ผมเพิ่งรู้ว่ามีหัวรถจักรลากไม้ของบริษัทศรีมหาราชาอีกหัวหนึ่งตั้งไว้ที่วัดหัวกุญแจก็ตอนไปร่วมงานเสวนากับทางชมรมคนรักศรีราชาเพื่อเดือนธันวาคม
๒๕๖๑ ที่ผ่านมา
ก็คิดว่าถ้ามีโอกาสก็จะไปถ่ายรูปเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก
เพราะปรกติจะมีโอกาสผ่านไปทางด้านนั้นก็ช่วงเทศกาลเช็งเม้งที่จะพาภรรยาและลูก
ๆ ไปไหว้สุสานบรรพบุรุษ
(ฝ่ายภรรยา)
ที่แถวบ้านบึง
แต่บังเอิญว่าปีนี้ไม่สามารถไปได้
เพิ่งจะมีโอกาสผ่านไปทางนั้นก็เมื่อวันพุธที่
๒๔ กรกฎาคมที่ผ่านมา
ที่ต้องไปตรวจเยี่ยมนิสิตฝึกงานที่ฝึกงานที่โรงงานทำไบโอดีเซลแห่งหนึ่งที่อำเภอหนองใหญ่
ขากลับก็เลยแวะถ่ายรูปเสียหน่อย
วันที่ไปถึงนั้นดูเหมือนเขากำลังปรับปรุงภูมิทัศน์อยู่
มีการทาสีชิงช้าและม้านั่ง
แม้แต่ตัวหัวรถจักรเองก็ดูเหมือนว่าเพิ่งจะทาสีใหม่ได้ไม่นาน
ยังมีกระป๋องสีวางอยู่ท้ายหัวรถจักร
Name
plate ของหัวรถจักรคันนี้บอกว่าสร้างโดยบริษัท
Orenstein
& Koppel AG, Berlin-Drewitz ในปีค.ศ.
๑๙๒๘
(พ.ศ.
๒๔๗๑)
หมายเลข
N211780
(รูปที่
๑๓)
พยายามหารูปหัวรถจักรรุ่นนี้ในอินเทอร์เน็ตแล้วแต่ไม่พบ
เจอแต่ที่หน้าตาคล้าย ๆ
กันแต่ใช้ขนาดรางกว้างต่างกัน
หลังจากหมดยุคทำไม้ก็เป็นยุคการทำไร่อ้อย
รถไฟสายนี้ก็เปลี่ยนจากรถไฟลากไม้กลายเป็นรถไฟบรรทุกอ้อยเข้าโรงงานน้ำตาลแทน
ก่อนที่จะถูกแทนที่ด้วยรถบรรทุกในเวลาต่อมา
รูปที่
๑ ป้ายบอกชื่อถนนทางรถไฟเก่า
ป้ายนี้อยู่ตรงตำแหน่ง (4)
ในรูปที่
๒ และ ๓ ถนนทางรถไฟเก่านี้บริเวณตำแหน่ง
(7)
มีอาคารตลาดตั้งขวางอยู่
เหลือเพียงช่องทางเล็ก ๆ
ด้านข้างอาคารให้รถวิ่งผ่านได้
แม้ว่าป้ายจะบอกว่าเป็นถนนที่เดินรถไดทั้งสองทาง
แต่ในความเป็นจริงมันแคบแบบรถยนต์ไม่น่าจะสวนกันได้
ต้องใช้วิธีเลี้ยวเข้าซอยย่อยเพื่ออ้อมตลาดแทน
ทำไมที่แห่งนี้จึงมีชื่อว่าบ้านหัวกุญแจ
ก็เพราะมันมีสถานีที่ให้รถไฟสับหลีกกันได้
มีผู้สันนิญฐานว่าน่าจะเป็นการเพี้ยนมาจากคำว่า
"ประแจ"
ประแจสับรางนี้อเมริกาจะเรียกว่า
"switch"
ส่วนอังกฤษจะเรียกว่า
"point"
สัปดาห์หน้าก็คงจะหายตัวไปสักพัก
เพราะต้องไปราชการต่างประเทศ
หวังว่าพอกลับมาก็คงจะมีเรื่องราวที่ไม่ใช่วิชาการมาเล่าสู่กันฟัง
เพราะเขียนพวกวิชาการไปเยอะแล้ว
อยากเขียนเรื่องอื่นบ้าง
สวัสดี
รูปที่
๒ แผนที่แนบท้ายประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง
จัดตั้งสุขาภิบาลหัวกุญแจ
อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี
ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม
๘๐ ตอนที่ ๒๖ วันที่ ๑๙ มีนาคม
๒๕๐๖ หน้า ๖๙๗-๖๙๘
ตัวเลข 1-6
ที่เติมลงไปก็เพื่อระบุตำแหน่งเทียบกับภาพถ่ายดาวเทียมในรูปที่
๓ เทียบกับภาพถ่ายดาวเทียมแล้ว
ผ่านไปกว่า ๕๐
ปีก็ดูเหมือนว่าชุมชนแห่งนี้ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากเท่าใดนัก
ถ้าจะมีการเปลี่ยนก็น่าจะเป็นบริเวณรอบนอกมากกว่าที่มีอาคารต่าง
ๆ เพิ่มขึ้น (รวมทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์)
แต่ในตัวเขตสุขาภิบาลเองนั้นไม่ได้มีความหนาแน่นมากขึ้นเลย
รูปที่
๓ ภาพถ่ายดาวเทียมจาก
google
map ช่วงจุด
(3)-(4)
เป็นถนนเล็ก
ๆ ในวันที่ไปถ่ายรูปนั้นถนนเส้นนี้ปิดอยู่
ดูเหมือนจะมีงานออกร้านอยู่
เส้นหลักที่เข้าตัวชุมชนคือจุด
(2)
ที่เป็นสามแยกมีสัญญาณไฟจราจร
รูปที่
๔ ภาพด้านซ้ายของหัวรถจักรที่จอดอยู่ที่วัดหัวกุญแจ
รถไฟรุ่นนี้ใช้ขนาดรางกว้าง
๗๕๐ มิลลิเมตร
(ความกว้างของรางรถไฟวัดจากขอบรางด้านในฝั่งหนึ่งถึงขอบรางด้านในของอีกฝั่งหนึ่ง)
รูปที่
๖ มองเฉียงจากทางด้านหน้าซ้าย
เสียดายที่มีการนำเอาม้านั่งไปตั้งไว้ข้าง
ๆ ทำให้ไม่สามารถถ่ายรูปได้โดยไม่โดนบัง
รูปที่ ๗ ข้างหน้าคือปล่องควัน ส่วนตัวเล็ก ๆ ดำ ๆ ๒ ตัวข้างบนเดาว่าน่าจะเป็นวาล์วระบายความดัน
รูปที่ ๗ ข้างหน้าคือปล่องควัน ส่วนตัวเล็ก ๆ ดำ ๆ ๒ ตัวข้างบนเดาว่าน่าจะเป็นวาล์วระบายความดัน
รูปที่
๑๐ มองเฉียงจากทางด้านหลังขวา
ดูเหมือนวันที่ไปดูนั้นเป็นช่วงที่เขากำลังปรับปรุงด้วยการทาสี
ก็เลยมีกระป๋องสีวางอยู่ท้ายรถเต็มไปหมด
รูปที่
๑๓ Name
plate ของตัวรถบอกว่าสร้างโดยบริษัท
Orenstein
& Koppel AG, Berlin-Drewitz ในปีค.ศ.
๑๙๒๘
(พ.ศ.
๒๔๗๑)
หมายเลข
N211780
(หวังว่าคงอ่านตัวเลขไม่ผิดนะ)
รูปที่
๑๕
ป้ายประวัติวัดหัวกุญแจที่ตั้งไว้บริเวณใกล้เคียงกับที่ตั้งหัวรถจักร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น