วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2562

น่าจะมาทำเมื่อ ๓๐ ปีที่แล้ว (บันทึกการผ่าฟันคุด) MO Memoir : Sunday 28 April 2562

"น่าจะมาทำเมื่อ ๓๐ ปีที่แล้ว ตอนที่กระดูกฟันยังไม่แข็ง และยังไม่ฝังเข้าไปในกระดูก มันถอนง่ายหน่อย"
 
คุณหมอบอกกับผม หลังจากที่ได้เห็นผลเอ็กซ์เรย์บวกกับรู้อายุของผม (ก็นำหน้าด้วยเลข ๕ มาหลายปีแล้ว)

รูปที่ ๑ ภาพ x-ray ทั้งปากก่อนการผ่า ฟันคุดตัวที่เป็นปัญหาคือฟันกรามล่างขวา (ในรูปจะอยู่ที่มุมซ้ายล่าง) ฟันเส้นนี้ไปกดทับเส้นประสาท (ตามแนวเส้นประสีส้ม) ทำให้มีอาการปวดเวลาอ้าปากกว้างหรือเคี้ยวอาหาร ฟันกรามล่างซ้าย (ในรูปจะอยู่ที่มุมล่างขวา) ก็เป็นแบบเดียวกัน แต่ตอนนี้ไม่มีอาการอะไร อีกซี่ที่เป็นระเบิดเวลาคือด้านบนซ้าย (ในรูปจะเป็นมุมบนขวา) ซี่นี้งอกขึ้นไปจ่อไปยังโพรงไซนัส คั่นด้วยกระดูกบาง ๆ ตอนนี้ยังไม่ก่อปัญหาอะไร แต่ถ้าจำเป็นต้องถอนเมื่อไรก็เสี่ยงอยู่เหมือนกันที่จะมีการทะลุเข้าไปยังโพรงไซนัส ก่อให้เกิดปัญหาการติดเชื้อตามมาอีก

เรื่องมันเริ่มจากที่ผมรู้สึกว่าไม่ได้ตรวจสุขภาพฟันมานานกว่าปี ต้นเดือนที่ผ่านมาก็เลยขอนัดคุณหมอที่โรงพยาบาลยันฮี (เพราะมันอยู่ใกล้บ้านและเดินทางสะดวกดี) เพื่อขูดหินปูนและตรวจฟันพุ ปรากฏว่านอกจากจะได้ขูดหินปูนแล้วก็ยังได้อุดฟันผุอีก ๔ ซี่ แถมยังเจอฟันตายอีก ๑ ซี่ต้องต้องรักษารากฟัน ดูเหมือนจะมีถุงหนองที่รากฟันด้วย คุณหมอคนแรกทำเพียงแค่ทำการรักษาทั่วไป รักษาเสร็จก็ก่อนสงกรานต์ ถ้าจะรักษารากฟันก็ต้องนัดหมออีกท่านที่ทำทางด้านนี้ 
  
ช่วงสงกรานต์มีอาการปวดกราม โดยเฉพาะตอนอ้าปากกว้างเพื่อจะกินข้าวหรือกัดอาหาร และตอนแปรงฟัน แถมน้ำลายยังมีรสเค็มอีก ตอนแรกก็เข้าใจว่าปัญหามันเกิดจากฟันซี่ที่ตายและมีถุงหนอง ก็เลยติดต่อนัดหมดรักษารากฟัน ปรากฏว่าปัญหาไม่ได้เกิดจากฟันซี่ที่ตาย จุดที่เป็นปัญหามันอยู่หลังฟันกรามล่างด้านขวาซี่ในสุดที่กดแล้วรูสึกเลยว่าเป็นตุ่มแข็ง พอไปดูผลเอ็กซ์เรย์ตอนที่อุดฟันก็พบว่าตรงนั้นมีมีฟันคุดอยู่ซี่หนึ่ง ที่ไปเบียดฟันกรามซี่ในสุดอยู่
 
หลังจากปรึกษากับคุณหมอรักษารากฟันแล้ว ก็ตกลงว่าไหน ๆ ก็มาแล้วก็ขอจัดการรักษารากฟันซี่ที่ตายก่อน (วันแรกก็จัดการกับโพรงประสาทและใส่ยาไว้) จากนั้นคุณหมอก็นัดคุณหมอศัลยกรรมช่องปากอีกท่านให้ทำการผ่าฟันคุดในอีก ๓ วันถัดมา (คือวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา)
 
