แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เป็ด แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เป็ด แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เมื่อดวงตะวันใกล้ตกลงทุ่ง ฝูงเป็ดไล่ทุ่งก็เดินกลับรัง MO Memoir : Sunday 20 November 2559

"วัวเดินหน้า หมาวิ่งกลับหลัง" เป็นคำเตือนที่แต่ก่อนมีการบอกเล่าต่อ ๆ กันมา สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพที่เพิ่งจะเริ่มขับรถออกต่างจังหวัด ให้รู้ว่าเวลาที่เจอสัตว์เหล่านี้ขวางอยู่บนถนน มันจะวิ่งไปทางไหน จะได้หักรถหลบถูก แต่อันที่จริงจากประสบการณ์ของตัวเองที่เคยพบมา นอกจากวัวและหมาแล้วก็ยังเคยเจอ ควาย แพะ ตะกวด เต่า งู งูเหลือม ไก่ นก แต่เพิ่งจะมีเมื่อวานที่เพิ่งจะได้เจอ "เป็ด" เดินข้ามถนนตอนออกมาจากตลาดน้ำวัดลำพญาแถวนครปฐม แถมเดินข้ามกันอย่างเป็นระเบียบเสียด้วย เลยอดไม่ได้ที่ต้องหยุดรถแวะถ่ายรูปมาฝาก
 
ตอนชาวนาพลิกดินก่อนปลูกข้าว สิ่งที่เห็นก็คือฝูงนกจะลงมาเต็มผืนนา เพราะแมลงเล็ก ๆ ต่าง ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในดินจะถูกขุดขึ้นมา เหล่านกก็ได้อาหารกินโดยไม่ต้องเหนื่อยแรง แต่ถ้าเป็นช่วงที่นาเต็มไปด้วยน้ำ ในบางท้องที่จะเห็นฝูงเป็ดอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ ๆ เป็ดเหล่านี้เรียกว่า "เป็ดไล่ทุ่ง" ที่เลี้ยงโดยให้มันไปหาอาหารกินเอาเองตามท้องทุ่งนา (ที่มักไม่ใช่ของคนเลี้ยงเป็ด) เรียกว่าได้มีอาหารให้เป็ดกินฟรี แถมยังได้ไข่เป็ดไปขายอีก (ไข่เป็ดราคาแพงกว่าไข่ไก่นะ) ส่วนชาวนาเองเขาก็ได้ประโยชน์จากการที่ฝูงเป็ดช่วยจัดการกับศัตรูต้นข้าว เรียกว่าเป็นการพึ่งพิงกันทั้งสองฝ่าย


รูปที่ ๑ ฝูงเป็นไล่ทุ่งที่เดินเรียงแถวมาตามคันนา (ตามเส้นประสีเหลือง) ขณะกำลังจะเดินข้ามถนน มีผู้คุมหัวขบวน (ลูกศรสีส้ม) คอยตัดขบวนเวลาที่จะมีรถวิ่งผ่าน

แม่ไก่ในฟาร์ม อยู่ในกรงเล็ก ๆ ตลอดชีวิตก็อยู่แค่ตรงนั้น พอออกไข่ให้เขาได้ไม่คุ้ม ก็ถูกขายต่อไปเป็นไปเป็นไก่เนื้อ แม้ฝูงเป็ดไล่ทุ่งจะมีจุดจบที่คล้ายกัน (คงมาเป็นเป็ดพะโล้กันไม่น้อย) แต่อย่างน้อยมันก็ยังได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรี ได้อยู่กับธรรมชาติ ได้กินอาหารตามธรรมชาติ เรียกว่าทั้งฝูงโตมาด้วยกัน ไปไหนก็ไปกัน ไม่คิดจะหนีแยกเอาตัวรอดไปเองตัวเดียว

รูปที่ ๒ แนวคันนาที่ฝูงเป็ดเดินเรียงแถวมา ถ่ายด้วยกล้องโทรศัพท์ แถมย้อนแสงด้วย รูปที่นำมาแสดงต่างเป็นรูปที่ปรับแสงเพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น ท้ายแถวอยู่ไกล ๆ ตรงแถวลูกศรสีแดงชี้


รูปที่ ๓ พอถนนว่าง ผู้คุมหัวขบวนก็โบกให้ฝูงเป็ดเดินข้ามถนนไปยังอีกฟากหนึ่ง

รูปที่ ๔ เดินเรียงแถวข้ามถนนกันอย่างเป็นระเบียบ
  
รูปที่ ๕ รถกำลังจะมา ก็เลยต้องมีการตัดขบวนชั่วคราว พวกที่ข้ามไม่ทันก็จะเดินวนกลับไปข้างล่าง เพราะมีตัวด้านหลังเดินดันมาอยู่เรื่อย ๆ ส่วนตัวที่ขึ้นมาบนถนนได้แล้วก็รีบวิ่งตามตัวข้างหน้าเพื่อข้ามให้พ้นถนน
  
