เวลาที่ใครสักคนต้องทำงานออกแบบเพื่อหาขนาดของวาล์วควบคุมเพื่อให้ได้อัตราการไหลตามต้องการนั้น
มักจะเจอพารามิเตอร์หนึ่งที่เกี่ยวข้องกับตัววาล์วปรากฏเข้ามาที่มีชื่อว่า
"Flow
coefficient" หรือที่เรียกย่อ
ๆ ว่า Cv
ที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างอัตราการไหล
(Q)
และค่าความดันลด
(ΔP)
คร่อมวาล์วตัวนั้นตามสมการ
เมื่อ
Q
คืออัตราการไหลในหน่วย
gallon
per min (ส่วนจะเป็นแกลลอนอเมริกาหรือแกลลอนอังกฤษก็ค่อยว่ากันอีกที)
ΔP
คือค่าความดันลดคร่อมวาล์ว
(pressure
drop) ในหน่วย
psi
SG
คือค่าความถ่วงจำเพาะ
(specific
gravity) ของของเหลว
ในการหาค่า
Cv
นั้น
ถ้าเป็นแบบอเมริกาจะทำการทดลองด้วยการอัตราการไหลของน้ำ
(US
gal per min) ที่อุณหภูมิ
60ºF
ที่ความดันลดคร่อมตัววาล์ว
1
psi โดยให้น้ำมีค่าความถ่วงจำเพาะเท่ากับ
1
ดังนั้นเมื่อแทนค่าต่าง
ๆ เข้าไปในสมการที่ (1)
ก็จะเห็นว่าค่า
Cv
ก็คือค่าอัตราการไหลของน้ำที่อุณหภูมิ
60ºF
ที่ไหลผ่านวาล์วโดยมีค่าความดันลดคร่อมตัววาล์วเท่ากับ
1
psi (ต่อไปในที่นี้ถ้าหากมีการกล่าวถึงหน่วย
"แกลลอน"
จะหมายถึง
US
gal ซึ่งเท่ากับ
3.785
ลิตร
เว้นแต่จะมีการระบุว่าเป็น
Imperial
gallon หรือแกลลอนอังกฤษซึ่งเท่ากับ
4.546
ลิตร)
ดังนั้นถ้าว่ากันตามนี้
สมมุติว่าเรามีวาล์วตัวหนึ่งที่มีค่า
Cv
= 20 ที่ใช้ในการควบคุมการไหลของน้ำ
ถ้าแรงดันน้ำด้านขาเข้าวาล์วคือ
30
psi แรงด้านน้ำด้านขาออกคือ
29
psi (ΔP
= 1) อัตราการไหลของน้ำผ่านวาล์วตัวนี้ที่คำนวณได้จากสมการที่
(1)
คือ
20
gal/min
ถ้าแรงดันน้ำด้านขาเข้าวาล์วคือ
30
psi แรงด้านน้ำด้านขาออกคือ
27
psi (ΔP
= 3) อัตราการไหลของน้ำผ่านวาล์วตัวนี้ที่คำนวณได้จากสมการที่
(1)
คือ 34.6 gal/min
ถ้าแรงดันน้ำด้านขาเข้าวาล์วคือ
60
psi แรงด้านน้ำด้านขาออกคือ
59
psi (ΔP
= 1) อัตราการไหลของน้ำผ่านวาล์วตัวนี้ที่คำนวณได้จากสมการที่
(1)
คือ
20
gal/min
หรือจะมองว่าค่า
Cv
คือค่าที่บอกความสามารถของวาล์วว่ายอมให้น้ำไหลผ่านได้ในอัตราเท่าใดที่ค่า
ΔP
ต่าง
ๆ ก็ได้
แต่มีคำถามหนึ่งที่เชื่อว่ามีใครหลายต่อหลายคนสงสัยก็คือ
"สมการที่
(1)
นั้นมันมาได้อย่างไร"
จากการที่ได้พิจารณา
(และค้นคว้าเอาเอง)
ก็พบว่าสมการนี้น่ามาจาก
