เมื่อเริ่มต้นการสอบสวนด้วยการหาใครสักคนมาเป็นผู้ต้องหา
การหาสาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุก็คงจะทำได้ยากขึ้น
เพราะเมื่อผู้ที่เกี่ยวข้องเกรงว่าเจ้าหน้าที่จะใช้สิ่งที่บอกกล่าวไปนั้นมาผูกมัดตนเอง
การได้คำตอบทำนองว่า ไม่รู้
ไม่ทราบ ไม่ทันสังเกต ฯลฯ
เมื่อไปถามคำถามคนที่คิดว่าเขาเป็นผู้มีส่วนร่วมกับเหตุการณ์
ก็เป็นเรื่องที่ไม่แปลก
ดังนั้นการเริ่มต้นการสอบสวนอุบัติเหตุด้วยการหาว่าอุบัติเหตุมันเกิดได้อย่างไร
และเราจะหาทางป้องกันอย่างไรเพื่อไม่ให้มันเกิดอีก
จึงน่าจะเป็นวิธีการที่ดีกว่า
เหตุการณ์ถังดับเพลิงชนิดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
(CO2)
ระเบิดจนทำให้นักเรียนเสียชีวิต
๑ รายเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั้น
หลังเกิดเหตุไม่กี่ชั่วโมงก็มีทั้งภาพและ
"ข้อสรุป"
ของสาเหตุจากบุคคลต่าง
ๆ ออกมาเต็มไปหมด
ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะเขียนเรื่องนี้
เพราะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับการสอบสวน
แต่ในฐานะนักวิชาการคนหนึ่งที่เห็นว่าข้อมูลที่เผยแพร่กันนั้นอาจนำไปสู่ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหรือการมองข้ามความเป็นไปได้บางอย่างเกิดขึ้น
ก็เลยต้องขอบันทึกความคิดเห็นส่วนตัวเองไว้เสียหน่อย
ผมบอกกับนิสิตบัณฑิตศึกษาที่ผมเป็นที่ปรึกษาอยู่เสมอว่า
"ถ้ามีปัญหา
ให้ตั้งคำถามพื้น ๆ"
ดังนั้นสำหรับเหตุการณ์นี้
ขอเริ่มต้นด้วยภาพถังดับเพลิงจากสองแหล่งข่าวก่อน
(รูปที่
๑ และรูปที่ ๒)
ลองพิจารณาดูเองก่อนนะครับว่า
เห็นอะไรที่ไม่เหมือนกันไหม
รูปที่ ๑
(ขวา)
ภาพถังดับเพลิงที่เกิดระเบิดที่สำนักข่าวแห่งหนึ่งนำเสนอ
(URL อยู่ในรูปแล้ว)
รูปที่ ๒
ในวงกลมคือภาพถังดับเพลิงที่เกิดการระเบิดที่สำนักข่าวอีกแห่งนำเสนอ
ข่าวที่ค้นดู
ไม่พบว่ามีการระบุว่าถังดับเพลิงที่ได้รับความเสียหายจากการระเบิดนั้นมีทั้งหมดกี่ถัง
ที่แน่ ๆ คือมี ๑ ถังที่เกิดการระเบิด
แล้วการระเบิดนั้นไปทำให้ถังอื่นที่อยู่ข้างเคียงเสียหายด้วยหรือไม่
แต่จากข่าวที่นำเสนอกันน่าจะระบุได้ว่ามีเพียงแค่ถังเดียวที่เสียหายจากการระเบิด
(คือถังที่เกิดระเบิด)
แต่ภาพถังดับเพลิงที่เสียหายในรูปที่
๑ และ ๒ นั้นเป็นคนละถังกัน
ถังในภาพที่ ๑
ฉีกขาดตามแนวยาวโดยสีผิวด้านนอกของถังยังปรกติ
ส่วนคอถังที่เป็นจุดที่ติดตั้งวาล์วนั้นยังคงสภาพอยู่
(คือไม่ฉีกขาด)
