เรามาต่อกันจากตอนที่
๑ คราวนี้มาดูที่หน้า Page
4 of 28 และ
Page
5 of 28 กันบ้าง
3.0
Equipment designations (Page 4 of
28)
Equipment
designation ก็คือการกำหนดชื่อให้กับอุปกรณ์นั่นเอง
ที่เห็นกันทั่วไปก็อยู่ในรูป
YY
- xxx - Z
โดย
YY
เป็นชื่อรหัสที่เป็นตัวอักษร
(อาจมีเพียงตัวเดียวหรือสองตัว
ไม่เคยเห็นมีมากกว่านี้)
ที่บอกว่าอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นอุปกรณ์ประเภทไหน
(เช่น
ปั๊ม คอมเพรสเซอร์ ถัง หอกลั่น
ฯลฯ)
การกำหนดแปลความหมายสัญญลักษณ์
YY
นี้มันต้องระวังเหมือนกัน
เพราะอุปกรณ์ประเภทเดียวกันก็ใช่ว่าจะใช้เหมือนกัน
เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที
xxx
เป็นตัวเลข
ที่ผมเคยเห็นมักจะเป็นเลข
๓ หลักเป็นส่วนใหญ่
บางครั้งอาจมีเลข ๔
หลักบ้างสำหรับหน่วยผลิตขนาดใหญ่
แต่ไม่เห็นใช้เลขหลักเดียวหรือสองหลัก
ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าเขานิยมใช้เลขหลักแรกหรือสองหลักแรก
(ตัวหน้าสุดหรือสองตัวแรก)
เป็นตัวบอกว่าอุปกรณ์ชิ้นนั้นอยู่ในหน่วยผลิตหน่วยไหน
(เป็นเลขรหัสหน่วยผลิต)
และเลขสองตัวหลังเป็นเลขระบุตัวอุปกรณ์ว่ามีหลายเลขอะไร
ซึ่งหน่วยผลิตย่อยแต่ละหน่วยก็มักจะมีไม่ถึงหนึ่งร้อยชิ้นอยู่แล้ว
ส่วน
Z
นั้นเป็นตัวอักษรที่มักเป็น
A
B หรือ
C
มักจะหมายถึงอุปกรณ์ที่เหมือนกันทำหน้าที่แบบเดียวกัน
เช่นในกระบวนการผลิตที่เดินคู่ขนานกัน
หรือระบุว่าตัวใดเป็นตัวหลักและตัวใดเป็นตัวสำรอง
อย่างเช่นปั๊มที่มักจะมีตัวสำรองเสมอ
ถ้าระบบนั้นใช้ปั๊มเพียงตัวเดียว
ตัวหลักก็จะให้เป็นตัว A
ตัวสำรองก็จะให้เป็น
B
แต่ถ้าระบบนั้นใช้ปั๊มสองตัวที่เหมือนกันก็อาจมีปั๊มสำรองเพียงตัวเดียว
เช่นใช้ตัวหลักเป็น A
และ
B
และ
C
เป็นตัวสำรองร่วมกับตัวหลัก
A
และ
B
(ระบบนี้ต้องมั่นใจว่า
A
และ
B
จะไม่เสียพร้อม
ๆ กัน)
ทีนี้ลองมาดูว่าการกำหนดสัญญลักษณ์ตรง
YY
มันมีปัญหาอย่างไรบ้าง
ตัวอย่างที่เอามาให้ดูนั้น
(Page
4 of 28) เขาบอกว่าเป็นการกำหนดโดยอิงกับการควบคุมระเบียบบัญชีของเขา
ซึ่งในความเห็นส่วนตัวของผมแล้วผมเห็นว่าไม่ใช่ระบบที่ดีสำหรับคนทำงานทางด้านวิศวกรรม
เพราะมันไม่สื่อถึงอะไรเลย
(พูดง่าย
ๆ
คือถ้าเห็นตัวย่อเพียงอย่างเดียวจะเดาไม่ได้ว่ามันควรเป็นอุปกรณ์ประเภทไหน)
ที่ผมเคยเจอนั้นเขามักจะอิงจากอักษรตัวแรกของชื่อเรียกภาษาอังกฤษของอุปกรณ์ตัวนั้น
ถ้ามีซ้ำกันจึงค่อยพิจารณาใช้อักษรตัวที่สองร่วมหรือไม่ก็เปลี่ยนไปใช้อักษรตัวอื่นแทน
แต่ระบบนี้มันก็มีปัญหาเช่นกันเพราะอุปกรณ์บางชนิดชื่อภาษาอังกฤษมันมีอักษรตัวแรกที่เหมือนกัน
หรือมีชื่อเรียกที่แตกต่างกัน
ยกตัวอย่างเช่นหอกลั่น
ที่รายที่เรียกว่า Tower
ก็จะใช้สัญญลักษณ์
T
รายที่เรียกว่า
Column
ก็จะใช้สัญญลักษณ์
C
สำหรับรายมองว่ามันเป็นอุปกรณ์ทำนองเดียวกับ
Pressure
vessel ต่าง
ๆ ที่เขาอาจเรียกว่าเป็น
Vessel
หรือ
Drum
ก็จะใช้สัญญลักษณ์
V
หรือ
D
และรายที่เรียกเป็น
Fractionation
column ก็อาจใช้สัญญลักษณ์
F
แต่ถ้าย่อ
Tower
เป็น
T
ก็จะไปซ้ำกับ
Tank
อีก
ที่เคยเห็นถ้าเป็นกรณีเช่นนี้เขาจะเรียก
Tank
เป็น
TK
แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไม่เรียก
Tower
เป็น
TO
หรือ
TW
ทีนี้ถ้าเรียกหอกลั่นว่า
Column
โดยย่อให้เป็น
C
ก็จะไปซ้ำกับ
Compressor
หรือเครื่อง
Centgrifuge
(ถ้ามี)
อีก
พวกภาชนะใด ๆ ก็ตามที่อาจจะเป็นภาชนะรับความดัน
(Pressure
vessel) หรือไม่รับความดัน
(ที่ไม่ใช่
Tank)
ก็มีการเรียกเป็น
Vessel
หรือ
Drum
ทำให้มีการย่อเป็น
V
หรือ
D
บางรายก็มองถังปฏิกรณ์ชนิดปั่นกวน
(Stirred
tank) เป็นภาชนะความดันแบบหนึ่ง
ก็จะใช้ตัวย่อ D
หรือ
V
ด้วยเช่นกัน
แต่รายที่มองมันเป็นถังปฏิกรณ์
(Reactor)
ก็อาจจะย่อด้วยตัว
R
เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน
(Heat
exchanger) ก็เคยเห็นย่อว่า
HE
หรือไม่ก็
E
ส่วนปั๊ม
(Pump)
นั้นส่วนใหญ่ที่ผมเคยเห็นก็มักจะย่อด้วยอักษร
P
แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่ใช้อักษรย่อ
GA
อย่างตัวอย่างที่ยกมาให้ดู
จะมีต้องระวังหน่อยก็คือปั๊มสุญญากาศ
(Vacuum
pump) ที่เราเรียกมันว่าเป็น
“ปั๊ม” แต่มันใช้กับของไหลที่เป็นแก๊ส
ปรกติเครื่องสูบ/อัดที่ใช้กับของไหลที่เป็นของเหลวเราจะเรียกว่า
“pump”
แต่ถ้าใช้กับแก๊สจะเรียกว่า
“compressor”
จะมีก็ตัวปั๊มสุญญากาศนี่แหละที่ใช้กับแก๊สแต่เรียกเป็น
“pump”
ทีนี้มาลองดูอุปกรณ์ที่เขายกมาเป็นตัวอย่างดูบ้างว่ารู้จักอะไรกันบ้าง
Fire
heaters :
ก็คือเตาเผาที่ใช้เปลวไฟในการให้ความร้อนแก่สารที่ต้องการอุ่นให้ร้อนโดยตรง
เช่นเตา cracker
ในการผลิตโอเลฟินส์
furnace
สำหรับอุ่นน้ำมันให้ร้อนเพื่อทำลดความหนืดหรือมีอุณหภูมิสูงพอก่อนเข้าทำปฏิกิริยาใน
reactor
furnace สำหรับ
crack
LPG เพื่อผลิตไฮโดรเจน
ตรงนี้เขาแยกออกจาก Boiler
ที่เป็นหม้อน้ำที่ผลิตไอน้ำ
Water
treating : คือหน่วยปรับสภาพน้ำ
ตรงนี้เขาไม่ได้ระบุว่าเป็นหน่วยปรับสภาพน้ำแบบไหน
จะเป็นสำหรับน้ำทิ้ง
น้ำใช้ในกระบวนการ (process
water) หรือน้ำป้อนเข้าหม้อไอน้ำ
(boiler
feed water - BFW)
Desuperheater
: คือหน่วยที่ทำหน้าที่ลดความร้อนของไอน้ำร้อนยิ่งยวดหรือไอดง
(superheated
steam)
ทำโดยการฉีดน้ำป้อนเข้าหม้อไอน้ำผสมเข้าไปในไอน้ำร้อนยิ่งยวดโดยตรง
เพราะในบางกรณีการส่งไอน้ำจากหน่วยผลิตไอน้ำไปยังหน่วยที่ต้องการใช้ไอน้ำนั้นอาจอยู่ห่างไกลกัน
การส่งในรูปของไอน้ำร้อนยิ่งยวดจะช่วยลดการสูญเสียเนื่องจากการควบแน่นถ้าหากส่งในรูปของไออิ่มตัว
(saturated
steam)
แต่ถ้าผู้ใช้ต้องการใช้ไอน้ำในรูปของไออิ่มตัวเพื่อการให้ความร้อน
ก็ต้องเปลี่ยนไอน้ำร้อนยิ่งยวดนี้ให้กลายเป็นไออิ่มตัวเสียก่อนด้วยการติดตั้ง
Desuperheater
นี้
Tower
กับ
Tower
trays : คำว่า
Tower
ในที่นี้อาจเป็นหออะไรก็ได้
เช่น scrubber
ที่ข้างในอาจไม่มีการบรรจุอะไรเลย
เป็นการสัมผัสกันระหว่างแก๊สที่ไหลขึ้นกับของเหลวที่ฉีดพ่นลงมาโดยตรง
แต่ถ้าระบุเป็น Tower
trays ก็จะหมายถึงหอที่มีการติดตั้ง
tray
อยู่ภายใน
(เช่นหอกลั่น)
Reactor
และ
Coke
drum : Reactor ในที่นี้ก็คือเครื่องปฏิกรณ์เคมี
Coke
drum ก็คือ
vessel
ที่ใช้ในหน่วยเปลี่ยนน้ำมันหนักให้กลายเป็นน้ำมันเบาด้วยกระบวนการ
thermal
cracking
Heat
exchanger และ
Air
cooler : Heat exchanger คือเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน
ส่วน Air
cooler เป็นการระบุเฉพาะเจาะจงถึง
heat
exchanger ที่ใช้อากาศเป็นตัวระบายความร้อน
หรือให้ความร้อน (เช่นในการระเหยของเหลว
cryogenic)
Ejectors
: เป็นอุปกรณ์ทำสุญญากาศแบบหนึ่งที่ไม่มีชิ้นส่วนเคลื่อนไหว
ใช้การฉีดให้ของไหลชนิดหนึ่งเคลื่อนที่ผ่าน
nozzle
ด้วยความเร็วสูงซึ่งจะดึงเอาแก๊สออกจากระบบที่ต้องการทำสุญญากาศออกตามมาด้วย
ถ้าเป็นห้องแลปเคมีทั่วไปก็จะเป็นน้ำจากก๊อกน้ำหรือปั๊มน้ำดังเช่นที่ใช้กันเวลากรองสาร
แต่ถ้าเป็นโรงงานก็มักจะใช้ไอน้ำทำให้บางทีก็เรียกว่า
Steam
ejector รายละเอียดของ
steam
ejector เคยเขียนไว้ใน
Memoir
ปีที่
๒ ฉบับที่ ๑๑๐ วันอังคารที่
๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ เรื่อง
“ฝึกงานภาคฤดูร้อน ๒๕๕๓ตอนที่ ๓ อธิบายศัพท์")
Deaerators
: ถ้าแปลตรงตัวคือเครื่องกำจัดอากาศ
สำหรับในโรงงานแล้วตัวนี้คือหน่วยกำจัดอากาศ
(หรือออกซิเจน)
ที่ละลายอยู่ในน้ำ
ก่อนที่จะส่งน้ำดังกล่าวเข้าสู่หม้อไอน้ำ
(boiler)
ที่เคยเห็นก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการต้มน้ำให้ร้อนระดับหนึ่งก่อน
อากาศจะระเหยออกมาเอง
จากนั้นจึงนำน้ำร้อนที่ได้ไปต้มต่อให้กลายเป็นไอน้ำความดันสูงอีกที
Process
tanks และ
Drums
: Process tank
ในที่นี้คือถังเก็บที่ใช้ในการเก็บของเหลวที่อยู่ในระหว่างกระบวนการผลิต
ไม่ใช่รถถัง ตัว Process
tank จะอยู่ในส่วนของ
Process
area หรือพื้นที่กระบวนการผลิต
โดยวางอยู่บนพื้นที่เป็นโครงสร้างรองรับโดยตรง
แต่ตัว Drum
นั้นถ้าวางบนพื้นดินหรือพื้นอาคารก็จะมีขาตั้งอีกที
แต่ถ้าติดตั้งระหว่างชั้นของอาคารก็จะใช้
Lug
ในการยึดติดกับพื้น
(Lug
support ใช้กับ
pressure
vessel ที่มีขนาดไม่ใหญ่ (รูปที่ ๑ ข้างล่าง) ในกรณีนี้ด้านบนของ Drum
จะอยู่ทางด้านชั้นบน
ส่วนด้านก้นของ Drum
จะไปโผล่อยู่ทางชั้นล่างของอาคารหรือโครงสร้าง)
Storage
tanks : คือถังเก็บ
ซึ่งอาจเป็นถังเก็บวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์
Storage
tank มักจะมีขนาดใหญ่และติดตั้งอยู่ในอีกบริเวณหนึ่งแยกต่างหากไปจาก
process
area
Filters
และ
Clarifiers
: Filter ก็คือเครื่องกรองที่ทำหน้าที่กรองของแข็งออกจากของเหลว
(อาจเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการผลิตหรือกรองของแข็งออกจากน้ำทิ้งก็ได้)
ส่วน
Clarifier
แปลตรงตัวก็คือเครื่องทำให้ใสอันที่จริงก็คือบ่อตกตะกอนที่ใช้ในการบำบัดน้ำเสียนั่นเอง
Coalescers
: หน่วยนี้มาจากคำว่า
Coalescence
ที่แปลว่ารวมตัวกัน
ในที่นี้หมายถึงอุปกรณ์ที่ทำให้เกิดการรวมตัวกันของหยดของเหลวชนิดหนึ่งที่กระจายตัวอยู่ในของเหลวอีกชนิดหนึ่งที่ไม่ละลายเข้าด้วยกัน
เช่นอาจมีหยดน้ำเล็ก ๆ
กระจายตัวปะปนอยู่ในน้ำมันโดยไม่แยกชั้นออกมา
เมื่อผ่านหน่วยที่เรียกว่า
Coalescer
นี้หยดน้ำเล็ก
ๆ ก็จะรวมตัวกันเป็นหยดใหญ่ขึ้นและตกตะกอนลงสู่ด้านล่างของ
Coalescer
และสามารถแยกออกจากน้ำมันได้
Pumps
และ
Drivers
: Pump คืออุปกรณ์ที่เราใช้ในการสูบ-อัดของเหลว
ส่วน Driver
ในที่นี้ไม่ได้แปลว่าคนขับ
แต่หมายถึงหน่วยขับเคลื่อนให้ปั๊มทำงาน
ที่ใช้กันมากที่สุดเห็นจะได้แก่มอเตอร์ไฟฟ้า
นอกนั้นก็เห็นจะได้แก่เครื่องยนต์ดีเซล
(ปั๊มน้ำฉุกเฉิน)
กังหันไอน้ำ
หรือใช้อากาศความดันขับเคลื่อน
Compressors
และ
Drivers
: Compressor คืออุปกรณ์ที่เราใช้ในการเพิ่มความดันให้กับแก๊ส
ส่วน Driver
ก็มีความหมายดังที่กล่าวไว้ในย่อหน้าข้างบน
Agitagors
และ
Mixers
: Agitator จะหมายถึงการกวนผสมด้วยใบพัดกวนผสม
(บางทีก็เรียก
stirrer)
ส่วน
Mixer
เป็นคำที่เป็นกลางมากกว่า
เพราะอาจผสมด้วยกลไกอื่นก็ได้ที่ไม่ใช่การใช้ใบพัดกวน
(เช่นในกรณีของการผสมของแข็งอาจใช้การหมุนของตัวอุปกรณ์ที่บรรจุของแข็งนั้น)
อุปกรณ์พวกวาล์วมักจะไม่มีการกำหนดชื่อให้
(คงเป็นเพราะว่ามันมีเยอะมาก)
เว้นแต่จะเป็นวาล์วตัวสำคัญที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตหรือเป็นวาล์วของระบบนิรภัยที่สำคัญ
ก็อาจมีการกำหนดชื่อให้ก็ได้
(ไม่ใช่ว่าวาล์วระบายความดัน
(safety
valve) ทุกตัวต้องมีชื่อเสมอไป)
เคยประสบกับกรณีของบริษัทแห่งหนึ่งที่สร้างโรงงานพร้อมกันสองโรง
ผลิตผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกันแต่มีเจ้าของเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน
แม้ว่าบริษัทผู้รับก่อสร้างนั้นจะเป็นบริษัทเดียวกัน
แต่ทีมผู้ออกแบบก็เป็นคนละทีมกัน
สิ่งที่ผมเห็นว่ามันเป็นปัญหาก็คือโรงงานสองโรงนั้นใช้อักษรย่อชื่ออุปกรณ์ต่าง
ๆ นั่นแตกต่างกัน
ทำให้ต้องระวังเวลาที่ผู้ที่ทำงานต่างโรงกันมาคุยกันเรื่องกระบวนการผลิต
เพราะแต่ละฝั่งใช้อักษรย่อคนละความหมาย
วิศวกรนั่นคงไม่เท่าใดเพราะต่างคนต่างอยู่
แต่คนที่ทำงานตรงกลางต้องติดต่อทั้งสองฝั่ง
(เช่นฝ่ายจัดซื้อหรือบัญชี)
ต้องระวังให้ดีว่าคำย่อนั้นหมายถึงอะไร
ยกตัวอย่างเช่นสารเคมีที่เรียกย่อว่า
TEA
นั้น
โรงงานหนึ่งหมายถึง Triethyl
aluminium ส่วนอีกโรงงานหนึ่งนั้นหมายถึง
Triethanol
amine ซึ่งเป็นสารคนละชนิดกัน
แต่เวลาวิศวกรจากโรงงานทั้งสองไปคุยกับฝ่ายจัดซื้อต่างบอกกับฝ่ายตัดซื้อแต่เพียงว่าต้องการซื้อ
TEA
แต่สิ่งที่วิศวกรทั้งสองโรงงานต้องการนั้นมันแตกต่างกัน
4.0
Drawing sizes and process flow diagram
(Page 5 of 28)
ส่วนนี้เป็นข้อตกลงในเรื่องของขนาดกระดาษมาตรฐานที่จะใช้ในการเขียนแบบและสิ่งที่ต้องการให้ปรากฏบน
Process
Flow Diagram (PFD)
พึงคำนึงว่าในสมัยนั้นยังไม่มีคอมพิวเตอร์ช่วยในการเขียนแบบ
(CAD)
ยังเขียนแบบด้วยช่างเขียนแบบบนโต๊ะเขียนแบบอยู่
เขียนลงกระดาษไขสำหรับเขียนแบบแล้วไปทำสำเนาด้วยการทำพิมพ์เขียว
(ฝรั่งเรียก
Blue
print เพราะกระดาษจะออกมาเป็นสีน้ำเงิน
แต่ทำไมคนไทยเรียกสีเขียวก็ไม่รู้)
ผมเองก็เคยเจอกับกระดาษนอกเหนือจากมาตรฐานที่เขาแสดงไว้ในหน้า
Page
5 of 28 คือเป็นกระดาษควาสูงขนาดกระดาษ
A4
และมันคลี่ออกได้ยาวเหยียด
ขึ้นอยู่กับว่า Process
Flow ของกระบวนการนั้นมันซับซ้อนแค่ไหน
(ถ้ามันวุ่นวายมากกระดาษก็จะสามารถคลี่ออกได้ยาวมากตามไปด้วย
-
ดูรูปที่
๒ ข้างล่าง)
ตอน
๒ ของเรื่องนี้คงต้องขอจบแค่นี้ก่อน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น