วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2562

เสาบอกขอบทางที่ซัปโปโร MO Memoir : Sunday 4 August 2562

ที่หายหน้าหายตาไปกว่าอาทิตย์ก็เป็นเพราะได้มีโอกาสเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นด้วยทุนของประเทศสหรัฐอเมริกา ผ่านทางกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ฯ การเดินทางครั้งนี้เป็น workshop เตรียมการสำหรับกฎหมายควบคุมสินค้าสองทาง (Dual Used Item - DUI) ที่จะบังคับใช้ในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ งานนี้เรียกว่าไปพัก ๔ คืนก็ต้องเปลี่ยนที่พักกันทุกคืน กว่าจะเข้าที่พักแต่ละแห่งก็หลัง ๖ โมงเย็นไปแล้ว พอ ๗ โมงเช้าวันรุ่งขึ้นก็ต้อง check out เพื่อเดินทางต่อ ไป ๔ คืนก็ได้พัก ๔ เมืองคือ Tokyo, Tsukuba, Sendai ก่อนไปสิ้นสุดที่ Sapporo โดยวันแรกนั้นเป็นการบรรยายโดยผู้แทนจากกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (Ministry of Economy, Trade and Industry of Japan - METI) และจากภาคอุตสาหกรรม ส่วนวันที่เหลือเป็นการเข้ารับฟังการจัดหน่วยงานที่ทำหน้าที่ดูแลการเข้าถึงและการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงที่สามารถนำไปใช้ในการผลิตอาวุธทำลายล้างสูงได้ของมหาวิทยาลัย Tsukuba, Tohoku และ Hokkaido ซึ่งเรื่องนี้มีผลกระทบโดยตรงต่อผู้ที่จะไปทำวิจัยหรือร่วมทำวิจัยกับนักวิจัยของประเทศญี่ปุ่น

รูปที่ ๑ บนทางด่วนจากตัวเมือง Sapporo ไปยังสนามบิน New-Chitose ไกด์ประจำรถอธิบายว่าเสาสูง ๆ ที่เห็นตั้งเป็นระยะอยู่ตลอดทางนั้นก็เพื่อให้ผู้ขับขี่รถรู้ว่าของถนนอยู่ตรงไหนในช่วงที่หิมะตกหนัก จะได้เห็นแนวเสาที่โผล่พ้นหิมะออกมา
 
ระหว่างการเดินทางจากมหาวิทยาลัย Tsukuba ไปยังมหาวิทยาลัย Tohoku ที่เมือง Sendai นั้น เส้นทางด่วนที่รถใช้นั้นสูงจากระดับพื้นล่างอยู่มาก ตอนแรกก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องสร้างอย่างนั้น แต่พอดูจากแผนที่แล้วก็เดาได้ว่าคงเป็นเพราะต้องการใช้เป็นเขื่อนกั้นคลื่นสึนามิ เพราะเส้นทางการเดินทางนั้นก็โฉบผ่านบริเวณใกล้เคียงกับโรงไฟฟ้าและตัวเมืองที่ได้รับความเสียหายหนักจากคลื่นสึนามิเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๕๔ แถมตอนเช้าวันรุ่งขึ้นที่ต้องขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางต่อไปยัง Sapporo นั้น ก็ยังมาขึ้นเครื่องที่สนามบิน Sendai ที่ได้รับความเสียหายหนักจากภัยพิบัติครั้งนั้นเช่นกัน

รูปที่ ๒ สี่แยกก่อนเข้าสนามบิน ไกด์ประจำรถก็อธิบายให้ฟังว่า ลูกศรที่ชี้ลงล่าง (ในวงกลมสีส้ม) ก็เพื่อบ่งบอกให้ผู้ขับขี่รู้ว่าขอบทางอยู่ตรงไหน

ที่มหาวิทยาลัย Hokkaido ที่เป็นที่สุดท้ายที่เข้าเยี่ยมชมนั้น ก่อนจบการบรรยายทางอาจารย์ผู้เป็นวิทยากรก็ได้กล่าวเชิญชวนให้มาเยี่ยมเมือง Sapporo ในช่วงฤดูหนาว เมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีผู้อยู่อาศัยเกิน ๑ ล้านคนที่มีหิมะตกเฉลี่ยสูงสุดต่อปีคือ ๕ เมตร ด้วยเหตุนี้การออกแบบสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ในตัวเมืองจึงมีการคำนึงถึงปริมาณหิมะที่ตกสูง และสิ่งหนึ่งที่เขาคำนึงถึงก็คือแนวขอบถนนที่ทำอย่างไรจึงจะให้ผู้ขับขี่ทราบว่าแนวขอบถนนอยู่ตรงไหน
 
ระหว่างการเดินทางไปยังสนามบิน New-Chitose ในเช้าวันสุดท้ายนั้น ระหว่างที่อยู่บนทางด่วน ไกด์ประจำรถก็ได้ชี้ให้เห็นเสาสูงประมาณ ๒-๓ เมตรที่มีการปักเอาไว้ข้างทางตลอดทาง (รูปที่ ๑) พร้อมทั้งอธิบายว่าเป็นเสาเพื่อให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะรู้ว่าขอบถนนอยู่ตรงไหน แต่พอเข้ามาในเขตถนนในเมือง จากเสาข้างทางก็ปรับเปลี่ยนเป็นลูกศรชี้ลงล่างแทน (รูปที่ ๒) ซึ่งก็ทำไปเพื่อวัตถุประสงค์เดียวกัน

รูปที่ ๓ ปิดท้ายด้วยรูปที่ถ่ายที่พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาของ University of Hokkaido ที่เปิดให้เข้าชมได้ฟรี ด้านนี้เขาไม่ให้คนเดินเข้าไป ก็เลยจัดให้มียามมานั่งเฝ้าขวางทางเอาไว้ เวลาที่ปรากฏในรูปเป็นเวลาบ้านเรา เวลาท้องถิ่นประเทศญี่ปุ่นต้องบวกเข้าไปอีก ๒ ชั่วโมง

ไม่มีความคิดเห็น: