วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2558

โน๊ตเพลง "ความฝันอันสูงสุด" และ "ยามเย็น" MO Memoir 2558 Oct 21 Wed

ทิ้งไปเกือบเดือนกว่าจะมีเวลาเอาโน๊ตเพลงเก่า ๆ ที่ได้มาสมัยเรียน ป.๕ หรือเมื่อ ๔๐ ปีที่แล้วมาเขียนบันทึกไว้ใหม่ คราวนี้ก็ยังคงเป็นเพลงพระราชนิพนธ์เช่นเดียวกันกับคราวที่แล้ว เพียงแต่ว่าใช้โปรแกรม Musescore เวอร์ชันใหม่ 2.0.2 มาเขียนโน๊ต โดยคราวนี้ได้เลือกเพลง "ความฝันอันสูงสุด" และ "ยามเย็น" มาเขียนบันทึกใหม่


เกี่ยวกับเพลง "ความฝันอันสูงสุด" นั้น เว็บ https://th.wikipedia.org/wiki/ความฝันอันสูงสุด ให้รายละเอียดเอาไว้ว่า (ข้อมูล ณ วันพุธที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๘)
  
เพลงพระราชนิพนธ์ ความฝันอันสูงสุด เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 43 ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.. 2514
   
เมื่อ พ.ศ. 2512 ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค ได้รับพระราชเสาวนีย์จาก สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ให้เขียนบทกลอนแสดงความนิยมส่งเสริมคนดีให้มีกำลังใจทำงานเพื่ออุดมคติเพื่อประเทศชาติ ออกมาเป็นกลอน 5 บท
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถโปรดให้พิมพ์บทกลอนนี้ลงในกระดาษการ์ดแผ่นเล็ก ๆ พระราชทานแก่ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และผู้ทำงานเพื่อประเทศชาติ เตือนสติมิให้ท้อถอยในการทำความดี ต่อมา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถได้กราบบังคมทูลพระกรุณาขอให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงใส่ทำนองเพลงในคำกลอน "ความฝันอันสูงสุด" ใน พ.ศ. 2514 ขับร้องโดย ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค
  
ในขณะที่เพลงพระราชนิพนธ์ยามเย็น เว็บ https://th.wikipedia.org/wiki/ยามเย็น (ข้อมูล ณ วันพุธที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๘) ให้รายละเอียดเอาไว้ว่าเป็นเพลงพระราชนิพนธ์เพลงแรกที่นำออกบรรเลงสู่ประชาชนเมื่อวันเสาร์ที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๙ (ก่อนขึ้นครองราชย์) ดังนั้นถ้านับอายุเพลงนี้จนถึงปัจจุบันก็ปาเข้าไป ๖๙ ปีแล้ว
   
ท้ายสุดนี้ Memoir ฉบับนี้ก็คงต้องขอจบเอาแบบดื้อ ๆ ด้วยเนื้อเพลง "ความฝันอันสูงสุด" ก็แล้วกันครับ

ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ
ขอสู้ศึกทุกเมื่อไม่หวั่นไหว
ขอทนทุกข์รุกโรมโหมกายใจ
ขอฝ่าฟันผองภัยด้วยใจทะนง

จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด
จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง
จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง
จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา

ไม่ท้อถอยคอยสร้างสิ่งที่ควร
ไม่เรรวนพะว้าพะวังคิดกังขา
ไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา
ไม่เสียดายชีวาถ้าสิ้นไป

นี่คือปณิธานที่หาญมุ่ง
หมายผดุงยุติธรรม์อันสดใส
ถึงทนทุกข์ทรมานนานเท่าใด
ยังมั่นใจรักชาติองอาจครัน

โลกมนุษย์ย่อมจะดีกว่านี้แน่
เพราะมีผู้ไม่ยอมแพ้แม้ถูกหยัน
คงยืนหยัดสู้ไปใฝ่ประจัญ
ยอมอาสัญก็เพราะปองเทิดผองไทย




ไม่มีความคิดเห็น: