เอกสารฉบับนี้แจกจ่ายเป็นการภายใน
ไม่นำเนื้อหาลง blog
บันทึกช่วยจำของกลุ่มวิจัยตัวเร่งปฏิกิริยาโลหะออกไซด์ บันทึกความจำของวิศวกรเคมีผู้ลงมือปฏิบัติ (mo.memoir@gmail.com)
วันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2557
วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2557
แนวทางหัวข้อการทำวิทยานิพนธ์นิสิตรหัส ๕๕ (ตอนที่ ๒๒) MO Memoir : Tuesday 28 January 2557
เนื้อหาในเอกสารฉบับนี้เกี่ยวกับการวิเคราะห์
NH3-TPD
ที่ผมคุยกับสาวน้อยจากบ้านสวนเมื่อเย็นวานนี้
๑.
ในการวิเคราะห์
NH3-TPD
นั้น
หลังจากที่เราทำการไล่น้ำออกแล้ว
เราจะผ่านแก๊สผสม He
+ NH3 ที่ความเข้มข้นหนึ่งไปบนตัวอย่าง
ณ อุณหภูมิหนึ่ง เป็นระยะเวลาช่วงหนึ่ง
อุณหภูมิที่ทำการดูดซับนั้นขึ้นอยู่กับว่าตัวอย่างของเรามีความเป็นกรด
"แรง
-
strength" แค่ไหน
ในกรณีของตัวเร่งปฏิกิริยาที่ความแรงของตำแหน่งที่เป็นกรดนั้นต่ำมาก
ก็ต้องใช้อุณหภูมิในการดูดซับที่ต่ำ
แต่ถ้าตำแหน่งที่เป็นกรดนั้นมีความแรงสูง
ก็สามารถใช้การดูดซับที่อุณหภูมิที่สูงได้
แต่ปรกติที่ทำกันก็คือไม่ต่ำกว่าอุณหภูมิห้อง
ส่วนระยะเวลานานเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับพื้นที่ผิวและความเป็นรูพรุนของตัวเร่งปฏิกิริยา
สำหรับรูพรุนขนาดเล็กและพื้นที่ผิวสูง
ก็จะใช้เวลามากหน่อยกว่าจะอิ่มตัว
(ต้องรอให้โมเลกุล
NH3
แพร่เข้าไปข้างในได้ทั่วถึง)
๒.
ปรกติแล้วหลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการดูดซับ
เราจะทำการไล่โมเลกุล NH3
ที่ไม่ถูกดูดซับแบบ
chemisorption
ออก
(คือพวกที่ค้างอยู่ในเฟสแก๊สในรูพรุน
ส่วนพวกที่เป็น physisorption
นั้นไม่ควรจะมีเพราะการเกิด
physorption
นั้นจะไม่เกิดที่อุณหภูมิสูงกว่าจุดเดือดของสาร
และอุณหภูมิที่เราใช้กันนั้นก็สูงกว่าอุณหภูมิจุดเดือดของ
NH3
ด้วย)
ด้วยการแทนที่แก๊สผสม
He
+ NH3 ด้วย
He
และให้ไหลผ่านตัวอย่างของเราเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ยกตัวอย่างเช่นสมมุติว่าเราทำการดูดซับ
NH3
ที่อุณหภูมิ
100ºC
ตำแหน่งที่เป็นกรดที่จะจับโมเลกุล
NH3
ได้นั้นจะต้องเป็นตำแหน่งที่จะคายโมเลกุล
NH3
ออกที่อุณหภูมิไม่ต่ำกว่า
100ºC
และถ้าเราทำการไล่โมเลกุล
NH3
ที่ไม่ถูกดูดซับที่
100ºC
ออกได้หมด
เมื่อเราเริ่มขั้นตอนการคายซับที่อุณหภูมิใด
ๆ ก็ตามที่อุณหภูมิที่
"ต่ำกว่า"
100ºC
เราไม่ควรจะเห็นพึคการคายซับ
NH3
ที่อุณหภูมิต่ำกว่า
100ºC
แต่การที่มีบางรายเห็นพีคที่อุณหภูมิต่ำกว่า
100ºC
นั่นอาจเป็นเพราะ
(ก)
การแปลผลผิดพลาด
เช่นแปลสัญญาณ base
line drift เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิว่าเป็นพีค
(ข)
ตัวเร่งปฏิกิริยามีอุณหภูมิลดลงในขณะที่ยังไล่
NH3
ออกไปไม่หมด
ทำให้ NH3
ที่ค้างอยู่ในเฟสแก๊สในรูพรุนนั้นดูดซับลงบนตำแหน่งที่เป็น
weak
acid site ที่ไม่สามารถจับโมเลกุล
NH3
ที่อุณหภูมิ
100ºC
เอาไว้ได้
พอเริ่มไล่ NH3
ออกจากพื้นผิวที่อุณหภูมิต่ำกว่า
100ºC
ก็เลยทำให้เห็นพีค
NH3
ปรากฏที่อุณหภูมิที่ต่ำกว่า
100ºC
ได้
๓.
ในระหว่างการดูดซับ
NH3
นั้น
ความเข้มข้น NH3
ใน
bulk
fluid ที่อยู่นอกรูพรุนจะสูงกว่าความเข้มข้น
NH3
ในรูพรุน
โมเลกุล NH3
จะแพร่เข้าไปในรูพรุน
ส่วนหนึ่งจะเกิดการดูดซับแบบ
chemisorption
โดยส่วนที่เหลือจะเป็นส่วนที่ค้างอยู่ในเฟสแก๊ส
ในขั้นตอนการไล่
NH3
ส่วนเกินนั้น
พอเราเปลี่ยนแก๊สจากแก๊สผสม
He
+ NH3 เป็น
He
บริสุทธิ์
ความเข้มข้นของ NH3
ภายในรูพรุนจะสูงกว่าภายนอกรูพรุน
โมเลกุล NH3
จะค่อย
ๆ แพร่ออกมาจากรูพรุน
ดังนั้นในช่วงเวลาไล่ NH3
ส่วนเกินนี้จนหมดถ้าอุณหภูมิตัวอย่างของเรานั้นยังคงอยู่ที่อุณหภูมิที่ใช้ในการดูดซับ
(เช่น
100ºC)
จะไม่มีการดูดซับ
NH3
เพิ่มบนพื้นผิว
และแม้ว่าจะเริ่มการคายซับที่อุณหภูมิที่ต่ำกว่าอุณหภูมิที่ใช้ในการดูดซับ
เราก็จะไม่เห็นพีค NH3
ที่อุณหภูมิต่ำกว่าอุณหภูมิที่ใช้ในการดูดซับ
แต่ถ้าในระหว่างที่ไล่
NH3
ส่วนเกินออกไปยังไม่หมด
อุณหภูมิตัวอย่างเราเกิดลดต่ำกว่าอุณหภูมิที่ใช้ในการดูดซับ
(เช่นไล่
NH3
ส่วนเกินออกพร้อมกับลดอุณหภูมิตัวอย่าง)
ก็จะทำให้มีการดูดซับ
NH3
บนพื้นผิวตัวอย่างเพิ่มขึ้นอีกได้
และพอมาเริ่มไล่ NH3
ออก
เราก็จะเห็นพีค NH3
ปรากฏที่อุณหภูมิที่ใช้ในการดูดซับได้
๔.
ส่วนเวลาที่ต้องใช้ในการไล่
NH3
ส่วนเกินนั้นควรเป็นเท่าไร
คงต้องหาจากการทดลอง
แต่โดยหลักก็คือตัวเร่งปฏิกิริยาที่มีรูพรุนขนาดเล็กจะใช้เวลาในการไล่นานกว่าตัวเร่งปฏิกิริยาที่มีรูพรุนขนาดใหญ่กว่า
หรือไม่ก็ต้องดูจากสัญญาณ
TCD
ด้านขาออกว่านิ่งแล้วหรือยัง
(ถ้าเครื่องทำได้)
ที่ผ่านมาตอนที่กลุ่มเราทำ
pyridine
adsorption และใช้
FT-IR
วัดนั้น
จะใช้การตรวจวัดสัญญาณการดูดกลืน
IR
ของ
pyridine
ในเฟสแก๊ส
สัญญาณนี้หายไปเมื่อใดก็จะเริ่มเพิ่มอุณหภูมิตัวอย่างได้
๕.
ดังนั้นวิธีการที่ถูกต้องกว่าก็คือถ้าเราดูดซับ
NH3
ที่อุณหภูมิเท่าใด
ก็ให้ไล่ NH3
ส่วนเกินที่อุณหภูมิที่ทำการดูดซับนั้น
และเมื่อไล่ NH3
ส่วนเกินเรียบร้อยแล้วก็ให้เริ่มทำการคายซับที่อุณหภูมินั้นเลย
ไม่จำเป็นต้องลดอุณหภูมิตัวอย่างให้ลดต่ำลง
๖.
การแปลผล
NH3-TPD
ต้องระวัง
เพราะเครื่องที่เราใช้นั้นมักทำให้เกิดสัญญาณสองสัญญาณซ้อนกันอยู่
คือ
(ก)
สัญญาณที่เกิดจาก
base
line drift เนื่องจากอุณหภูมิระบบเปลี่ยน
และ
(ข)
สัญญาณที่เกิดจาก
NH3
หลุดออกจากพื้นผิว
สัญญาณจาก
base
line drift นั้นเอาแน่เอานอนไม่ได้
เวลาทำการทดลองซ้ำจึงมักทำให้ได้รูปร่างกราฟที่ไม่ซ้ำเดิม
แต่ควรจะได้ตำแหน่งพีค NH3
ที่หลุดออกมานั้นคงเดิม
เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวเราจึงทำการวัดปริมาณ
NH3
หรือ
pyridine
ที่พื้นผิวตัวอย่างดูดซับเอาไว้ได้
เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการคำนวณพื้นที่พีคที่ได้จากการคายซับว่าเป็นเท่าใด
โดยพื้นที่พีคที่คำนวณได้จากการคายซับจะต้องไม่มากกว่าพื้นที่พีคที่ได้จากการดูดซับ
ตรงนี้ขอให้ดู
Memoir
๓
เรื่องต่อไปนี้ประกอบ
(รวมทั้งที่ถูกกล่าวถึงใน
Memoir
๓
ฉบับนี้ด้วย)
คือ
ปีที่
๒ ฉบับที่ ๑๐๓ วันพุธที่ ๒๐
มกราคม พ.ศ.
๒๕๕๓
เรื่อง "การวัดปริมาณ-ความแรงของตำแหน่งที่เป็นกรดบนพื้นผิว"
ปีที่
๓ ฉบับที่ ๒๖๗ วันจันทร์ที่
๗ มีนาคม พ.ศ.
๒๕๕๔
เรื่อง "NH3-TPD - การลาก base line"
ปีที่
๕ ฉบับที่ ๕๓๖ วันอาทิตย์ที่
๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ.
๒๕๕๕
เรื่อง "ความเข้มข้นของแก๊สที่ใช้ในการดูดซับ"
ส่วนการวัดความสามารถในการดูดซับ
pyridine
ของตัวเร่งปฏิกิริยาเพื่อหาปริมาณทั้งหมดของตำแหน่งที่เป็นกรดบนพื้นผิวด้วยเครื่อง
GC
ควรทำอย่างไรนั้น
ให้มาปรึกษาผมอีกที
เพราะมันมีสิ่งที่ต้องคำนึงในการทดลองอยู่เหมือนกัน
ป้ายกำกับ:
การดูดซับ,
chemisorb 2750,
chemisorption,
NH3,
NH3-TPD,
TPD
วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2557
ไม่รู้จะสอนยังไงแล้ว (๕) MO Memoir 2557 Jan 27 Mon
ที่ผมแปลกใจก็คือคนที่เป็นผู้สอบผู้ที่มาหัดใช้เครื่องมือ
คอยตรวจดูว่าคนที่มาหัดใช้นั้นทำผิดขั้นตอนใดบ้าง
ผู้มาหัดใช้ทำผิดเมื่อไรก็ให้สอบตกทันที
กลับกลายเป็นว่าคนที่เป็นผู้สอบนั้นเป็นคนที่ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนการใช้ที่ถูกต้องซะเอง
แถมยังทำให้เห็นกันจะจะในระหว่างการสอบซะด้วย
ในเช้าวันศุกร์ที่
๒๔ มกราคม ที่ผ่านมา
ผมบังเอิญแวะไปดูสาวน้อยจากเมืองวัดป่ามะม่วงเข้าไปสอบการใช้เครื่องวัด
NH3-TPD
โดยรุ่นพี่ป.โท
ที่เป็นคนสอบนั้นก็ใช้เครื่องวัด
Single
point BET อยู่ข้าง
ๆ ที่ผมแปลกใจก็คือเห็นปุ่มหมุนของเครื่อง
Single
point BET นั้นถอดวางอยู่หน้าเครื่อง
ก็เลยถามคนที่ใช้อยู่นั้นว่าทำไมไม่ใส่กลับเข้าไปให้เรียบร้อย
เขาก็บอกผมว่าเกลียวมันหวาน
แต่พอลองเอาประแจหมุนให้เขาดูก็ไม่เห็นว่ามีปัญหาเกลียวหวาน
เขาก็บอกว่าจำผิดว่าเป็นของอีกเครื่องหนึ่ง
(คือเครื่องวัด
NH3-TPD)
ผมก็เลยบอกเขาไปว่าให้ใส่กลับคืนไปให้เรียบร้อย
แต่เขากลับตอบมาว่าขอทำการวิเคราะห์ให้เสร็จเรียบร้อยก่อนแล้วจะใส่กลับคือ
ที่ทำให้ผมเสียความรู้สึกมากก็คือปรกติถ้าเราจะใช้เครื่องมือใดก็ตาม
เราควรจะตรวจสอบความเรียบร้อยของเครื่องมือและระบบก่อน
ถ้าพบว่าเครื่องมันมีปัญหา
มันไม่เรียบร้อย
ก็ควรที่จะทำให้มันเรียบร้อยก่อนการใช้งาน
ไม่ใช่ฝืนใช้ทั้ง ๆ
ที่มันไม่เรียบร้อย
ส่วนใครเป็นคนทำให้มันมีปัญหานั้นค่อยว่ากันอีกที
งานนี้ผมเดาว่าถ้าวันนั้นผมไม่เข้าไปพบ
มันก็คงจะอยู่ในสภาพเดิมโดยไม่มีการแก้ไข
ตกเย็นก่อนกลับบ้านก็แวะไปดูอีกที
คราวนี้ปรากฏว่ามีนิสิตป.เอก
คนหนึ่งมาอยู่ร่วมกับนิสิตป.โท
คนที่ใช้เครื่อง Singel
point BET ผมก็ถามนิสิตป.โท
ว่าทำไมยังไม่ใส่ปุ่มกลับเข้าคืนเดิม
เขาก็ตอบกลับมาว่าจะขอทำการวิเคราะห์ให้เสร็จก่อน
แล้วพี่ป.เอก
จะจัดการให้ ผมก็บอกนิสิตป.เอก
ผู้นั้นไปว่าคุณมาทำให้เขาทำไม
งานนี้ปล่อยให้เขาทำเอง
แล้วผมก็กลับ ในใจผมคิดว่างานง่าย
ๆ แค่นี้ยังทำเองไม่ได้
ต้องให้คนอื่นทำให้
แล้วจบออกไปจะทำอะไรเป็น
รูปที่
๑ ปุ่มเจ้าปัญหาของเครื่องวัด
Single
point BET รูปบนถ่ายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ส่วนรูปล่างถ่ายเมื่อเช้านี้
สุดท้ายผมก็ไม่รู้หรอกว่าจะมีการใส่ปุ่มกลับคืนเข้าไปหรือไม่
รู้แต่ว่าเช้าวันนี้เรื่องยังไม่จบ
เช้าวันนี้แวะมาดูเครื่องดังกล่าว
เห็นมีคนสวมปุ่มคืนตำแหน่ง
แต่พอลองดึงดูเบา ๆ
ปรากฏว่าปุ่มหลุดติดมือออกมาได้ง่าย
ๆ เลย แสดงว่าปุ่มนั้นมันสวมอยู่เฉย
ๆ ไม่ได้ขันยึดให้ติดแน่นตรงตำแหน่ง
ก็เลยเอาปุ่มมาวางถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย
(รูปที่
๑ ขวา)
จากนั้นก็ลองทดสอบดูก่อนว่านอตที่ใช้ยึดปุ่มนั้นมันเสียอย่างที่เขาอ้างกับผมเมื่อวันศุกร์หรือเปล่า
ก็ปรากฏว่าถ้าวางตำแหน่งนอตให้ถูกต้องกับร่องที่บากเอาไว้บนแกนหมุน
แล้วขันให้แน่น ก็สามารถยึดปุ่มได้แน่น
แสดงว่าปัญหามันไปอยู่ตรงที่คนที่สวมปุ่มกลับเข้าไปนั้น
(ซึ่งเป็นใครก็ไม่แน่ชัด)
ทำเพียงแค่สวมกลับเข้าไปเฉย
ๆ หรืออาจจะขันนอต
แต่ไม่ได้สนใจว่าตำแหน่งนอตของปุ่มหมุนนั้นอยู่ตรงตำแหน่งหรือไม่
เรื่องทำนองนี้มียังมีอยู่อีกหลายเรื่อง
แต่กับเครื่องของกลุ่มอื่นที่กลุ่มเราไม่ได้เข้าไปใช้
ผมก็เลยไม่อยากเข้าไปยุ่ง
เพราะเคยโดนสวนกลับมาว่าที่ผ่านมารุ่นพี่เขาก็ทำกันอย่างนี้
และเขาก็ยืนกรานจะทำอย่างนี้
(เช่นกรณีของเครื่อง
Single
point BET ก่อนที่เราจะเข้าไปใช้)
สำหรับสมาชิกของกลุ่มเราก็ขอย้ำอีกทีว่าเรื่องปุ่มหมุนของเครื่อง
TPx
นี้เพิ่งจะกล่าวเอาไว้เมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง
ใน Memoir
ปีที่
๖ ฉบับที่ ๗๑๓ วันพฤหัสบดีที่
๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๖ เรื่อง
"เพียงแค่วางนอตให้ตรงตำแหน่งก็เท่านั้น
(การทำวิทยานิพนธ์ภาคปฏิบัติ
ตอนที่ ๕๙)"
ส่วนพวกคุณเองก็ตามก่อนที่จะวิเคราะห์ตัวอย่างใดโดยใช้วิธีการของคนก่อนหน้า
(สมาชิกเก่าของกลุ่มเรา)
ก็สอบถามผมก่อนได้ว่าทำไมจึงต้องทำเช่นนั้น
ขั้นตอนการเตรียมตัวอย่างแต่ละขั้นตอนที่กลุ่มเราใช้นั้นมันมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ของมันอยู่ว่าทำไมเราจึงเลือกทำอย่างนั้น
(ซึ่งมักจะไม่ค่อยเหมือนกับของกลุ่มอื่นที่ใช้เหตุผลแต่เพียงว่าทำตามรุ่นพี่)
ซึ่งเราได้เคยทำการทดสอบเอาไว้แล้ว
เพียงแต่มันอาจเป็นลายลักษณ์อักษรอยู่ใน
Memoir
ของกลุ่ม
หรือเป็นเพียงแค่ประสบการณ์จำอยู่ในหัวสมองผมแค่นั้นเอง
ป้ายกำกับ:
การทำงาน,
BET,
single point,
TPx
วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557
รถรางสายปากลัด ที่พระประแดง (ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำ ตอนที่ ๕๖) MO Memoir : Sunday 26 January 2557
"
........
หรือถ้าจะไปทางลัดก็ต้องนั่งรถรางไปลงที่เทเวศน์แล้วข้ามเรือจ้างไปฝั่งธน
จะมีสถานีรถยนต์รางของเจ้าคุณวรพงษ์วิ่งตัดสวนต่าง
ๆ ไปออกทุ่งนาตรงไปตลาดบางบัวทอง
รถรางของท่านเจ้าคุณท่านนี้สร้างตัวรถแบบเดียวกับรถยนต์รางที่ปากลัดพระประแดง
คือไม่มีฝาไม่มีตัวถัง
รถเปิดโปร่ง มีม้านั่งเป็นแถว
ๆ ไป เวลานี้เขาเลิกเสียหมดแล้ว
ผมยังนึกเสียดายอยู่
........"
ข้อความข้างบนผมนำมาจากนิยายเรื่อง
"ชีวิตคุณย่า"
เขียนโดย
เหม เวชกร
ที่สำนักพิมพ์วิริยะมานำตีพิมพ์ใหม่ในหนังสือชุด
"ภูติ
ผี ปิศาจ ไทย ๑๐๐ ปี เหม เวชกร"
ตอนใครอยู่ในอากาศ
พิมพ์ครั้งที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๗
และได้เคยนำมาลงแล้วครั้งหนึ่งตอนที่เขียนเรื่องกับรถไฟสายบางบัวทอง(๑)
นิยายเรื่องนี้ทำให้ทราบว่าตู้โดยสารของรถยนต์รางที่พระประแดงนั้นมีลักษณะเดียวกันของรถไฟสายบางบัวทอง
พระราชดำรัสตอบพระบรมวงศานุวงษ์ของรัชกาลที่
๕ (รูปที่
๑)
ทำให้ทราบว่ารถรางสายนี้เปิดดำเนินการในปีพ.ศ.
๒๔๕๑
ประกาศของกระทรวงนครบาล
(รูปที่
๒)
ทำให้ทราบว่ารถรางสายนี้เก็บค่าโดยสาร
๖ สตางค์สำหรับที่นั่งชั้นธรรมดา
และเก็บเพิ่มเป็นสองเท่าสำหรับที่นั่งชัน
๑ และในหนังสือ "The
Railway Atlas of Thailand,Laos and Cambodia" ของ
B.R.
Whyte กล่าวไว้ว่ารถไฟสายนี้หยุดกิจการในปีพ.ศ.
๒๔๘๔
ก่อนที่สงครามโลกครั้งที่
๒ จะเริ่มขึ้นในประเทศไทย
บริเวณพื้นที่ราบลุ่มที่เกิดจากการทับถมของตะกอนที่แม่น้ำพัดพามา
แม่น้ำที่อยู่ในบริเวณนี้มักมีลักษณะคดเคี้ยวไปมา
เช่นบริเวณที่ราบลุ่มภาคกลางของประเทศไทยที่มีแม่น้ำท่าจีนอยู่ทางตะวันตก
แม่น้ำเจ้าพระยาอยู่บริเวณตอนกลาง
และแม่น้ำบางปะกงอยู่ทางตะวันออก
(รูปที่
๓)
สำหรับการเดินทางทางน้ำแล้วลักษณะลำน้ำที่คดเคี้ยวนี้ทำให้เสียเวลาในการเดินทาง
แต่สำหรับผู้ที่ประกอบอาชีพทางการเกษตรเช่นปลูกพืชต่าง
ๆ
ลักษณะลำน้ำที่คดเคี้ยวก็มีส่วนช่วยป้องกันไม่ให้น้ำทะเลไหลย้อนลึกเข้ามาในพื้นดินในช่วงที่เวลาน้ำลง
(ส่วนของแม่น้ำที่อยู่ใกล้ทะเล
เช่นแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงที่ไหลผ่านกรุงเทพ
เวลาที่น้ำลงน้ำในแม่น้ำจะไหลออกทะเล
แต่เวลาที่น้ำขึ้นจะเห็นน้ำในแม่น้ำไหลย้อนกลับมา
ซึ่งน้ำที่ไหลย้อนเข้ามานี้จะพาน้ำเค็มเข้ามาด้วย)
ในบริเวณที่อยู่ทางจากทะเลและไม่ได้รับอิทธิพลจากน้ำขึ้น-น้ำลงที่ทำให้มีน้ำเค็มไหลย้อนเข้ามาในแผ่นดิน
ส่วนไหนของแม่น้ำที่คดเคี้ยวก็มักจะมีการขุดคลองตรงบริเวณคอคอดเพื่อย่นระยะทางในการเดินทางด้วยเรือ
แต่เมื่อเข้ามาสู่บริเวณใกล้ทะเลแล้ว
ปัจจัยเรื่องน้ำเค็มไหลย้อนจะส่งผลมากกว่า
ดังนั้นในอดีตนั้นตัวแม่น้ำเจ้าพระยาเองจึงมีการขุดคลองลัดบริเวณคอคอดต่าง
ๆ เพื่อย่นระยะทางในการเดินทาง
ซึ่งคลองหลายคลองที่ขุดนั้นได้กว้างขึ้นจนกลายเป็นแม่น้ำ
ส่วนลำแม่น้ำเดิมก็ตื้นเขินแคบลงจนกลายเป็นคลองไป
คลองขุดในอดีตเดิมที่อยู่ใกล้ทะเลมากที่สุดปัจจุบันคือแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงปากคลองบางกอกน้อย
(ตรงสถานีรถไฟธนบุรีหรือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์)
ไปจนถึงปากคลองบางกอกใหญ่
(บริเวณพระราชวังเดิมหรือวัดกัลยาณมิตร)
ส่วนแม่น้ำเจ้าพระยาสายเดิมก็กลายเป็นคลองบางกอกน้อยและคลองบางกอกใหญ่
จะมีเว้นอยู่ที่หนึ่งก็คือบริเวณนครเขื่อนขันธ์หรือพระประแดงในปัจจุบัน
รูปที่ ๑ "พระราชดำรัสตอบพระบรมวงศานุวงษ์ ข้าทูลลอองธุรีพระบาทฝ่ายหน้า" ของรัชกาลที่ ๕ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๒๕ หน้า ๗๔๙-๗๕๓ วันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๕๑ (ร.ศ. ๑๒๗)
รูปที่
๒ ประกาศกระทรวงนครบาล
ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๒๖ หน้า ๑๘๒๒ วันที่ ๑๔
พฤศจิกายน พ.ศ.
๒๔๕๒
(ร.ศ.
๑๒๘)
ประกาศนี้ทำให้ทราบว่ารถรางโดยสารนั้นมีที่นั่งโดยสารสองชั้น
และค่าโดยสารที่จัดเก็บ
รูปที่
๓ แผนที่แม่น้ำท่าจีน
(ซ้าย)
แม่น้ำเจ้าพระยา
(กลาง)
และแม่น้ำบางปะกง
(ขวา)
จะเห็นว่าแม่น้ำเจ้าพระยามีความคดเคี้ยวน้อยกว่าแม่น้ำอีกสองสาย
ทั้งนี้เป็นเพราะมีการขุดคลองลัดบริเวณที่คดเคี้ยวหลายตำแหน่งเพื่อให้ลำน้ำตรงขึ้น
เมื่อเวลาผ่านไปคลองที่ขุดเหล่านี้ก็กว้างขยายขึ้นกลายเป็นลำแม่น้ำขึ้นมาแทน
ในขณะที่ลำแม่น้ำเดิมก็หดแคบลงและถูกลดฐานะลงไปเป็นคลองแทน
จะมีเว้นก็แต่บริเวณพระประแดงที่มีการปล่อยเอาไว้เช่นนั้น
(แม้ว่าจะมีคลองให้เรือขนาดเล็กผ่านได้)
ทั้งนี้ด้วยเหตุผลทางด้านความมั่นคงและป้องกันไม่ให้น้ำเค็มไหลย้อนเข้ามาในบริเวณพื้นที่เกษตรกรรมได้มากเกินไป
(แต่ในปัจจุบันมีการขุดคลองลัดโพธิ์ที่เป็นคลองขนาดใหญ่ช่วยในการระบายน้ำ
แต่ก็ยังต้องมีระบบประตูน้ำคอยควบคุม)
รูปที่
๔ แผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเทศบาลเมืองพระประแดง
จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ.
๒๔๘๐
ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๕๔ หน้า ๑๘๗๘-๑๘๘๑
เส้นทางรถรางที่เชื่อมสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ในกรอบสีน้ำเงิน
บริเวณนี้มีคลองลัดหลวง
(รูปที่
๔)
สำหรับให้เรือขนาดเล็กผ่านได้
แต่ไม่ให้เรือขนาดใหญ่ผ่าน
สาเหตุที่ต้องเก็บบริเวณนี้เอาไว้ก็เพราะไม่เพียงแต่การมีคลองขนาดใหญ่จะทำให้น้ำเค็มไหลย้อนเข้าไปในแผ่นดินได้ลึกและรวดเร็วในช่วงน้ำลง
(ทำให้พืชผลทางการเกษตรเสียหายได้
และยังทำให้มีปัญหาเรื่องนำบริโภคได้)
แต่ยังทำให้เรือรบข้าศึกเข้าประชิดพระนครได้รวดเร็วขึ้น
ดังนั้นถ้ามองจากแง่ชัยภูมิทางทหารแล้ว
การตั้งป้อมปืนบนฝั่งบริเวณคอคอดนี้เพื่อรับมือกับกองเรือรบข้าศึกที่มาตามลำแม่น้ำจะทำให้รับมือกับข้าศึกได้ถึงสองครั้ง
คือครั้งแรกที่ข้าศึกแล่นเข้ามา
และครั้งที่สองถ้าข้าศึกนั้นผ่านไปได้
ข้าศึกนั้นจะต้องกลับมาโผล่อีกทางฝั่ง
อันที่จริงตรงพระประแดงนี้ก็มีแผนการขุดคลองลัดพร้อมระบบประตูน้ำควบคุม
(คงเพื่อช่วยในการระบายน้ำออกทะเล)
มานานก่อนไทยเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สอง
แต่ก็ไม่ได้ทำสักทีจนกระทั่งเมื่อไม่นานนี้ที่มีคลองลัดโพธิ์เกิดขึ้น)
รูปที่
๕ ส่วนขยายของแผนที่ในกรอบสีน้ำเงินของรูปที่
๔ ระบุว่าปลายทางด้านบนอยู่ตรง
"ท่าตรงข้ามถนนตก"
ส่วนปลายทางด้านล่างอยู่บริเวณที่ว่าการอำเภอพระประแดง
รูปที่
๖
แผนที่กรุงเทพมหานครจัดทำโดยกองทัพอังกฤษในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่
๒
ในแผนที่ฉบับนี้ปรากฏเส้นทางรถรางปลายทางด้านทิศเหนืออยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมสี่แดงด้านล่างของรูป
รถยนต์รางที่ปากลัด
พระประแดงนี้ เป็นรถรางสายสั้น
ๆ ความยาวประมาณ ๑๙๐๐ เมตร
แต่ช่วยย่นระยะทางการเดินทางทางเรือระหว่างสองฟากฝั่งสถานีรถรางที่ยาวถึง
๒๐ กิโลเมตร หนังสือของ B.R.
Whyte ในแผนที่
29
ท้ายเล่มให้แนวเส้นทางรถไฟดังกล่าวเอาไว้คร่าว
ๆ
แต่แนวเส้นทางเทียบสถานที่จริงนั้นไปค้นเจอจากแผนที่แนบท้ายราชกิจจานุเบกษาที่ประกาศตั้งเทศบาลเมืองพระประแดส
(รูปที่
๔ และ ๕)
และแผนที่บริเวณกรุงเทพมหานคร
จัดทำโดยกองทัพอังกฤษ(๒)
ที่เสียดายก็คือยังไม่พบว่ามีรูปถ่ายของรถรางดังกล่าวปรากฏให้เห็นเหมือนของรถไฟสายบางบัวทองหรือสายพระพุทธบาท
รูปที่ ๗ แผนที่กรุงเทพมหานครจัดทำโดยกองทัพอังกฤษในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒ เป็นส่วนต่อด้านล่างของแผนที่ในรูปที่ ๖ ในแผนที่ฉบับนี้ปรากฏส่วนที่เหลือของเส้นทางต่อจากรูปที่ ๖ ในกรอบสี่เหลี่ยมสี่แดงด้านบนของรูป และทางรถไฟสายปากน้ำทางด้านขวา (ที่เขียนในแผนที่ว่า SIAM STATE RAILWAY)
หมายเหตุ
(๑)
Memoir ปีที่
๕ ฉบับที่ ๕๙๘ วันพฤหัสบดีที่
๒๘ มีนาคม ๒๕๕๖ เรื่อง
"รถไฟสายบางบัวทอง (ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำ ตอนที่ ๓๘)"
(๒)
รายละเอียดของแผนที่ชุดนี้เคยให้ไว้แล้วใน
Memoir
ปีที่
๖ ฉบับที่ ๗๒๗ วันพฤหัสบดีที่
๙ มกราคม ๒๕๕๗ เรื่อง
"รถไฟเล็กลากไม้สายตะวันออก (ศรีราชา) ภาค ๖ (ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำ ตอนที่ ๕๔)"
รูปที่
๘ (บน)
ภาพขยายในกรอบสีแดงของรูปที่
๖ (ล่าง)
ภาพขยายในกรอบสีแดงของรูปที่
๗ ลูกศรสีแดงชี้แนวเส้นทางรถราง
วันศุกร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2557
รถไฟสายหัวหวาย-ท่าตะโก นครสวรรค์ (ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำ ตอนที่ ๕๕) MO Memoir : Friday 24 January 2557
ท่าตะโก
อำเภอ ขึ้น จ.
นครสวรรค์
ตั้งที่ว่าการ ต.
ท่าตะโก
อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ
อ.
หนองบัว
อยู่ทางทิศตะวันตกของ อ.
วิเชียรบุรี
จ.
เพชรบูรณ์
อยู่ทางทิศเหนือของ อ.
ตาคลี
อยู่ทางทิศตะวันออกของ อ.
เมืองนครสวรรค์
คมนาคมจากเมืองไปอำเภอโดยทางหลวงจังหวัด
ผ่านสถานีรถไฟนครสวรรค์
(หนองปลิง)
ระยะทาง
๔๕ กม.
ภูมิประเทศตอนเหนือเป็นที่ลุ่ม
ตอนอื่น ๆ ลุ่มบ้าง ดอนบ้าง
ทำนาได้ทั่ว ๆ ไป แต่ที่ดอนต้องทำนาน้ำฝน
พลเมือง ๗๕,๒๐๖
คน (พ.ศ.
๒๕๑๘)
นำนาเป็นพื้น
อ.
ท่าตะโก
มี ๙ ตำบล คือ ๑.
ท่าตะโก
๒.
เขาพนมเศษ
๓.
ดอนคา
๔.
ทำนบ
๕.
พนมรอก
๖.
วังมหากร
๗.
วังใหญ่
๘.
สายลำโพง
๙.
หัวถนน
อ.ภ.
(อักขรานุกรมภูมิศาสตร์ไทย
ฉบับราชบัณฑิตสถาน)
ข้อความข้างต้นนำมาจาก
"สารานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตยสถาน
เล่ม ๑๔ ทะเบียน-ธรรมราชา"
พิมพ์ครั้งที่
๒ พ.ศ.
๒๕๒๗-๒๕๒๘
โดยบริษัท ประยูรวงศ์ จำกัด
หน้า ๘๕๘๙ แผนที่หน้า ๘๕๙๐
(รูปที่
๑)
ที่หยิบเอาอำเภอนี้ขึ้นมาก็เพราะตอนที่ทำการย้ายหนังสือของพ่อไปเก็บอีกบ้าน
เพื่อยกชั้นวางหนังสือให้กับลูก
ได้มีโอกาสเอาหนังสือดังกล่าวมาพลิกดูรูปต่าง
ๆ ข้างใน บังเอิญเล่มนี้กล่าวถึงอำเภอต่าง
ๆ ในประเทศไทยไว้หลายอำเภอ
และมีแผนที่ประกอบด้วย
ทำให้รู้ว่าแต่ก่อนนั้นพื้นที่ในแต่ละอำเภอเป็นอย่างไร
และในส่วนของ อ.
ท่าตะโก
จ.
นครสวรรค์
นั้น แผนทีก็แสดงให้เห็นด้วยว่าเคยมีรถไฟเดินทางไปถึง
(รูปที่
๒)
รูปที่
๑ หนังสือสารานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตยสถานเล่ม
๑๔ (เล่มซ้าย)
ที่นำข้อมูลเกี่ยวกับอำเภอท่าตะโกมาเล่าให้ฟัง
ส่วนเล่ม ๑๘ (ขวา)
เคยนำเอาเรื่อง
"ปลุกผี"
มาเล่าให้ฟังไปเมื่อต้นเดือนนี้เอง
รูปที่
๒ แผนที่อำเภอท่าตะโก
จังหวัดนครสวรรค์
จากหนังสือสารานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตยสถาน
เล่ม ๑๔ ทะเบียน-ธรรมราชา
พิมพ์ครั้งที่ ๒ พ.ศ.
๒๕๒๗-๒๕๒๘
โดยบริษัท ประยูรวงศ์ จำกัด
หน้า ๘๕๙๐
ปรากฏเส้นทางรถไฟเล็กหัวหวาย-ท่าตะโกมาสิ้นสุดที่ตำบลท่าตะโก
ไม่มีเส้นทางต่อขึ้นไปเหนืออีก
แผนที่ที่แสดงนี้คงเป็นแผนที่เก่าที่ใช้ในการพิมพ์ครั้งแรก
(หนังสือไม่ยักบอกว่าพิมพ์ครั้งแรกเมื่อใด)
แต่ในเวลาที่พิมพ์ครั้งที่
๒ เส้นทางรถไฟนี้ได้หายไปแล้ว
(บ้านเราใช้ขนาดรางกว้างมาตรฐาน
1
เมตร
(metre
gauge) ถ้าใช้รางแคบกว่านี้จะเรียกว่ารถไฟเล็ก)
รูปที่
๓ แผนที่เส้นทางรถไฟสายเหนือช่วงจังหวัดนครสวรรค์
แสดงแนวเส้นทางรถไฟสายหัวหวาย-ท่าตะโก
ซึ่งปัจจุบันเป็นถนนไปแล้ว
B.R.
Whyte
ทำเครื่องหมายไว้ว่าสงสัยว่าเส้นทางนี้จะมีต่อขึ้นเหนือเลยอำเภอท่าตะโกขึ้นไปอีก
แผนที่นี้อยู่ในส่วนท้ายของหนังสือ
"The
Railway Atlas of Thailand, Laos and Cambodia" โดย
B.R.
Whyte
รูปที่
๔
แผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตต์ที่ดินในบริเวณที่จะเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
ในท้องที่อำเภอตาคลีและอำเภอท่าตะโก
จังหวัดนครสวรรค์ ๒๔๘๔
ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๕๘ วันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ.
๒๔๘๔
หน้า ๖๑๔-๖๑๖
ขณะนั้นเป็นช่วงประเทศไทยจะเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่
๒ เพียงไม่กี่เดือน
รถจักรไอน้ำของประเทศไทยนั้นใช้ฟืนเป็นเชื้อเพลิงหลัก
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการลำเลียงไม้ที่ตัดจากป่ามายังสถานีรถไฟ
ด้วยเหตุนี้จึงมีการสร้างทางรถไฟเพื่อขนไม้ฟืนจากป่าในบริเวณข้างเคียงมายังสถานีรถไฟที่อยู่บนเส้นทางหลัก
สถานีรถไฟหัวหวายก็เป็นหนึ่งในสถานีนั้น
ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๔๑
น่า ๓๐๕ วันที่ ๑ กุมภาพันธ์
พ.ศ.
๒๔๖๗
ประกาศพระบรมราชโองการ
พระราชทานพระบรมราชาณุญาต
ให้ใช้รถไฟหลวงทางขนาดย่อมที่ตำบลหัวหวาย
เพื่อรับส่งสินค้า (สมัยรัชกาลที่
๖)
ได้ให้รายละเอียดว่าเดิมเป็นทางรถไฟขนาดรางกว้าง
๖๐ เซนติเมตร ระยะทางยาวถึง
๒๘ กิโลเมตร
จากเดิมที่ใช้เฉพาะการรถไฟเพื่อบรรทุกไม้
ก็อนุญาตให้ชาวบ้านใช้เป็นเส้นทางลำเลียงสินค้าด้วย
เส้นทางนี้ในหนังสือของ
B.R.
Whyte ระบุว่าสร้างและเปิดใช้ในปีค.ศ.
๑๙๐๗
(พ.ศ.
๒๔๕๐
หรือปลายรัชกาลที่ ๕)
รูปที่
๕
แผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตต์ที่ดินในบริเวณที่จะเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
ในท้องที่อำเภอตาคลีและอำเภอท่าตะโก
จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ.
๒๔๘๙
ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ตอนที่ ๒๕ เล่ม ๖๓ วันที่ ๓๐
เมษายน พ.ศ.
๒๔๘๙
หน้า ๒๔๙-๒๕๑
เหมือนเป็นการเอาประกาศตอนพ.ศ.
๒๔๘๔
มาปัดฝุ่นใช้ใหม่
เพราะยังใช้รูปเดิมแนวทางเดิม
แสดงว่าช่วงสงครามนั้นคงไม่มีการก่อสร้างใด
ๆ แต่ตอนนี้เป็นช่วงสงครามเพิ่งจะสิ้นสุดใหม่
ๆ
ที่พอจะหาได้กลับเป็นแผนที่ที่แสดงแนวเส้นทางรถไฟสายหัวหวาย-ท่าตะโก
อีกเส้นหนึ่ง (ไม่ใช้เส้นรถขนฟืน)
ดังที่นำมาแสดงในรูปที่
๒,
๗
และ ๘ เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่สร้างหลังสงครามโลกครั้งที่
๒ สิ้นสุด
แต่ก็ดูเหมือนว่ามีอายุใช้งานอยู่ไม่นานก่อนที่จะถูกรื้อทิ้งไป
ขนาดความกว้างของรางรถไฟสายนี้
แผนที่ในรูปที่ ๒ บอกว่าเป็นรถไฟเล็ก
(ความกว้างของรางน้อยกว่า
1
เมตร)
แต่แผนที่ในรูปที่
๗ และ ๘ นั้นแสดงเป็นใช้เครื่องหมายแบบเดียวกับทางรถไฟปรกติ
ส่วน "ถนนไปบ้านหนองหลวง"
นั้นคงเป็นแนวทางรถไฟขนฟืนเส้นเดิม
ใน
"http://th.wikipedia.org/wiki/สถานีรถไฟหัวหวาย"
บอกว่าเส้นทางแยกไปท่าตะโกนี้มีการเปลี่ยนขนาดรางเป็น
1
เมตรในปีพ.ศ.
๒๔๘๓
และเปลี่ยนแนวทางใหม่
แต่ดูจากราชกิจจานุเบกษาที่ค้นได้แล้วคิดว่าไม่น่าจะใช่
เพราะปีพ.ศ.
๒๔๙๔
ก็ยังมีการประกาศเวนคืนที่ดินเพื่อสร้างทาง
ดังนั้นการสร้างทางใหม่ควรจะเกิดหลังจากปีพ.ศ.
๒๔๙๔
รูปที่
๖
แผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตต์ที่ดินในบริเวณที่จะเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
ในท้องที่อำเภอตาคลีและอำเภอท่าตะโก
จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ.
๒๔๙๔
ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ตอนที่ ๖๖ เล่ม ๖๘ วันที่ ๓๐
ตุลาคม พ.ศ.
๒๔๙๔
หน้า ๑๔๙๒-๑๔๙๔
ก็เป็นเสมือนการเอาประกาศในปี
๒๔๘๙ มาปัดฝุ่นใช้ใหม่
เพราะยังคงใช้แผนที่เดิมและแนวเดิมอยู่
แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะมีการลงมือสร้างจริง
เพราะแผนที่ที่ปรากฏในอีกไม่กี่ปีถัดมา
(รูปที่
๗)
ก็มีเส้นทางรถไฟให้เห็นแล้ว
ที่ผมคิดว่าเส้นทางนี้แปลกก็คือมันมีแนวทางรถไฟเล็กเดิมอยู่แล้ว
แต่แทนที่จะปรับปรุงเส้นทางเดิมให้เป็นทางมาตรฐาน
กลับเลือกที่จะสร้างเส้นทางใหม่
แต่ก็เปิดใช้งานได้ไม่นานก่อนจะถูกยกเลิกไปในปีพ.ศ.
๒๕๐๗
เรื่องของทางรถไฟสายนี้นี้มีผู้ถกเถียงเอาไว้เยอะแล้ว
ลองใช้ google
หาโดยใช้คำ
"รถไฟเล็กหัวหวาย"
แล้วไปอ่านในเว็บ
portal.rotfaithai.com
ได้
(ผมขอไม่คัดลอกลิงค์มาเต็ม
ๆ เพราะชื่อลิงค์มันยาวมาก)
รูปที่
๗ แผนที่แสดงแนวเขตป่าสงวนท้ายกฎกระทรวงฉบับที่
๒๑ (พ.ศ.
๒๕๐๑)
ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่
๗๕ ตอนที่ ๗๙ วันที่ ๑๔ ตุลาคม
พ.ศ.
๒๕๐๑
หน้า ๕๕๙-๕๖๑
มีเส้นทางรถไฟปรากฏให้เห็นแล้ว
รูปที่
๘ แผนที่แสดงแนวเขตป่าสงวนที่เพิกถอนท้ายกฎกระทรวงฉบับที่
๑๕๑ (พ.ศ.
๒๕๐๕)
ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่
๗๙ ตอนที่ ๑๑๕วันที่ ๓๑ ธันวาคม
พ.ศ.
๒๕๐๕
หน้า ๘๖-๘๘
ยังคงใช้รูปเดิมจากประกาศพ.ศ.
๒๕๐๑
(รูปที่
๘)
แต่ทำในสิ่งที่ตรงข้ามกัน
คือฉบับนี้เป็นการเพิกถอนสภาพความเป็นป่าสงวนที่ประกาศในพ.ศ.
๒๕๐๑
วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2557
แนวทางหัวข้อการทำวิทยานิพนธ์นิสิตรหัส ๕๕ (ตอนที่ ๒๑) MO Memoir : Monday 20 January 2557
เอกสารฉบับนี้แจกจ่ายเป็นการภายใน
ไม่นำเนื้อหาลง blog
เนื้อหาในเอกสารฉบับนี้เกี่ยวกับผลการทดลองของอัญรัตน์เมื่อวันพุธที่
๑๕ ถึงวันศุกร์ที่ ๑๗ ที่ผ่านมา
รูปที่
๑ พีค NO
จากเครื่อง
GC-2014
ECD & PDD ที่อุณหภูมิการทำปฏิกิริยา
SCR
ต่าง
ๆ ในการทดลองครั้งแรก
รูปที่
๓ พีค NO
จากปฏิกิริยา
NH3
oxidation ด้วยตัวเร่งปฏิกิริยาที่ใช้ในรูปที่
๒
วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2557
ใครควรเข้าใจตะวันตก MO Memoir : Sunday 19 January 2557
"ใครอยากเข้าใจตะวันตก
ผมไม่รู้
แต่ใครควรเข้าใจตะวันตก,
ผมว่าได้แก่คนไทยทุกคนเป็นที่สุด"
นั่นคือประโยคเริ่มต้นบทที่
๑ ในหนังสือ "ตะวันตกวิกฤต
คริสต์ศาสนา"
เขียนโดย
ไมเคิล ไรท์
ในยุคที่การสื่อสารผ่านทางอินเทอร์เน็ตแพร่หลายไปทั่วโลก
แต่ก็ยังเป็นเรื่องน่าแปลกที่ทำไมเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นในประเทศไทยของเราเอง
หรือเกิดขึ้นในเขตที่เราอาศัยอยู่เอง
คนไทยส่วนหนึ่งกลับไม่เข้าไปสัมผัส
ไม่เข้าไปตรวจสอบ
ไม่เชื่อถือและตั้งข้อสงสัยรายงานข่าวสารที่สื่อในประเทศนำเสนอ
แต่คนไทยจำนวนนั้น
(ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย)
กลับ
"เชื่ออย่างหัวปักหัวปำ"
กับข้อมูลที่สื่อทางชาตินำเสนอ
เขียนถึงจุดนี้บางคนก็คงจะอธิบายว่าทำไมคนไทยจึงตั้งข้อสงสัยกับรายงานข่าวของสื่อเมืองไทย
ด้วยเหตุผลที่ว่าสื่อเมืองไทยนั้น
"ซื้อได้"
คือสามารถจ้างให้รายงานให้เชียร์ใคร
หรือบิดเบือน ใส่ร้ายป้ายสีใครก็ได้
ถ้าเช่นนั้นมันก็มีคำถามตามมาเช่นกันก็คือ
แล้วสื่อต่างชาติล่ะ มัน
"ซื้อไม่ได้เลยหรือไง"
เมื่อไม่นานมานี้ระหว่างขับรถ
ผมได้ฟังรายการวิทยุที่ส่งกระจายเสียงเป็นภาษาไทยมาจากต่างประเทศ
ตอนท้ายของรายการก็มีการคุยกันระหว่างผู้ดูแลรายการในประเทศไทย
(ที่ถ่ายทอดสัญญาณจากสถานีวิทยุต่างประเทศภาคภาษาไทยนั้น)
กับคนไทยผู้จัดรายการอยู่ต่างประเทศ
คำถามหนึ่งที่ผู้จัดรายการฝั่งไทยถามก็คือ
เขารู้สึกว่ารายงานข่าวของทางต่างประเทศนั้นมันไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในเมืองไทย
คำถามก็คือเป็นเพราะอะไร
รูปที่ ๑ หนังสือที่ใช้ในการเขียน Memoir ฉบับนี้ นับจากซ้าย (๑) "ประวัติศาสตร์รัตนโกสินทร์ในพระราชพงศาวดารอยุธยา" โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๓ (๒) "ตะวันตกวิกฤต คริสต์ศาสนา" โดย ไมเคิล ไรท์ สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๖ (๓) "พงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับวันวลิต พ.ศ. ๒๑๘๒ " โดย วนาศรี สามนเสน แปลเป็นภาษาไทยจากภาษาอังกฤษ สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งที่สาม พ.ศ. ๒๕๔๘ และ (๔) "กฤษฎาภินิหารอันบดบังมิได้" โดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช สำนักพิมพ์ดอกหญ้า พิมพ์ครั้งที่ห้า พ.ศ. ๒๕๔๔
สิ่งที่ผู้รายงานข่าวภาคภาษาไทยจากต่างประเทศอธิบายมานั้นผมพอจะสรุปได้ดังนี้คือ
ต้องเข้าใจว่านักข่าวต่างประเทศของสำนักข่าวต่าง
ๆ นั้นมีอยู่ด้วยกันหลายประเภท
เช่น
-
จ้างเพียงคนเดียว
แต่ทำข่าวทั้งภูมิภาค
ขึ้นอยู่กับว่าในภูมิภาคนั้นประเทศใดคิดว่าจะมีข่าวเด่น
ก็จะให้นักข่าวคนนั้นไปประจำในประเทศนั้น
โดยที่นักข่าวคนนั้นไม่ใช่คนที่เกิดในภูมิภาคที่เข้าไปทำงาน
-
ในกรณีที่เห็นว่าประเทศใดประเทศหนึ่งมีความสำคัญ
ก็จะจ้างเอาไว้ประจำประเทศนั้น โดยที่นักข่าวคนนั้นไม่ใช่คนของประเทศนั้น
-
จ้างคนของประเทศที่ต้องการทำข่าว
ให้ทำข่าวในประเทศของตัวเอง
และส่งให้สำนักข่าวต่างประเทศ
แต่ที่แน่
ๆ ก็คือถ้าเป็นนักข่าวต่างประเทศ
ก็เชื่อได้ว่าคงไม่มีใครไปอ่านกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญของประเทศไทย
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เขาจะเข้าใจผิด
เพราะเขาไม่รู้ว่าปัญหานั้นมันเกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายอย่างไร
และถ้าเป็นกรณีที่เป็นนักข่าวประจำภูมิภาคที่จะเข้าไปทำข่าวในประเทศใดประเทศหนึ่งในกรณีที่มีเหตุสำคัญ
(เช่นความรุนแรง)
ก็เป็นการยากที่เขาจะเข้าใจสาเหตุที่เป็นต้นตอของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ซึ่งมักเป็นเรื่องสืบเนื่องติดต่อกันมานาน
และที่สำคัญก็คือ
นักข่าวก็สามารถ "ถูกซื้อตัว"
ได้เช่นเดียวกัน
ไมเคิล
ไรท์ ยังเขียนต่อในบทที่ ๑
หน้าที่ ๑ ในหนังสือของเขาว่า
"การที่ชาวสยาม
ปฏิเสธ
คริสต์ศาสนา เป็นสิทธิของเขา
(และผมว่าสาธุ
ๆ ดี ๆ)
แต่การที่ชาวสยาม
ไม่ศึกษา
คริสต์ศาสนา
เท่ากับเป็นการหลับตารับเปลือกนอกของตะวันตกโดยไม่รู้ถึงขั้วหัวใจของฝรั่งว่า
เขาคิดอย่างไร,
ฝันอย่างไร,
กลัวอะไร,
และพ่ายแพ้อย่างไร
ชาวสยามโดยมากมักมองเฉพาะความสำเร็จและหรูหราของชาวยุโรป,
ไม่สนใจความสับสน,
ยุ่งยากและความบกพร่องทางปัญญาของตะวันตก,
ที่ล้วนเป็นบทเรียนที่สำคัญไม่แพ้ความรุ่งโรจน์ของยุโรปและอเมริกา"
ในหน้าที่
๕-๖
ของบทที่ ๑ ไมเคิล ไรท์
ยังเขียนต่อว่า
"ศาสนาคริสต์สามารถอธิบายตะวันตกได้ทั้งหมด,
ไม่ใช่สิ่งดีงามเพียงอย่างเดียว
เพราะแม้ชาวตะวันตกจะทำผิดพระศาสนาอย่างร้ายแรงเพียงใด,
ก็มักจะอ้างคริสต์ศาสนาเพื่อสนับสนุนความผิดนั้น
ๆ ได้เสมอ เช่นเมื่อจะสู้รบกันก็จะอ้างทฤษฎี
"สงครามยุติธรรม"
(Just War); จะจับมิจฉาทิฐิไปทรมานฆ่าเสีย
(Inquisition)
ก็จะอ้าง
"พระธรรมคำสอนที่ถูกต้อง"
(Orthodoxy); หรือจะล่าเมืองขึ้น
(Colonialism)
ก็อ้างว่า
"เพื่อเผยแพร่ศาสนานำคนป่าเถื่อนเข้าสู่ศีลธรรมและสวรรค์"
.....
แม้เรื่องที่ดูไม่เกี่ยวกับศาสนา,
เช่นระบบทุนนิยมและระบบมาร์กซิสต์,
ยังงอกออกมาจากศาสนาคริสต์
:-
ฝ่ายนายทุนอ้างว่า
"พระผู้เป็นเจ้าย่อมประทานรางวัลแก่ผู้ที่ขยันสร้างสรรค์ทำประโยชน์",
ฝ่ายมาร์กซิสต์อ้างว่า
"ผู้มีอำนาจวาสนาจะตกต่ำ,
ผู้ยากไร้และผู้ต่ำต้อยจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน"
คำอ้างเหล่านี้ล้วนมีพระคัมภีร์คริสต์ศาสนาสนับสนุน"
ที่มีเครื่องหมาย
","
หรือ
";"
ตามตำแหน่งต่าง
ๆ นั้น ผมลอกตามหนังสือของ
ไมเคิล ไรท์ มาโดยตรง
"ประวัติศาสตร์รัตนโกสินทร์ในพระราชพงศาวดารอยุธยา"
เป็นหนังสือที่ผมซื้อมาเพราะชื่อของมัน
สิ่งสำคัญที่ผมได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ก็คือเราจำเป็นต้อง
"อ่านคนเขียน"
ก่อน
ว่าเขาเป็นใคร ตอนที่เขาเขียนเรื่องต่าง
ๆ นั้นเขาผ่านประสบการณ์ใดมาบ้าง
ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขาเขียน
แต่มันส่งผลถึงมุมมองและการแปลความหมายเหตุการณ์ที่เขาเขียนถึง
หรือประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขาเขียน
แต่เป็นมุมมองที่เขามองมาจากมุมไหน
ดังนั้นในบทแรกในหน้าที่
๔ ของหนังสือเล่มนี้ นิธิ
เอียวศรีวงศ์ จึงเขียนไว้ว่า
"...
แม้ว่าประวัติศาสตร์ในยุคนี้จะมีหลักฐานของชาติตะวันตกเพิ่มพูนขึ้นมาก
แต่ความสนใจของนักเดินทาง
พ่อค้า และนักสอนศาสนาตะวันตกมีอยู่จำกัด
และไม่ช่วยให้เราเข้าใจภูมิภาพเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากทัศนะของประชาชนในภูมิภาคนี้เลย
การศึกษาประวัติศาสตร์ของภูมิภาคโดยอาศัยหลักฐานภายนอกจึงไม่ทำให้เราเข้าใจประวัติศาสตร์ของภูมิภาคนี้ได้ดีไปกว่าการสังเกตุการณ์
"จากกราบเรือหรือเมืองป้อมที่เป็นโรงเก็บสินค้า"
ของฝรั่ง"
ตอนที่ผมศึกษาอยู่ทางประเทศนั้น
เวลาที่ต้องศึกษาเกี่ยวกับแนวทฤษฎีใด
สิ่งหนึ่งที่อาจารย์ที่ปรึกษาถามก็คือได้ไปอ่านบทความต้นฉบับแล้วหรือยัง
ทั้งนี้เป็นเพราะการอ่านแนวความคิดที่คนอื่นนำมาเล่าต่อกันเป็นทอด
ๆ
นั้นมันทำให้แนวความคิดเดิมที่คนแรกนำเสนอเอาไว้นั้นมันผิดเพี้ยนไปได้
หนังสือสองเล่มที่ผมกล่าวมาข้างต้นนั้น
ผมได้ให้นิสิตป.เอก
คนแรกของผม
(และก็เพียงคนเดียวที่ได้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาและจบไปทำงานแล้ว)
ไปอ่านให้หมด
ก่อนที่จะเริ่มเรียนกับผม
วัน
วลิต เป็นชาวฮอลันดาชื่อ
"เยเรเมียส
ฟาน ฟลีต (Jeremisa
Van Vliet)" แต่เป็นที่รู้จักของคนไทยทั่วไปว่า
"วันวลิต"
เขาผู้นี้เข้ามาทำงานในกรุงศรีอยุธยาในช่วงปีพ.ศ.
๒๑๗๖-๒๑๘๕
หรือใช้เวลา ๙ ปีอยู่ในกรุงศรีอยุธยา
เขาได้ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเมืองไทยอย่างละเอียดและยังเรียนรู้ภาษาไทยได้อย่างรวดเร็ว
ที่สำคัญก็คือได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับเมืองไทยไว้ถึง
๓ เล่ม (แต่เป็นภาษาฮอลันดา)
"พงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับวันวลิต
พ.ศ.
๒๑๘๒"
นั้น
พิเศษ เจียจันทร์พงษ์
เขียนไว้ในบทคำนำเสนอของหนังสือดังกล่าวว่า
"โดยเฉพาะคุณลักษณะของกษัตริย์แต่ละพระองค์ที่วันวลิตระบุไว้เป็นแบบฉบับในการเขียนเลยนั้น
แทบจะไม่มีปรากฏในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับของคนไทยเลย
....
ข้อความส่วนนี้ทำให้พงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับวันวลิตแตกต่างไปจากการเขียนพงศาวดารของคนไทยอย่างชัดเจน
...
อย่างไรก็ดี
แม้ วันวลิต จะไม่มีข้อจำกัดในด้านนี้
แต่ก็ควรพิจารณาว่าทั้งหมดเป็นความคิดเห็นของวันวลิต
ผู้เป็นปุถุชนคนหนึ่ง
ที่มองจากด้านของตนเองผู้มีประโยชน์เฉพาะตนเป็นอย่างหนึ่ง
หรือด้านที่เป็นข่าวสารที่ได้รับมาทางหนึ่งทางใด
ดังจะพบว่าในบางรัชกาลที่วันวลิตกล่าวถึงความดีไม่ดีของพระมหากษัตริย์อยุธยา
จะมีความแตกต่างไปบ้างจากการรับรู้ที่ได้จากการอ่านพงศาวดารที่คนไทยเขียน"
ม.ร.ว.
คึกฤทธิ์
ปราโมช
ก็เป็นบุคคลท่านหนึ่งที่เขียนหนังสือและบทความไว้หลากหลาย
หนึ่งในหนังสือที่ท่านเขียนได้แก่
"กฤษฎาภินิหารอันบดบังมิได้"
ที่เขียนขึ้นโดยอิงจากหนังสือของ
วันวลิต
และก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาเรื่องราวที่เขียนขึ้นโดย
วันวลิต นั้น ม.ร.ว.
คึกฤทธิ์
ได้เกริ่นนำเอาไว้ว่า
"ในการอ่านเรื่องที่จะได้แปลต่อไปนี้
ผู้อ่านควรทำใจไว้ก่อนว่า
ผู้ที่เขียนเรื่องนี้ขึ้น
เป็นฝรั่ง
ถึงจะอ่านหนังสือไทยออกขนาดอ่านจดหมายเหตุต่าง
ๆ ในกรุงศรีอยุธยาได้
และพูดภาษาไทยขนาดที่จะซักถามข้อความต่าง
ๆ จากคนไทยได้ แต่จิดใจก็ยังเป็นฝรั่ง
เพราะฉะนั้นที่จะให้เข้าใจคนไทยและเข้าใจถึงจิตใจคนไทยอย่างแท้จริง
ตลอดจนวิเคราะห์เหตุการณ์ต่าง
ๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองไทยได้อย่างถ่องแท้นั้น
จึงเป็นของยาก แม้หนังสือต่าง
ๆ
ที่ฝรั่งเขียนขึ้นเกี่ยวกับเมืองไทยในปัจจุบันนี้ก็อยู่ในลักษณะเช่นเดียวกัน
จะเชื่อถือไปหมดทุกข้อทุกกระทงไม่ได้
ทั้งนี้เป็นข้อสังเกตข้อแรก"
หนังสือเล่มนี้พิมพ์ครั้งแรกในปีพ.ศ.
๒๕๑๙
หรือเมื่อ ๓๘ ปีที่แล้ว
เมื่อตอนเรียนมัธยมปลายนั้น
ครูผู้สอนวิชาสังคมศึกษา
(ต้องกราบขออภัยที่ผมจำชื่อของท่านไม่ได้
จำได้แต่ว่าท่านเป็นคนตัวอ้วน
ร่างใหญ่)
กล่าวเอาไว้ประโยคหนึ่งว่า
"วิชาภูมิศาสตร์
ประวัติศาสตร์ ไม่ใช่เป็นวิชาท่องจำ
แต่เป็นวิชาที่ต้องใช้เหตุผลในการทำความเข้าใจ"
ซึ่งกว่าที่ผมจะเข้าใจประโยคที่ท่านกล่าว
ก็ล่วงเลยเวลามาจนหลังเรียนจบปริญญาตรี
สภาพชีวิต
ความเป็นอยู่ของชุมชนนั้น
ถูกกำหนดโดยลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศ
กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชุมชนใด
ก็อิงอยู่กับภูมิประเทศและภูมิอากาศของสังคมนั้นด้วย
กฎเกณฑ์ใด ๆ
ที่ไม่สามารถทำให้คนในชุมชนนั้นสามารถดำรงชีพอยู่ได้
ก็ไม่แปลกที่คนในชุมชนนั้นจะปฏิเสธ
เรื่องนี้ผมเคยคุยกับผู้ที่คิดว่าตัวเองเป็นผู้เคร่งศาสนาพุทธผู้หนึ่ง
ที่คิดว่าศาสนาพุทธนั้นดีที่สุด
ในหัวข้อที่ว่าการฆ่าสัตว์นั้นเป็นบาป
ผมก็เลยย้อนถามกลับไปว่าถ้าไปบอกพวกเอสกิโมที่อาศัยอยู่ตามขั้วโลกในภูมิประเทศที่เย็นจัด
พื้นเป็นน้ำแข็ง (เกือบ)
ตลอดทั้งปี
ที่ปลูกอะไรกิน (แทบ)
ไม่ได้
หรือชนเผ่าที่เร่ร่อนอยู่ในทะเลทายในตะวันออกกลาง
ว่าอย่าฆ่าสัตว์ เพราะมันบาป
แล้วจะให้คนเหล่านั้นเขากินอะไร
แล้วเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร
ช่วงเวลาที่ศาสนาพุทธเกิดขึ้นและเผยแผ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้นั้น
คนในภูมิภาคแถบนี้อยู่ในดินแดนที่ปลูกพืชผักกินได้ทั้งปี
หรือไม่ก็มีเทคโนโยลีที่จะถนอมพืชผัก
(หรือแม้กระทั่งเนื้อสัตว์)
เก็บไว้กินได้ตลอดทั้งช่วงฤดูหนาว
แต่ในเวลาเดียวกันนั้นคนทางยุโรปยังไม่รู้จักการถนอมพืชผัก
(หรือเนื้อสัตว์)
ไว้กินเช่นคนเอเชีย
ดังนั้นศาสนาที่ห้ามการฆ่าสัตว์เช่นศาสนาพุทธ
จึงยากที่จะได้รับการยอมรับจากผู้คนที่อาศัยอยู่ทางด้านตะวันตกของประเทศอินเดีย
คนเอเชียมีเทคโนโลยีในการถนอมอาหารมาเป็นเวลานับพันปีแล้ว
แต่เรากลับมาเรียนหนังสือยกย่อง
ฟรานซิส เบคอน
ว่าเป็นผู้คนพ้นว่าความเย็นจากหิมะช่วยเก็บเนื้อไก่ไว้ได้นานขึ้น
ซึ่งเป็นการค้นพบของชาวตะวันตกเมื่อไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมานี่เอง
เรื่องที่คนไทยเห็นว่าคำพูดฝรั่งถูกต้องไปเสมอนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่
แต่เป็นเรื่องที่มีมานานแล้ว
เรื่องหนึ่งก็ได้เคยเล่าเอาไว้แล้วใน
Memoir
ปีที่
๕ ฉบับที่ ๕๖๔ วันพุธที่ ๑๖
มกราคม พ.ศ.
๒๕๕๖
เรื่อง "กระสุน Siamese type 66 (ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำ ตอนที่ ๓๔)"
ลองย้อนกลับไปอ่านดูได้
ป้ายกำกับ:
ประชาธิปไตย,
ประวัติศาสตร์
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ตัวเร่งปฏิกิริยาและการทดสอบ
- การกำจัดสีเมทิลีนบลู
- การคำนวณพื้นที่ผิวแบบ Single point BET
- การคำนวณพื้นที่ผิวแบบ Single point BET ตอนที่ ๒ ผลกระทบจากความเข้มข้นไนโตรเจนที่ใช้
- การจำแนกตำแหน่งที่เป็นกรด Brönsted และ Lewis บนพื้นผิวของแข็งด้วยเทคนิค Infrared spectroscopy และ Adsorbed probe molecules
- การจำแนกตำแหน่งที่เป็นเบส Brönsted และ Lewis บนพื้นผิวของแข็งด้วยเทคนิค Infrared spectroscopy และ Adsorbed probe molecules
- การใช้ข้อต่อสามทางผสมแก๊ส
- การใช้ Avicel PH-101 เป็น catalyst support
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๑ ขั้นตอนของการเกิดปฏิกิริยาบนตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๒ การดูดซับบนพื้นผิวของแข็ง
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๓ แบบจำลองไอโซเทอมการดูดซับของ Freundlich
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๔ แบบจำลองไอโซเทอมการดูดซับของ Langmuir
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๕ แบบจำลองไอโซเทอมการดูดซับของ Temkin
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๖ แบบจำลองไอโซเทอมการดูดซับของ BET
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๗ ตัวอย่างไอโซเทอมการดูดซับของ BET
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๘ ตัวอย่างไอโซเทอมการดูดซับของ BET (๒)
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๙ ตัวอย่างไอโซเทอมการดูดซับของ BET (๓)
- การเตรียมตัวอย่างตัวเร่งปฏิกิริยาแบบผงให้เป็นแผ่นบาง
- การทดสอบตัวเร่งปฏิกิริยา - ผลแตกต่างหรือไม่แตกต่าง
- การทำปฏิกิริยา ๓ เฟสใน stirred reactor
- การบรรจุ inert material ใน fixed-bed
- การปรับ WHSV
- การปั่นกวนของแข็งให้แขวนลอยในของเหลว ตอนที่ ๑ ผลของความหนาแน่นที่แตกต่าง
- การปั่นกวนของแข็งให้แขวนลอยในของเหลว ตอนที่ ๒ ขนาดของ magnetic bar กับเส้นผ่านศูนย์กลางภาชนะ
- การปั่นกวนของแข็งให้แขวนลอยในของเหลว ตอนที่ ๓ ผลของรูปร่างภาชนะ
- การผสมแก๊สอัตราการไหลต่ำเข้ากับแก๊สอัตราการไหลสูง
- การระบุชนิดโลหะออกไซด์
- การลาก smooth line เชื่อมจุด
- การเลือกค่า WHSV (Weight Hourly Space Velocity) สำหรับการทดลอง
- การวัดความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง (อีกครั้ง)
- การวัดปริมาณตำแหน่งที่เป็นกรด-เบสบนพื้นผิวของแข็งด้วย GC
- การวัดปริมาณตำแหน่งที่เป็นกรด-เบสบนพื้นผิวของแข็งด้วย GC (๒)
- การวัดพื้นที่ผิว BET
- การวิเคราะห์ความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง ด้วยเทคนิคการดูดซับ Probe molecule (๑)
- การวิเคราะห์ความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง ด้วยเทคนิคการดูดซับ Probe molecule (๒)
- การวิเคราะห์ความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง ด้วยเทคนิคการดูดซับ Probe molecule (๓)
- การวิเคราะห์ความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง ด้วยเทคนิคการดูดซับ Probe molecule (๔)
- การวิเคราะห์ความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง ด้วยเทคนิคการดูดซับ Probe molecule (๕)
- การวิเคราะห์ความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง ด้วยเทคนิคการดูดซับ Probe molecule (๖)
- การไหลผ่าน Straightening vane และโมโนลิท (Monolith)
- เก็บตกจากการประชุมวิชาการ ๒๕๕๗ ตอนที่ ๑
- เก็บตกจากการประชุมวิชาการ ๒๕๕๗ ตอนที่ ๒
- ข้อควรระวังเมื่อใช้ออกซิเจนความเข้มข้นสูง
- ข้อพึงระวังในการแปลผลการทดลอง
- ค่า signal to noise ratio ที่ต่ำที่สุด
- จลนศาสตร์การเกิดปฏิกิริยาบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๑ Volcano principle
- จลนศาสตร์การเกิดปฏิกิริยาบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๒ แบบจำลอง Langmuir
- จลนศาสตร์การเกิดปฏิกิริยาบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๓ แบบจำลอง Langmuir-Hinshelwood
- จลนศาสตร์การเกิดปฏิกิริยาบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๔ แบบจำลอง Eley-Rideal
- จลนศาสตร์การเกิดปฏิกิริยาบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๕ แบบจำลอง REDOX
- ตอบคำถามเรื่องการเตรียมตัวเร่งปฏิกิริยา
- ตัวเลขมันสวย แต่เชื่อไม่ได้
- ตัวเลขไม่ได้ผิดหรอก คุณเข้าใจนิยามไม่สมบูรณ์ต่างหาก
- ตัวไหนดีกว่ากัน (Catalyst)
- แต่ละจุดควรต่างกันเท่าใด
- ท่อแก๊สระบบ acetylene hydrogenation
- น้ำหนักหายได้อย่างไร
- ปฏิกิริยาการเติมไฮโดรเจนและการแทนที่ไฮโดรเจนของอะเซทิลีน
- ปฏิกิริยาอันดับ 1 หรือปฏิกิริยาอันดับ 2
- ปฏิกิริยาเอกพันธ์และปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ในเบดนิ่ง
- ปั๊มสูบไนโตรเจนเหลวจากถังเก็บ
- ผลของแก๊สเฉื่อยต่อการเกิดปฏิกิริยา
- เผาในเตาแบบไหนดี (Calcination)
- พลังงานกระตุ้นกับปฏิกิริยาคายความร้อนในเครื่องปฏิกรณ์เบดนิ่ง
- เมื่อแก๊สรั่วที่ rotameter
- เมื่อพีคออกซิเจนของระบบ DeNOx หายไป
- เมื่อเส้น Desorption isotherm ต่ำกว่าเส้น Adsorption isotherm
- เมื่อ base line เครื่อง chemisorb ไม่นิ่ง
- เมื่อ Mass Flow Controller คุมการไหลไม่ได้
- เรื่องของสุญญากาศกับ XPS
- สแกนกี่รอบดี
- สมดุลความร้อนรอบ Laboratory scale fixed-bed reactor
- สรุปการประชุมวันพฤหัสบดีที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๓
- เส้น Cu Kα มี ๒ เส้น
- เห็นอะไรไม่สมเหตุสมผลไหมครับ
- อย่าลืมดูแกน Y
- อย่าให้ค่า R-squared (Coefficient of Determination) หลอกคุณได้
- อุณหภูมิกับการไหลของแก๊สผ่าน fixed-bed
- อุณหภูมิและการดูดซับ
- BET Adsorption-Desorption Isotherm Type I และ Type IV
- ChemiSorb 2750 : การเตรียมตัวอย่างเพื่อการวัดพื้นที่ผิว BET
- ChemiSorb 2750 : การวัดพื้นที่ผิวแบบ Single point BET
- ChemiSorb 2750 : ผลของอัตราการไหลต่อความแรงสัญญาณ
- Distribution functions
- Electron Spin Resonance (ESR)
- GHSV หรือ WHSV
- Ion-induced reduction ขณะทำการวิเคราะห์ด้วย XPS
- MO ตอบคำถาม การทดลอง gas phase reaction ใน fixed-bed
- MO ตอบคำถาม การวัดความเป็นกรด-เบสบนพื้นผิวของแข็ง
- Monolayer หรือความหนาเพียงชั้นอะตอมเดียว
- NH3-TPD - การลาก base line
- NH3-TPD - การลาก base line (๒)
- NH3-TPD - การไล่น้ำและการวาดกราฟข้อมูล
- NH3-TPD ตอน ตัวอย่างผลการวิเคราะห์ ๑
- NH3-TPD ตอน ตัวอย่างผลการวิเคราะห์ ๒
- Physisorption isotherms Type I และ Type IV
- Scherrer's equation
- Scherrer's equation (ตอนที่ 2)
- Scherrer's equation (ตอนที่ ๓)
- Scherrer's equation (ตอนที่ ๔)
- Supported metal catalyst และ Supported metal oxide catalyst
- Temperature programmed reduction ด้วยไฮโดรเจน (H2-TPR)
- Temperature programmed reduction ด้วยไฮโดรเจน (H2-TPR) ภาค ๒
- UV-Vis - peak fitting
- XPS ตอน การแยกพีค Mo และ W
- XPS ตอน จำนวนรอบการสแกน
- XRD - peak fitting
คณิตศาสตร์สำหรับวิศวกรรมเคมี
- การแก้ปัญหาสมการเชิงอนุพันธ์สามัญปัญหาเงื่อนไขค่าเริ่มต้นด้วยระเบียบวิธี Bogacki-Shampine และ Predictor-Evaluator-Corrector-Evaluator (PECE)
- การแก้ปัญหาสมการอนุพันธ์สามัญ ด้วย ODE solvers ของ GNU Octave ตอนที่ ๑
- การแก้ปัญหาสมการอนุพันธ์สามัญ ด้วย ODE solvers ของ GNU Octave ตอนที่ ๒
- การแก้ปัญหาสมการอนุพันธ์สามัญ ด้วย ODE solvers ของ GNU Octave ตอนที่ ๓
- การแก้สมการเชิงอนุพันธ์สามัญด้วยการใช้ Integrating factor
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๑)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๑๐)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๑๑)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๑๒)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๑๓)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๒)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๓)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๔)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๕)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๖)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๗)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๘)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๙)
- การคำนวณค่าฟังก์ชันพหุนาม
- การปรับเรียบ (Smoothing) ข้อมูล (ตอนที่ ๑)
- การปรับเรียบ (Smoothing) ข้อมูล (ตอนที่ ๒)
- การปรับเรียบ (Smoothing) ข้อมูล (ตอนที่ ๓)
- การหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร x และ y
- ข้อพึงระวังในการใช้ฟังก์ชันพหุนามในการประมาณค่าในช่วง
- ข้อพึงระวังในการใช้ฟังก์ชันพหุนามในการประมาณค่าในช่วง (๒)
- ข้อพึงระวังในการใช้ฟังก์ชันพหุนามในการประมาณค่าในช่วง (๒) (pdf)
- ข้อพึงระวังในการใช้ฟังก์ชันพหุนามในการประมาณค่าในช่วง (๓)
- ข้อสอบเก่าชุดที่ ๑
- ข้อสอบเก่าชุดที่ ๒
- ค่าคลาดเคลื่อน (error)
- จำนวนที่น้อยที่สุดที่เมื่อบวกกับ 1 แล้วได้ผลลัพธ์ไม่ใช่ 1
- ใช่ว่าคอมพิวเตอร์จะคิดเลขถูกเสมอไป
- ตัวเลขที่เท่ากันแต่ไม่เท่ากัน
- ตัวอย่างการแก้ปัญหา สมการพีชคณิตไม่เชิงเส้นด้วยระเบียบวิธีนิวตัน-ราฟสัน
- ตัวอย่างการแก้ปัญหา สมการพีชคณิตไม่เชิงเส้นด้วยระเบียบวิธี Müller และ Inverse quadratic interpolation
- ตัวอย่างการแก้ปัญหา สมการพีชคณิตไม่เชิงเส้นด้วยระเบียบวิธี successive iteration
- ตัวอย่างการแก้ปัญหา สมการพีชคณิตไม่เชิงเส้นด้วยระเบียบวิธี successive iteration (pdf)
- ตัวอย่างการแก้ปัญหา สมการพีชคณิตไม่เชิงเส้นด้วย Function fzero ของ GNU Octave
- ตัวอย่างการคำนวณหาพื้นที่ใต้กราฟ ด้วยระเบียบวิธี Gaussian quadrature
- ตัวอย่างการคำนวณหาพื้นที่ใต้กราฟ ด้วยระเบียบวิธี Gaussian quadrature (pdf)
- ตัวอย่างผลของรูปแบบสมการต่อคำตอบของ ODE-IVP
- ตัวอย่างเพิ่มเติมบทที่ ๑
- ตัวอย่างเพิ่มเติมบทที่ ๒
- ตัวอย่างเพิ่มเติมบทที่ ๓
- ตัวอย่างเพิ่มเติมบทที่ ๔
- ทบทวนเรื่องการคูณเมทริกซ์
- ทบทวนเรื่อง Taylor's series
- ทศนิยมลงท้ายด้วยเลข 5 จะปัดขึ้นหรือปัดลง
- บทที่ ๑ การคำนวณตัวเลขในระบบทศนิยม
- บทที่ ๒ การแก้ปัญหาระบบสมการพีชคณิตเชิงเส้น
- บทที่ ๓ การแก้ปัญหาระบบสมการพีชคณิตไม่เชิงเส้น
- บทที่ ๔ การประมาณค่าในช่วง
- บทที่ ๕ การหาค่าอนุพันธ์
- บทที่ ๖ การหาค่าอินทิกรัล
- บทที่ ๗ การแก้ปัญหาสมการเชิงอนุพันธ์สามัญ ระบบสมการปัญหาเงื่อนไขค่าเริ่มต้น
- บทที่ ๘ การแก้ปัญหาสมการเชิงอนุพันธ์สามัญ ระบบสมการปัญหาเงื่อนไขค่าขอบเขต
- บทที่ ๙ การแก้ปัญหาสมการเชิงอนุพันธ์ย่อย
- ปฏิกิริยาคายความร้อนใน CSTR (ตอนที่ ๑)
- ปฏิกิริยาคายความร้อนใน CSTR (ตอนที่ ๒)
- เปรียบเทียบการแก้ปัญหาสมการพีชคณิตไม่เชิงเส้นด้วย solver ของ GNU Octave
- เปรียบเทียบการแก้ Stiff equation ด้วยระเบียบวิธี Runge-Kutta และ Adam-Bashforth
- เปรียบเทียบระเบียบวิธี Runge-Kutta
- เปรียบเทียบ Gauss elimination ที่มีและไม่มีการทำ Pivoting
- เปรียบเทียบ Gauss elimination ที่มีและไม่มีการทำ Pivoting (Spreadsheet)
- ฟังก์ชันแกมมา (Gamma function) และ ฟังก์ชันเบสเซล (Bessel function)
- เมื่อ 1 ไม่เท่ากับ 0.1 x 10
- ระเบียบวิธี Implicit Euler และ Crank-Nicholson กับ Stiff equation
- เลขฐาน ๑๐ เลขฐาน ๒ จำนวนเต็ม จำนวนจริง
- Distribution functions
- LU decomposition ร่วมกับ Iterative improvement
- LU decomposition ร่วมกับ Iterative improvement (pdf)
- LU decomposition ร่วมกับ Iterative improvement (Spreadsheet)
- Machine precision กับ Machine accuracy
เคมีสำหรับวิศวกรเคมี
- กรด-เบส : อ่อน-แก่
- กรด-เบส : อะไรควรอยู่ในบิวเรต
- กราฟการไทเทรตกรดกำมะถัน (H2SO4)
- กราฟการไทเทรตกรดกำมะถัน (H2SO4) ตอนที่ ๒
- กราฟการไทเทรตกรดที่ให้โปรตอนได้ ๒ ตัว
- กราฟการไทเทรตกรดที่ให้โปรตอนได้ ๓ ตัว
- กราฟการไทเทรตกรดไฮโปคลอรัส (HOCl)
- กราฟอุณหภูมิการกลั่นของน้ำมันเบนซิน (Gasoline distillation curve)
- กลิ่นกับอันตรายของสารเคมี
- การกำจัดสีเมทิลีนบลู
- การเกิดปฏิกิริยาเคมี
- การเจือจางไฮโดรคาร์บอนในน้ำ
- การใช้ pH probe
- การใช้ Tetraethyl lead นอกเหนือไปจากการเพิ่มเลขออกเทน
- การดูดกลืนคลื่นแสงของแก้ว Pyrex และ Duran
- การดูดกลืนแสงสีแดง
- การเตรียมสารละลายด้วยขวดวัดปริมาตร
- การเตรียมหมู่เอมีนและปฏิกิริยาของหมู่เอมีน (การสังเคราะห์ฟีนิลบิวตาโซน)
- การทำน้ำให้บริสุทธิ์สำหรับห้องปฏิบัติการ
- การทำปฏิกิริยาของโพรพิลีนออกไซด์ (1,2-Propylene oxide) ตอนที่ ๑
- การทำปฏิกิริยาของโพรพิลีนออกไซด์ (1,2-Propylene oxide) ตอนที่ ๒
- การทำปฏิกิริยาของหมู่ Epoxide ในโครงสร้าง Graphene oxide
- การทำปฏิกิริยาต่อเนื่องของผลิตภัณฑ์
- การเทของเหลวใส่บิวเรต
- การน๊อคของเครื่องยนต์แก๊สโซลีน และสารเพิ่มเลขออกเทนของน้ำมัน
- การเปลี่ยนพลาสติกเป็นน้ำมัน
- การเปลี่ยนเอทานอล (Ethanol) ไปเป็นอะเซทัลดีไฮด์ (Acetaldehyde)
- การเรียกชื่อสารเคมี
- การลดการระเหยของของเหลว
- การละลายของแก๊สในเฮกเซน (Ethylene polymerisation)
- การละลายเข้าด้วยกันของโมเลกุลมีขั้ว-ไม่มีขั้ว
- การวัดความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง (อีกครั้ง)
- การวัดปริมาณ-ความแรงของตำแหน่งที่เป็นกรดบนพื้นผิว
- การวัดปริมาณตำแหน่งที่เป็นกรด-เบสบนพื้นผิวของแข็งด้วย GC
- การวัดปริมาตรของเหลว
- การหาความเข้มข้นสารละลายมาตรฐานกรด
- การหาจุดสมมูลของการไทเทรตจากกราฟการไทเทรต
- การอ่านผลการทดลองการไทเทรตกรด-เบส
- การอ่านผลการทดลองการไทเทรตกรด-เบส (ตอนที่ ๒)
- การอ่านผลการทดลองการไทเทรตกรด-เบส (ตอนที่ ๓)
- แก๊สมัสตาร์ดกับกลิ่นทุเรียน
- ข้อควรระวังเมื่อใช้ออกซิเจนความเข้มข้นสูง
- คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากับงานเคมีวิเคราะห์
- ความกระด้าง (Hardness) ของน้ำกับปริมาณของแข็งทั้งหมด ที่ละลายอยู่ (Total Dissolved Solid - TDS)
- ความดันกับการเกิดปฏิกิริยาเคมี
- ความเป็นกรดของหมู่ไฮดรอกซิล (Hydroxyl group) ตอนที่ ๑
- ความเป็นกรดของหมู่ไฮดรอกซิล (Hydroxyl group) ตอนที่ ๒
- ความเป็นกรดของอัลฟาไฮโดรเจนอะตอม (alpha-Hydrogen atom) ตอน กรดบาร์บิทูริก (Barbituric acid)
- ความเป็นกรดของอัลฟาไฮโดรเจนอะตอม (alpha-Hydrogen atoms)
- ความเป็นขั้วบวกของอะตอม C และการทำปฏิกิริยาของอีพิคลอโรไฮดริน (epichlorohydrin)
- ความเป็นไอออนิก (Percentage ionic character)
- ความสัมพันธ์ระหว่างสีกับชนิดและปริมาณธาตุ
- ความสำคัญของเคมีวิเคราะห์และเคมีอินทรีย์ในงานวิศวกรรมเคมี
- ความเห็นที่ไม่ลงรอยกับโดเรมี่
- ค้างที่ปลายปิเปตไม่เท่ากัน
- คำตอบของ Cubic equation of state
- จากกลีเซอรอล (glycerol) ไปเป็นอีพิคลอโรไฮดริน (epichlorohydrin)
- จากเบนซาลดีไฮด์ (Benzaldehyde) ไปเป็นกรดเบนซิลิก (Benzilic acid)
- จากโอเลฟินส์ถึงพอลิอีเทอร์ (From olefins to polyethers)
- จาก Acetone เป็น Pinacolone
- จาก Alkanes ไปเป็น Aramids
- จาก Aniline ไปเป็น Methyl orange
- จาก Benzene ไปเป็น Butter yellow
- จาก Hexane ไปเป็น Nylon
- จาก Toluene และ m-Xylene ไปเป็นยาชา
- ดำหรือขาว
- ตกค้างเพราะเปียกพื้นผิว
- ตอบคำถามแบบแทงกั๊ก
- ตอบคำถามให้ชัดเจนและครอบคลุม
- ตำราสอนการใช้ปิเปตเมื่อ ๓๓ ปีที่แล้ว
- ไตรเอทานอลเอมีน (Triethanolamine)
- ถ่านแก๊ส หินแก๊ส แก๊สก้อน
- ทอดไข่เจียวให้อร่อยต้องใช้น้ำมันหมู
- ทำไมน้ำกระด้างจึงมีฟอง
- ที่แขวนกล้วย
- เท่ากับเท่าไร
- โทลูอีน (Toluene)
- ไทโอนีลคลอไรด์ (Thionyl chloride)
- นานาสาระเคมีวิเคราะห์
- น้ำด่าง น้ำอัลคาไลน์ น้ำดื่ม
- น้ำดื่ม (คิดสักนิดก่อนกดแชร์ เรื่องที่ ๑๑)
- น้ำตาลทราย ซูคราโลส และยาคุมกำเนิดสำหรับผู้ชาย
- น้ำบริสุทธิ์ (Purified water)
- ไนโตรเจนเป็นแก๊สเฉื่อยหรือไม่
- บีกเกอร์ 250 ml
- แบบทดสอบก่อนเริ่มเรียนวิชาเคมีสำหรับนิสิตวิศวกรรมเคมี
- ปฏิกิริยาการเติมไฮโดรเจนและการแทนที่ไฮโดรเจนของอะเซทิลีน (Hydrogenation and replacement of acetylenic hydrogen)
- ปฏิกิริยาการผลิต Vinyl chloride
- ปฏิกิริยาการออกซิไดซ์
- ปฏิกิริยา alpha halogenation และการสังเคราะห์ tertiary amine
- ปฏิกิริยา ammoxidation หมู่เมทิลที่เกาะอยู่กับวงแหวนเบนซีน
- ปฏิกิริยา Benzene alkylation
- ปฏิกิริยา Dehydroxylation
- ปฏิกิริยา Electrophilic substitution ของ m-Xylene
- ปฏิกิริยา Nucleophilic substitution ของสารประกอบ Organic halides
- ประโยชน์ของ Nitric oxide ในทางการแพทย์
- ปัญหาการสร้าง calibration curve ของ ICP
- ปัญหาการหาความเข้มข้นสารละลายกรด
- ปัญหาของไฮโดรคาร์บอนไม่อิ่มตัว
- โป้ง ชี้ กลาง นาง ก้อย
- ผลของค่าพีเอชต่อสีของสารละลายเปอร์แมงกาเนต
- ผลของอุณหภูมิต่อการแทนที่ตำแหน่งที่ 2 บนวงแหวนเบนซีน
- ฝึกงานภาคฤดูร้อน ๒๕๕๓ ตอนที่ ๑ อธิบายศัพท์
- พีคเหมือนกันก็แปลว่ามีหมู่ฟังก์ชันเหมือนกัน
- ฟลูออรีนหายไปไหน
- ฟอสฟอรัสออกซีคลอไรด์ (Phosphorus Oxychloride)
- ฟีนอล แอซีโทน แอสไพริน พาราเซตามอล สิว โรคหัวใจ และงู
- มุมมองที่ถูกจำกัด
- เมทานอลกับเจลล้างมือ
- เมื่อคิดในรูปของ ...
- เมื่อตำรายังพลาดได้ (Free radical polymerisation)
- เมื่อน้ำเพิ่มปริมาตรเองได้
- เมื่อหมู่คาร์บอนิล (carbonyl) ทำปฏิกิริยากันเอง
- รังสีเอ็กซ์
- เรื่องของสไตรีน (คิดสักนิดก่อนกด Share เรื่องที่ ๑)
- แลปการไทเทรตกรด-เบส ภาคการศึกษาต้น ปีการศึกษา ๒๕๖๐
- ศัพท์เทคนิค-เคมีวิเคราะห์
- สรุปคำถาม-ตอบการสอบวันศุกร์ที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๒
- สีหายไม่ได้หมายความว่าสารหาย
- เสถียรภาพของอนุมูลอิสระ (๑)
- เสถียรภาพของอนุมูลอิสระ (๒)
- เสถียรภาพของอนุมูลอิสระ (๓)
- หมู่ทำให้เกิดสี (chromophore) และหมู่เร่งสี (auxochrome)
- หลอกด้วยข้อสอบเก่า
- อะเซทิลีน กลีเซอรีน และไทออล
- อะโรมาติก : การผลิต การใช้ประโยชน์ และปัญหา
- อัลคิลเอมีน (Alkyl amines) และ อัลคิลอัลคานอลเอมีน (Alkyl alkanolamines)
- อีเทอร์กับการเกิดสารประกอบเปอร์ออกไซด์
- อุณหภูมิ อัตราการเกิดปฏิกิริยา สมดุลเคมี
- เอา 2,2-dimethylbutane (neohexane) ไปทำอะไรดี
- เอาเบนซีนกับเอทานอลไปทำอะไรดี
- เอา isopentane ไปทำอะไรดี
- เอา maleic anhydride ไปทำอะไรดี
- เอา pentane ไปทำอะไรดี
- ไอโซเมอร์ (Isomer)
- ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์กับพอลิโพรพิลีน
- Acentric factor
- Aldol condensation กับ Cannizzaro reaction
- Aldol condesation ระหว่าง Benzaldehyde กับ Acetone
- A-Level เคมี ปี ๖๖ ข้อพอลิเอทิลีน
- Beilstein test กับเตาแก๊สที่บ้าน
- Benzaldehyde กับปฏิกิริยา Nitroaldol
- BOD และ COD
- BOD หรือ DO
- Carbocation - การเกิดและเสถียรภาพ
- Carbocation - การทำปฏิกิริยา
- Carbocation ตอนที่ ๓ การจำแนกประเภท-เสถียรภาพ
- Chloropicrin (Trichloronitromethane)
- Compressibility factor กับ Joule-Thomson effect
- Conjugated double bonds กับ Aromaticity
- Cubic centimetre กับ Specific gravity
- Dehydration, Esterification และ Friedle-Crafts Acylation
- Electrophilic addition ของอัลคีน
- Electrophilic addition ของอัลคีน (๒)
- Electrophilic addition ของ conjugated diene
- Electrophilic substitution ตำแหน่งที่ 1 บนวงแหวนเบนซีน
- Electrophilic substitution ตำแหน่งที่ 2 บนวงแหวนเบนซีน ตอน ผลของอุณหภูมิการทำปฏิกิริยา
- Electrophilic substitution ตำแหน่งที่ 3 บนวงแหวนเบนซีน
- Electrophilic substitution ตำแหน่งที่ 3 บนวงแหวนเบนซีน ตอน การสังเคราะห์ 2,4-Dinitrophenol
- Esterification of hydroxyl group
- Gibbs Free Energy กับการเกิดปฏิกิริยาและการดูดซับ
- Halogenation ของ alkane
- Halogenation ของ alkane (๒)
- HCl ก่อน ตามด้วย H2SO4 แล้วจึงเป็น HNO3
- I2 ในสารละลาย KI กับไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัว
- Infrared spectrum interpretation
- Interferometer
- IR spectra ของโทลูอีน (Toluene) เอทิลเบนซีน (Ethylbenzene) โพรพิลเบนซีน (Propylbenzene) และคิวมีน (Cumene)
- IR spectra ของเบนซีน (Benzene) และไซลีน (Xylenes)
- IR spectra ของเพนทีน (Pentenes)
- Kjeldahl nitrogen determination method
- Malayan emergency, สงครามเวียดนาม, Seveso และหัวหิน
- MO ตอบคำถาม การวัดความเป็นกรด-เบสบนพื้นผิวของแข็ง
- Nucleophile กับ Electrophile
- PAT2 เคมี ปี ๖๕ ข้อการไทเทรตกรดเบส
- Peng-Robinson Equation of State
- Phenol, Ether และ Dioxin
- Phospharic acid กับ Anhydrous phosphoric acid และ Potassium dioxide
- pH Probe
- Picric acid (2,4,6-Trinitrophenol) และ Chloropicrin
- PV diagram กับการอัดแก๊ส
- Pyrophoric substance
- Reactions of hydroxyl group
- Reactions of hydroxyl group (ตอนที่ ๒)
- Redlich-Kwong Equation of State
- Redlich-Kwong Equation of State (ตอนที่ ๒)
- Soave-Redlich-Kwong Equation of State
- Standard x-ray powder diffraction pattern ของ TiO2
- Sulphur monochloride และ Sulphur dichloride
- Thermal cracking - Thermal decomposition
- Thiols, Thioethers และ Dimethyl thioether
- Van der Waals' Equation of State
- Vulcanisation
ประสบการณ์ Gas chromatograph/Chromatogram
- 6 Port sampling valve
- กระดาษความร้อน (thermal paper) มี ๒ หน้า
- การแก้ปัญหา packing ในคอลัมน์ GC อัดตัวแน่น
- การฉีดแก๊สเข้า GC ด้วยวาล์วเก็บตัวอย่าง
- การฉีดตัวอย่างที่เป็นของเหลวด้วย syringe
- การฉีด GC
- การใช้ syringe ฉีดตัวอย่างที่เป็นแก๊ส
- การดึงเศษท่อทองแดงที่หักคา tube fitting ออก
- การตั้งอุณหภูมิคอลัมน์ GC
- การติดตั้ง Integrator ให้กับ GC-8A เพื่อวัด CO2
- การเตรียมคอลัมน์ GC ก่อนการใช้งาน
- การปรับความสูงพีค GC
- การวัดปริมาณไฮโดรเจนด้วย GC-TCD
- ข้อสังเกตเกี่ยวกับ FPD (ตอนที่ ๒)
- ข้อสังเกตเกี่ยวกับ FPD (Flame Photometric Detector)
- โครมาโทกราฟแยกสารได้อย่างไร
- ชนิดคอลัมน์ GC
- ตรวจโครมาโทแกรม ก่อนอ่านต้วเลข
- ตัวอย่างการแยกพีค GC ที่ไม่เหมาะสม
- ทำความรู้จักกับ Chromatogram ตอนที่ ๑
- ทำความรู้จักกับ Chromatogram ตอนที่ ๒
- ทำความรู้จักกับ Chromatogram ตอนที่ ๓
- ทำความรู้จักกับ Chromatogram ตอนที่ ๔
- ทำความรู้จักกับ Chromatogram ตอนที่ ๕
- ทำความรู้จักกับ Chromatogram ตอนที่ ๖
- ทำไมพีคจึงลากหาง
- ผลกระทบของน้ำที่มีต่อการวัดคาร์บอนไดออกไซด์ ตอนที่ ๑
- ผลกระทบของน้ำที่มีต่อการวัดคาร์บอนไดออกไซด์ ตอนที่ ๒
- ผลกระทบของน้ำที่มีต่อการวัดคาร์บอนไดออกไซด์ ตอนที่ ๓
- พีคที่เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างน้ำกับ packing ในคอลัมน์ GC
- พีคประหลาดจากการใช้อากาศน้อยไปหน่อย
- มันไม่เท่ากันนะ
- เมื่อความแรงของพีค GC ลดลง
- เมื่อจุดไฟ FID ไม่ได้
- เมื่อพีค GC หายไป
- เมื่อพีค GC ออกมาผิดเวลา
- เมื่อพีค GC ออกมาผิดเวลา(อีกแล้ว)
- เมื่อเพิ่มความดันอากาศให้กับ FID ไม่ได้
- เมื่อ GC ถ่านหมด
- เมื่อ GC มีพีคประหลาด
- ลากให้ผ่านหรือไม่ให้ผ่าน
- สัญญาณจาก carrier gas รั่วผ่าน septum
- สารพัดปัญหา GC
- สิ่งปนเปื้อนในน้ำ DI
- สิ่งปนเปื้อนในน้ำ DI (ตอนที่ ๒)
- Chromatograph principles and practices
- Flame Ionisation Detector
- GC-2014 ECD & PDD ตอนที่ ๗ ข้อสังเกตเกี่ยวกับ ECD (Electron Capture Detector)
- GC detector
- GC - peak fitting ตอนที่ ๑ การหาพื้นที่พีคที่เหลื่อมทับ
- GC principle
- LC detector
- LC principle
- MO ตอบคำถาม การแยกพีค GC ด้วยโปรแกรม fityk
- MO ตอบคำถาม สารพัดปัญหาโครมาโทแกรม
- Relative Response Factors (RRF) ของสารอินทรีย์ กับ Flame Ionisation Detector (FID)
- Thermal Conductivity Detector
- Thermal Conductivity Detector ภาค 2
สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items - DUI)
- การก่อการร้ายด้วยแก๊สซาริน (Sarin) ในรถไฟใต้ดินกรุงโตเกียว MO Memoir : Friday 6 September 2567
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๐ ฟังก์ชันเข้ารหัสรีโมทเครื่องปรับอากาศ
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๑ License key
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๒ สารเคมี (Chemicals)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๓ ไม่ตรงตามตัวอักษร (สารเคมี)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๔ ไม่ตรงตามตัวอักษร (Heat exchanger)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๕ Sony PlayStation
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๖ เส้นใยคาร์บอน (Carbon fibre)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๗ The Red Team : Centrifugal separator
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๘ The Blue Team : Spray drying equipment
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๙ เครื่องสลายนิ่วในไตด้วยคลื่นกระแทก (Lithotripter)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑ ตัวเก็บประจุ (Capacitor)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒๐ เรซินแลกเปลี่ยนไอออน (Ion-exchange resin)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒๑ ไม่ตรงตามตัวอักษร (Aluminium tube)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒๒ เครื่องกระตุกหัวใจด้วยไฟฟ้า (Defibrillator)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒๓ เครื่องยนต์ดีเซล
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒ เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน (Heat Exchanger)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๓ เครื่องแปลงความถี่ไฟฟ้า (Frequency Changer)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๔ อุปกรณ์เข้ารหัส (Encoding Device)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๕ Insulated Gate Bipolar Transistor (IGBT)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๖ Toshiba-Kongsberg Incident
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๗ รายงานผลการทดสอบอุปกรณ์
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๘ Drawing อุปกรณ์
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๙ ซอร์ฟแวร์ควบคุมการทำงานอุปกรณ์
- เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนสำหรับเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์
- แคลเซียม, แมกนีเซียม และบิสมัท กับการผลิตอาวุธทำลายล้างสูง
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๑
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๑๐
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๒
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๓
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๔
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๕
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๖
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๗
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๘
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๙
API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๐)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๑)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๒)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๓)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๔)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๕)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๒)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๓)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๔)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๕)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๖)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๗)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๘)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๙)
โน๊ตเพลง
- "กำลังใจ" และ "ถึงเพื่อน"
- "ใกล้รุ่ง" และ "อาทิตย์อับแสง"
- "คนดีไม่มีวันตาย" "หนึ่งในร้อย (A Major) และ "น้ำตาแสงใต้ (A Major)"
- "ความฝันอันสูงสุด" และ "ยามเย็น"
- "จงรัก" และ "ความรักไม่รู้จบ"
- "ฉันยังคอย" และ "ดุจบิดามารดร"
- "ชาวดง" และ "ชุมนุมลูกเสือไทย"
- "ตัดใจไม่ลง" และ "ลาสาวแม่กลอง"
- "เติมใจให้กัน" และ "HOME"
- "แต่ปางก่อน" "ความรักไม่รู้จบ" "ไฟเสน่หา" และ "แสนรัก"
- "ทะเลใจ" "วิมานดิน" และ "เพียงแค่ใจเรารักกัน"
- "ที่สุดของหัวใจ" "รักล้นใจ" และ "รักในซีเมเจอร์"
- "ธรณีกรรแสง" และ "Blowin' in the wind"
- "นางฟ้าจำแลง" "อุษาสวาท" และ "หนี้รัก"
- "แผ่นดินของเรา" และ "แสงเทียน"
- "พรปีใหม่" และ "สายฝน"
- "พี่ชายที่แสนดี" "หลับตา" และ "หากรู้สักนิด"
- เพลงของโรงเรียนเซนต์คาเบรียล
- "มหาจุฬาลงกรณ์" "ยูงทอง" และ "ลาภูพิงค์"
- "ยังจำไว้" "บทเรียนสอนใจ" และ "ความในใจ"
- "ร่มจามจุรี" และ "เงาไม้"
- "ลมหนาว" และ "ชะตาชีวิต"
- "ลองรัก" และ "วอลซ์นาวี"
- "ลาแล้วจามจุรี"
- "วันเวลา" และ "โลกทั้งใบให้นายคนเดียว"
- "วิหคเหินลม" และ "พรานทะเล"
- "สายชล" และ "เธอ"
- "สายใย" และ "ความรัก"
- "สายลม" และ "ไกลกังวล"
- "สายลมเหนือ" และ "เดียวดายกลางสายลม"
- "หน้าที่ทหารเรือ" และ "ทหารพระนเรศวร"
- "หนึ่งในร้อย" และ "น้ำตาแสงใต้"
- "หากันจนเจอ" และ "ลมหายใจของกันและกัน"