Bernoulli's
equation ที่มีการใส่ข้อสมมุติต่าง
ๆ เข้าไปเพื่อให้รูปแบบสมการง่ายขึ้น
เพื่อให้เห็นภาพ
ขอให้พิจารณากรณีของการไหลของของเหลวที่อัดตัวไม่ได้ผ่าน
orifice
(คือรูกลม
ๆ)
ดังตัวอย่างที่แสดงในรูปที่
๑ (P
คือความดัน
v
คือความเร็วของการไหล
ρ
คือความหนาแน่นของของเหลว
ตัวห้อย 1
คือด้านขาเข้า
ตัวห้อย 2
คือด้านขาออก)
รูปที่
๑ การไหลของน้ำผ่าน orifice
Bernoulli's
equation ที่ใช้อธิบายการไหลของน้ำผ่าน
orifice
ดังกล่าวมีหน้าตาดังนี้
เนื่องจากด้านขาเข้าและด้านขาออกนั้นอยู่ที่ระดับความสูงเดียวกัน
(h1
= h2)
และสมมุติให้ไม่มีการสูญเสียพลังงานเนื่องจากความเสียดทาน
(loss
= 0) ดังนั้นเมื่อจัดรูปแบบสมการที่
(2)
ใหม่เราจะได้ว่า
ถ้าสมมุติต่อว่า
v1
<< v2
ดังนั้นค่า
v22
- v12
จะประมาณได้เท่ากับ
v22
เราจะสามารถเขียนสมการที่
(3)
ได้ในรูปแบบ
ถ้าให้
Q
คืออัตราการไหลโดยปริมาตร
และ A
คือพื้นที่หน้าตัดของ
orifice
จากความสัมพันธ์
v2
= Q/A
เมื่อแทนความสัมพันธ์ดังกล่าวลงในสมการที่
(4)
จะได้ว่า
ถึงจุดนี้พอจะมองเห็นความคล้ายคลึงกันระหว่างสมการที่
(1)
กับสมการที่
(6)
ไหมครับ
จากสมการที่
(5)
จะเห็นว่าค่าพารามิเตอร์ที่บ่งบอกคุณสมบัติของ
orifice
ที่ปรากฏอยู่ในสมการนั้นมีเพียงค่าพื้นที่หน้าตัดการไหล
A
เท่านั้น
แต่ในความเป็นจริงนั้นมันยังมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องอีก
เช่นรูปร่างพื้นที่หน้าตัด
ลักษณะของขอบ orifice
(เช่น
ขอบเรียบตัด ขอบโค้งมน
ขอบปาดเข้า ขอบบานออก ฯลฯ)
ฯลฯ
ดังนั้นจะเป็นการง่ายขึ้นถ้าเรารวมผลของปัจจัยต่าง
ๆ เหล่านี้ไว้ในค่า C
(คือ
C
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพื้นที่เพียงอย่างเดียว)
แล้วไปหาค่า
C
จากการทดลองเอา
เส้นทางการไหลผ่านวาล์วนั้นไม่เรียบง่ายเหมือนการไหลผ่าน
orifice
เพราะมีทั้งการไหลเส้นทางการไหลที่เลี้ยวโค้งไปมาและไหลผ่านรูที่ใช้ในการควบคุมการไหล
ค่า Cv
หรือ
Flow
efficient จึงเปรียบเสมือนค่าที่รวบรวมพารามิเตอร์ต่าง
ๆ ที่ส่งผลต่อการไหลผ่านตัววาล์ว
(ไม่ว่าจะเป็นขนาดของช่องเปิด
จำนวนของช่องเปิด
ความคดเคี้ยวของเส้นทางการไหล
ฯลฯ)
เอาไว้ในพารามิเตอร์ตัวเดียวคือ
Cv
ค่า
Cv
นี้เปรียบเสมือนพารามิเตอร์ตัวที่ใช้บอกว่าวาล์วแต่ละตัวนั้นให้ของไหลไหลผ่านได้เหมือนกันหรือไม่
(โดยไม่ต้องสนใจว่าโครงสร้างข้างในจะเป็นอย่างไร)
ซึ่งหาได้จากการทดลอง
ดังนั้นในการเปรียบเทียบความสามารถของวาล์วในการยอมให้ของไหลไหลผ่านนั้นจึงต้องกระทำที่สภาวะการทดสอบเดียวกัน
ในระบบอเมริกานั้นจะทำการทดลองด้วยการวัดอัตราการไหลของน้ำ
(ในหน่วย
US
gal per min) ที่อุณหภูมิ
60ºF
ที่ไหลผ่านวาล์วโดยมีความดันลดคร่อมตัววาล์ว
1
psi โดยให้น้ำมีค่าความถ่วงจำเพาะเท่ากับ
1
ในกรณีนี้ค่า
Cv
จะมีหน่วยเป็น
US
gal/min ถ้าจะเปลี่ยนค่านี้เป็น
Imperial
gal ก็ต้องคูณด้วย
0.8326
(มาจาก
3.785/4.546)
ในกรณีของระบบเมตริกนั้นเพื่อป้องกันการสับสน
จึงมีการหันไปใช้สัญลักษณ์
Kv
(บางทีก็เรียกว่า
Flow
factor) แทน
Cv
โดย
รูปที่
๒ ค่า Cv
สำหรับของไหลที่ไม่ใช่น้ำ
(จากหน้า
99
ของเอกสาร
Valve
and valve actuator selection guide ของบริษัท
SIEMENS
ดาวน์โหลดไฟล์
pdf
ได้ที่
ในกรณีของระบบเมตริกนี้อัตราการไหลจะมีหน่วยเป็น
m3/hr
ในขณะที่ความดันมีหน่วยเป็น
bar
(หรือ
kg/cm2)
โดยนิยามของ
Kv
คืออัตราการไหลของของเหลวตัวกลางที่ไหลผ่านวาล์ว
(m3/hr)
เมื่อมีความดันลดคร่อมวาล์ว
1
kg/cm2 และวาล์วเปิดเต็มที่
โดยให้ของเหลวที่ไหลผ่านวาล์วมีค่า specific gravity เท่ากับ
1.0 และค่า
kinematic
viscosity 10-6 m2/s (ซึ่งก็คือน้ำนั่นเอง)
ที่เล่ามาข้างต้นก็เพื่อเป็นพื้นฐานให้ทำความรู้จักกับค่า
Cv
โดยยกตัวอย่างกรณีของไหลที่ง่ายที่สุดคือน้ำ
ในกรณีของของเหลวที่มีคุณสมบัติที่แตกต่างไปจากน้ำมาก
(เช่นมีความหนืดที่แตกต่างมา)
หรือเป็นแก๊ส
(คือเป็นของไหลที่อัดตัวได้)
นิยามการคำนวณค่า
Cv
จะแตกต่างออกไป
รูปที่ ๒ ข้างต้นเป็นตัวอย่างการคำนวณค่า
Cv
สำหรับของไหลชนิดอื่นที่ไม่ใช่น้ำ
อ่านเรื่องเกี่ยวกับ
Flow
coefficient เพิ่มเติมได้ที่
ด้วยเหตุที่ว่าหน้ากระดาษยังเหลือ
ก็เลยขอปิดท้ายด้วยรูปของอาคารอะไรก็ไม่รู้ที่สร้างอยู่บนชั้นดาดฟ้าของอาคารข้างเคียงแลปเรา
เห็นข้างในเต็มไปด้วยขวดน้ำพลาสติกและกระถางต้นหญ้า
ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นงานของวิศวกรรมโยธาหรือสิ่งแวดล้อม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น