รูปที่ ๖ ป้ายเตือนระวัง "เป็ดซิ่ง" ถ่ายจาก Universal Studio Japan (USJ) เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

วัดลำพญานี้ผมแวะไปครั้งแรกตอนที่เขาเพิ่งจะปักป้ายว่าจะมีตลาดน้ำแห่งใหม่ก็น่าจะกว่า ๑๕ ปีแล้ว ตอนนั้นยังไม่มีแพท่าน้ำอะไรมากแบบนี้ ไปถึงตอนที่โรงเรียนเลิกเรียนพอดี ได้ทันเห็นพ่อแม่พายเรือมารับลูกกลับบ้านที่ท่าเรือหน้าวัด ถนนเส้นจากศาลายาไปนั้นยังเป็นถนนสองเลน ทุ่งนาสองข้างทาง บางช่วงมีต้นดอกรักขึ้นเต็มสองข้างทาง แต่ตอนนี้บรรยากาศเช่นนี้หมดไปแล้ว กลายเป็นถนนสี่ช่องทางจราจรเกือบทั้งเส้นขยายเต็มพื้นที่ แถมมีหมู่บ้านจัดสรรโผล่ขึ้นอีกหลายแห่ง แต่ที่ยังเห็นว่าเหมือนเดิมก็คืออาหารที่นี่ ที่ยังคงมีชาวบ้านท้องถิ่นนำเอาพืชผลของเขามาขายอยู่ เมื่อวานไปตอนถึงตอนเย็นตลาดวายแล้ว แต่ก็ถือว่าโชคดีที่ได้เห็นฝูงเป็ดเดินกลับรัง ดูในคลิปวิดิโอที่แนบมาด้วยก็ได้นะ :) :) :)


วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2558

กระต่ายไป เป็ดมา MO Memoir : Saturday 13 June 2558

เป็ดก็เหมือนเด็ก
เด็กก็เหมือนเป็ด
ตรงที่อากาศร้อน ๆ ได้แช่น้ำเย็น ๆ เมื่อใด ยากที่จะขึ้นจากน้ำ

หลังจากที่กระต่ายครอกสุดท้ายที่เลี้ยงไว้จากไปจนหมด กรงกระต่ายก็เลยปล่อยให้ร้างไว้อย่างนั้น คิดอยู่เหมือนกันว่าจะหาตัวอะไรมาเลี้ยงดี ในใจอยากได้แบบเลี้ยงง่าย ๆ ไม่ต้องคอยตามเช็ดทำความสะอาด และต้องปล่อยให้อยู่อย่างอิสระรอบบ้านได้ ตอนแรกก็จะว่าจะหาหมามาเลี้ยง แต่ยังไม่ทันจะได้หมามา ก็ได้ของใหม่มาก่อน
  
ลุงเบื๊อกแกเป็นคนสวนท้องถิ่น ดูเหมือนแกจะอยู่แถวนี้มาตั้งแต่เกิด ก็ร่วมกว่า ๗๐ ปีแล้ว ก่อนที่จะมีคนมาซื้อที่สวนแล้วเปลี่ยนเป็นหมู่บ้านจัดสรร ปัจจุบันแกก็ยังมีสวนของแกอยู่ นอกจากทำสวนแกก็ยังเลี้ยงไก่ชน และเลี้ยงเป็ด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สวนของแกมีงูเหลือมมาเยี่ยมเป็นประจำ แต่ละตัวก็หนักอยู่หลายกิโลอยู่ (แกวัดขนาดงูด้วยน้ำหนักเป็นกิโล ไม่ได้วัดเป็นความยาว สงสัยเป็นเพราะมีคนมาซื้องูที่แกจับได้เสมอ) มาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็ดที่บ้านแกออกลูกมาครอกหนึ่ง แกก็พร้อมจะยกให้มาเลี้ยงเล่น แต่บอกให้รอสักอาทิตย์ก่อน ให้มันโตสักหน่อย พอมาวันนี้ก็ครบอาทิตย์แล้ว ตอนเช้าแกก็พาลูกเป็ดมาส่งให้ ๓ ตัว
  
