วันอังคารที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561

ที่แขวนกล้วย MO Memoir : Tuesday 9 January 2561

เรื่องทั้งเรื่องก็คือทำให้แก๊สเอทิลีน (acetylyen) หรืออะเซทิลีน (ethylene) กระจายตัวออกไปได้ง่ายนั่นเอง



ผลไม้สุกหลายชนิดมันมีรสชาติหอมหวาน เป็นที่ต้องตาต้องใจของบรรดาสัตว์เล็กต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพวกที่โผบินได้หรือกระโดดโลดลิ่วไปตามต้นไม้ต่าง ๆ ได้ เช่นพวกมะม่วง กล้วย มะละกอ ดังนั้นถ้าหากคิดจะเก็บเอาไว้กินเองหรือจะเอาไปขายยังตลาด การที่ปล่อยให้มันสุกคาต้นก็มีความเสี่ยงที่ว่ามันจะโดนกัดกินเสียก่อน 
  
ด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกถ้าจะพบว่าจะมีการเก็บผลไม้ก่อนที่มันจะเริ่มสุกโดยเฉพาะเพื่อนำมาเก็บไว้รอการขาย แต่ชาวสวนเขาก็มีวิธีการเร่งการสุขของผลไม้เหล่านั้นได้ด้วยวิธีการ "บ่ม" ตอนเด็ก ๆ เคยเห็นคุณยายเอามะม่วงที่เปลือกยังเขียวอยู่มาเรียงใส่ในโอ่งใบเล็ก ๆ ไปรอบ ๆ ผนังด้านใน เว้นที่ตรงกลางไว้เพื่อวางกระถางธูป พอเรียงเสร็จก็จุดธูปปักไว้ในโอ่งนั้นและปิดฝาโอ่ง เช้าวันต่อมาก็เอามะม่วงในโอ่งนั้น (ที่สุกเร็วขึ้น) ไปขายต่อได้
 
เอทิลีน (ethylene H2CCH2) และอะเซทิลีน (acetylene HCCH) เป็นแก๊สที่ผลไม้นั้นผลิตขึ้นมาได้เองในปริมาณน้อย ๆ แก๊สสองตัวนี้เป็นตัวเร่งการสุกของผลไม้ ในสภาวะที่ความเข้มข้นของแก๊สเหล่านี้เพิ่มสูงขึ้น อัตราการสุกของผลไม้ก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย การจุดธูปเพื่อเร่งการสุกก็อาศัยการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของตัวธูปที่ทำให้เกิดแก๊สเหล่านี้ และการปิดฝาโอ่งก็เพื่อไม่ให้แก๊สเหล่านี้หลุดรอดไปไหน ทำให้ความเข้มข้นของแก๊สในโอ่งเพิ่มสูงขึ้น ผลไม้ก็เลยสุกเร็วขึ้น แต่สำหรับชาวสวนที่ใจร้อนหน่อยก็อาจใช้วิธีไปซื้อหินแก๊ส (หรือแก๊สก้อน) ซึ่งก็คือแคลเซียมคาร์ไบด์ (calcium carbide CaC2) มาวางไว้แทน จากนั้นก็เติมน้ำลงไป แคลเซียมคาร์ไบด์พอเจอน้ำก็จะเกิดแก๊สอะเซทิลีน
 
แต่ผลไม้บ่มเนี่ย บางทีมันสุกแต่ข้างนอก โดยเฉพาะกล้วยที่เจอได้ง่ายว่าข้างนอกเปลือกมันสีเหลืองเหมือนกับสุกมากแล้ว แต่ข้างในยังดิบอยู่
 
