ปี ๒๕๓๑
ช่วงทำงานอยู่มาบตาพุด
มีข่าวว่าบริษัทที่มีแต่โรงงานผลิต
HDPE
(พอลิเอทิลีนความหนาแน่นสูง)
นำ PP
(พอลิโพรพิลีน)
ออกขาย โดยบอกว่าผลิตขึ้นเอง
(ในขณะนั้นประเทศไทยมีแค่โรงงาน
HDPE และ
LDPE อย่างละ
๑ โรง)
ฝ่ายตลาดเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นจริง
ฝ่ายเทคนิคก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นจริงเช่นกัน
เรื่องผ่านมาถึงฝ่าย operation
ที่ผมทำงานอยู่
ลูกน้องที่มีเพื่อนทำงานที่โรงงานนั้นก็บอกยืนยันว่าเป็นจริง
เราก็เลยมานั่งพิจารณากัน
ก็ได้ข้อสรุปว่า "ทำได้"
ความรู้พื้นฐานจากวิชา
"เคมี"
ทำให้เรารู้ว่าเป็นไปได้ที่จะเอาโรงงานผลิต
HDPE มาผลิต
PP
แต่ในทางกลับกันทำไม่ได้
และทำให้เรารู้ว่าด้วยกระบวนการผลิตในรูปแบบดังกล่าวมันมีโอกาสจะเกิดปัญหาอะไร
และต้องวางแนวทางป้องกันและแก้ไขอย่างไร
แต่ถึงกระนั้นโรงงานนั้นก็เกิดความผิดพลาดในระหว่างการแก้ปัญหา
ซึ่งนำไปสู่การเกิด Unconfined
Vapour Cloud Explosion หรือ UVCE
ครั้งแรกของประเทศไทยในเดือนธันวาคม
๒๕๓๑
--------------------
ปี
๒๕๓๙ ระหว่างการ commissioning
โรงโอเลฟินส์ที่เพิ่งสร้างเสร็จ
เพื่อทำการ calibrate
อุปกรณ์วัดที่เรียกว่า
displacer
ที่ใช้วัดระดับรอยต่อระหว่างเฟสน้ำกับเฟสน้ำมันใน
separation drum ของ
quench tower
ช่างเทคนิคที่ทำหน้าที่ดังกล่าวมองไม่เห็นชั้นน้ำมันสีแดงที่เขาเห็นเป็นประจำจากประสบการณ์ของเขา
จึงเข้าใจว่าในตัว drum
นั้นเต็มไปด้วยน้ำ
จึงเปิดวาล์วของเหลวใน drum
ลงท่อระบายน้ำ
แต่สิ่งที่เขาระบายลงไปนั้นคือน้ำมัน
ไม่นานนัก
น้ำมันที่ถูกระบายลงท่อระบายน้ำก็เกิดการระเบิด
นั่นคือการเกิด UVCE
ครั้งที่สองของประเทศไทย
แนฟทาบริสุทธิ์นั้นไม่มีสี
แนฟทาที่เขานำมาใช้ในการ
calibrate
อุปกรณ์ก่อนเริ่มเดินเครื่องครั้งแรกเป็นแนฟทาบริสุทธิ์
มันจึงใสเหมือนน้ำ
ในขณะที่แนฟทาที่วิ่งวนอยู่ในระบบหลังโรงงานเริ่มทำงานไปพักหนึ่ง
มันจะมีสีแดง
มีอยู่ปีหนึ่งไปตรวจฝึกงานนิสิตรายหนึ่งที่โรงโอเลฟินส์
พี่เลี้ยงให้เขานำเสนอกระบวนการผลิตซึ่งเขาก็ทำได้คล่องมาก
เพราะถึงตอนถามคำถาม
ผมก็ถามเขาไปว่าทำไมต้องมีหน่วยกำจัดกำมะถัน
ในเมื่อใน flow
chart ที่คุณแสดงมันไม่มีการป้อนกำมะถัน
ปรากฏว่าพี่เลี้ยงไม่ได้บอกให้รู้ว่าในความเป็นจริงมีการผสมสารประกอบกำมะถันเข้าไปกับแนฟทา
ความรู้จากวิชา
"เคมี"
ทำให้เรารู้ว่าปฏิกริยา
thermal cracking
ที่ใช้ในการผลิตโอเลฟินส์จะดำเนินไปข้างหน้าได้ดีขึ้นที่
partial pressure ต่ำ
ซึ่งก็นำไปสู่การผสมไอน้ำเข้าไปกับ
feed
และยังทำให้เรารู้ว่าเพื่อป้องกันการเกิด
coke
เกาะบนผิวท่อก็ต้องผสมสารประกอบกำมะถันเข้าไปกับ
feed และเช่นกัน
ความรู้จากวิชา "เคมี"
ทำให้เรารู้ว่าโมเลกุลเล็กที่เกิดขึ้นสามารถรวมตัวกลับเป็นโมเลกุลที่ใหญ่ขึ้น
และเป็นสารประกอบที่มี "สี"
ที่มีอะตอม O
และ S
อยู่ในโครงสร้างโมเลกุล
--------------------
ธันวาคม
๒๕๔๒ ณ โรงกลั่นน้ำมันแห่งหนึ่ง
ในขณะที่ชั่วโมงการทำงานสะสมที่ไม่มีการเกิดอุบัติเหตุนั้นกำลังจะถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้
เกิดความผิดพลาดในระหว่างการส่งน้ำมันไปยัง
tank farm
ทำให้น้ำมันปริมาณมากล้นถังเก็บและรั่วไหลลงสู่รางระบายน้ำ
ก่อนจะเกิดการจุดระเบิด ณ
จุดที่ห่างออกไปและทำให้เปลวไฟที่เกิดขึ้นวิ่งกลับมาเผาไหม้ถังน้ำมัน
ความรู้จากวิชา
"เคมี"
ทำให้เรารู้ว่าการระเหยของของเหลวขึ้นอยู่กับแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลของโมเลกุลที่อยู่บนผิวหน้า
(ที่สัมผัสกับอากาศ)
กับโมเลกุลที่อยู่ชั้นล่าง
ในกรณีของน้ำกับน้ำมัน
น้ำมันจะลอยอยู่บนผิวหน้า
ทำให้อัตราการระเหยของน้ำมันที่ลอยอยู่บนผิวหน้าน้ำนั้นจะสูงกว่าปรกติ
น้ำมันที่ปรกติติดไฟยาก
(เช่นดีเซลหรือน้ำมันเตา)
แต่เมื่อลอยอยู่บนผิวน้ำจะสามารถติดไฟได้ง่ายขึ้นมาก
นั่นคือการเกิด UVCE
ครั้งที่สามของประเทศไทย
เหตุการณ์ทำนองเดียวกันมาเกิดซ้ำอีกเมื่อเดือกรกฎาคม
๒๕๖๔ ระหว่างดับเพลิงที่ไหม้โรงงานผลิตโฟมชานกรุงเทพ
(หมิงตี้เคมิคอล)
ไฮโดรคาร์บอนที่รั่วไหลลงผิวน้ำที่ท่วมขัง
ทำให้เกิดเปลวไฟแผ่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
จนทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยเสียชีวิตจากโดนไฟครอก
๑ ราย
--------------------
ตุลาคม
๒๕๔๔ เกิดการระเบิดใหญ่ที่โรงงานแห่งหนึ่งที่
อ.พานทอง
จ.ชลบุรี
มีผู้เสียขีวิตเกือบ ๒๐ ราย
สาเหตุของการระเบิดเกิดจากโรงงานต้องการลดต้นทุนด้วยการเตรียมสารตัวหนึ่งขึ้นใช้เอง
ด้วยการผสมเมทิลเอทิลคีโตนกับไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์
ประมาณ
๒๐ ปีที่แล้ว
ระหว่างนั่งฟังนิสิตป.เอกนำเสนอผลงานในวิชาสัมมนา
เขาพยายามหาตัวทำละลายเพื่อประสานเฟสเบนซีนและไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ให้เป็นเนื้อเดียวกัน
ตัวทำละลายตัวหนึ่งที่เขาหยิบมาใช้คือ
acetone
ผมเห็นเข้าก็เลยถามว่าคุณมีหลักเกณฑ์อย่างไรในการเลือกตัวทำละลาย
เขาก็บอกว่าก็ดูว่าในห้องแลปมีอะไร
ก็หยิบตัวนั้นมาใช้
ผมก็บอกเขาไปว่า
รู้ไหมว่าเล่นกับอะไรอยู่
ดีเท่าไรแล้วที่มันไม่ระเบิดคาคือตอนคุณผสม
แต่ในช่วงเวลานั้นมีเหตุขวดทิ้งสารระเบิดในห้องแลปประมาณ
๓-๔
ครั้ง ครั้งสุดท้ายที่แรงที่สุดนั้นทำลาย
hood ไปหนึ่งตัว
โชคดีที่เป็นช่วงกลางคืนที่ไม่มีคนทำงานในห้องนั้น
๓
ปีที่แล้ว
มีบริษัทแห่งหนึ่งจ้างให้ผมทำวิจัยผลิตสารเคมีตัวหนึ่งด้วยการผสม
น้ำ กรดอะซีติก
และไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เข้าด้วยกัน
ให้สัดส่วนการผสมมาเรียบร้อย
ระหว่างการประชุมออนไลน์ผมก็ถามเขาตรง
ๆ ว่าทางบริษัทก็มีทั้งห้องทดลองและผู้มีความรู้
แต่กลับจ้างให้คนอื่นทำแทน
แสดงว่ารู้ใช่ไหมครับว่าสิ่งที่ดูธรรมดา
ๆ แต่ถ้าผสมกันไม่ถูกวิธีมันก็มีสิทธิระเบิดได้
ผมทำการทดลองในห้องแลปใช้เครื่องแก้วมันไม่มีปัญหาหรอก
แต่ถ้า scale
up เมื่อใด ระวังให้ดี
เพราะมันจะเกิดเรื่องตอนนั้น
ทางฝ่ายบริษัทได้แต่นั่งยิ้ม
ความรู้วิชา
"เคมี"
ทำให้เรารู้ว่าอะไรที่ไม่ควรผสมเข้าด้วยกัน
หรือต้องใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่ง
และอุปกรณ์ต่าง ๆ
ที่สัมผัสกับสารเคมีเหล่านั้นควรทำจากวัสดุอะไร
และถ้าจะให้ดีอาจารย์ที่ควบคุมการทำงานของนิสิตก็ควรต้องรู้ด้วยว่ากำลังให้นิสิตเล่นกับอะไรอยู่
ไม่ใช่ว่าพอเกิดเรื่องทีก็บอกว่า
"ไม่เคยบอกให้นิสิตทำอย่างนั้น"
ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริง
"ไม่เคยบอกนิสิตว่าควรทำอย่างไร"
--------------------
ปัจจุบันเวลาพิมพ์ข้อความติดต่อพูดคุย
ก็มักจะใช้เลข "5"
แทนความหมายว่าหัวเราะ
"ฮ่า"
แต่สำหรับวิศวกรรมเคมีบ้านเราแล้ว
เหตุการณ์วันที่ ๕ เดือน ๕
(พฤษภาคม)
ปี ๕๕ (พ.ศ.
๒๕๕๕)
จัดว่าเป็นวันที่ฝันร้ายกลายเป็นจริง
เมื่อเกิดการระเบิดที่โรงงาน
Bangkok Synthetic
Elastomer ที่จัดว่าเป็น UVCE
ครั้งที่ ๔ ของไทย
เหตุการณ์นั้นสื่อต่าง
ๆ ประโคมข่าวว่าเป็นการระเบิดเกิดจากโทลูอีน
แต่ความรู้เคมีนั้นบ่งบอกว่าไม่น่าใช่
(ตัวการที่แท้จริงน่าจะเป็น
Butadiene
ที่ละลายอยู่ในโทลูอีน)
และในทำนองเดียวกัน
การระเบิดของโรงงานหมิงตี้เคมีคอล
เมื่อเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔ นั้น
สไตรีนก็ไม่น่าจะเป็นตัวการ
(ตัวการที่แล้วจริงน่าจะเป็น
pentane มากกว่า)
--------------------
ประมาณสิบปีที่แล้วได้เข้าร่วมทีมวิศวกรที่ปรึกษาของคณะเพื่อให้ความเห็นในการก่อสร้างโรงงานผลิตยาแห่งหนึ่งของสภากาชาดไทย
ในเดือนสิงหาคม ปี ๒๕๕๙
ก่อนการประชุมร่วมระหว่างวิศวกรฝั่งไทยกับฝั่งเกาหลี
ทราบมาว่าในที่ประชุมจะมีการหาข้อยุติเรื่อง
mechanical seal ของ
ethanol pump
พังเร็วผิดปรกติ
ผมก็ถามน้องที่เป็นหัวหน้าคณะทำงานว่าเป็นปั๊มตัวไหน
พอรู้ว่าเป็นตัวไหนก็เลยบอกน้องเขาไปว่า
"เดินเครื่องผิดวิธีหรือเปล่า"
น้องหัวหน้าคณะทำงานก็ตอบกลับมาว่า
"พี่พูดเหมือนวิศวกรเกาหลีเลย"
(โรงงานนี้เป็นการก่อสร้างแบบ
"Turnkey
project"
โดยเจ้าของเทคโนโลยีทางเกาหลีเป็นผู้รับเหมารับทำหน้าที่ทุกอย่างตั้งแต่ออกแบบไปจนถึงทำให้เดินครื่องได้
เหมือนกับเวลาที่เราซื้อรถยนต์
คือไม่ต้องไปคุมการผลิต
แค่ไขกุญแจติดเครื่องแล้วก็ขับออกไปเลย)
คือทางทีมวิศวกรเครื่องกลฝั่งไทยคิดว่าปัญหาเกิดจากการติดตั้งไม่ถูกวิธี
แต่จากขนาดปั๊มและการติดตั้งที่เห็น
ผมเห็นว่ามันไม่มีปัญหาอะไร
(ตัวอื่นที่ติดตั้งแบบเดียวกันมันก็ไม่มีปัญหา)
ที่ผมเห็นว่าเป็นปัญหามากกว่าคือ
"ขั้นตอนการหยุดเดินเครื่อง"
เพราะดูจากตำแหน่งที่ตั้งปั๊มและสวิตช์ปิด-เปิด
และจำนวนพนักงานที่เขาใช้แล้ว
โอกาสที่ปั๊มจะเกิดการ run
dry ค่อนข้างสูง
(คือไม่มีของเหลวในปั๊ม)
และถ้าปั๊ม run
dry เมื่อใด mechanical
seal พังได้ง่าย ๆ
(ว่าแต่รู้จักไหมครับว่า
mechanical
seal คืออะไร)
สองปีที่แล้ว
ศิษย์เก่าภาควิชาที่ทำงานที่โรงงานผลิต
PP
ส่งข้อความมาถามว่าจะหาว่าคราบสีขาวบน
mechanical seal
(รู้จักไหมครับว่าคืออะไร)
ของ propylene
pump มาได้อย่าง จะเริ่มต้นอย่างไรดี
ผมก็ถามเขาว่าโพรพิลีนนั้นมาจากไหน
และมีการ flushing
ที่ mechanical
seal หรือเปล่า ใช้อะไรเป็นของเหลว
flushing
และควรใช้วิธีการใดในการตรวจสอบว่าผงของแข็งสีขาวที่พบเจอนั้นคืออะไร
ความรู้เรื่องโครงสร้างของปั๊มทำให้รู้ว่า
mechanical seal
เป็นบริเวณที่อุณหภูมิจะสูงกว่าส่วนอื่นและต้องการการระบายความร้อน
ดังนั้นบริเวณดังกล่าวมีโอกาสที่จะเกิดปฏิกิริยาที่ไม่ต้องการได้
--------------------
มีนาคม
๒๕๕๗ ระหว่างเดินไปเอาน้ำร้อนในห้องธุการเพื่อชงกาแฟกิน
หัวหน้าภาคที่นั่งอยู่แถวนั้นก็ยื่นเอกสารมาให้ปึกหนึ่งแล้วบอกว่าพี่ช่วยดูให้หน่อย
ผมเอามาพลิกดู
ในเอกสารนั้นเต็มไปด้วยข้อกำหนดคุณลักษณะอุปกรณ์การผลิตต่าง
ๆ สำหรับกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมเคมีและชีวภาพ
ไม่ว่าจะเป็น ท่อ,
วาล์ว,
ปั๊ม,
Fermenter, Spray dryer, อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล
ฯลฯ แต่ข้อกำหนดคุณลักษณะ
(ที่เราเรียกว่า
specification)
ไม่ว่าเป็นเรื่องการต้านทานการกัดกร่อน,
วัสดุที่ใช้
หรือการป้องกันการรั่วไหล
จัดว่าสูงมาก ก็เลยถามกลับไปว่า
"จะเอาไปผลิตอาวุธเคมี-ชีวภาพหรือ"
หัวหน้าภาคก็ตอบกลับมาว่า
"พี่ดูออก
งั้นช่วยไปเป็นตัวแทนให้หน่อย"
นับจากวันนั้นก็เลยได้ไปเป็นช่วยกรมการค้าต่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์
ทำงานในอนุกรรมการพิจารณาสินค้าที่ใช้ได้สองทาง
(Dual Use Item -
DUI)
--------------------
พฤษภาคม
๒๕๕๙ มีการกดไลค์กดแขร์ข้อความบนหนึ่งบน
facebook ว่า
ถ้าให้ความร้อนด้วยไอน้ำความดันต่ำ
จะใช้ไอน้ำน้อยกว่าการให้ความร้อนด้วยไอน้ำความดันสูง
เพราะ latent
heat ต่อ kg
ของไอน้ำความดันต่ำนั้นสูงกว่าของไอน้ำความดันสูง
ซึ่งเขาบอกว่าวิศวกรส่วนใหญ่นั้นไม่รู้เรื่องนี้
และถ้าได้มาเรียนกับเขาก็จะไม่ต้องเป็นวิศวกรกาก
ๆ แบบที่วิศวกรส่วนใหญ่เป็น
คนที่กดไลค์กดแชร์ข้อความของเขามีทั้งศิษย์เก่าของภาควิชาและ
"อาจารย์"
จากหลายสถาบัน
(นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมผมจึงได้เห็นโพสดังกล่าว)
ปรกติแล้วผมจะอ่านก่อนกดไลค์กดแชร์
แต่เมื่อ่านแล้วเห็นว่าควรเขียนบทความอธิบายสิ่งที่ถูกต้องลง
blog ของตัวเองหน่วย
ในฐานะที่เวลาทำงานภาคสนามมักจะเจอแต่วิศวกรจำนวนส่วนน้อย
โดยหลักของการถ่ายเทความร้อน
ฝั่งสายร้อนต้องมีอุณหภูมิสูงกว่าฝั่งสายรับความร้อน
และถ้าต้องการอุณหภูมิสูง
ก็ต้องใช้ไอน้ำความดันสูงขึ้น
ดังนั้นโดย "หลักการ"
ก็คือ "อุณหภูมิ"
ฝั่งรับความร้อนเป็นตัวกำหนด
"ความดัน"
ต่ำสุดของไอน้ำที่ใช้งานได้
และยังมีเรื่องการส่งไปตามระบบท่ออีกที่ว่าไอน้ำความดันสูงจะมีปริมาตรจำเพาะเล็กกว่าไอน้ำความดันต่ำ
ทำให้ใช้ท่อขนาดเล็กกว่าและยังสามารถส่งได้ไกลกว่า
คนทำงานเป็นวิศวกรนั้นต้องรู้จักเลือกใช้สิ่งที่เหมาะสมกับงาน
แต่ดูเหมือนว่ายุคหลัง ๆ
ชอบที่จะเป็น "วิศวกรสูตรสำเร็จ"
และก็มักจะชื่นชมคนที่สอนให้เป็นวิศวกรสูตรสำเร็จด้วย
(คือพวกที่ชอบบอกว่าทำตามที่เขาบอกได้เลย
ไม่ต้องพิจารณาอย่างอื่น)
--------------------
ต้นปี
๒๕๖๐ สาวน้อยวิศวกรเคมีรายหนึ่งที่กำลังอยู่ระหว่างการหางานทำ
มาเล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ที่ไปเจอมาตอนสอบสัมภาษณ์เข้าทำงานเป็น
process engineer
ที่บริษัทที่ทำงานเกี่ยวกับปิโตรเคมีแห่งหนึ่งที่ระยอง
คำถามหนึ่งที่เขาเจอมาและไม่แน่ใจในคำตอบก็คือ
"ทำไมเวลาตีดาบจึงใช้เตาถ่าน
ไม่ใช้เตาแก๊ส"
ผมก็บอกเขาไปว่ายุคคุณเขายังเรียนเรื่องเหล่านี้อยู่หรือเปล่าผมไม่รู้นะ
แต่สมัยผมยังเรียนกันอยู่
คำตอบของคำถามอยู่ในวิชา
"Engineering
Materials" และ "Manufacturing
Process" ที่เรียนกันตอนปี
๑ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับความแข็งของเหล็ก
การเติมคาร์บอนเข้าเนื้อเหล็ก
และการทำ heat
treatment
--------------------
การฝึกงานนำมาซึ่งคำถามหลากหลายประเภท
เช่น ทำไมน้ำทิ้งมีสีเหลือง
(จากนิสิตฝึกงานที่บ้านค่าย
- ความรู้วิชาเคมี),
ทำไมน้ำมันเตาคุณภาพไม่คงที่
(จากนิสิตฝึกงานโรงกลั่นศรีราชา
-
วิธีการทำให้น้ำมันเตาลุกติดไฟ)
ฯลฯ
แต่คำถามเกี่ยวกับการประหยัดพลังงานให้กับปั๊มเนื่องจากปั๊มเดิมนั้นมีขนาดใหญ่เกินไปเป็นคำถามที่เจอบ่อยมากที่สุด
(ปั๊มหอยโข่งนะ)
แนวทางที่มักถูกนำมาพิจารณากันก็คือ
การเปลี่ยนปั๊ม,
เปลี่ยนขนาดใบพัด
หรือเปลี่ยนมอเตอร์
กันยายน
๒๕๖๐ มีคำถามมาจากศิษย์เก่าภาควิชาคนหนึ่ง
มาเปรยให้ฟังว่าเขาเสนอทางเลือกใหม่คือการปรับความถี่กระแสไฟฟ้า
แต่ปรากฏว่าจะโดนยิงคำถามเรื่องความเหมาะสมมาก
ก็เลยเล่าให้เขาฟังเรื่องมีวิธีใดบ้างที่เราสามารถประหยัดพลังงานหรือปรับอัตราการไหลให้กับปั๊มหอยโข่ง
และแต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียอย่างไร
และภาพลักษณ์ของอุปกรณ์
"อิเล็กทรอนิกส์กำลัง"
เมื่อ ๓๐ ปีที่แล้ว
พอเล่าเสร็จเขาก็บอกว่า
"ผมเข้าใจแล้วครับ
ว่าทำไมผู้บริหารที่อายุ
๕๐ ขึ้นมักจะมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้เสมอ"
(ผมก็คนรุ่นเดียวกับผู้บริหารของคุณเหมือนกัน
ก็เลยพอจะเข้าใจว่าทำไมเขาเป็นแบบนั้น)
ความรู้เกี่ยวกับการทำงานของปั๊มหอยโข่งทำให้เรารู้ว่าความดันหรืออัตราการไหลด้านขาออกนั้นขึ้นกับความเร็วที่ของเหลวถูกเหวี่ยงออกไปจากปลาย
impeller
ความรู้เกี่ยวกับไฟฟ้ากำลังทำให้เรารู้ว่าการปรับความเร็วรอบการหมุนนั้นทำได้ด้วยวิธีใดบ้าง
และความรู้เกี่ยวกับการบริหารองค์กรทำให้เห็นว่าเพื่อให้ภาพรวมดีสุดนั้น
ควรเลือกทางเลือกใด
--------------------
ตุลาคม
๒๕๖๓
เกิดการฉีกขาดตามด้วยการระเบิดของแก๊สที่รั่วออกจากท่อส่งแก๊สธรรมชาติที่
อ.เปร็ง
จ.ฉะเชิงเทรา
ศิษย์เก่าของภาควิชาคนหนึ่งที่ได้เข้าไปดูที่เกิดเหตุได้โพสภาพปลายท่อที่ขาด
ซึ่งพอผมเห็นเขาก็ทักเขาไปว่านั่นใช่ปลายท่อที่ขาดหรือ
เขาก็ยืนยันมาว่าใช่
ผมก็ว่ามันแปลกมากนะ
คือมันขาดในแนวตั้งฉากแบบที่เรียกว่า
"Guillotine
cut" ก็เลยฝากเขาดูหน่อยว่าตรงนั้นเป็นรอยเชื่อมหรือเปล่า
คืนนั้นเราได้สนทนาทางโทรศัพท์กันนานกว่าครึ่งชั่วโมง
ความรู้จากวิชา
mechanic of material
ทำให้เรารู้ว่าสำหรับท่อรับความดันนั้น
hoop stress
หรือความเค้นที่ทำให้ท่อพองตัวจะมีค่าเป็นสองเท่าของ
longitudinal stress
หรือความเค้นที่ทำให้ท่อยืดตัว
ดังนั้นสำหรับท่อที่เสียหายจากความดันสูงเกินเป็นเรื่องปรกติที่จะฉีกขาดตามแนวยาว
การขาดในแนวขวางจึงเป็นเรื่องที่ผิดปรกติมาก
(คือต้องมีสาเหตุอื่นร่วมด้วยนอกเหนือจากความดันที่อาจไม่ได้สูงเกิน)
และความรู้จากวิชาเคมีเช่นกันที่ทำให้รู้ว่าตำแหน่งรอยเชื่อมนั้นเป็นจุดที่เนื้อโลหะเกิดการกัดกร่อนได้ง่ายกว่าบริเวณอื่น
โดยเฉพาะเมื่อมีความเค้น
เป็นการกัดกร่อนแบบที่เรียกว่า
Stress Corrosion
Cracking หรือ SCC
--------------------
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ได้รับเชิญจากบริษัทขุดเจาะน้ำมันแห่งหนึ่งให้ไปข่วยประเมินวิศวกรของเขาที่ขอปรับตำแหน่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน
corrosion
(ระดับเงินเดือนเทียบเท่าผู้บริหารระดับสูง)
คนหนึ่งตรี-โท
วิศวกรรมเคมี อีกคนก็ตรี-โท-เอก
วิศวกรรมเคมี ใช้เวลาพูดคุยกันคนละสองชั่วโมง
(ไม่รวมเอกสารที่ส่งให้อ่านก่อนหน้าหนึ่งเดือน)
เนื้อหาวิชาการที่คุยกันก็มีนั้นแหล่งที่มาของกรดที่เป็นตัวปัญหา,
multi phase flow ในท่อ,
sulphide stress cracking (SSC), galvanic corrosion protection
ทั้งการใช้ sacrificial
anode และไฟฟ้ากระแสตรง
ในการป้องกันการกัดกร่อนของโครงสร้างและระบบท่อที่เป็นโลหะ
ฯลฯ ซึ่งต่างก็เป็นสิ่งที่อยู่ในวิชาเคมีพื้นฐานทั้งนั้น
--------------------
เคยมีนิสิตถามผมว่า
ทำไมต้องเรียนไปเยอะ ๆ
ในเมื่อจบไปแล้วก็ได้ใช้เพียงไม่กี่อย่าง
ผมก็ถามเขากลับไปว่า
ถ้ามีร้านขาวแกงอยู่ ๒ ร้าน
ร้านแรกมีกับข้าวให้เลือก
๓๐ อย่าง ร้านที่สองมีกับข้าวให้เลือก
๕ อย่าง คุณจะเข้าร้านไหน
เขาก็ตอบว่าเข้าร้านแรก
ผมก็ถามต่อว่าทำไม
เขาก็ตอบกลับมาว่าเพราะมีกับข้าวให้เลือกเยอะกว่า
ผมก็ถามเขาต่ออีกว่า
เวลาคุณสั่งข้าวราดแกง
คุณสั่งกับข้าวกี่อย่าง
เขาก็ตอบกลับมาว่า
๒ หรือ ๓ อย่าง
ผมก็บอกเขาไปว่า
ร้านที่สองก็มีกับข้าวให้เลือกตั้ง
๕ อย่าง มากกว่าที่คุณต้องการอีก
แล้วทำไมจึงไม่เลือก
ถ้าเปรียบโรงเรียนเป็นร้านข้าวแกง
หน้าที่ของโรงเรียนคือให้ผู้เรียนได้มีโอกาสสัมผัสกับความรู้แขนงต่าง
ๆ เปรียบเหมือนกับร้านข้าวแกงที่มีกับข้าวให้เลือกให้ลองเยอะ
ๆ เพื่อให้ผู้เรียนรู้ว่าชอบอันไหน
ถนัดอันไหน เพื่อจะได้เจาะลึกไปทางด้านนั้น
คือเลือกศึกษาคณะที่เรียนเจาะลึกทางด้านนั้นในระดับมหาวิทยาลัย
การที่มาเรียนในสายวิชาชีพหนึ่งเพื่อจบไปทำงานด้านอื่นที่ไม่เกี่ยวกับสายวิชาชีพที่เรียน
ในฐานะผู้สอนก็มองได้ว่าการสอนนั้นเป็นการสูญเปล่า
และก็น่าสงสารผู้เรียนที่ต้องมาเสียเวลาอย่างน้อย
๔
ปีกับสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบหรือเพื่อให้รู้ว่าสิ่งที่เรียนนั้นไม่เหมาะกับตัวเอง
เมื่อพบว่าสิ่งที่ตนเองเรียนไปนั้น
ไม่ได้นำไปใช้ในการทำงาน
เพราะเปลี่ยนสายวิชาชีพ
หรือทำงานที่เฉพาะเจาะจงมาก
ก็ไม่ควรที่จะกลับมาบอกภาควิชาว่า
วิชาเหล่านั้นไม่ควรสอน
ไปสอนวิชาอื่นดีกว่า
เพราะตัวสถาบันการศึกษานั้นไม่ได้ผลิตคนเพื่อป้อนให้กับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง
หรือแผนกใดแผนกหนึ่งโดยเฉพาะ
ทำได้เพียงแค่ให้ความรู้พื้นฐานแก่ผู้เรียน
เพื่อให้ไปสามารถต่อยอดความรู้หรือศึกษาด้วยตนเองได้ต่อไป
--------------------
สอนหนังสือมา
๓๐ ปี สอนแลปเคมีมาทุกปี
สำหรับนิสิตรุ่นนี้ถือได้ว่าเป็นรุ่นเดียวที่ไม่ได้สอนเพราะสถานการณ์โควิด
ดังนั้นวันนี้
ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของพวกคุณในการเรียนที่ภาควิชานี้
ก็เอาเป็นว่า
ที่กล่าวมาทั้งหมดก็เป็นเพียงแค่การเล่าให้ฟัง
ว่าเนื้อหาวิชาในหลักสูตรที่เรียนกันไปนั้น
คนที่ทำงานในสาขาวิชาชีพนี้จริง
เขาได้ใช้ความรู้อะไรกัน
ท้ายนี้
ขอให้พวกคุณประสบแต่ความสุขทั้งด้านหน้าที่การงานและครอบครัวทุกคน
ห้องทำงาน
อาคารวิศว ๔ ชั้น ๙ วันจันทร์ที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๗