เหตุการณ์เริ่มจากความพยายามทำให้ห้องปฏิบัติการดูเป็นระเบียบเรียบร้อยและปลอดภัยมากขึ้น
(อันหลังนี้ขอใส่
?????
หลายตัวหน่อย)
ด้วยการจัดระบบท่อระบายแก๊สขาออกจากอุปกรณ์ทดลองต่าง
ๆ (พวก
micro
reactor ชนิด
packed
bed) ให้ระบายเข้าสู่ท่อแขนง
ก่อนไหลเข้าสู่ท่อหลัก
(เส้นสีดำในรูปที่
๑)
และไปยังท่อระบายแก๊ส
(เส้นสีน้ำเงิน)
ของตู้ดูดควัน
(หรือที่เรียกว่า
hood)
เพื่อใช้พัดลมดูดอากาศของตู้ดูดควันดึงเอาแก๊สต่าง
ๆ นั้นออกไปปล่อยทิ้งที่ปากปล่องตู้ควันบนดาดฟ้าอาคาร
ตอนแรกที่ทำการติดตั้งระบบนั้น
ปลายท่อแขนงทั้ง ๓ ท่อเป็นปลายปิด
มีจุดสำหรับรับแก๊สจากอุปกรณ์ทดลองต่าง
ๆ เข้าทางด้านข้าง
(ลูกศรสีเขียวในรูปที่
๑)
จุดไหนไม่ได้ใช้งานก็จะมีปลั๊กอุดเอาไว้
ระบบนี้เมื่อเริ่มการใช้งานหลังสร้างเสร็จก็พบปัญหาทันที
ผลจากแรงดูดที่สูดของพัดลมดูดอากาศนั้นทำให้ความดันในท่อรับแก๊สนั้นลดต่ำลงมาก
จนเกิดปัญหาในการควบคุมอัตราการไหลของแก๊สที่ป้อนเข้าระบบทดลองเนื่องจากด้านขาออกมีความดันที่ต่ำมากเกินไป
(ปรกติอัตราการไหลของแก๊สที่ใช้ในการทดลองก็ไม่ได้สูงอะไรนัก)
เนื่องจากในระบบเดิมนั้นปรับตั้งอัตราการไหลโดยให้ความดันต้านด้านขาออกของระบบทดลองคือความดันบรรยากาศ
ก็เลยจำเป็นต้องมีการแก้ไขระบบ
การแก้ไขที่มีการทำไปนั้นคือ
(ก)
มีการติดตั้งท่อรับอากาศจากภายนอกเพิ่ม
๑ ตำแหน่ง (เส้นสีแดงในรูปที่
๑)
โดยมีการติดตั้ง
damper
คุมปริมาณอากาศที่จะรับจากภายนอก
(ข)
เปลี่ยนจาก
cap
ปิดปลายท่อมาเป็น
damper
๑
ตำแหน่งที่ปลายท่อแขนงตัวที่อยู่ไกลสุดเพื่อรับอากาศจากภายนอกเข้า
และ
(ค)
ติดตั้ง
damper
ณ
ตำแหน่งก่อนบรรจบท่อระบายแก๊สหลักของตู้ดูดควัน
เพื่อควบคุมแรงดูด (ดูรูปที่
๑-๔
ประกอบ)
แต่ดูเหมือนว่าปัญหาจะยังไม่หมด
จากรูปที่ร่างมาให้ดู
พอจะมองออกไหมครับ
รูปที่
๑ แผนผังระบบท่อรับแก๊สจากอุปกรณ์ทดลอง
หลังการดัดแปลงระบบด้วยการติดตั้งท่อรับอากาศจากภายนอกเพิ่ม
(เส้นสีแดง)
และติดตั้ง
damper
ปรับปริมาณอากาศเพิ่มเติม
๓ ตำแหน่ง
รูปที่
๒ damper
ที่ติดตั้งเพิ่มเติมเพื่อรับอากาศจากภายนอกและปรับแรงดูดเข้าสู่ท่อระบายแก๊สของตู้ดูดควัน
รูปที่
๓ ปลายท่อของท่อแขนงด้านที่ไกลสุดมีการติดตั้ง
damper
เข้าแทน
cap
ที่ปิดปลายอยู่
รูปที่
๔ ปลายท่อแขนงอีก ๒
ท่อนั้นยังคงเป็น cap
สวมปิดปลายท่อเหมือนเดิม
การออกแบบตู้ดูดควันที่ใช้กันในห้องปฏิบัติการเคมีนั้นผู้ออกแบบจะต้องคำนึงถึงอัตราการไหลของอากาศที่ไหลเข้าสู่ตัวตู้เสมอ
ไม่ว่าประตูหน้าตู้นั้นจะเปิดกว้างหรือปิดเกือบสนิท
โดยจะต้องพยายามให้ความเร็วของอากาศที่ไหลเข้านั้นไม่เร็วเกินไปและไม่ช้าเกินไป
และอัตราเร็วดังกล่าวควรต้องสม่ำเสมอให้มากที่สุดไม่ว่าประตูตู้จะเปิดกว้าง
(ที่สามารถทำให้ความเร็วอากาศที่ไหลเข้าลดลง)
หรือปิดเกือบสนิท
(ที่สามารถทำให้ความเร็วอากาศที่ไหลเข้าเพิ่มสูงขึ้น)
วิธีการหนึ่งที่ใช้กันคือการมีช่องทางรับอากาศเข้าจากภายนอกที่ไม่ได้ผ่านทางประตูตู้
ซึ่งตรงนี้ขึ้นอยู่กับผู้ออกแบบแต่ละราย
(ถ้าเป็นตู้ควันที่ใช้ในห้องปรับอากาศยิ่งต้องคำนึงอีกว่าจะเอาอากาศชดเชยมาจากไหนที่จะไม่ทำให้มีการดึงเอาอากาศในห้องออกไปทิ้งมากเกินไป
ไม่เช่นนั้นระบบปรับอากาศจะทำงานไม่ไหว)
ระบบนี้ตอนแรกที่ผมไปเห็นหลังสร้างเสร็จใหม่
ๆ ผมก็ได้เปรยเอาไว้กับนิสิตที่ทำการทดลองว่าน่าจะมีปัญหาในการใช้งาน
และมันก็เกิดขึ้นจริง
ประเด็นที่ผมมองคือปลายท่อแขนง
"ทั้ง
๓ ท่อ"
นั้นควรมีการติดตั้งวาล์วหรือ
damper
เพื่อให้มีอากาศไหลเข้าทางปลายท่อ
"ทั้ง
๓ ท่อ"
เพื่อใช้ในการปรับแรงดูด
กล่าวคือถ้าพบว่าแรงดูดในเส้นท่อแขนงเส้นใดสูงเกินไป
ก็ให้เปิดช่องรับอากาศให้มากขึ้น
ถ้าแรงดูดในเส้นใดต่ำเกินไป
ก็ให้ปิดช่องรับอากาศให้เล็กลง
และถ้าพบว่าแม้จะเปิดช่องรับอากาศจนกว้างสุดแล้ว
แรงดูดก็ยังมากเกินไป
ในกรณีนี้ต้องมีการติดตั้งท่อรับอากาศจากภายนอกเข้ามาเสริม
(แบบเส้นสีแดงในรูปที่
๑)
นอกจากนี้การมีแก๊สไหลเข้าทางปลายท่อแขนงทั้ง
๓
ท่อตลอดเวลายังช่วงป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ย้อนของแก๊สที่ระบายมาจากท่อแขนงเส้นหนึ่งเข้าไปในท่อแขนงเส้นอื่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น