อย่าเพิ่งเบื่อนะ
ที่ช่วงนี้ผมเอาเรื่องเก่า
ๆ สมัยผมเรียนหนังสือมาลงก็เพราะปีนี้จะเป็นปีที่ครบรอบ
๓๐ ของรุ่นผม
ก็เลยขุดกรุของเก่าเก็บสมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่ยังหลงเหลืออยู่เอามาบันทึกไว้ก่อนมันผุพังไปหมด
เกียร์ยิ้มฉบับนี้เป็นฉบับที่ได้รับตอนเรียนปี
๑ ในหน้าแรกมีพิมพ์ว่า 4th
ก็เลยเดาว่าน่าจะเป็นฉบับที่
๔ ส่วนวันเดือนปีที่พิมพ์นั้นไม่มีปรากฏ
แต่เป็นฉบับก่อนงานนิทรรศฯครั้งที่
๗ เพียงอาทิตย์เศษ
ดังนั้นน่าจะอยู่ราว ๆ
ปลายเดือนพฤศจิกายนหรือต้นเดือนธันวาคม
๒๕๒๗
นิสิตปี
๑ ก็เองก็ไม่ได้เป็นตัวหลักอะไรในงาน
เป็นแต่ลูกมือซะมากกว่า
แต่บันทึกในเกียร์ยิ้มฉบับนี้ก็บอกให้ทราบว่าสภาพความพร้อมก่อนเริ่มงานนั้นเป็นอย่างไร
มหาวิทยาลัยในตอนนั้นพอ
๓ ทุ่มก็ปิดประตูมหาวิทยาลัยแล้ว
หอสมุดกลาง (ตอนนั้นยังมีแต่ชั้น
๓)
ปิดช้าสุดก็หนึ่งทุ่ม
ส่วนรถเมล์ก็หมดตอนราว ๆ
สี่หรือห้าทุ่ม
วิธีการหนึ่งของการประชาสัมพันธ์งานในตอนนั้นคือการออกไปติดโปสเตอร์ตามที่ต่าง
ๆ ข้างทาง (ผมไม่เคยไปกับเขาหรอก)
ก็คือการใช้กาวทาโปสเตอร์แปะไว้ตามที่ต่าง
ๆ (ทั้งสถานที่ที่เขาให้ติดและไม่อยากให้ติด)
บรรยากาศงานตรงนี้เป็นอย่างไรบ้างนั้นผมก็ไม่รู้เหมือนกัน
ส่วนตัวผมเองนั้นมาอยู่ฝ่ายสวัสดิการ
ทำงานร่วมกับรุ่นพี่ปี ๓
ท่านหนึ่งอยู่ภาคโยธา
ดูเหมือนว่าชื่อพี่อัฐ
และด้วยเหตุนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ทำให้ในปีถัดมาถูกดึงมาทำหน้าที่เป็นฝ่ายสวัสดิการให้กับกรรมการนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์
(ที่เรียกย่อ
ๆ ว่า กวศ.)
ชีวิตการเรียนตอนนั้นเป็นอย่างไรบ้างน่ะหรือ
โดยส่วนตัวเห็นว่าสิ่งที่ได้จากการเรียนแต่ละปีในมหาวิทยาลัยนั้นแตกต่างกันไป
(เอาเป็นว่าประสบการณ์ของผมสมัยผมก็แล้วกันนะ)
ปี
๑ นั้นเหมือนเป็นปีแห่งความสนุก
เปิดโลกทรรศน์ใหม่ให้กับตัวเอง
ปี
๒ เป็นปีแห่งประสบการณ์การทำงาน
การทำกิจกรรมต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัย
ปี
๓ เป็นปีแห่งการเรียนรู้วิชาชีพเฉพาะทาง
การนำสิ่งที่ได้เรียนรู้หลายต่อหลายอย่างไปใช้ตอนฝึกงาน
ท้ายสุดคือปี
๔ ซึ่งเป็นปีแห่งความทรงจำ
ทั้งเรื่องดี เรื่องร้าย
สุข ทุกข์ สมหวัง ผิดหวัง
อยู่ในปีนี้หมด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น