แต่ตัววาล์วหัวถังหายไปไหนก็ไม่รู้
ส่วนถังในรูปที่ ๒
ลักษณะความเสียหายมีรูปแบบที่ชิ้นส่วนของถังปลิวหลุดออกไป
และยังเห็นโครงสร้างของวาล์วและท่อนำสารยังติดอยู่กับตัวถัง
นอกจากนี้ลักษณะภายนอกของถังคล้ายกับว่าได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้
เห็นได้จากสีที่หายไปและรอยดำ
เหตุการณ์เดียวกัน
สำนักข่าวต่าง ๆ
ที่นำเสนอรูปถังที่ระเบิดกลับแสดงรูปที่ไม่เหมือนกัน
ทำให้รู้ว่าแหล่งที่มาของรูปนั้นมีอยู่
๒ แหล่ง
ทีนี้สำนักข่าวไหนได้รูปไหนไปก็รีบเอารูปนั้นไปประกอบเนื้อหาข่าว
โดยไม่มีการระบุว่าแหล่งที่มาของรูปนั้นมาจากไหน
นั่นก็แสดงว่ารูปที่มีการนำเสนอกันนั้น
อย่างน้อย ๑
รูปเป็นรูปที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์
ในเหตุการณ์นี้
ถังดับเพลิงนั้นมีแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์บรรจุอยู่
ส่วนความดันในถังเท่าไรก็ไม่รู้
สิ่งที่พอจะคาดเดาได้คือจากขนาดของถัง
ถังขนาดนี้ควรจะบรรจุคาร์บอนไดออกไซด์ได้หนักกี่กิโลกรัมหรือกี่ปอนด์
จากขนาดของถังที่เห็นในรูปก็น่าจะเป็นถังขนาด
10 ปอนด์
ส่วนความดันในถังจะเป็นเท่าใดนั้นมันขึ้นอยู่กับว่าถังนั้นมีอุณหภูมิเท่าใด
ถ้าแก๊สนั้นมีอุณหภูมิต่ำกว่าอุณหภูมิวิกฤตหรือ
critical temperature
(Tc) เมื่อเราเติมแก๊สเข้าไปในถัง
ความดันในถังจะเพิ่มขึ้นเรื่อย
ๆ จนถึงจุดหนึ่ง
แก๊สจะเริ่มควบแน่นเป็นของเหลว
การเติมแก๊สเพิ่มเข้าไปในถังจะไม่ทำให้ความดันในถังเพิ่มมากขึ้น
ความดันในถังจะคงที่
โดยแก๊สส่วนที่กลายเป็นของเหลวจะมีมากขึ้นแทน
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือถังแก๊สหุงต้ม
ที่อุณหภูมิเดียวกัน
จะเป็นแก๊สถังเล็กหรือถังใหญ่
ความดันจะเท่ากัน
และเมื่อใช้แก๊สไปเรื่อย
ๆ ความดันในถังจะ "ไม่ลดลง"
เพราะส่วนที่เป็นของเหลวจะระเหยมาชดเชย
ความดันจะลดก็ต่อเมื่อไม่มีของเหลวเหลืออยู่ในถัง
ด้วยเหตุนี้ถังแก๊สหุงต้มจึงไม่จำเป็นต้องมีเกจวัดความดันในถัง
เพราะมันไม่สามารถบอกปริมาณแก๊สที่เหลืออยู่ในถังได้
ปริมาณแก๊สในถังจะรู้ได้จากการชั่งน้ำหนักถังนั้น
แล้วหักเอาน้ำหนักถังเปล่าออกไป
ในกรณีของแก๊สหุงต้มนั้น
อุณหภูมิวิกฤตของโพรเพนอยู่ที่ประมาณ
97ºC
ในขณะที่ของบิวเทนอยู่ที่ประมาณ
152ºC
(แก๊สหุงต้มบ้านเราเป็นแก๊สผสมระหว่างโพรเพนกับบิวเทน)
ดังนั้นแม้ว่าจะเอาถังไปวางตากแดด
มันก็ยังมีส่วนที่เป็นของเหลวอยู่
ค่าอุณหภูมิวิกฤตของคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ประมาณ
31ºC
ดังนั้นในประเทศที่ภูมิอากาศปรกติไม่ได้ร้อนขนาดอุณหภูมิห้องสูงระดับ
30ºC
เป็นประจำ
แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ที่บรรจุอยู่ในถังก็จะเป็นของเหลวแบบเดียวกับถังแก๊สหุงต้ม
ด้วยเหตุนี้ถังดับเพลิงชนิดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จึงไม่มีเกจวัดความดัน
ตอนที่ผมเรียนป.โทที่อังกฤษนั้น
เจ้าหน้าที่ที่มาสอนเรื่องเครื่องดับเพลิงก็บอกว่า
ในกรณีของถังดับเพลิงชนิดคาร์บอนไดออกไซด์นั้น
ก่อนเอาไปดับเพลิงให้ลองฉีดดูสักนิดก่อน
จะได้รู้ว่ามันมีแก๊สอยู่ในถังหรือเปล่า
เพราะถังแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์นั้น
น้ำหนักส่วนใหญ่ของถังคือน้ำหนักของถังเปล่าที่เป็นเหล็กหนา
น้ำหนักแก๊สเป็นเพียงส่วนน้อย
ดังนั้นคนทั่วไปจะไม่สามารถบอกได้ว่าในถังนั้นมีแก๊สอยู่หรือไม่ด้วยการลองยกถังเพื่อดูน้ำหนัก
ไม่เหมือนถังแก๊สหุงต้มที่มันมีความดันที่ต่ำกว่ามาก
เหล็กก็บางกว่า
การลองยกถังเพื่อดูน้ำหนักก็พอจะบอกได้ว่าถังนั้นมีแก๊สเต็มถังหรือหมดแล้ว
ดังนั้นถังดับเพลิงชนิดคาร์บอนไดออกไซด์ในบ้านเรา
จึงมีความเป็นไปได้สูงที่แก๊สที่บรรจุอยู่ในถังนั้นจะมีสภาพเป็น
"ของไหล
(fluid)"
คือบอกไม่ได้ว่าเป็นของเหลวหรือแก๊ส
เพราะบ้านเรานั้นอุณหภูมิห้องสูงเกิน
31ºC
ถือว่าเป็นเรื่องปรกติ
ทีนี้เมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนไป
ความดันในถังจะเป็นเท่าใด
เราดูได้จาก PH
Diagram ของคาร์บอนไดออกไซด์
(รูปที่
๓)
โดยเราต้องรู้ความดันและอุณหภูมิเริ่มต้นก่อน
จะทำให้เรากำหนดปริมาตรจำเพาะ
(m3/kg)
ของแก๊สได้
และเนื่องจากปริมาตรถังคงที่
เมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนไปความดันจะเป็นเท่าใด
ก็ดูการเปลี่ยนแปลงตามเส้นปริมาตรจำเพาะคงที่ไปจนถึงอุณหภูมิปลายทาง
ก็จะสามารถทราบค่าความดันสุดท้ายได้
อย่างเช่นเริ่มต้นแก๊สในถังมีอุณหภูมิ
30ºC
ที่ความดัน 55
bar (จุด A)
เมื่ออุณหภูมิเพิ่มเป็น
100ºC
ความดันในถังก็จะมีค่าประมาณ
80 bar (เพิ่มประมาณ
1.45 เท่า)
รูปที่ ๓
Mollier diagram (PH
diagram หรือ Pressure-Enthalpy
diagram) ของคาร์บอนไดออกไซด์
ในเหตุการณ์ที่เกิดนั้น
ถังดับเพลิงมีแก๊สบรรจุอยู่เป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว
แสดงว่าตอนบรรจุแก๊สนั้น
ถังยังมีความแข็งแรงเพียงพอที่จะรับความดันของแก๊ส
เพราะถ้ามันมีความแข็งแรงไม่พอ
มันก็คงระเบิดตั้งแต่ตอนบรรจุแก๊สแล้ว
การระเบิดหลังจากบรรจุแก๊สเสร็จแล้ววางทิ้งไว้
อาจเกิดได้จาก (ก)
ความแข็งแรงของถังลดลง
หรือ (ข)
ความดันในถังเพิ่มสูงขึ้น
หรือ (ค)
ไม่มีระบบนิรภัย
หรือไม่ทำงาน หรือทำงานไม่ทันเวลา
หรือ (ง)
หลายกรณีที่กล่าวมาร่วมกัน
ตัวอย่างสาเหตุที่ทำให้ภาชนะรับความดัน
(รวมท่อด้วยนะ)
ที่ตอนแรกมีความแข็งแรงพอที่จะรับความดันได้
แต่พอเวลาผ่านไปความแข็งแรงนั้นกลับลดต่ำลงจนไม่สามารถรับความดันได้
ได้แก่ การกัดกร่อนที่ทำให้ผนังบางลง
และการที่รอยแตกร้าวที่มีอยู่เดิมนั้นขยายตัวขึ้น
กรณีรอยแตกร้าวยากที่จะตรวจสอบด้วยตาเปล่าเพราะเมื่อรอยเล็ก
ๆ เริ่มขยายตัว มันจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว
(ด้วยความเร็วเสียงในวัสดุนั้น)
พวกภาชนะรับความดันที่เกิดการระเบิดเพราะ
stress corrosion
cracking ก็เป็นแบบนี้ เพราะ
stress corrosion
cracking ทำให้เกิดรอยร้าวเล็ก
ๆ ในช่วงแรก แต่เมื่อรอยร้าวนั้นโตขึ้นถึงระดับนึง
จะแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็วจนทำให้เนื้อโลหะฉีดขาดเนื่องจากรับความดันภายในไม่ได้
เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น
ความดันในถังก็จะเพิ่มสูงขึ้น
แต่จะมากน้อยเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับเฟสของสารที่บรรจุอยู่ในถังว่าเป็น
(ก)
เฟสแก๊สอย่างเดียว
หรือ (ข)
เฟสแก๊สที่สมดุลกับเฟสของเหลวคือมีที่ว่างเหนือผิวของเหลว
(แบบถังแก๊สหุงต้ม)
หรือ (ค)
เฟสของเหลวเต็มถัง
คือไม่มีที่ว่างให้ของเหลวระเหยกลายเป็นไอได้
ใน 3 รูปแบบนี้
แบบ (ค)
เป็นแบบที่อันตรายที่สุด
เพราะของเหลวมันอัดตัวไม่ได้
อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นจะทำให้ความดันภายในถังเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตรงนี้ลองดูเส้นปริมาตรคงที่ในรูปที่
๓ ทางด้านซ้ายของโดมที่แยกระหว่างเฟสของเหลว
(ด้านซ้ายของโคม)
และเฟสแก๊ส (ด้านขวาของโดม)
จะเห็นว่าเส้นปริมาตรคงที่เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นนั้นวิ่งดิ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
ท่อประปาที่มีน้ำเต็มท่อ
ถ้าปิดวาล์วไว้ที่ปลายสองข้าง
แล้วตากแดดร้อน
ก็มีสิทธิแตกได้ด้วยสาเหตุนี้
รูปที่ ๔
โครงสร้างถังดับเพลิงชนิดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
ที่แปลกคือรูปนี้ (ซึ่งเป็นรูปวาด)
แสดงเกจวัดความดันให้ด้วย
แต่พอค้นดูรูปถังจริงที่โฆษณาขายกัน
ไม่ยักเห็นมีเกจวัดความดัน
ทีนี้จะขอลองตั้งสมมุติฐานที่อาจทำให้ถังระเบิดได้จากความดันที่เพิ่มสูงหลังการบรรจุแก๊สดังนี้
(ก)
ถังไม่มีระบบนิรภัย
ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้
ต่อให้ถังมีสภาพสมบูรณ์ดีก็ระเบิดได้
(ข)
มีระบบนิรภัย
โดยระบบนิรภัยทำงานปรกติ
แต่ความแข็งแรงของถังนั้นลดต่ำลงจนระเบิดก่อนถึงความดันที่ระบบนิรภัยจะทำงาน
(ค)
มีระบบนิรภัย
ความแข็งแรงของถังเป็นปรกติ
แต่ระบบนิรภัยไม่ทำงาน
ทำให้ถังระเบิดเมื่อรับความดันไม่ได้
(ง)
มีระบนิรภัย
ความแข็งแรงของถังเป็นปรกติ
แต่ไม่สามารถระบายความดันส่วนเกินได้ทัน
ทำให้เกิดความดันสะสมในถังจนสูงพอที่ทำให้ถังระเบิดได้
ในคลิปวิดิทัศน์เหตุการณ์ที่เกิด
ดูเหมือนว่าการระเบิดเกิดขึ้นทันทีโดยไม่มีการทำงานของระบบนิรภัย
(ไม่เห็นมีการระบายแก๊สออกจากถังก่อนถังระเบิด)
สิ่งที่อยากจะกล่าวไว้ก็คือ
การระเบิดเนื่องจากรอยแตกร้าวขยายตัวนั้น
เกิดได้แม้ว่าความดันในถังจะคงที่
ถ้าการระเบิดนั้นเกิดจากความดันในถังเพิ่มสูงขึ้นหลังการบรรจุแก๊ส
ก็ต้องหาสาเหตุให้ได้ว่า
สาเหตุใดที่สามารถทำให้ความดันที่เพิ่มสูงขึ้นนั้นสูงมากเพียงพอที่จะทำให้ถังระเบิดได้
รูปที่ ๕
โครงสร้างถังดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง
ในช่วงหลังเหตุการณ์ก็มีการแชร์คลิปการทดสอบการเผาถังดับเพลิงและการทดลองทิ้งถังดับเพลิงจากที่สูง
เพื่อแสดงให้เห็นความปลอดภัยของถังดับเพลิง
แต่ประเด็นก็คือการนำผลการทดลองในคลิปดังกล่าวมาสัมพันธ์กับอุบัติเหตุที่เกิด
เพื่อจะเน้นย้ำว่าถังที่ระเบิดนั้นเป็นถังไม่ได้มาตรฐานทั้ง
ๆ ที่ยังไม่มีรายงานการสอบสวนเปิดเผยออกมา
ซึ่งอาจจะนำไปสู่ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนได้
จากคลิปที่เห็นนั้น
ถังดับเพลิงที่นำมาเผาไฟดูแล้วเหมือนกับถังดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง
ส่วนถังดับเพลิงที่ทิ้งจากที่สูงนั้นเป็นถังดับเพลิงขนาดเล็ก
โดยปรกติเมื่อโลหะได้รับความร้อน
โลหะจะอ่อนตัวลง รับแรงได้น้อยลง
ถ้าเป็นชิ้นส่วนโครงสร้าง
โครงสร้างก็จะยุบตัวลง
ในกรณีของภาชนะบรรจุนั้น
ถ้าเป็นภาชนะรับความดันที่มีความดันอยู่ภายใน
ความร้อนจะทำให้ความดันในถังเพิ่มสูงขึ้น
ในขณะที่ความแข็งแรงของถังนั้นลดลง
ทีนี้ถังจะระเบิดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าระบบระบายความดันนั้นทำงานก่อนที่ถังจะรับความดันไม่ได้หรือไม่
และระบายความดันนั้นออกได้ทันเวลาหรือไม่
ถ้าระบบระบายความดันไม่ทันทำงานหรือระบายออกได้ไม่ทันเวลา
ถังก็จะระเบิด
ถังดับเพลิงชนิดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
(รูปที่
๔)
ตัวถังที่เราเห็นนั้นทำหน้าที่เป็นส่วนรับความดันภายในถัง
ดังนั้นถ้านำถังนี้ไปเผาไฟ
มันจะระเบิดหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่กล่าวมาในย่อหน้าข้างบน
แต่ถังดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง
(รูปที่
๕) นั้นแตกต่างกัน
ในสภาพที่ยังไม่มีการใช้งาน
ภายในถังจะไม่มีความดันใด
ๆ ตัวแก๊สที่ให้ความดันนั้นจะบรรจุอยู่ในกระป๋องแก๊ส
(gas canister)
ที่บรรจุอยู่ข้างในอีกที
การทำงานก็คือการทำให้แก๊สในกระป๋องแก๊สนั้นระบายออกมาเพื่อมาดันให้ผงเคมีแห้งที่บรรจุอยู่ภายในถังนั้นฉีดพุ่งออกมา
ดังนั้นการนำถังดับเพลิงรูปแบบนี้ไปเผาไฟ
ความร้อนจะใช้เวลานานกว่าในการทำให้โลหะของกระป๋องเก็บแก๊สภายในนั้นเสียความแข็งแรงจนรับความดันไม่ได้
และถึงมันระเบิดออกมันก็ยังมีตัวถังชั้นนอกรองรับการกระจายเศษชิ้นส่วนอีกชั้น
ถังที่ทาสีและมีฉลาก
(กระดาษหรือพลาสติก)
ปิดอยู่นั้น
เวลาเอาไปเผาไฟก็จะเห็นถังนั้นไหม้ดำได้เร็ว
(โดยที่ข้างในอาจจะยังร้อนไม่มากก็ได้)
ส่วนเรื่องการทิ้งจากที่สูงนั้น
ถังใบเล็กจะรับความดันและแรงกระแทกได้ดีกว่าถังใบใหญ่
ท่อแก๊ส (เรียกตามผู้ผลิตเรียกนะ)
ขนาดความจุ 5-6
m3 (ปริมาตรแก๊สเมื่อขยายตัว)
ไม่จำเป็นต้องนำไปทิ้ง
แค่ล้มคว่ำกระแทกพื้นก็มีโอกาสระเบิดแล้ว
ท่อแก๊สพวกนี้เขาถึงต้องให้ยึดให้ดี
ระวังอย่างให้ล้มคว่ำได้
ถังดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้งมันถูกกว่าชนิดคาร์บอนไดออกไซด์
แต่คาร์บอนไดออกไซด์มันสะอาดกว่าเพราะฉีดออกมาแล้วมันฟุ้งกระจายเป็นแก๊สออกไป
(และในบรรดาสารที่เป็นแก๊สด้วยกัน
มันเป็นตัวที่ถูกและหาได้ง่าย)
ถ้าเป็นผงเคมีแห้งก็ต้องดูทิศทางลมด้วย
เพราะมันจะเป็นฝุ่นกระจายทั่วไปหมดทั้งบริเวณที่ทำการดับเพลิงและบริเวณรอบข้าง
เสร็จการสาธิตแล้วก็ต้องมีการเก็บกวาดกันอีก
สาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุนั้นคืออะไร
ก็คงขึ้นอยู่กับผลการสอบสวนว่าจะสาวลงไปแค่ไหนและมองความเป็นไปได้ต่าง
ๆ มากน้อยแค่ไหน
ที่เขียนมาทั้งหมดก็เพื่ออยากให้ฉุกคิดสักนิดเวลาเห็นข้อมูลต่าง
ๆ ที่มีการพยายามนำเสนอกันอย่างรวดเร็ว
ว่ามันสมเหตุสมผลหรือไม่แค่นั้นเอง