แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ รถไฟหัตถกรรม แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ รถไฟหัตถกรรม แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2562

เส้นทางรถไฟที่หายไป (๓) (ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำ ตอนที่ ๑๔๖) MO Memoir : Sunday 20 January 2562

ในหลายท้องที่ของไทยที่ทั้งการทำไม้และทำเหมืองนั้น การมีเส้นทางรถไฟดูเหมือนจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดชุมชนใหม่ ๆ ขึ้นแม้ว่าเส้นทางรถไฟดังกล่าวจะถูกยกเลิกไปแล้วก็ตาม เพราะการมีเส้นทางรถไฟทำให้คนสามารถเดินทางเข้า-ออกพื้นที่ที่ยากหรือต้องใช้เวลานานในการเดินเท้าได้อย่างรวดเร็วขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดได้แก่กรณีของเส้นทางรถไฟทำไม้ของบริษัทศรีมหาราชา ที่ทำให้เกิดการบุกเบิกพื้นที่ป่าเดิมลึกเข้าไปในแผ่นดิน การเกิดชุมชนใหม่ตามจุดที่เป็นสถานีรถไฟ และการทำให้ศรีราชากลายเป็นชุมชนใหญ่จนได้รับการยกฐานะขึ้นมาเป็นอำเภอแทนบางพระ

รูปที่ ๑ แผนที่ทหาร L509 ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๑ ของบริเวณจ.สุราษฏร์ธานี

ข้อดีอย่างหนึ่งของรถไฟก็คือใช้เชื้อเพลิงได้หลากหลาย ใครมีถ่านหินก็เผาถ่านหินต้มน้ำ ใครมีไม้ฟืนก็เผาไหม้ฟืนต้มน้ำ ถึงแม้ว่าเชื้อเพลิงที่ต่างกันจะให้ความร้อนที่ไม่เท่ากัน แต่มันก็ทำให้รถไฟวิ่งได้เหมือนกัน ในกรณีของไม้ฟืนนั้นถ้าหากตามเส้นทางรถไฟนั้นมีป่าอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องขนไม้จากแหล่งอื่นไปกองไว้ตามเส้นทางที่รถไฟวิ่ง สามารถใช้การตัดไม้จากป่าในบริเวณข้างทางรถไฟมากองไว้ยังจุดพักเติมฟืนได้เลย (จะมีแปลกหน่อยก็คือรถไฟลากไม้ของบริษัทศรีมหาราชา ที่จะทำการขนเศษไม้จากโรงเลื่อยไปด้วย ให้เพียงพอสำหรับการเดินทางทั้งไปและกลับ) และหลายแห่งนั้นการขนไม้จากป่าบริเวณข้างทางรถไฟก็ใช้การสร้างเส้นทางรถไฟแตกแขนงออกไป ดังเช่นที่บ้านห้วยมุด สุราษฎร์ธานี
 
สำหรับ Memoir ฉบับนี้ก็ถือว่าเป็นการรวมสิ่งที่ได้ไปพบเห็นจากแผนที่ที่มาจากแหล่งต่าง ๆ ก็เลยขอนำมาบันทึกไว้ในที่นี้เพื่อกันลืม เพื่อว่าต่อไปในอนาคตใครอยากจะค้นคว้าลงลึกไปอีก ก็จะได้พอมีข้อมูลให้เริ่มต้นบ้าง ดังนั้นวันนี้ก็ถือว่าเป็นการเล่าเรื่องด้วยภาพก็แล้วกัน สวัสดีครับ

รูปที่ ๒ จากแผนที่ในรูปที่ ๑ บริเวณบ้านห้วยมุดปรากฏแนวเส้นทางรถไฟ (ที่คงใช้สำหรับการลำเลียงไม้ฟืนจากป่า) มายังสถานนีรถไฟ

รูปที่ ๓ แผนที่ TACTICAL PILOTAGE CHART TPC K9-C นำมาจาก http://legacy.lib.utexas.edu/maps/tpc/txu-pclmaps-oclc-22834566_k-9c.jpg แผนที่นี้เน้นเฉพาะการเดินทางทางอากาศ โดยมีการระบุในกรอบสี่เหลี่ยมทางด้านซ้ายว่าข้อมูลที่ใช้มีการยืนยันถึงวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ค.ศ. ๑๙๘๙ (พ.ศ. ๒๕๓๒) แต่ในข้อความในคอลัมน์ด้านขวาบอกว่าใช้ข้อมูล (คงเป็นภูมิประเทศ) ที่ทำการประมวลผลในเดือนเมษายน ค.ศ. ๑๙๖๙ (พ.ศ. ๒๕๑๒) เรียกว่าข้อมูลภูมิประเทศไม่ได้มีการปรับความถูกต้องตั้ง ๒๐ ปีก็ได้

รูปที่ ๔ ภาพขยายของแผนที่ในรูปที่ ๓ บริเวณสถานีรถไฟห้วยมุด ยังปรากฏแนวเส้นทางรถไฟจากสองข้างทางมายังสถานีรถไฟห้วยมุด

รูปที่ ๕ แผนที่ TACTICAL PILOTAGE CHART TPC K9-C ฉบับเดียวกับในรูปที่ ๓ แต่มาขยายเน้นบริเวณจังหวัดระนองและชุมพร ในฝั่งจ.ระนองทางด้านซ้ายยังปรากฏแนวรถไฟทำเหมือง (ในกรอบสีแดง) และในฝั่งจ.ชุมพรก็ยังปรากฏแนวเส้นทางรถไฟทำเหมืองบริเวณสถานีควนหินมุ้ย