เมื่อวานคุณย่าก็เตรียมจัดการทำความสะอาดกรงกระต่ายเดิมที่ต่อไว้ข้างบ้านเพื่อไว้ให้เป็ดอยู่ จัดการปรับพื้นทรายที่กระต่ายขุดเอาไว้ให้เรียบ แต่พอตอนเย็นหลานสาวกลับจากโรงเรียนมาดู พบงูสิงห์ยาวเกือบ ๒ ฟุตเข้าไปขดอยู่ในกรง ก่อนที่เลื้อยหายไป เช้าวันนี้ก็เลยต้องเปลี่ยนแผนเล็กน้อย
  


ตอนแรกก็เอากรงกระต่ายที่ซื้อมาจากสนามหลวงสองมาใช้เป็นกรงขังก่อน แต่ดูแล้วท่าทางจะทรมานลูกเป็ดไปหน่อย เพราะมันไม่มีที่ให้ออกกำลังกาย ไม่มีที่ให้ว่ายน้ำ เพราะวางได้แค่ขันน้ำสองใบมันก็เต็มกรงแล้ว แถมขันแต่ละใบลูกเป็นก็ลงไปแช่เล่นได้แค่ตัวเดียว บ่ายวันนี้ก็เลยตัดสินใจทำที่อยู่ใหม่ให้มัน ให้มันที่สระว่ายน้ำเล่นด้วย ด้วยการใช้เรือไฟเบอร์กลาสที่ได้มาตั้งแต่ตอนน้ำท่วมปี ๒๕๕๔ มาใช้เป็นบ่อเลี้ยง เพราะหลังจากปีนั้นแล้วก็ไม่ได้ใช้เรือลำนั้นทำอะไรอีก แค่วางตากแดดตากฝนไว้บนหลังคาโรงเก็บของ
  

 
วิธีการก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่เอาเรือมาวางพิงม้าหินอ่อนไว้ด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งเอากระเบื้องหลังคาค้ำยันไว้ข้างใต้เพื่อไม่ให้เรือพลิก จากนั้นก็เติมน้ำเข้าไปในเรือ แล้วเอาแผ่นกระเบื้องแผ่นใหญ่มาวางให้เป็นเกาะสำหรับมันยืนได้ เท่านั้นก็เสร็จแล้ว น้ำที่เติมเข้าไปก็ไม่ได้มากอะไร เอาแต่ไม่ท่วมหลังเป็ดเป็นพอ
  
ตอนแรก ๆ ลูกเป็ดทั้งสามก็ดูเหมือนว่าจะตื่นกลัวอยู่ แต่พอไปสักพักก็เห็นเล่นน้ำกันสนุก จะขึ้นมาบนเกาะก็ต่อเมื่อมากินข้าว จากนั้นก็ลงไปลอยแช่เล่นในน้ำต่อ
  
ลูกเป็ดนี่มันไม่ได้ร้องก๊าบ ๆ แต่ร้องจิ๊บ ๆ หรือกิ๊บ ๆ เหมือนกับเสียงนกมากกว่า ถ้าได้ยินแต่เสียงโดยไม่เห็นตัวก็คงนึกว่าเป็นฝูงนกมาร้อง มันมีอยู่ด้วยกันสามตัว ถ้าจับเอาตัวใดตัวหนึ่งออกไปมันจะร้องเรียกหากัน มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนที่ย้ายเข้ากรงไปได้สองตัวแล้ว ตัวหนึ่งหลุดมือออกไป แต่ไม่ต้องไปไล่จับมัน แค่เอากรงที่มีเพื่อนของมันสองตัวอยู่นั้นมาวางเอาไว้ สักพักมันก็ร้องเรียกหากัน และตัวที่อยู่นอกกรงก็เดินมาหาเพื่อนของมันอีกสองตัวที่อยู่ในกรง แล้วก็ค่อยจับ เรียกว่าจับง่ายกว่าการไล่จับกระต่ายเยอะ
  
คืนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับมัน จะปล่อยให้มันอยู่ในเรือโดยเอากระเบื้องหลังคามาปิดคลุมไว้ (กันแมวและสัตว์หากินกลางคืนมาจับกิน) หรือเอาใส่กรงดี แต่ลุงเบื้อกแกบอกว่าพวกนี้มันโตเร็ว เพียงแค่อีกอาทิตย์เดียวมันก็โตเยอะแล้ว กะว่าไม่เกินเดือนนึงก็คงปล่อยให้ให้มันเดินเล่นได้อย่างอิสระทั่วบ้าน

เรื่องไม่มีสาระอีกเรื่องหนึ่งในบ่ายวันที่ครึ้มฟ้าครึ้มฝน :) :) :)