ถึงเวลานัดตอนเย็นวันพฤหัสบดี คุณหมอศัลยกรรมท่านก็เรียกผมเข้าไปดูภาพเอ็กซ์เรย์ (รูปที่ ๒ ซ้าย) บอกว่า case ของคุณมันไม่ง่าย เพราะมันฝังลึกเข้าไปในกระดูก ท่านไม่กล้าผ่า จะขอ refer ให้กับคุณหมออีกท่านที่ฝีมือดีกว่า พร้อมกับถามผมว่ามีช่วงไหนที่หยุดยาวไหม จะได้พักฟื้นสักสองสามวัน ผมเองก็รำคาญกับอาการปวดเวลากิน ก็อยากได้นัดเร็วที่สุด (บังเอิญเป็นสัปดาห์สุดท้ายของการสอนแล้วที่ไม่ต้องมีการบรรรยายอะไร เป็นการสอบในเวลาเรียน) ก็เลยได้นัดผ่าตอน ๔ โมงเย็นวันเสาร์เมื่อวาน เรียกว่ามีเวลาสองวันสำหรับขออุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรขอให้ช่วยอโหสิ อย่ามาจองเวรตอนนี้เลย

รูปที่ ๒ รูปซ้ายเป็นภาพที่เจอตอนที่ทำการอุดฟันเมื่อตอนต้นเดือน เห็นส่วนหัวของฟันคุดมาดันฟันกรามอยู่ ส่วนรูปขวาเป็นรูปหลังผ่าเสร็จเมื่อเย็นวันวานก่อนเย็บแผล คุณหมอให้ไปเอ็กซ์เรย์ใหม่เพื่อดูว่ายังมีเหลือค้างอยู่หรือเปล่า ที่ต้องตามดูกันต่อไปคือฟันกรามซี่ที่ถูกเบียด เพราะเหมือนกับรากมันถูกกดจนแหว่งหายไป (ตรงลูกศรชี้) ตรงนี้ต้องรอดูว่าจะมีปัญหาฟันตายตามมาอีกหรือเปล่า ถ้าเกิดตามมาก็ต้องตามด้วยการรักษารากฟันอีก

ก่อนผ่า คุณหมอก็ส่งไปเอ็กซ์เรย์ใหม่ทั้งปาก ผลก็ออกมาดังรูปที่ ๑ ทำให้รู้ว่าปัญหามีมีมากกว่าที่คิด คือมีฟันคุดทั้งหมด ๓ ซี่ สองซี่อยู่ที่กรามล่างซ้ายและขวา อีกซี่หนึ่งอยู่ที่กรามซ้ายบน ซี่ที่กรามซ้ายบนนี้คุณหมออธิบายว่าดูเผิน ๆ มันเหมือนกับไม่มีรากฟัน แต่มันเหมือนกันมันถูกดันให้งอกขึ้นไปข้างบน ไปชนกับโพรงไซนัส ตรงนี้จะมีกระดูกบาง ๆ เหมือนแผ่นกระดาษขวางกั้นอยู่ระหว่างช่องปากกับโพรงไซนัส ถ้าต้องถอนซี่นี้ก็มีความเสี่ยงที่จะกระทบกระเทือนไปยังโพรงไซนัส คืออาจะมีอาการไซนัสอักเสบตามมา หรือมีเลือดออกจากโพรงจมูก
 
ส่วนซี่กรามล่างทั้งสองซี่นั้นมีลักษณะเหมือนกัน คือมันนอนแนบไปกับเส้นประสาท ตอนนี้ดูเหมือนซี่ล่างขวามันไปกดเส้นประสาทจึงทำให้รู้สึกปวดเวลาอ้าปากหรือเคี้ยว การเอาฟันซี่นี้ออกก็มีความเสี่ยงอยู่เหมือนกันว่ามันจะไปกระเทือนเส้นประสาท ที่อาจทำให้รู้สึกชาได้ ถ้าเกิดอาการชาหลังผ่าตัดและไม่หายใน ๑ - ๓ เดือน ก็ต้องรอดูต่อไปว่าจะหายใน ๖ เดือนหรือไม่ ถ้าผ่านไป ๖ เดือนแล้วยังไม่หาย ก็ต้องรอดูว่าจะหายใน ๑ ปีหรือไม่ ถ้าเกิน ๑ ปีแล้วยังไม่หาย ก็เรียกว่าคงเป็นถาวรแล้ว คือคุณหมออธิบายว่าอาการชามันจะลดลงไปเรื่อย ๆ แต่ไม่หายสนิท เอานิ้วกดดูจึงจะรู้สึก
 
ที่สำคัญคือผมเองก็อายุขึ้นเลข ๕ มาหลายปีแล้ว คุณหมอบอกว่ามันจะยากตรงที่กระดูกจะแข็งและฟันก็ฝังเข้าไปในกระดูก น่าจะได้ทำเมื่อ ๓๐ ปีที่แล้วตอนที่กระดูกยังอ่อนอยู่ 

รูปที่ ๓ รูปนี้เอารูปที่ ๑ มาขยายเฉพาะบริเวณกรามด้านซ้าย (ในรูปเอ็กซ์เรย์จะเป็นด้านขวา) จะได้เห็นปัญหาของฟันซี่บนและซี่ล่างได้ชัดหน่อย

ตอนผ่าไม่เจ็บหรอกครับ เจ็บนิดนึงตอนโดนฉีดยาชา ระหว่างนั้นคุณหมอทำอะไรบ้างก็ไม่รู้ ได้ยินแต่เสียงเครื่องกรอดังตลอดเวลา แต่แทบจะไม่มีการออกแรงดึงเลย ก็เลยเดาว่าคงใช้การตัดฟันให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อนำออกมา และก็เป็นอย่างนั้นจริง พอจัดการเรียบร้อยคุณหมอก็ส่งไปเอ็กซ์เรย์ใหม่เพื่อตรวจดูให้มั่นใจว่าเอาออกหมดแล้วหรือยัง ตอนลุกขึ้นจากเก้าอี้ก็เลยได้เห็นเศษฟันชิ้นเล็ก ๆ วางอยู่เต็มไปหมด ประมาณว่าเกือบ ๒๐ ชิ้น พอได้ผลเอ็กซ์เรย์ออกมาคุณหมอก็บอกว่าเอาฟันซี่ที่เป็นปัญหาออกหมดแล้ว แล้วก็อธิบายให้ฟังว่าทำไมจึงต้องตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ก็เพื่อที่จะลดโอกาสที่จะกระทบกระเทือนเส้นประสาท จากนั้นก็ทำการเย็บแผล นัดมาตัดไหมในอีก ๗ วันข้างหน้า ก็ถือว่าเสร็จสิ้นการผ่าตัดแล้ว
 
ผ่าเสร็จ ๕ โมงเศษ ยังขับรถกลับบ้านได้ ยังไม่ปวดอะไร ภรรยาก็บอกว่าเดี๋ยวรอให้ยาชาหมดฤทธิ์ก่อน แล้วค่อยรู้สึกปวด กลับมาถึงบ้านก็มาประคบเย็นต่อ มากินข้าวเย็นก็เกือบ ๒ ทุ่ม กินยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบที่หมอจัดให้ จากนั้นก็เริ่มมีอาการปวดแผล เรียกว่าทำเอานอนแทบไม่หลับ ตี ๑ เศษต้องลุกมากินยาแก้ปวดเพิ่มเติม และก็มานอนประคบเย็นต่อที่โซฟาห้องนั่งเล่น แล้วก็หลับไปตรงนั้น ตื่นมาอีกทีก็ตี ๓ เศษแล้ว รู้สึกดีขึ้นมาก อาการปวดแทบหายไป ก็เลยกลับขึ้นไปนอนต่อบนห้อง เช้านี้ตื่นมา (เพราะมีสอนเช้า ภาคนอกเวลา) ส่องกระจกดู ก็เห็นแก้มขวาบวมปูดชัดเจน อาการที่เคยปวดตอนอ้าปากกว้าง กัดอาหาร หรือแปรงฟัน ก็รู้สึกว่าหายไป อันที่จริงก็ยังมีอาการปวดอยู่ แต่คิดว่าน่าจะเป็นจากบาดแผลมากกว่า เพราะมันไม่ได้ปวดร้าวแบบก่อนหน้านี้
 
ตอนโดนผ่าไส้ติ่งเมื่อปี ๕๖ ก็ทีนึงแล้ว ทั้งภรรยาผมและคุณหมอที่ตรวจก็ยังแปลกใจ เพราะน้อยรายที่จะมามีปัญหาตอนอายุมาก ตัวฟันคุดนี้ก็เหมือนกัน อาจเป็นเพราะว่าผมไม่เคยจัดฟัน มันก็เลยอยู่เป็นเพื่อนผมตลอดมา จนกระทั่งถึงเวลาที่จำเป็นต้องแยกจากกันเมื่อวันวาน

ไม่มีความคิดเห็น: