๓๐
กว่าปีที่แล้วตอนเข้าเรียนปี
๑ ถ้าไม่นับการเดินไปเอาผลคอมพิวเตอร์ที่ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์
ที่ตอนโน้นยังตั้งอยู่ที่ศูนย์คอมพิวเตอร์มหาวิทยาลัยที่อาคารข้างสมาคมนิสิตเก่า
ที่กลายเป็นหอศิลปในปัจจุบัน
การเดินไปเรียนแลปเคมีที่อาคารเคมี
๑ ก็น่าจะเป็นการไปเรียนนอกคณะที่ไกลที่สุด
(คือมันอยู่อีกฟากหนึ่งของสนามฟุตบอล)
แต่หลังจากคณะวิทยาศาสตร์สร้างอาคารใหม่เสร็จ
อาคารเคมี ๑ นี้ก็ปิดตัวลง
ได้รับการเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่เป็นห้องเรียนแลปเคมีที่ชั้นล่าง
กลายมาเป็นอาคารศิลปวัฒนธรรมที่มีส่วนจัดแสดงนิทรรศการอยู่ชั้นล่าง
ส่วนชั้นบนนั้นก็กลายเป็นห้องประชุมและห้องแสดงดนตรีไป
อันที่จริงอาคารหลังนี้และอีกหลายหลังในจุฬา
และอีกหลายหลังในประเทศไทย
รวมทั้งศาลาเฉลิมไทยที่ถูกทุบไปแล้ว
ต่างมีประวัติร่วมกันและเกี่ยวพันไปถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
๒๔๗๕ โดยมีผู้ให้คำจำกัดความว่าเป็น
"งานสถาปัตยกรรมคณะราษฎร"
ตรงนี้ขอเก็บเอาไว้เล่าในสัปดาห์หน้า
(ขอเวลารวบรวมภาพถ่ายก่อนครับ)
รูปที่นำมาในดูนั้น
รูปที่ ๑ ถึง ๑๒
เป็นรูปที่ถ่ายไว้เมื่อเดือนกรกฎาคม
๒๕๕๘ ด้วยตั้งใจว่าจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับอาคารหลังนี้
แต่ก็ไม่ได้เขียนซะ ส่วนรูปที่
๑๓ ถึง ๑๖ เป็นรูปที่ถ่ายมาเมื่อวาน
วันนี้ก็ดูรูปไปเล่น ๆ
ก็แล้วกันนะครับเผื่อใครอยากจะรำลึกถึงความหลังสมัยที่ยังได้มาเรียนที่อาคารนี้
รูปที่
๑ เดิมอาคารนี้คืออาคารเคมี
๑ ชั้นล่างเป็นห้องปฏิบัติการเคมีห้องใหญ่สำหรับให้นิสิตปี
๑ มาเรียน ตอนผมเรียนปฏิบัติการเคมีเมื่อปี
๒๕๒๗ ก็ยังเรียนที่อาคารนี้
แต่หลังจากที่ทางคณะวิทยาศาสตร์สร้างอาคารเรียนใหม่เสร็จ
ห้องปฏิบัติการเคมีก็ย้ายออกไป
และมีการปรับปรุงอาคารนี้เป็นอาคารศิลปวัฒนธรรมในปัจจุบัน
รูปที่
๒ เดินเข้าด้านหน้าอาคารก็จะเป็นบันไดเดินขึ้นไปตรงกลาง
ก่อนจะแยกซ้าย-ขวาขึ้นไปทางด้านบน
ประตูห้องที่เห็นปัจจุบันใช้เป็นห้องประชุมและจัดการแสดง
(เช่นดนตรี)
แต่เดิมนั้นชั้นบนเป็นห้องอะไรก็ไม่ทราบเหมือนกันเพราะไม่เคยเข้าไปใช้
แต่ดูจากสภาพห้องแล้วเดิมน่าจะเป็นห้องบรรยาย
รูปที่
๓ ชั้นล่างของอาคารเดิมเป็นห้องปฏิบัติการเคมีห้องใหญ่
สำหรับให้นิสิตปี ๑
มาเรียนวิชาปฏิบัติการเคมี
ผมเองก็เรียนที่ห้องนี้
รูปนี้เป็นประตูทางด้านซีกตะวันออกของอาคาร
ปัจจุบันใช้เป็นส่วนจัดแสดงนิทรรศสถาน
เป็นส่วนนิทรรศการหมุนเวียน
รูปนี้ถ่ายเอาไว้เมื่อกรกฎาคม
๒๕๕๘ ตอนนั้นห้องนั้นไม่มีการจัดแสดงอะไร
แต่เมื่อวานแวะไปเยี่ยมชมใหม่ก็มีการจัดแสดงนิทรรศการแล้ว
(รูปที่
๑๔-๑๗)
รูปที่
๔ รูปนี้ถ่ายตอนขึ้นบันไดมาชั้น
๒ แล้วเดินเลี้ยวซ้ายมา
ด้านซ้ายของภาพจะเป็นถนนด้านหน้าอาคาร
บันไดขึ้นชั้น ๒ จะอยู่ทางด้านขวาของภาพ
รูปที่
๕ บรรยากาศถนนหน้าอาคารเมื่อมองลงมาจากระเบียบชั้น
๒ ทางด้านขวาจะเป็นคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
รูปที่
๖ บนชั้น ๒
จะเป็นส่วนของห้องสมุดดนตรีไทยและส่วนจัดแสดงนิทรรศการ
รูปที่
๗ บรรยากาศทางเข้าห้องสมุดดนตรีไทยและส่วนจัดแสดงนิทรรศการ
รูปที่
๘ ป้ายบอกชื่อ
และเครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบเก่า
รูปที่
๙ เครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ตั้งแสดงอยู่หน้าห้อง
รูปที่
๑๐ บางส่วนของสิ่งของที่นำมาจัดแสดง
รูปที่
๑๑ ระเบียงทางเดินด้านข้างห้องโถงบนชั้น
๒ ประตูห้องด้านซ้ายปัจจุบันเป็นห้องประชุมที่ใช้จัดแสดงต่าง
ๆ (ทางเข้าในรูปที่
๒)
เห็นบรรยากาศตึกเก่า
ๆ แบบนี้
คิดว่าตอนกลางคืนน่าจะเอาไปใช้เป็นฉากแต่งนิยายสยองขวัญได้ดี
รูปที่
๑๒ ระเบียงทางเดินเดียวกับรูปที่
๑๐ แต่ถ่ายย้อนออกมาเพื่อจะเก็บภาพหน้าต่างอาคารแบบเก่า
ๆ เอาไว้เป็นที่ระลึกหน่อยครับ
ในสมัยที่ยังไม่มีการติดเครื่องปรับอากาศภายในอาคารจนเป็นเรื่องปรกติ
การสร้างอาคารที่มีหน้าต่างเยอะ
ๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องปรกติเหมือนกัน
รูปที่
๑๓ เมื่อวานแวะผ่านไปที่อาคารนีอีกที
ตอนนี้ชั้นล่างพอเดินเข้าไปแล้วเลี้ยวขวา
จะเห็นร้านกาแฟอยู่ทางขวามือ
รูปที่
๑๔ ส่วนฝั่งตรงข้ามกับร้านกาแฟที่เคยเป็นห้องแลปเคมีห้องใหญ่
ตอนนี้มีการจัดจัดแสดงนิทรรศการ
จากห้องแลปใหญ่ห้องเดียวถูกแบ่งกั้นเป็นสองส่วน
ช่วงนี้มีนิทรรศกาลภาพเขียนและงานศิลปเกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่
๙ เปิดให้เข้าชมฟรีในวันธรรมดาเวลา
๙.๐๐
-
๑๗..๐๐
น
รูปที่
๑๕ บรรยากาศภายในห้องแสดงในปัจจุบัน
แต่ก่อนบริเวณนี้เต็มไปด้วยโต๊ะแลปเคมี
รูปที่
๑๖ ผลงานของนักเรียนโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รูปที่
๑๗ คำบรรยายมุมล่างขวาของภาพเขียนว่า
"เกาะรถยนต์พระที่นั่งส่งเสด็จ
วันทรงดนตรี ๒๐ กันยายน ๒๕๐๕
สุรพล วิรุฬห์รักษ์ ๘ กันยายน
๒๕๕๙"
รูปที่
๑๘ ด้านข้างอาคารคณะศิลปกรรมศาสตร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น