รูปที่ ๖ แผนที่ฉบับนี้นำมาจาก https://911gfx.nexus.net/nc4707.html ขยายบริเวณจ.ชุมพร บริเวณตอนล่างจะเห็นแนวเส้นทางรถไฟทำเหมืองบริเวณสถานีควนหินมุ้ย

รูปที่ ๗ ภาพขยายของแผนที่ในรูปที่ ๖ บริเวณควนหินมุ้ย

รูปที่ ๘ แผนที่ส่วนต่อจากรูปที่ ๖ (นำมาจาก https://911gfx.nexus.net/mapnc4711.html) จะปรากฏแนวเส้นทางรถไฟทำเหมืองที่บริเวณบ้านควนหินมุ้ยทางตอนบนของแผนที่
 
รูปที่ ๙ แผนที่ส่วนขยายของรูปที่ ๘

รูปที่ ๑๐ แผนที่ TACTICAL PILOTAGE CHART TPC K9-C ฉบับเดียวกับในรูปที่ ๓ แต่มาขยายเน้นบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช ปรากฏเส้นทางรถรางของกรมโลหะกิจที่ขนแร่มายัง อ.สิชล เส้นทางรถรางสายนี้เคยกล่าวไว้ครั้งหนึ่งใน Memoir ปีที่ ๕ ฉบับที่ ๕๒๖ วันอาทิตย์ที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๕ เรื่อง "ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำตอนที่ ๒๘ รถไฟหัตถรรม (เหมืองแร่-ป่าไม้ ในภาคใต้)"


รูปที่ ๑๑ แผนที่ TACTICAL PILOTAGE CHART TPC K9-C ฉบับเดียวกับในรูปที่ ๓ แต่มาขยายเน้นบริเวณจังหวัดสุราษฏร์ธานี ที่แสดงเส้นทางรถไฟสายคีรีรัฐนิคม ใน Memoir ปีที่ ๘ ฉบับที่ ๑๑๘๘ วันจันทร์ที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ เรื่อง "เส้นทางรถไฟที่หายไป" ในรูปที่ ๑๐ ที่ผมเขียนไว้ว่าอาจจะไม่ใช่เส้นทางรถไฟสายคีรีรัฐนิคม แต่เมื่อตรวจสอบกับแผนที่นี้แล้วพบว่าคือตำแหน่งเส้นทางรถไฟสายคีรีรัฐนิคม

วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2559

MO Memoir รวมบทความชุดที่ ๘ รถไฟ ปู๊น ปู๊น MO Memoir : Friday 24 June 2559

"รถไฟ" เป็นเรื่องราวที่ผมชอบมากที่สุดบนหน้า blog ของผมครับ 
  
ในขณะที่คนส่วนหนึ่งมองหาการมาถึงของเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูง แต่ก็มีอีกส่วนหนึ่งที่มองหาความสงบเงียบและความงามของบรรยากาศสองข้างทางรถไฟเมื่อมองจากหน้าต่างรถไฟที่วิ่งไปเรื่อย ๆ ตรงนี้ก็คงขึ้นอยู่กับว่าคนเหล่านั้นเดินทางโดยรถไฟเพื่อวัตถุประสงค์ใด และให้คำจำกัดความของ "การท่องเที่ยว" ไว้อย่างใด
 
คนที่เดินทางโดยมีธุระติดต่อเป็นเป้าหมายหลัก ความรวดเร็วในการเดินทางจึงเป็นสิ่งสำคัญ คนที่ท่องเที่ยวโดยสนแต่ปลายทางเป็นจุดหมายหลัก ความรวดเร็วในการเดินทางจึงเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน แต่สำหรับผู้ที่เห็นว่าการท่องเที่ยวคือการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ตลอดเส้นทางเดินทางนั้น การได้มีเวลาสัมผัสกับสิ่งต่าง ๆ ระหว่างเส้นทางจึงเป็นสิ่งสำคัญ
 
เรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับรถไฟที่เขียนลง blog ลงไปนั้น ไม่ได้คิดจะเจาะลึกลงไปในแต่ละเรื่องหรอกครับ เป็นเพียงแค่บันทึกความจำว่าเคยเห็นเรื่องราวเกี่ยวกับรถไฟ (ที่ไม่ค่อยมีการกล่าวถึงกัน) ที่ไหนบ้าง แต่ก็ไม่แน่นะครับ เกษียณอายุเมื่อใดอาจเอาเรื่องที่บันทึกไว้มาเป็นต้นเรื่องให้ค้นคว้าลงไปอย่างละเอียดอีกที ก็คนเราก็ต้องมีงานอดิเรกกันบ้างใช่ไหมครับ ไม่ใช่ว่าคุยได้แต่เรื่องเดียวคือเรื่องงาน

ดาวน์โหลดไฟล์ pdf กดที่นี่



วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เส้นทางรถไฟที่หายไป (ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำ ตอนที่ ๑๐๔) MO Memoir : Monday 20 June 2559

"การสร้างทางรถไฟในประเทศไทยถูกกำหนดด้วยเงื่อนไขทางการเมืองตั้งแต่แรก ไวเลอร์ได้รับรู้ถึงความขัดแย้งทางการเมืองนี้แต่เพียงผิวเผินในขณะที่เขายังเป็นวิศวกรหนุ่มประจำทางรถไฟสายโคราช แต่เขาก็ได้ติดตามเรื่องราวนี้ด้วยความสนใจ เขาทราบดีตั้งแต่แรกว่าการสร้างทางรถไฟจะช่วยสร้างความมั่นคงภายในให้ประเทศนี้ และสิ่งนี้จะช่วยรักษาความเป็นเอกราชของประเทศได้ ถ้าขัดขวางไม่ให้ประเทศมหาอำนาจทั้งสองมีอิทธิพลต่อการสร้างทางรถไฟได้สำเร็จ"
 
(จากหน้า ๔ ของหนังสือ "กำเนิดการรถไฟในประเทศไทย" ลูอิส ไวเลอร์ เขียน ถนอมนวล โอเจริญ และ วิลิตา ศรีอุฬารพงศ์ แปล โครงการเผยแพร่ผลงานวิขาการ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลำดับที่ ๑๔๙ พิมพ์ครั้งที ๒ พ.ศ. ๒๕๕๖) 
  
หนังสือ "Rails of the Kingdom : The History of Thai Railways" เรียบเรียงโดย Ichiro Kakizaki ให้ภาพปัญหาของการตัดสินใจสร้างทางรถไฟของประเทศไทยได้ดีมาก และได้ให้ภาพการรถไฟของไทยในยุคแรก ๆ ว่าเป็น "Political Railways" เพราะความจำเป็นในการก่อสร้าง แนวเส้นทาง ผู้ดำเนินการ หรือแม้แต่ขนาดราง ต่างก็มีปัจจัยทางด้านการเมืองที่ต้องหาจุดสมดุลระหว่างแรงกดดันจากชาติมหาอำนาจ และการคงไว้ซึ่งเอกราชของประเทศชาติ ผมว่าแทนที่จะไปโพสถามคำถามทำนองว่า "ไทยกับญี่ปุ่นมีรถไฟในเวลาไล่เลี่ยกัน ทำไมรถไฟญี่ปุ่นจึงเจริญกว่ารถไฟไทย" ตามเว็บบอร์ดต่าง ๆ ถ้าหาหนังสือเหล่านี้มาอ่าน (อย่างน้อยก็สองเล่มที่ยกมาข้างต้น) ก็จะทราบคำตอบที่ถูกต้องได้เอง
 
รถไฟของไทยในยุคแรกใช้ฟืนเป็นเชื้อเพลิง ดังนั้นจึงมีการสร้างทางรถไฟเข้าไปในป่าเพื่อนำฟืนมารวมไว้ที่สถานีหลัก ส่วนของเอกชนนั้นก็มีการสร้างทางรถไฟขึ้นใช้งาน (ในยุคแรกเรียกว่ารถไฟหัตถกรรม) พวกที่ทำเหมืองแร่ดีบุกในภาคใต้บางแห่งก็มีการวางทางรถไฟเพื่อนำแร่ออกมา เส้นทางขนแร่นั้นมักเป็นเส้นสั้น ๆ เส้นทางที่ยาวกว่ามักจะเป็นของพวกที่ทำป่าไม้ทางภาคเหนือและทางภาคตะวันออก แต่เมื่อป่าไม้หมดไป บริเวณป่าเดิมกลายเป็นเขตเกษตรกรรมขึ้นแทน จากรถไฟขนไม้ก็กลายเป็นรถไฟขนอ้อยเข้าโรงงาน เช่นที่ศรีราชา หรืออาจมีการวางรางรถไฟเพื่อขนอ้อยเข้าโรงงานน้ำตาลโดยตรง เช่นทางภาคเหนือ เส้นทางรถไฟเหล่านี้ปัจจุบัน (เชื่อว่า) ไม่มีเหลือให้เห็นแล้ว แนวเส้นทางรถไฟเดิมแปรเปลี่ยนกลายเป็นถนนไป รถไฟหัตถกรรมเดิมของเอกชนนั้นเดิมมีการกำหนดให้ใช้ความกว้างของรางที่แคบกว่าของกรมรถไฟหลวง (ของกรมรถไฟหลวงใช้รางมาตรฐานหรือกว้าง 1 เมตร ส่วนของเอกชนก็จะแคบกว่าเช่นกว้าง 0.75 เมตร) ตรงนี้มันมีเรื่องเหตุผลทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง (ต้องกลับไปดูสถานการณ์ยุคสมัยที่การล่าอาณานิคมยังมีอยู่) แต่ในปัจจุบันสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว รูปแบบอุตสาหกรรมก็เปลี่ยนแปลงไป รถไฟของการรถไฟรับหน้าที่ขนส่งวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ให้กับอุตสาหกรรมต่าง ๆ เข้าไปรับส่งถึงในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเลย

"กิน ซื้อของฝาก ไหว้พระขอพร วิวถ่ายรูปสวย" ดูเหมือนจะเป็นแนวนิยมในการเที่ยวของคนไทย การเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์นั้นยังไม่เป็นที่นิยมกันเท่าใด คงเป็นเพราะต้องมีการทำการบ้านกันก่อน ว่าสถานที่ที่จะไปนั้นมีความเป็นมาอย่างใด แต่ถึงกระนั้นก็ตามข้อมูลดังกล่าวก็มีอยู่น้อยมาก เว้นแต่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ
 
Memoir ฉบับนี้เป็นเพียงการนำเอาแผนที่เก่า ๆ ที่สะสมไว้มารวมเข้าด้วยกัน เพราะวางแผนว่าจะนำเอาบทความที่เกี่ยวข้องกับรถไฟรวมเป็นรวมบทความอีกชุดหนึ่ง เลยไม่อยากให้มันตกหล่นแค่นั้นเอง


รูปที่ ๑ แผนที่แนบท้ายประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง จัดตตั้งสุขาภิบาลเกาะคา อ.เกาะคา จ. ลำปาง ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๗๓ ตอนที่ ๖๐ ฉบับพิเศษหน้า ๗๑-๗๓ วันที่ ๓ สิงหาคม ๒๔๙๙ แสดงให้เห็นว่าเส้นทางรถไฟของโรงงานน้ำตาลเป็นเครือข่ายที่ใหญ่เครือข่ายหนึ่ง (น่าจะรองจากเส้นทางขนไม้ที่ศรีราชา)

รูปที่ ๒ แผนที่ทหาร L509 ทำขึ้นโดยใช้ข้อมูลในปีพ.ศ. ๒๕๐๐ ปรากฏเส้นทางรถไฟที่ อ.เกาะคา (Ko Kha) ทางด้านล่างของรูป

รูปที่ ๓ แผนที่แนบท้ายกฎกระทรวง ฉบับที่ ๖๐ (พ.ศ. ๒๕๐๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองและสงวนป่า พ.ศ. ๒๔๘๑ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ ๗๖ ตอนที่ ๑๑๒ วันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๐๒ หน้า ๖๒๙-๖๓๑ ปรากฏเส้นทางรถไฟจากป่าสงวนมายังสถานีไร่อ้อย

รูปที่ ๔ แผนที่ทหาร L509 บริเวณจังหวัดอุตรดิตถ์ (จัดทำโดยใช้ข้อมูลปีพ.ศ. ๒๕๐๐) ที่บ้านท่าข้าม (Ban Tha Kham) ก่อนถึงชุมทางบ้านดารา (Ban Dara) ที่แยกไป อ.สวรรคโลก) มีการระบุเส้นทางรถไฟจากสถานีไรอ้อยแยกออกไปทางตะวันตกไปบ้านนายาง (Ban Na Yang) ว่าอยู่ระหว่างการก่อสร้าง

รูปที่ ๕ แผนที่แนบท้ายประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การจัดตั้งสุขาภิบาลสูงเนิน อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๗๓ ตอนที่ ๔๕ วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๔๙๙ ฉบับพิเศษหน้า ๒๓-๒๔ ปรากกฏเส้นทางรถไฟเล็กมายัง อ. สูงเนิน

รูปที่ ๖ แผนที่แนบท้ายประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง เปลี่ยนแปลงเขตสุขาภิบาลสูงเนิน อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๘๘ ตอนที่ ๒ วันที่ ๕ มกราคม ๒๕๑๔ หน้า ๒-๔ แสดงเส้นทางรถไฟเล็กในภาพที่กว้างกว่ารูปที่ ๕ เพราะมีการขยายเขตสุขาภิบาล


รูปที่ ๗ แผนที่แนบท้ายประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง จัดตั้งสุขาภิบาลบ้านหมอ อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ ๗๒ ตอนที่ ๗๔ วันที่ ๑๗ กันยายน ๒๔๙๘ หน้า ๑๘-๑๙ ปรากฏเส้นทางรถไฟไปบ่อดินขาวแยกจากทางรถไฟสายเหนือไปทางทิศตะวันออก


รูปที่ ๘ แผนที่แนบท้ายประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การจัดตั้งสุขาภิบาลท่าลาน อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ ๘๔ ตอนที่ ๕ วันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๑๐ หน้า ๑๓๙-๑๔๐ ปรากฏเส้นทางรถไฟไปบ่อดินขาวปลายทางด้านตะวันตก ที่มาสิ้นสุดที่โรงงานปูนซิเมนต์ไทยริมแม่น้ำป่าสัก


รูปที่ ๙ แผนที่ทหาร L509 ฉบับใช้ข้อมูลปีพ.ศ. ๒๕๐๐ จัดทำ ปรากฏเส้นทางรถไฟสายบ่อดินขาวที่ อ.บ้านหมอ (Ban Mo) ตรงบริเวณตอนกลางของภาพ นอกจากนี้ยังมีอีกเส้นทางหนึ่งที่แยกลงมาทางบ้านไร่ (Ban Rai) ตรง PS9


รูปที่ ๑๐ แผนที่ทหารฉบับ L509 จ.พังงา ที่มุมขวาบนของแผนที่ปรากฏเส้นทางรถไฟ อยู่ทางด้านทิศเหนือของกิ่งอำเภอพนม จ.สุราษฎร์ธานี ไม่ทราบว่าเป็นของอะไร แต่ดูจากตำแหน่งเส้นรุ้ง-เส้นแวงเทียบกับแผนที่อื่นแล้วคาดว่าไม่น่าจะใช่ส่วนปลายทางของรถไฟสายคีรีรัฐนิคม


รูปที่ ๑๑ แผนที่ทหารฉบับ L509 จ.ระนอง ปรากฏร่องรอยของทางรถไฟที่ใช้ในการทำเหมือง ที่บริเวณบ้านปากน้ำและบ้านท่าใหม่ ทางด้านทิศใต้ของตัวจังหวัดระนอง

วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2558

รถไฟเล็กลากไม้สายตะวันออก (ศรีราชา) ภาค ๗ MO Memoir : Saturday 1 August 2558

ดูเหมือนว่าหนังสือที่มีการพิมพ์แจกเป็นที่ระลึกในงานฌาปนกิจศพบุคคลต่าง ๆ ทางห้องสมุดของมหาวิทยาลัยจะเก็บกระจัดกระจายเอาไว้หลายที่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะจำแนกตามเนื้อหาที่ปรากฏในเล่มหรือเปล่า เพราะถ้าเล่มนั้นเป็นประวัติของผู้เสียชีวิตเป็นหลัก หนังสือนั้นก็ไปปรากฏอยู่ในหนังสือหมวดชีวประวัติ ส่วนเล่มที่เจอนี้ไปพบอยู่ในหนังสือหมวดเบ็ดเตล็ดหรือความรู้ทั่วไปฉบับภาษาไทย คงเป็นเพราะเนื้อเรื่องที่อยู่ข้างใน
 
รูปที่ ๑ หน้าปกของหนังสือที่ระลึกงานฌาปนกิจศพคุณลักษณะ อิงสุวรรณ ณ วัดประยุรวงศาวรวิหาร วันที่ ๒๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๑ ที่อยู่ในหอสมุดกลางของมหาวิทยาลัย
  
รูปที่ ๒ รูปคุณลักษณา อิงสุวรรณ ถ่ายรูปร่วมกับบิดาและมารดา

ตามประวัติที่เขียนไว้ในหนังสือ คุณลักษณา อิงสุวรรณ เกิดเมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๔๕๒ (ปลายรัชกาลที่ ๕) ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๒๐ ช่วงวัยเยาว์ได้ไปศึกษาอยู่ ณ ประเทศจีน และหลังสำเร็จการศึกษาแล้วก็ได้กลับมาเป็นอาจารย์สอนหนังสือที่จงหัววิทยาลัย ที่เป็นสถาบันการศึกษาชั้นสูงสุดของชาวจีนในประเทศไทยในช่วงเวลานั้น (พ.ศ. ๒๔๘๓)
  
ตามประวัติที่กล่าวไว้ในหนังสือ คุณลักษณา ไม่เพียงแต่เป็นนักกีฬาทั้งประเภทลู่และลาน (ซึ่งจัดได้ว่าแตกต่างไปจากหญิงไทยในสมัยนั้น) แต่ยังเป็นผู้ที่มีฝีมือในการถ่ายภาพด้วย ในหนังสืออนุสรณ์นั้นผู้จัดทำก็ได้นำเอาภาพส่วนหนึ่ง (เพียงส่วนน้อยของที่มี) มาพิมพ์ลงไว้ในหนังสือ ที่น่าเสียดายคือภาพที่นำมาลงนั้นไม่มีคำบรรยายใด ๆ ทำให้หลายต่อหลายภาพไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นสถานที่ไหน เว้นแต่เป็นสถานที่สำคัญหรือโบราณสถานที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไป ที่คงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ที่ยังพอระบุได้ว่าเป็นที่ใด ตอนที่หยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมากรีดดูหน้าต่าง ๆ เล่น ๆ ผมก็ไปสะดุดกับรูปถ่ายใบหนึ่งที่ผู้จัดทำหนังสือนำมาลง นั่นคือภาพทางรถไฟที่มุ่งตรงไปยังเกาะแห่งหนึ่งที่อยู่ในทะเล (รูปที่ ๓ ข้างล่าง)
  
รูปที่ ๓ ภาพถ่ายฝีมือคุณลักษณา อิงสุวรรณ ในหนังสือไม่มีการระบุสถานที่และวันที่ทำการบันทึกภาพ แต่ทางรถไฟบ้านเราที่เคยมีลงไปในทะเลก็เห็นจะมีแต่ทางรถไฟบรรทุกไม้ไปยังท่าเทียบเรือที่เกาะลอย ศรีราชา เท่านั้น และลักษณะของเกาะที่เห็นในภาพมันก็ตรงกับเกาะลอย ที่เห็นเป็นยอดแหลม ๆ เล็ก ๆ ทางซ้ายบนเกาะก็คือวัดที่อยู่บนเกาะนั้น ภาพในหนังสือเป็นภาพขาวดำที่มีความชัดเจนภาพหนึ่ง ผมสงสัยว่าภาพนี้อาจจะถ่ายก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ สิ้นสุด

คำไว้อาลัยที่เขียนโดยคุณวิโรจน์ อูนากูล (ลงวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๒๐) เล่าไว้ว่า "บางโอกาส คุณครูจะพาพวกเราไปทัศนศึกษาตามจังหวัดใกล้เคียง เที่ยวตามป่าเขาลำเนาไพร ชมน้ำตก เช่นน้ำตกสาริกา จังหวัดนครนายก บางครั้งก็พาเที่ยวไต่เขา เช่นภูเขาที่จังหวัดสระบุรี นักเรียนชอบเล่นน้ำทะเล คุณครูก็พาเที่ยวชายทะเลบางแสนในวันสุดสัปดาห์เสมอ คุณครูมีความเห็นว่า เด็กในปัจจุบันจะมีความรู้แต่เพียงภายในโรงเรียนเท่านั้นยังไม่พอ จำเป็นต้องหาความรู้และประสพการณ์จากนอกโรงเรียนด้วย" (สะกดและเว้นวรรคตามข้อความที่ปรากฏในหนังสือ)
  
บันทึกนี้ทำให้ทราบว่าคุณลักษณา ได้เดินทางไปบางแสนบ่อยครั้ง ทำให้เชื่อได้ว่าท่านคงจะได้มีโอกาสเดินทางไปยังศรีราชา (ห่างจากบางแสนไปเพียง ๑๐ กิโลเมตร) และคงได้ไปเห็นศรีราชาในขณะที่ยังมีรถไฟเล็กบรรทุกไม้วิ่งอยู่

ตรงนี้ขอแทรกเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ มาจนถึงยุคสิ้นสุดสงครามเวียดนาม (พ.ศ. ๒๕๑๘) ซะหน่อย ก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ ทางเอเชียจะเริ่มนั้น จีนนั้นรบอยู่กับญี่ปุ่น ส่วนไทยก็ไม่เกี่ยวข้องอะไร แต่พอญี่ปุ่นบุกไทยเพื่อใช้เป็นทางผ่านไปพม่ากับมลายู ไทยก็จำเป็นต้องมาอยู่ข้างญี่ปุ่น (คืออยู่ฝ่ายตรงข้ามกับจีน) แต่พอญี่ปุ่นยอมจำนน ไทยก็มาอยู่ทางฝ่ายแพ้สงคราม ในขณะที่จีนอยู่ฝ่ายชนะสงคราม คนจีนในไทยก็เลยดีใจกันยกใหญ่ ซึ่งตรงนี้นำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างไทยกับคนจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยในขณะนั้น แต่จีนก็ดีใจอยู่ได้ไม่นาน พรรคคอมมิวนิสต์ก็ยึดอำนาจและทำการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครอง ไทยเองจำเป็นต้องปล่อยให้มีกองกำลังของกองทัพจีนที่แตกพ่ายพรรคคอมมิวนิสต์มาตั้งหลักแหล่งทางภาคเหนือของประเทศ บริเวณรอยต่อ ไทย-พม่า-ลาว เพื่อไว้เป็นกันชน ส่วนไทยเองก็หันไปรับรองรัฐบาลจีนคณะชาติที่ไต้หวัน ก่อนที่จะหันมาเปิดสัมพันธ์ทางการฑูตกับจีนแผ่นดินใหญ่เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ และช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่สถานการณ์การรบระหว่างกองกำลังฝ่ายรัฐบาลและพรรมคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยกำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ (รัฐบาลค่อนข้างจะเป็นฝ่ายตั้งรับ)

บทความวันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก ถือเพียงแค่เป็นการนำเอาภาพใบหนึ่งที่ปรากฏบนหน้าหนังสือเล่มหนึ่งที่ถูกซุกเอาไว้บนชั้นหนังสือในห้องสมุดมาเผยแพร่ให้ชมกัน ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหนังสือเล่มนี้เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ทางห้องสมุดจะยังเห็นคุณค่าของมันอีกหรือไม่ จะนำมันไปเก็บไว้ในหมวดหมู่หนังสือเก่า หรือจะขายทิ้งทอดตลาดออกไป

วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2557

รถไฟเล็กลากไม้สายตะวันออก (ศรีราชา) ภาค ๖ (ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำ ตอนที่ ๕๔) MO Memoir : Thursday 9 January 2557

ผมเขียนเรื่องรถไฟเล็กลากไม้ของบริษัทศรีราชาที่เริ่มจากอำเภอศรีราชาในปัจจุบันไว้ครั้งสุดท้ายก็เกือบครบรอบปีแล้ว (ดู Memoir ปีที่ ๕ ฉบับที่ ๕๖๕ วันศุกร์ที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๖ เรื่อง "รถไฟเล็กลากไม้สายตะวันออก (ศรีราชา) ภาค ๕ (ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำตอนที่ ๓๕) จากนั้นก็ไม่คิดว่าจะมีเรื่องอะไรให้เขียนอีก แต่บังเอิญช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาได้ไปเห็นแผนที่ประเทศไทยที่จัดทำขึ้นโดยทางทหาร (ทั้งของอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และประเทศไทย) เมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ และช่วงสหรัฐอเมริกาเข้าสู่สงครามเวียดนาม แผนที่ทางทหารเหล่านี้มักจะมีรายละเอียดที่ดีและพิกัดให้เปรียบเทียบ ก็เลยขอนำมาลงเอาไว้กันลืมว่าได้ไปเห็นมาจากไหน และเพื่อช่วยเผยแพร่เผื่อใครต้องการสืบค้นข้อมูลเก่า ๆ ของประเทศไทยในอดีตจากแผนที่เก่า

ที่น่าสนใจคือแผนที่เหล่านี้ให้รายละเอียดของเส้นทางรถไฟเล็กลากไม้ที่ศรีราชานี้ตลอดทั้งเส้นทาง

แผนที่ชุดแรกนั้นจัดทำขึ้นโดยกองทัพอังกฤษ เดาว่าเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ พิมพ์เผยแพร่ในปีค.ศ. ๑๙๔๕ (พ.ศ. ๒๔๘๘ ปีที่สงครามโลกครั้งที่ ๒ สิ้นสุด) แผนที่ชุดนี้ครอบคลุมบริเวณกว้างแค่ไหนก็ไม่รู้ แต่ National Library of Australia มีเฉพาะบริเวณด้านตะวันออกของจังหวัดกาญจนบุรีไปจนถึงด้านตะวันตกของจังหวัดฉะเชิงเทรา คาดเดาว่าคงเป็นการเตรียมการเผื่อกองทัพอังกฤษต้องเดินทัพบุกเข้าประเทศไทย รายละเอียดของแผนที่ดังกล่าวมีดังนี้

Creator : Great Britain. Army. Indian Field Survey Company.
Title : Siam 1 inch to 1 mile [cartographic material] / revised from air photographs by
4 Indian Field Survey Company.
Scale : Scale 1:63,360, 1 in. = 1 mile ;
Lambert spheroid Everest (E 99?00'-- E 101?00'/N 15?00'--N 12?00')
Publisher : [London] : Indian Field Survey Co., [1945- ]
Date : 1945 - 9999
Material Type : Map
Physical Description : maps : col., some mounted on linen ; 59 x 43 cm., or smaller.
Notes : Topographic map series of central Thailand (Siam) including Kanchanaburi,
Bangkok, Chachoengsao and Phetchaburi, showing international, province and
district boundaries, railways, roads, water features, buildings and built-up areas.
Relief shown by contours and spot heights.
Sheets individually titled and numbered, e.g.: Krang, HIND 611, Sheet 843.
Includes on some sheets the following series designations: GSGS 4671, HIND 611, and L702.
Edition may vary.
Revised by 3 through 7 Ind. Fd. Svy. Coy, I.E. Some by 7 Ind. Air Survey Coy, I.E.
Includes index to adjoining sheets, feet to meter conversion graph, notes, and vocabulary.
Maps, and index indicating National Library of Australia holdings, in an online version at: http://nla.gov.au/nla.map-vn2018580
Subjects : Thailand -- Maps.
Topographic maps. -- lcgft
Call Number : MAP G8025 s63
Amicus Number : 10189459
To cite this item use : http://nla.gov.au/nla.map-vn2018580


แผนที่ชุดที่สองเป็นแผนที่รหัส L509 จัดทำขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างกองทัพสหรัฐกับกรมแผนที่ทหารของไทย แผนที่ชุดนี้เป็นฉบับภาษาไทยคู่กับภาษาอังกฤษ มีการระบุว่ามุมระหว่างทิศเหนือจริงกับทิศเหนือแม่เหล็กเป็นมุมในปีค.ศ. ๑๙๖๐ (พ.ศ. ๒๕๐๓) (พิมพ์ครั้งที่ ๒) ดังนั้นข้อมูลในแผนที่จึงควรเป็นข้อมูลก่อนปีพ.ศ. ๒๕๐๓ รายละเอียดของแผนที่ดังกล่าวแสดงไว้ข้างล่าง โดยมีการระบุว่าจัดพิมพ์ปีค.ศ. ๑๙๕๗ (พ.ศ. ๒๕๐๐) ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นการจัดพิมพ์ครั้งแรกหรือไม่
Creator : United States. Army Map Service.
Title : Indochina and Thailand 1:250,000 [cartographic material] / prepared by
the Army Map Service (PV), Corps. of Engineers, U.S. Army.
Scale : Scale 1:250 000 ;
transverse Mercator proj. (E 97?30' --E 109?30'/N 24?00'--N 3?00')
Publisher : Washington, D.C. : AMS, 1957-
Date : 1957 - 9999
Material Type : Map
Physical Description : [100] maps : col. ; 56 x 28 cm. or smaller.
Notes : Map series covering Vietnam. Laos, Cambodia and Thailand showing international
and province boundaries, transportation, ground and water features, vegetation and
populated places. Relief shown by contours and spot heights.
Standard map series designation : [Series] L509.
Includes index to adjoining maps diagram, glossary and grid data.
Maps, and index indicating National Library of Australia holdings, in an online version at: http://nla.gov.au/nla.map-vn1183939
Subjects : Southeast Asia -- Maps.
Call Number : MAP G8000 s250
Amicus Number : 8177187
To cite this item use :http://nla.gov.au/nla.map-vn1183939

แผนที่ชุดที่หนึ่งและชุดที่สองนี้ดาวน์โหลดฉบับเต็มมาไม่ได้ แต่สามารถขยายดูภาพเป็นส่วน ๆ ได้ ผมก็เลยใช้วิธีนี้เลือกภาพมาเป็นส่วน ๆ โดยให้มีการเหลื่อมกันอยู่โดยอาจเป็นแนวตั้งหรือแนวดิ่ง

แผนที่ชุดที่สามเป็นแผนที่รหัส L509 เช่นเดียวกัน แต่ดูเหมือนเป็นการพิมพ์ใหม่หลังครั้งที่พิมพ์ชุดที่สองที่กล่าวมาข้างต้น ชุดนี้เป็นฉบับภาษาอังกฤษอย่างเดียว และแม้จะระบุว่าเป็นแผนที่ชุด L509 เหมือนกัน แต่ตัวแผนที่ก็มีความแตกต่างกันในบางจุด (ดูรายละเอียดที่รูป)
แผนที่ชุดนี้หาดูได้จาก http://lib.utexas.edu/maps/ams/indochina_and_thailand/index_map.html  โดยสามารถดาวน์โหลดฉบับเต็มความละเอียดสูงมาได้

ถัดจากนี้ไปก็ดูแผนที่เก่า ๆ เอาเองก็แล้วกัน ถ้าใครอยากรู้ว่าแต่ก่อนแถวละแวกบ้านตัวเองมีความเจริญแค่ไหน (เช่นมีถนนเข้าถึงหรือยัง หรือเป็นถนนแบบไหน) ก็ลองไปหาดูจากแผนที่เหล่านี้ได้

รูปที่ ๑ ภาพขยายจากแผนที่ชุดแรกบริเวณตัวอำเภอศรีราชา จะเห็นเส้นทางรถไฟไปสิ้นสุดที่เกาะลอย เส้นทางรถไฟคือเส้นทึบสีดำมีเส้นตรงสั้น ๆ ตัดขวาง ส่วนที่เห็นเป็นเส้นทึบสีดำมีวงกลมดำทับอยู่เป็นระยะคือแนวเสาโทรเลข ซึ่งอยู่ประมาณแนวถนนสุขุมวิทในปัจจุบัน ที่แปลกใจคือตรงบริเวณโรงพยาบาลสมเด็จ ณ ศรีราชา แผนที่วาดเหมือนกับมีทางรถไฟลงไปในทะเลด้วย

รูปที่ ๒ เป็นส่วนที่อยู่ต่อมาทางด้านขวาของรูปที่ ๑ ที่น่าสนใจคือแผนที่นี้ให้รายละเอียดเส้นทางแยกจากบ้านหนองอีบู่ขึ้นไปทางเหนือ ไปทางบ้านวังหินและบ้านห้วยกรุ หรือเป็นถนนเส้นด้านทิศตะวันออกของอ่างเก็บน้ำบางพระในปัจจุบัน (เส้นที่อยู่ระหว่างอ่างเก็บน้ำบางพระและทางหลวงสาย ๗) แผนที่ที่แสดงเส้นทางแยกสายนี้นอกจากแผนที่นี้แล้วก็มีที่เคยนำมาลงในรูปที่ ๓ ของ Memoir ปีที่ ๕ ฉบับที่ ๕๑๕ วันจันทร์ที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๕ เรื่อง "ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำ ตอนที่ ๒๕ รถไฟเล็กลากไม้สายตะวันออก (ศรีราชา) ภาค ๒" เส้นทางสายนี้หายไปจากแผนที่ที่จัดทำขึ้นในช่วงหลัง (รูปที่ ๔ ของ Memoir ฉบับ ๕๑๕ และแผนที่ชุด L509 ที่นำมาให้ดูในหน้าถัดไป)

รูปที่ ๓ เป็นส่วนที่อยู่ต่อมาทางด้านขวาของรูปที่ ๒ แสดงเส้นทางแยกขึ้นไปทางบ้านวังหิน แถมระบุไว้ด้วยว่าบริเวณบ้านนาพร้าวมีสวนกล้วย

รูปที่ ๔ เป็นส่วนที่อยู่ทางด้านบนของรูปที่ ๓ ระบุว่าไปบ้านห้วยกุ่มอีก ๒ กิโลเมตร ปัจจุบันแนวทางรถไฟนี้น่าจะเป็นถนนที่เชื่อมระหว่างบ้านวังหิน ถนนเลียบอ่างเก็บน้ำบางพระด้านทิศตะวันออก และเส้นทางไปบ้านห้วยกุ่ม

รูปที่ ๕ เป็นส่วนที่อยู่ทางด้านล่างของรูปที่ ๓ ระบุว่าไปหนองค้ออีก ๕ กิโลเมตร ที่น่าเสียดายคือแผนที่ชุดนี้ไม่มีส่วนที่อยู่ทางด้านตะวันออกถัดจากนี้ไปอีก ก็เลยไม่รู้ว่า ณ เวลานั้นเส้นทางรถไฟดังกล่าวทอดยาวไปถึงไหน

รูปที่ ๖ เป็นแผนที่ชุดที่สองที่เป็นแผนที่รหัส L509 ลูกศรสีแดงชี้แนวเส้นทางรถไฟ ในแผนที่นี้ปรากฏอ่างเก็บน้ำบางพระแล้ว และเส้นทางรถไฟที่แยกไปทางด้านบ้านห้วยกุ่มก็หายไปแล้ว แผนที่ชุดนี้ดูได้ที่ http://nla.gov.au/nla.map-vn1183939

รูปที่ ๗ เป็นแผนที่ชุดที่สองที่เป็นแผนที่รหัส L509 เป็นส่วนที่อยู่ทางด้านขวาของรูปที่ ๖ ลูกศรสีแดงชี้แนวเส้นทางรถไฟ แผนที่นี้แสดงปลายทางของเส้นทาง คือทางด้านบนที่แยกจากบริเวณบ้านหนองค้อขึ้นเหนือ ก่อนจะมีทางแยกอีกครั้ง (บริเวณบ้านหัวกุญแจในปัจจุบัน ตรงลูกศรสีแดงอันบนสุด และดูรูปที่ ๕ ของ Memoir ฉบับที่ ๕๑๕ ที่เป็นแผนที่เขตสุขาภิบาลหัวกุญแจ) เส้นแรกเป็นสั้น ๆ ในแผนที่ที่แยกขึ้นไปด้านบน ส่วนเส้นที่สองไปทางทิศตะวันออกก่อนวกลงใต้เล็กน้อยไปสิ้นสุดที่บ้านหนองตาสน ผมเทียบกับแผนที่ปัจจุบันคิดว่าถนนรถไฟเก่าในปัจจุบันคือเส้นทางรถไฟเส้นนี้ (ดู Memoir ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๓๒๖ วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๔ เรื่อง "ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำ ตอนที่ ๑๒ รถไฟเล็กลากไม้สายตะวันออก (ศรีราชา)") ส่วนเส้นที่แยกจากหนองค้อลงมาทางด้านล่างมีการแยกอีกทีบริเวณบ้านพันเสด็จใน เส้นที่แยกไปทางด้านตะวันออกมุ่งไปทางบ้านระเวิง และเลยไปอีกยังมีทางแยกออกอีกสองสาย ส่วนเส้นที่มุ่งลงใต้ก็ไปสิ้นสุดบริเวณคลองหินลอย (มันไปปรากฏเป็นติ่งเล็ก ๆ อยู่ในแผนที่อีกฉบับแค่นั้นเอง ก็เลยไม่นำมาแสดง)

รูปที่ ๘ เป็นแผนที่ชุดที่สามที่เป็นแผนที่รหัส L509 เช่นเดียวกัน แต่ให้รายละเอียดแตกต่างไปจากชุดที่สอง คือให้เฉพาะภาษาอังกฤษ และยังมีความแตกต่างจากแผนที่ชุดที่สองด้วย เช่นไม่ปรากฏอ่างเก็บน้ำบางพระ (ทั้ง ๆ ที่มันน่าจะมีอยู่ทางด้านเหนือของเขาฉลาก ตรงที่เป็นบ้านหนองกระวาย) และเส้นทางที่แยกจากบ้านหนองค้อลงมาทางทิศใต้นั้น บริเวณทางแยกที่บ้านพันเสด็จนอกนั้น ในแผนที่ชุดที่สองนั้นจะชัดเจนว่าแยกไปกันคนละทิศ แต่ในแผนที่ชุดนี้ไม่มีเส้นทางแยกไปทางทิศตะวันออก มีแต่มุ่งลงใต้อย่างเดียวไปยังบ้านพันเสด็จใน แผนที่ชุดนี้ดูได้ที่ http://lib.utexas.edu/maps/ams/indochina_and_thailand/index_map.html