วิธีการเก็บกล้วยโดยไม่ให้กล้วยสุกเร็วที่ผู้ใหญ่สอนต่อ ๆ กันมาก็คืออย่าเก็บไว้ในที่อับ ให้มันอยู่ในที่ที่มีการระบายอากาศที่ดี หรือจะเอาไปแขวนก็ได้ วิธีการเหล่านี้มันช่วยยืดอายุได้ก็เพราะมันทำให้แก๊สอะเซทิลีนหรือเอทิลีนที่กล้วยผลิตขึ้นมานั้นกระจายตัวออกไป ไม่สะสมอยู่รอบ ๆ ตัวกล้วย ทำให้กล้วยสุกช้าลง ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะเห็นฉลากที่ติดมากับที่แขวนกล้วยจะบอกว่า การแขวนกล้วยจะช่วยยืดอายุการเก็บกล้วยไว้แต่ แต่ทั้งนี้ยังขึ้นกับปัจจัยด้านสภาพอากาศด้วย นั่นก็เป็นเพราะการแขวน (แทนที่จะวาง) มันช่วยทำให้แก๊สอะเซทิลีนหรือเอทิลีนที่กล้วยผลิตขึ้นนั้นกระจายตัวออกไปได้ง่ายขึ้นเท่านั้นเอง และถ้ามีลมอ่อน ๆ พัดโชยมาด้วย มันก็ช่วยทำให้แก๊สสองตัวนั้นกระจายออกไปได้มากขึ้น อากาศที่เย็นก็ช่วยให้อัตราการเกิดปฏิกิริยาลดลง ในฉลากจึงบอกว่าผลที่ได้นั้นขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วย
 
อันที่จริงฉลากเขาเขียนมาเป็นภาษาญี่ปุ่น ผมเองอ่านไม่ออกหรอกครับ แต่ลูกสาวคนโตที่เขาจับฉลากปีใหม่กับเพื่อนที่จับได้ที่แขวนกล้วยอันนี้มา เขาอ่านออก ก็เลยแปลให้ผมฟัง
 
เรื่องยืดอายุผลไม้เพื่อการส่งออกเนี่ยว (คือทำอย่างไรก็ได้ให้มันสุกช้าลงโดยไม่ทำให้เสียรสชาติ) เป็นงานท้าทายงานหนึ่ง เพราะปัจจุบันที่ผลไม้ส่งออกมีราคาแพงก็เพราะมันต้องส่งทางเครื่องบิน จะให้เอาไปแช่แข็งก่อนเพื่อขายเป็นผลไม้สดมันก็ไม่ไหว แต่ถึงกระนั้นก็ตามแม้ว่าจะขนส่งทางอากาศ ก็ยังต้องคำนึงถึงช่วงเวลานับตั้งแต่การบรรจุลงบรรจุภัณฑ์ก่อนขนไปยังสนามบินต้นทาง และการขนจากสนามบินปลายทาง (รวมทั้งเวลาที่ต้องผ่านด่านศุลกากร) ไปยังร้านค้าจัดจำหน่าย ที่รวมกันแล้วจะกินเวลามากกว่าช่วงที่อยู่บนเครื่องบินเสียอีก ทำให้เมื่อผลไม้ไปถึงร้านค้าแล้วเหลือเวลาไม่นานนักที่จะวางขายได้ (ก่อนที่มันจะสุกงอมจนเน่า) วิธีการหนึ่งที่เห็นเขาทำกันเพื่อชะลอเวลาการสุกก็คือ ใช่กล่องที่มีรูข้างกล่อง (เพื่อให้แก๊สที่ผลไม้ผลิตขึ้นนั้นระบายออกมาได้) และพยายามระบายอากาศในตู้ที่บรรจุกล่องผลไม้เหล่านั้นเพื่อไม่ให้มีการสะสมของแก๊ส 
  
งานวิจัยที่พยายามจัดการกับแก๊สเจ้าปัญหาสองตัวนี้ในการขนส่งก็มีทั้ง การหาสารดูดซับแก๊สสองตัวนี้ และก็เคยเห็นการพยายามพัฒนาตัวเร่งปฏิกิริยาเพื่อทำการออกซิไดซ์แก๊สสองตัวนี้ให้กลายเป็นคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ (ที่อุณหภูมิห้อง) แล้วนำไปติดตั้งในตู้คอนเทนเนอร์ที่ใช้ขนส่ง ซึ่งนั่นหมายถึงการต้องมีการไหลเวียนอากาศในตู้บรรจุเพื่อให้มันไหลผ่านตัวดูดซับหรือตัวเร่งปฏิกิริยา ซึ่งก็หมายถึงการที่ตู้คอนเทนเนอร์ใบนั้นต้องมีระบบจ่ายพลังงานที่สามารถทำงานได้ตลอดเวลา เริ่มตั้งแต่การขนส่งทางรถจากต้นทาง ไปจนถึงจุดหมายปลายทางด้วย

ไม่มีความคิดเห็น: