วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ปากกาหมึกซึม MO Memoir : Thursday 28 February 2556

ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอเห็นหลาย ๆ คนทำซ้ำ ๆ กันก็เลยแปลกใจ จนต้องถามไปว่า "ครั้งสุดท้ายที่คุณได้ใช้ปากกาหมึกซึมนั้นมันเมื่อไร"

เช้าวันอังคารที่ผ่านมาต้องไปทำหน้าที่เป็นกรรมการสอบสัมภาษณ์นักเรียน ในการสอบนั้นนักเรียนผู้เข้ารับการสัมภาษณ์จะต้องมาลงชื่อที่โต๊ะเข้าสอบที่ตัวเองต้องไปสอบ สิ่งที่นักเรียนแต่ละคนถือมาก็เห็นมีแต่แฟ้มเก็บผลงานสมัยเรียนในโรงเรียน (ซึ่งผมเองไม่คิดจะดู) พอให้ลงชื่อในแบบฟอร์มว่าได้มาสอบกับกรรมการก็ปรากฏว่าไม่ได้มีการเตรียมปากกามา ผมก็เลยต้องยื่นปากกาของผมให้เขาใช้ ซึ่งมันเป็น "ปากกาหมึกซึม"
   
ตอนที่ได้เห็นคนแรกใช้ปากกาหมึกซึมลงชื่อ ผมก็ยังไม่รู้สึกอะไร แต่พอผ่านไปหลายคนติด ๆ กันเข้าก็แปลกใจ คือดูเหมือนเขาจะไม่รู้ว่าเวลาเขียนด้วยปากกาหมึกซึมนั้นต้องให้หัวปากกาด้านไหนหันขึ้นบน ด้านไหนหันลงล่าง เพราะเห็นเขาพลิกปากกาไปมา ก่อนที่จะเอาด้านที่ควรต้องหันลงล่างนั้นหันขึ้นข้างบน (รูปที่ ๑ (ขวา)) ถ้าจะถามว่าทำแบบนี้แล้วมันเขียนได้ไหม คำตอบก็คือมันก็เขียนได้ (คือมีรอยน้ำหมึกบนกระดาษ) แต่มันจะไม่ลื่นและเส้นที่ได้จะไม่สม่ำเสมอ


รูปที่ ๑ (ซ้าย) หัวปากกาหมึกซึม (กลาง) วางหัวปากกาที่ถูกต้อง (ขวา) การวางหัวปากกาที่ไม่ถูกต้อง

พูดถึงเรื่องปากกาหมึกซึมแล้วทำให้นึกถึงสมัยเรียนชั้นประถมที่ต้องฝึกเขียนหนังสือโดยใช้ "ปากกาคอแร้ง" ปากกานี้จะมีตัวด้ามเป็นไม้ (สมัยผมเรียนนะ) แล้วต้องไปซื้อหัวปากกาที่เป็นโลหะมาเสียบ หัวปากกาก็มีหลายแบบ แต่ทางโรงเรียนให้ใช้อยู่ ๒ แบบ แบบหนึ่งใช้เขียนภาษาไทย และอีกแบบใช้เขียนภาษาอังกฤษ เวลาเขียนก็ต้องเอาหัวปากกาจุ่มน้ำหมึกในขวด พอหมึกที่มันหัวปากกาอุ้มเอาไว้มันหมดก็ต้องจุ่มใหม่ ถ้าหัวปากกามันอุ้มน้ำหมึกมากเกินไปก็ต้องซับออกบ้างโดยใช้ "กระดาษซับ" สำหรับใช้ซับน้ำหมึก เพราะถ้าไม่น้ำหมึกเอาส่วนเกินออกไปมันจะไปหยดเป็นรอยบนกระดาษที่เราเขียน
   
หัวปากกาคอแร้งนั้นก่อนเอาไปใช้ก็ต้องเอาหัวปากกาไปลนไฟก่อนแล้วก็จุ่มน้ำ ซึ่งตอนนั้นก็ไม่เคยคิดสงสัยว่าทำไปทำไม เห็นเขาทำกันอย่างนั้นก็ทำต่อ ๆ กันมา พอมาเรียนมหาวิทยาลัยก็ได้รู้ว่าว่าการทำดังกล่าวเป็นวิธีการชุบแข็งโลหะแบบหนึ่ง ที่ต้องทำเช่นนี้คงเพราะไม่ต้องการให้หัวปากกาสึกหรอเร็ว จะได้ใช้ได้นาน ๆ