วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2560

Piping and Instrumentation Diagram (P&ID) ของอุปกรณ์ ตอน Storage Tank (ถังเก็บของเหลว) MO Memoir : Sunday 29 January 2560

ถังเก็บของเหลวที่ความดันบรรยากาศ (Atmospheric storage tank) ดูเผิน ๆ ก็ไม่น่าจะมีอะไรบ้าง แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วจะพบว่าตัวอุปกรณ์ประกอบนั้นจะมีมากน้อยเท่าใดขึ้นอยู่กับของเหลวที่ทำการเก็บ พวกของเหลวไวไฟก็มีความต้องการแบบหนึ่ง พวกของเหลวที่มีจุดเดือดสูงมีความหนืดสูงก็มีความต้องการอีกแบบหนึ่ง
 
และจะว่าไปแล้วเรื่องถังเก็บของเหลวที่ความดันบรรยากาศก็เคยเขียนเอาไว้แล้วหลายเรื่องด้วยกัน เช่น
 
ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๓๐๑ วันศุกร์ที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ เรื่อง "การควบคุมความดันในถังบรรยากาศ (Atmospheric tank)"
ปีที่ ๖ ฉบับที่ ๗๑๐ วันเสาร์ที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๖ เรื่อง "เมื่อความดันในถังต่ำกว่าความดันบรรยากาศ"
ปีที่ ๗ ฉบับที่ ๙๑๒ วันอาทิตย์ที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ เรื่อง "Breather valve กับ Flame arrester"
ปีที่ ๘ ฉบับที่ ๑๑๗๔ วันศุกร์ที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เรื่อง "เมื่อความดันในถังเก็บของเหลวที่ความดันบรรยากาศ (Atmospheric tank) ต่ำกว่าความดันบรรยากาศ"
ปีที่ ๘ ฉบับที่ ๑๑๗๕ วันเสาร์ที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เรื่อง "เมื่อความดันในถังเก็บของเหลวที่ความดันบรรยากาศ (Atmospheric tank) สูงกว่าความดันบรรยากาศ"


รูปที่ ๑ coned roof tank ที่ใช้เก็บของเหลวที่ความดันบรรยากาศ ของเหลวที่เก็บในถังที่เห็นอาจเป็นของเหลวที่ไม่ติดไฟหรือมีอุณหภูมิจุดวาบไฟสูงมาก (ความดันไอต่ำ) จึงทำการติดตั้งเฉพาะท่อ vent ที่ทำหน้าที่ระบายอากาศเข้า-ออกเวลาสูบของเหลวออกจากถังหรือเข้าถัง 
  
นิยามของ "ของเหลวไวไฟ" (Flammable liquid หรือ Inflammable liquid) เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องทำความเข้าใจให้ดี เพราะมันขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของแต่ละท้องถิ่น ในประเทศเขตหนาวอาจกำหนดนิยามของเหลวไวไฟโดยดูจากจุดวาบไฟของของเหลวนั้น โดยถือว่าถ้าของเหลวนั้นมีจุดวาบไฟสูงกว่า 37ºC (หรือ 100ºF) จะถือว่าไม่ใช่ของเหลวไวไฟ ไม่จำเป็นต้องเก็บในถังแบบ floating roof หรือถ้าเก็บในถังแบบ coned roof ก็ไม่จำเป็นต้องการใช้ไนโตรเจนป้องกันที่ว่างเหนือผิวของเหลว แต่สำหรับประเทศเขตร้อนและมีแดดแรงอย่างบ้านเรา คงจะใช้อุณหภูมิค่านี้ไม่ได้ ต้องใช้อุณหภูมิค่าที่สูงกว่านี้เป็นตัวกำหนด ทั้งนี้ต้องพิจารณาอุณหภูมิอากาศตลอดช่วงฤดูกาล โดยเฉพาะเวลาที่ถังโดดแสงแดดแรงส่องเป็นเวลานาน
 
ในกรณีของของเหลวที่มีความหนืดสูง (เช่นน้ำมันเตาหรือน้ำมันพืช) มักต้องพิจารณาระบบให้ความร้อนแก่ของเหลวในถังเพื่อให้ความหนืดลดต่ำลงจนสามารถสูบออกมาได้ง่าย ส่วนในกรณีของของเหลวที่มีความดันไอสูงมักต้องพิจารณาการลดการสูญเสียเนื่องจากการระเหย และในกรณีของของเหลวที่ไวไฟยังต้องพิจารณาหามาตรการป้องกันไม่ให้ไอระเหยของของเหลวนั้นผสมกับอากาศจนเกิดเป็นส่วนผสมที่มีความเข้มข้นสูงพอที่สามารถระเบิดได้ และยังต้องคำนึงต่อไปด้วยว่าถ้าเกิดการระเบิดเกิดขึ้น จะจำกัดหรือลดความรุนแรงของความเสียด้วยวิธีการใดด้วย
 
ฉบับนี้ก็เป็นฉบับสุดท้ายของบทความชุด Piping and Instrumentation Diagram (P&ID) ของอุปกรณ์แล้ว คงได้เวลานำไปรวมเป็นรวมชุดบทความร่วมกับเรื่องทำความรู้จักกระบวนการผลิตเอทิลีนเสียที


รูปที่ ๒ บริเวณที่ตั้ง storage tank นั้นจะต้องมีกำแพงป้องกัน เผื่อไว้ในกรณีที่ถังเกิดความเสียหายจนกระทั่วของเหลวในถังรั่วออกมาจนหมด ความสูงของกำแพงนี้ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ล้อมรอบและขนาดของถังเก็บที่กำแพงล้อมรอบอยู่ กล่าวคืออย่างน้อยถ้าถังเก็บใบใหญ่ที่สุดเกิดพังขึ้นมา กำแพงดังกล่าวจะต้องป้องกันไม่ให้ของเหลวนั้นรั่วไหลออกมาข้างนอกได้ แต่การมีกำแพงก็ทำให้เกิดปัญหาน้ำฝนท่วมขังภายในได้ จึงจำเป็นต้องมีท่อระบายน้ำฝนที่ต้องมีวาล์วปิดเปิด ซึ่งวาล์วปิดเปิดนี้จะต้องปิดอยู่เสมอ จะมาเปิดก็ต่อเมื่อต้องทำการระบายน้ำท่วมขังทิ้ง(เช่นหลังฝนตก) การไม่ได้ปิดวาล์วดังกล่าวเคยส่งผลให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ในโรงกลั่นน้ำมันแห่งหนึ่ง เพราะมันปล่อยให้น้ำมันที่ไหลล้นถังนั้นรั่วไหลลงท่อระบายน้ำทิ้ง แพร่ออกไปไกลนอกเขตโรงงานจนพบแหล่งจุดระเบิด เกิดการระเบิดย้อนกลับมายังถังเก็บ เรื่องนี้เคยเล่าไว้ใน Memoir ปีที่ ๗ ฉบับที่ ๘๕๑ วันอาทิตย์ที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๗ เรื่อง "การระเบิดที่โรงกลั่นน้ำมันเนื่องจากน้ำมันไหลล้นจาก tank เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๔๒
 
รูปที่ ๓ สัญลักษณ์ที่ใช้แสดง coned roof tank เวลาที่วาดลงในP&ID นั้นจะใหญ่แค่ไหนขึ้นอยู่กับว่าต้องการแสดงให้เห็นรายละเอียดอะไรบ้าง

รูปที่ ๔ Gauging hatch เป็นช่องเปิดเล็กอยู่บนหลังคาของ coned roof tank มีไว้สำหรับตรวจสอบระดับของเหลวในถัง (จะด้วยการหย่อนอุปกรณ์วัดระดับหรือตรวจด้วยสายตาก็ตามแต่ ใช้เวลาที่ต้องการตรวจสอบว่าอุปกรณ์วัดระดับของเหลวในถังนั้นวัดระดับได้ถูกต้องหรือไม่) ช่องนี้อาจทำเป็นช่องแยกต่างหากบนหลังคา (ดูรูปที่ ๑) หรือเป็นช่องเล็ก ๆ บนหน้าแปลน manhole ของหลังคาอีกที ช่องนี้ไม่จำเป็นสำหรับ floating roof tank เพราะหลังคาของ floating roof tank มันลอยขึ้นลงตามระดับของเหลวในถังอยู่แล้ว
 
รูปที่ ๕ coned roof tank ที่เก็บของเหลวที่ลุกติดไฟได้ ต้องคำนึงถึงโอกาสที่ส่วนผสมระหว่างไอระเหยของของเหลวที่เก็บไว้ในถังกับอากาศที่มีการรั่วไหลเข้าถัง จะเกิดการระเบิดขึ้นมาได้ ในการนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ส่วนลำตัวของถังเกิดความเสียหาย (ที่จะทำให้ของเหลวที่เก็บไว้นั้นทะลักออกมาก่อความเสียหายต่อไปได้อีก) จะออกแบบให้โครงสร้างหลังคา (เช่นตรงรอยเชื่อมระหว่างฝาถังกับลำตัว) นั้นมีความแข็งแรงต่ำกว่าโครงสร้างส่วนลำตัว หรือมีช่องระบายความดันพิเศษ (เช่น blowoff manhole) ที่จะเปิดออกเมื่อเกิดการระเบิดในถัง เป็นการลดความดันในถังลงก่อนที่ส่วนลำตัวจะเกิดความเสียหาย
 
รูปที่ ๖ สัญลักษณ์แสดง floating roof tank ที่มีการติดตั้ง flame arrester ไว้ข้างบนโดยอยู่ตรงกลางท่อ vent ปลายท่อ vent ที่โค้งลงล่างก็เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำฝนไหลเข้าไปในถังได้เวลาฝนตก รูปนี้เป็นรูปที่ผมยังไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมบนฝา floating roof จึงต้องมีท่อ vent (ซึ่งทำให้ต้องมีการติดตั้ง flame arrester) ในเมื่อมันไม่มีที่ว่างเหนือผิวของเหลว ถ้าเป็น coned roof ก็ว่าไปอย่าง ถ้าจะมีก็ควรเป็นท่อรระบายน้ำฝนเพื่อระบายออกจากฝาถัง

