมอนเก่าและถนนที่ทำขึ้นใหม่ในบางช่วงที่คิดว่าคงทำขึ้นเพื่อการขนเครื่องจักรและวัสดุอุปกรณ์ และตัวระดับรางที่วางใหม่ก็ดูเหมือนจะสูงกว่าระดับเดิมอยู่มาก เรียกว่าของเดิมนั้นจากระดับชานชาลาก็สามารถเดินขึ้นบันไดตู้รถไฟได้ แต่พอวางรางใหม่แล้วก็ต้องมีการสร้างขั้นบันไดเพิ่มขึ้นอีก ๒ ขั้นที่ตัวชานชาลาเพื่อให้เดินขึ้นบันได้ของตู้รถไฟได้
 
ตอนที่นั่งมาจากวงเวียนใหญ่นั้นดูเหมือนจะไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวสักเท่าไรนัก ส่วนใหญ่ก็เป็นคนท้องถิ่นที่คงใช้รถไฟขบวนนี้เดินทางเป็นประจำ พอมาขึ้นรถไฟที่บ้านแหลมก็พบว่ามีนักท่องเที่ยวมากอยู่เหมือนกัน (แต่ก็ไม่ใช่คนส่วนใหญ่บนรถ) ขบวนที่ผมขึ้นนั้นคนไม่เยอะเท่าไร ยังหาที่นั่งกันได้ตามสบาย
 
อันที่จริงถ้าจะเรียก "สถานีรถไฟ" มันก็ต้องมีตัวอาคารที่ทำการ ที่มีห้องขายตั๋ว แต่บางจุดที่มีคนขึ้นลงมากบางช่วงเวลา รถไฟก็จะหยุดรับ-ส่งเหมือนกัน เรียกว่าเป็น "ป้ายหยุดรถ" คนขึ้นรถไฟที่นี่ก็สามารถซื้อตั๋วโดยสารได้จากพนักงานบนรถ แต่สำหรับในที่นี้ ผมขอเรียกทุกป้ายที่รถไฟหยุดรับ-ส่งคนว่า "สถานี" ก็แล้วกัน
 
Memoir ฉบับนี้ก็เช่นเดิม คงไม่มีเรื่องราวมีสาระอะไร แค่เป็นการบันทึกการเดินทางของตัวเองกันลืม และยังเป็นการเล่าเรื่องราวด้วยรูปเช่นเดิม โดยปิดท้ายด้วยคลิปวิดิโอสั้น ๆ (ถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือ) ช่วงก่อนรถไฟจะเข้าจอดที่สถานีบางกระเจ้า

รูปที่ ๓ อาคารสีสวยสดที่เห็นคือห้องน้ำ อาคารถัดไปคืออาคารขายตั้วของสถานีบ้านแหลม ตัวอาคารอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน แตทางเข้าสถานีอยู่ที่ปลายอีกด้านหนึ่ง เรียกว่าพอมาถึงสถานีก็ต้องเดินจากหัวขบวนมายังท้ายขบวนเพื่อมาซื้อตั๋วรถไฟก่อนขึ้นรถ แต่รถไฟขบวนนี้มีแค่ ๔ ตู้

รูปที่ ๔ สถานีนี้ชานชาลามีฝั่งเดียว บันไดไม้ที่เห็นคือสำหรับเดินขึ้นรถไฟ ภาพนี้มองไปยังหัวขบวนที่มุ่งไปยังแม่กลอง

รูปที่ ๕ จากบ้านแหลมก็มาจอดที่สถานีแรกคือท่าฉลอม รูปนี้ถ่ายจากทางด้านขวาของตัวรถมองไปทางหัวขบวน


รูปที่ ๖ ป้ายชื่อสถานีท่าฉลอมอยู่ทางด้านซ้ายของขบวนรถ ตรงนี้เป็นลานกว้างที่เป็นตลาดด้วย แต่ท่าทางจะเป็นตลาดตอนเย็นมากกว่าตอนกลางวัน

รูปที่ ๗ ถ้ดจากท่าฉลอมก็เป็นสถานี "บ้านชีผ้าขาว" จะเรียกว่าเป็นจุดก่อนออกจากชุมชมท่าฉลอมก็ได้ เพราะพอพ้นสถานีนี้ไปแล้วทิวทัศน์สองข้างทางก็จะเปลี่ยนไป รูปนี้มองจากทางด้านขวาของรถไปยังหัวขบวน ฝั่งด้านนี้ไม่มีชานชาลาให้ขึ้น-ลง ใครจะขึ้นลงรถฝั่งนี้ก็คงต้องมีการปีนป่ายกันหน่อย

รูปที่ ๘ ถัดจากสถานีบ้านชีผ้าขาวก็เป็นสถานี "คลองนกเล็ก" ผมลองค้นที่ตั้งสถานีใน google map ก็ไม่เห็นมันปรากฏ ผมเองนั่งอยู่ที่ตู้ท้ายขบวน รูปนี้เป็นรูปที่ถ่ายจากทางด้านขวาไปทางท้ายขบวน

รูปที่ ๙ พอมองไปทางหัวขบวนศาลาสำหรับพักรอรถไฟที่สถานี "คลองนกเล็ก" สภาพทางเดินไปยังศาลาและสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ศาลารอพักรถก็เป็นอย่างที่เห็น

รูปที่ ๑๐ ถัดจากคลองนกเล็กก็คือสถานี "บางสีคต" อาคารพักรอรถที่สถานีนี้ดูเล็กกว่าของบางนกเล็กแต่ว่าก็ตั้งอยู่ริมถนน เวลารถไฟจอดทีก็จอดขวางถนนแบบนี้ รถที่ผ่านมาก็ต้องรอให้รถไฟรับส่งคนให้เรียบร้อยก่อนและเคลื่อนขบวนออกไป เครื่องกั้นจึงจะเปิดให้รถวิ่งผ่านไปได้

รูปที่ ๑๑ พยายามจับภาพศาลานั่งรอรถไฟที่สถานีบางสีคตขณะรถไฟวิ่งผ่าน ก็จับมาได้เพียงเท่านี้ ป้ายบอกว่าสถานีถัดไปคือ "บางกระเจ้า"

รูปที่ ๑๒ ถึงสถานี "บางกระเจ้า" แล้ว รูปนี้มองจากด้านขวาไปยังหัวขบวน บริเวณรอบ ๆ สถานีนี้ดูจะโล่งหน่อย ไม่ค่อยรถเหมือนบางสถานี ป้ายชื่อสถานที่เห็นดูเหมือนจะเป็นป้ายไวนิล ไม่ใช่ป้ายแบบคอนกรีตที่เห็นทั่วไปตามเส้นทางรถไฟหลัก อาคารที่อยู่หลังป้ายสถานีคืออาคารพักรอรถไฟ

รูปที่ ๑๓ ตัวอาคารพักรอรถไฟ ถ่ายขณะรถไฟกำลังเคลื่อนตัวผ่าน

คลิปวิดิโอขณะรถไฟเคลื่อนเข้าสถานีบางกระเจ้า 


ไม่มีความคิดเห็น: