จากการไปถ่ายรูปตามสถานีรถไฟเล็ก
ๆ หลายแห่ง
ทำให้รู้ว่าเดี๋ยวนี้มีคู่หนุ่มสาวหลายรายมาใช้บรรกาศที่สถานีรถไฟเล็ก
ๆ เพื่อถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกันไม่น้อยเหมือนกัน
เหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะว่าถ้าไม่พิจารณาที่ตัวรางและหมอนรองรางที่เปลี่ยนตามอายุการใช้งาน
ตัวอาคารสถานีและบริเวณโดยรอบยังคงบรรยากาศแบบดั้งเดิมในอดีตอยู่
สิ่งที่หายไปคือความพลุกพล่านของผู้คนที่เปลี่ยนไปใช้การเดินทางทางรถยนต์แทน
รูปที่ ๑
สถานีนี้อยู่ระหว่างวัดงิ้วราย
(ไปกรุงเทพ)
และท่าแฉลบ (ไปนครปฐม)
"ส้มโอหวาน
ข้าวสารขาว ลูกสาวสวย"
คือคำขวัญประจำอำเภอนครชัยศรีนี้
ยี่สิบกว่าปีที่แล้วเวลาขับรถเข้ากรุงเทพเพื่อเลี่ยงรถติดบนถนนบรมราชชนนี
ก็จะใช้เส้นทางเข้านครชัยศรี
และวิ่งมาตามถนนเลียบทางรถไฟสายใต้
มาจนถึงพุทธมณฑลสาย ๔
ตอนนั้นถนนเส้นนี้เป็นเพียงถนนเล็ก
ๆ สองช่องทางจราจร
ข้างทางเป็นคูน้ำไม่ก็นาข้าว
ไม่มีไฟส่องสว่าง
ถ้าขับกลางคืนก็จะได้ยินเสียงเปาะแป๊ะบนกระจกหน้ารถตลอดทาง
เป็นเสียงรถวิ่งชนแมลงที่มาเล่นแสงไฟหน้ารถ
เรียกว่าวันรุ่งขึ้นก็ต้องทำการล้างกระจกหน้า
ไฟหน้า และฝากระโปรงหน้ากัน
เพราะเศษซากแมลงเต็มไปหมด
อีกเหตุผลหนึ่งที่ไปนครชัยศรีคือ
เปลี่ยนบรรยากาศทานอาหาร
คือไปกินข้าวกันที่ร้านอาหารริมแม่น้ำท่าจีน
ที่กินเป็นประจำคือปลาแรดทอด
ตอนนั้นร้านที่ไปกินประจำคือร้านที่อยู่เชิงสะพานข้ามแม่น้ำ
ใกล้กับสถานีตำรวจ
ปัจจุบันร้านนี้ก็ยังคงอยู่
ตอนนั้นยังไม่มีการประชาสัมพันธ์ให้คนไปเที่ยวตลาดท่านา
ตลาดน้ำวัดลำพญาก็ยังไม่เกิด
เย็นวันที่ไปถึงสถานีนั้น
เห็นชาวบ้านท่านหนึ่งกำลังเข็นรถเข็นบรรทุกผักบรรจุถุงพลาสติกใสใบใหญ่
ๆ หลายใบอยู่ที่สถานี
เขาก็ถามผมว่ามาถ่ายรูปงานพรีเวดดิ้งหรือ
ผมก็ตอบกลับไปว่าไม่ใช่
เพียงแค่ต้องการมาบันทึกภาพตัวอาคารสถานีเก่า
ๆ ที่ปัจจุบันค่อย ๆ ถูกรื้อถอนหายไป
(เช่นสถานีถูกปิด)
หรือเพื่อก่อสร้างใหม่เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง
ผมก็บอกกับเขาว่าดูจากตัวอาคารสถานีที่มีขนาดใหญ่
แสดงว่าแต่ก่อนแถวนี้คงพลุกพล่านน่าดู
ชาวบ้านท่านนั้นก็บอกว่าใช่
พร้อมกับชี้ไปยังคลองที่อยู่ทางด้านทิศใต้ของทางรถไฟ
ที่คู่ขนานไปกับทางรถไฟ
คือคลองเจดีย์บูชา
พร้อมกับเล่าว่าแต่ก่อนตรงบริเวณนี้จะเป็นจุดที่เขาเอาผักที่ขนมาทางเรือมาขึ้นบกกันที่นี่
(แต่ปัจจุบันไม่มีแล้ว)
"เจ้าพระยา
- คลองมหาสวัสดิ์
- ท่าจีน
- คลองเจดีย์บูชา"
คงเป็นเส้นทางหลักทางน้ำสำหรับการเดินทางระหว่างกรุงเทพกับนครปฐม
แต่การมาของเส้นทางรถไฟสายใต้ที่วิ่งคู่ขนานไปกับคลองมหาสวัสดิ์และคลองเจดีย์บูชา
ทำให้การเดินทางระหว่างกรุงเทพกับสุพรรณบุรีนั้นสะดวกขึ้น
คือใช้สถานีวัดงิ้วรายเป็นจุดเปลี่ยนระหว่างรถไฟกับเรือ
ในช่วงที่ยังไม่มีถนนบรมราชชนนี
ทางรถไฟเองยังช่วยให้การเดินทางจากนครชัยศรีเข้าสู่กรุงเทพสะดวกขึ้น
เพราะถ้าเดินทางด้วยรถยนต์
ก็ต้องออกไปยังถนนเพชรเกษมก่อน
จากนั้นจึงวิ่งเข้าสามพราน
หนองแขม บางแค
มายังสถานีขนส่งสายใต้ที่อยู่ที่สามแยกไฟฉาย
(ที่ตอนนี้เป็นสี่แยกไปแล้ว)
ในขณะที่เส้นทางรถไฟจะมุ่งไปยังหัวลำโพงไม่ก็สถานีธนบุรี
ที่สามารถนั่งเรือข้ามฟากต่อมายังท่าพระจันทร์ได้เลย
(แต่ก่อนท่าเรือ
"ท่ารถไฟ"
จะมีเรือข้ามฟากไปท่าพระจันทร์
แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเหลือแค่เรือด่วนเจ้าพระยา
และยังเป็นต้นทางรถเมล์สาย
๘๓ วิ่งไปตลิ่งชัน
(ที่วิ่งเส้นทางไม่เหมือนกับสาย
๘๓ ในปัจจุบัน)
ข้อเสียของเส้นทางรถไฟสายใต้ช่วงสะพานพระราม
๖ -
ชุมทางหนองปลาดุกเห็นจะได้แก่การที่มันวางตัวในแนวตะวันออก-ตะวันตก
ทำให้บริเวณชานชาลาสถานีโดนแดดทั้งวัน
เพราะจะว่าไปจากที่ได้แวะไปถ่ายรูปมาหลายสถานี
บางสถานีก็มีบรรยากาศที่เงียบสงบดี
เหมาะแก่การนั่งจิบกาแฟตากสายลมพัดผ่านเพื่อคอยดูรถไฟที่จะวิ่งผ่านไปมาให้ดู
ขึ้นรถแล้ว
กำลังจะติดเครื่องเพื่อขับรถกลับ
ก็ได้ยินเสียงประกาศของทางสถานีว่ากำลังมีรถไฟมา
วิ่งจากสถานีน้ำตกปลายทางธนบุรี
ก็เลยกลับไปรอถ่ายวิดิโอรถไฟวิ่งเข้าสถานีและวิ่งออก
มีผู้โดยสารขึ้นที่สถานีนี้
๒-๓
คน หนึ่งในนั้นก็คือชาวบ้านที่ผมได้สนทนาด้วยเมื่อมาถึง
ท่านขึ้นรถตู้หัวขบวน
พร้อมกับผักถุงใหญ่ ๆ
หลายถุงที่นำมาด้วย
รูปที่ ๒
แผนที่กองทัพอังกฤษจัดทำช่วงสงครามโลกครั้งที่
๒ สถานีนครชัยศรีอยู่ในกรอบสีเหลืองในรูป
จะเห็นว่าตัวอำเภออยู่ตรงส่วนแม่น้ำที่มีการโค้งวน
สำหรับเรือที่ไม่ต้องการเสียเวลาก็สามารถใช้คลองลัดงิ้วรายเดินทางในแนวเหนือ-ใต้ได้โดยไม่ต้องวนเข้าอำเภอนครชัยศรี
รูปที่ ๓
แผนที่เขตสุขาภิบาลนครชัยศรี
จากราชกิจจานุเบกษา วันที่
๓ สิงหาคม พ.ศ.
๒๔๙๙
รูปที่ ๔
ตัวสถานีเป็นอาคารใหญ่
แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองในอดีตของสถานีนี้
รูปที่ ๕
ตัวอาคารสถานี
มองจากฝั่งตะวันออกไปฝั่งตะวันตก
รูปที่ ๖
บริเวณที่พักนั่งรอรถไฟ
รูปที่ ๗ ภาพบรรยากาศเก่า
ๆ ของช่องจำหน่ายตั๋วแบบเดิมที่ผนังเป็นไม้ระแนง
รูปที่ ๘
อาคารหลังเล็ก ๆ
ที่อยู่ข้างอาคารสถานีหลัก
เส้นทางรถไฟถูกยกสูงกว่าเดิมมาก
จนตัวอาคารเดิมอยู่ต่ำลงไปจากระดับรางปัจจุบันมาก
รูปที่ ๙
มองจากหน้าตัวอาคารสถานีไปทางทิศตะวันออก
(มุ่งไปตลิ่งชัน)รูปที่ ๑๐
มองจากหน้าตัวอาคารสถานีไปทางทิศตะวันตก
(มุ่งไปนครปฐม)
รูปที่ ๑๑
โรงเก็บรถซ่อมบำรุงราง
รูปที่ ๑๒
สุดชานชาลาด้านทิศตะวันตก
มองไปยังเส้นทางที่มาจากทางนครปฐม
รูปที่ ๑๓
บรรยากาศถนนเลียบทางรถไฟฝั่งด้านทิศใต้ของตัวสถานี
รูปที่ ๑๔
มองจากชานชาลาฝั่งทิศใต้ไปยังตัวอาคารสถานีฝั่งตรงข้าม
รูปที่ ๑๕
อีกมุมหนึ่งของตัวอาคารสถานี
มองจากฝั่งตะวันตกไปฝั่งตะวันออก
รูปที่ ๑๖
พอกำลังจะกลับ ก็มีขบวนรถ
น้ำตก-ธนบุรี
กำลังจะเข้ามาสถานี
ก็เลยขอถ่ายรูปบรรยากาศรถไฟกำลังเข้าจอดที่สถานีเสียหน่อย
รูปที่ ๑๗
กำลังรอให้คนขนผักขึ้นที่ตู้แรกอยู่