หมดเวลาไปเกือบ
๒ วันกับปัญหาที่จะบอกว่าง่ายก็ง่าย
จะบอกว่ายากก็ยาก
ก็คือการหาว่ารอยรั่วมันอยู่ตรงไหน
เรื่องทั้งเรื่องเริ่มจากการสังเกตว่าฟองแก๊สที่ไหลออกจากปลายสายยางที่จุ่มอยู่ในขวดน้ำนั้นมันออกมาน้อยผิดปรกติ
และเมื่อทดลองจุ่มปลายสายยางให้ลึกลงไปในน้ำไม่มาก
แก๊สก็หยุดไหล แต่ตัวเลขที่
mass
flow controller นั้นยังแสดงค่าปรกติ
ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ
ลักษณะเช่นนี้จากประสบการณ์ที่เคยเจอมาบอกว่าระบบมีรอยรั่วสักแห่ง
ซึ่งไม่เล็กและไม่ใหญ่นัก
ถ้าหากความต้านทานการไหลด้านเส้นทางหลัก
(ที่เกิดจากเบดตัวเร่งปฏิกิริยา
อุณหภูมิการทดลอง
และความลึกของปลายสายยางที่จุ่มลงไปในน้ำ)
ไม่มากนัก
แก๊สส่วนใหญ่ก็จะไหลออกทางเส้นทางหลัก
แต่ถ้าความต้านทานการไหลด้านเส้นทางหลักเพิ่มสูงขึ้น
(เช่นการจุ่มปลายสายยางให้จมลงไปในน้ำมากขึ้น)
แก๊สอาจถึงขั้นหยุดไหลในเส้นทางหลัก
(คือไม่มีฟองแก๊สออกที่ปลายสายางที่จุ่มอยู่ในน้ำ)
และไหลออกทางรูรั่วแทน
(เห็นได้จากการที่ตัวเลขที่
mass
flow controller นั้นยังแสดงค่าปรกติ
ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ)
คำถามก็คือถ้าเช่นนั้นจุดรั่วไหลอยู่ตรงไหน
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาพบว่าจุดแรก
ๆ ที่ควรตรวจสอบคือจุดที่มีการถอด-ประกอบ
(เช่นตัว
saturator
และท่อเชื่อมต่อบริเวณดังกล่าว)
การตรวจสอบเริ่มจากการปิดวาล์วแก๊สขาเข้าทุกทาง
จากนั้นเปิดเฉพาะแก๊สหลัก
(ตัวที่อัตราการไหลสูงสุด)
เพียงตัวเดียว
แล้วทำการตรวจสอบการรั่ว
ทั้งเส้นทางการไหลไปยังปลายทาง
และเส้นทางการไหลที่ย้อนกลับมาทางสายแก๊สอื่นที่เข้ามาบรรจบไปจนถึงตัววาล์วที่ปิดอยู่
รูปที่
๑ ระบบ SCR
ที่เกิดปัญหา
รูปนี้ถ่ายหลังจากเอา
rotameter
ออกไปแล้ว
ในกรณีนี้พบว่ายังมีการรั่วไหลอยู่
การตรวจสอบเส้นทางการไหลมายังปลายทางไม่พบการรั่วไหล
เลยให้ทำการตรวจสอบย้อนกลับไปทางเส้นทางแก๊สย่อยที่เข้ามาบรรจบ
แต่ก็ไม่พบการรั่วไหลที่ตำแหน่งข้อต่อใด
ๆ
เย็นวันอังคารนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เห็นมีการถอด
rotameter
ออกมาทำความสะอาด
เนื่องจากลูกลอย (ลูกบอลพลาสติก)
ติดค้างอยู่ไม่ขยับ
ก็เลยให้ทดลองถอดท่อที่มาจาก
rotameter
ออกที่เข้าบรรจนท่อไนโตรเจน
แล้วปิดช่องเปิดนั้นด้วยวาล์ว
แล้วทดลองเปิดไนโตรเจนใหม่
คราวนี้ปรากฏว่าเกิดฟองแก๊สที่ปลายสายยางมากเหมือนปรกติ
แสดงว่าปัญหาอยู่ที่ตัว
rotameter
(ตรงตำแหน่งท่อแก้วของ
rotameter
กดเข้ากับปะเก็นยาง
ซึ่งกดไม่สนิท ทำให้เกิดการรั่วไหล)
rotameter
ตัวนี้เดิมมันมีลูกลอยอยู่
๒ ตัว คือลูกลอยพลาสติกอยู่บนและลูกลอยโลหะอยู่ล่าง
ตัวลูกบอลพลาสติกนั้นมันเบากว่า
ใช้สำหรับอัตราการไหลต่ำ
ส่วนลูกบอลโลหะนั้นใช้สำหรับอัตราการไหลสูง
(จนทำให้ลูกบอลพลาสติกลอยขึ้นไปติดด้านบนแล้ว)
ตัวเลขที่แสดงข้างหลอดแก้วนั้นไม่ได้แสดงอัตราการไหลที่แท้จริง
ต้องทำการสอบเทียบกับแก๊สที่ใช้
ถ้าอัตราการไหลต่ำก็ใช้ระดับของลูกลอยพลาสติก
ถ้าอัตราการไหลสูงก็ใช้ระดับของลูกลอยโลหะ
(รูปที่
๒ ข้างล่าง)
เนื่องจากการรั่วครั้งนี้เกิดขึ้นที่ตัวอุปกรณ์
ไม่ใช่ระบบข้อต่อท่อ
พอเราไม่นึกเฉลียวใจว่าปัญหาอาจจะอยู่ที่ตัวอุปกรณ์ก็ได้
เราก็เลยหาไม่เจอว่าปัญหามันอยู่ที่ไหน
ถือเสียว่าเป็นบทเรียนดี
ๆ บทเรียนหนึ่งก็แล้วกันครับ
:)
:) :)
รูปที่
๒ rotameter
ตัวนี้มีลูกลอยสองตัว
ตัวบนจะเบากว่าตัวล่าง
ตัวบนใช้สำหรับอัตราการไหลต่ำเพราะด้วยน้ำหนักที่เบากว่าจะทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักง่ายกว่าเมื่ออัตราการไหลเปลี่ยนเพียงเล็กน้อย
แต่ที่อัตราการไหลสูงขึ้น
ลูกลอยตัวบนจะลอยขึ้นไปติดเพดานบนสุดของหลอดแก้ว
ต้องใช้การอ่านระดับจากลูกลอยตัวล่างแทน
รูปที่
๓
ระหว่างทำการทดลองควรสังเกตอัตราการเกิดฟองแก๊สที่ปลายสายยางที่จุ่มอยู่ในน้ำนี้ด้วย
และจำเอาไว้ด้วยมันออกมาเร็วเท่าใด
ถ้าพบว่าอัตราการเกิดฟองลดลง
แสดงว่าระบบมีปัญหาการรั่วไหลและ/หรืออุดตัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น