รูปที่ ๗ รูปนี้เป็นรูปตัวอย่าง P&ID ของท่อไอน้ำสำหรับให้ความร้อนแก่ของเหลวในถัง ที่ใช้สำหรับของเหลวที่มีความหนืดสูง (เช่นน้ำมันเตา น้ำมันพืช) จนยากที่จะทำการสูบ หรือเมื่ออากาศเย็นอาจเกิดการแข็งตัวได้ ในกรณีนี้จึงจำเป็นต้องมีการให้ความร้อนแก่ของเหลวในถัง วิธีที่ใช้กันทั่วไปคือการวางขดท่อไอน้ำไว้ภายในถัง เพื่อให้ของเหลวในถังร้อนจนมีความหนืดลดลง ง่ายต่อการสูบจ่าย

รูปที่ ๘ อีกตัวอย่างหนึ่งของ P&ID ของท่อไอน้ำสำหรับให้ความร้อนแก่ของเหลวในถัง เวลาให้ความร้อนก็ให้เฉพาะทางด้านล่าง เพราะของเหลวที่ร้อนจะลอยขึ้นบน ของเหลวที่เย็นและหนักกว่าจะเคลื่อนตัวลงมาข้างล่าง กระติกน้ำร้อนบางยี่ห้อก็ใช้วิธีให้ความร้อนเฉพาะที่พื้นล่างแทนการให้ทางด้านข้าง ทั้งนี้เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาในกรณีที่ระดับน้ำในกระติกต่ำเกินไปเหมือนในกรณีที่ให้ความร้อนทางด้านข้าง

รูปที่ ๙ อีกตัวอย่างหนึ่งของ P&ID ของท่อไอน้ำสำหรับให้ความร้อนแก่ของเหลวในถัง รูปนี้เน้นไปที่บริเวณท่อทางเข้าปั๊ม โดยเป็นระบบให้ความร้อนเพื่อลดความหนืดของของเหลวที่ไหลเข้าปั๊ม เพื่อให้ปั๊มทำงานได้สะดวกขึ้น ความแตกต่างของรูปนี้คือตัวขดท่อไอน้ำจะเป็นคล้ายกับชุด tube ของเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนแบบ shell and tube โดยนำไปประกบเข้ากับหน้าแปลนที่เตรียมไว้และต่อเข้ากับท่อไอน้ำ

รูปที่ ๑๐ โดยทั่วไปการมีน้ำอยู่ในถังน้ำมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดปรกติ (เพราะในกระบวนการผลิตนั้นก็มีหลายขั้นตอนเหมือนกันที่มีการใช้ไอน้ำให้ความร้อนแก่น้ำมันด้วยการฉีดไอน้ำผสมเข้าไปในน้ำมันโดยตรง) น้ำที่ตกค้างอยู่ในน้ำมันจะแยกตัวออกจากน้ำมันที่ถังเก็บ จึงจำเป็นต้องมีบ่อรองรับน้ำที่สะสมและต้องคอยระบายออกเป็นระยะ น้ำที่อยู่ในบ่อรองรับนั้นไหลออกมาโดยอาศัยแรงกดจากชั้นน้ำมันที่อยู่เหนือผิวหน้าชั้นน้ำ


รูปที่ ๑๑ สำหรับ coned roof tank ที่เก็บของเหลวที่ไวไฟนั้น เพื่อไม่ให้เกิดไอเหนือผิวของเหลวการระเบิดจึงต้องทำการป้องกันไม่ให้อากาศเข้าไปในถังได้ วิธีการหนึ่งที่ใช้กันก็คือการให้แก๊สเฉื่อย (ปรกติก็คือไนโตรเจน) ไหลเข้าไปในถังจนความดันในถังสูงกว่าความดันบรรยากาศเล็กน้อย โดยอาจต้องยอมให้แก๊สเฉื่อยไหลรั่วออกมาเล็กน้อยบ้าง เพื่อป้องกันไม่ให้อากาศแพร่ย้อนเข้าไปข้างใน แต่ในกรณีที่ความดันภายในถังลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว (เช่นถังที่ตากแดดร้อนแล้วเจอฝนตกหนักใส่) จนระบบป้อนแก๊สเฉื่อยจ่ายให้ไม่ทัน จะยอมให้อากาศเข้าไปในถังได้บางส่วนเพื่อป้องกันไม่ให้ถังเกิดความเสียหาย

รูปที่ ๑๒ รูปนี้เป็นตัวอย่าง pressure vessel เก็บของเหลวที่ความดันสูงกว่าบรรยากาศ หรืออาจเป็นถังแยกของเหลวออกจากแก๊ส (เช่นถังเก็บสำรองอากาศอัดความดัน ที่รับอากาศมาจากเครื่องคอมเพรสเซอร์)

ไม่มีความคิดเห็น: