เมื่อวันศุกร์ที่
๑๒
ที่ผ่านมาได้เล่าเรื่องกรณีของการเสียชีวิตจากการขาดอากาศเนื่องจากเผลอเข้าไปในพื้นที่อับอากาศ
แม้ว่าจะเข้าไปเพียงแค่ครึ่งตัวก็ตาม
(เรื่อง
"ขาดอากาศ แบบไม่ทันคาดคิด")
และเมื่อวันจันทร์ที่
๑๕
ที่ผ่านมาก็เป็นกรณีของการไม่ได้คิดจะเข้าไปในพื้นที่อับอากาศแต่แรก
เพียงแค่อยู่ตรงปากช่องทางที่แก๊สเฉื่อยในปริมาณมากรั่วไหลออกมา
(เรื่อง
"ขาดอากาศในสถานที่ที่ไม่ใช่ที่อับอากาศ")
สำหรับวันนี้มีอยู่สองเรื่องด้วยกัน
เรื่องแรกเป็นกรณีของการตั้งใจที่จะเข้าไปในพื้นที่ที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นที่อับอากาศและมีแก๊สที่เป็นพิษ
(แก๊สไข่เน่าหรือไฮโดรเจนซัลไฟด์
H2S)
และได้มีการเตรียมถังอากาศติดตัวสำหรับหายใจก่อนที่จะเข้าไป
แต่ก็ไม่วายที่จะเกิดเหตุเศร้าสลดจนได้
เนื่องจากคาดไม่ถึงว่ารัศมีอันตรายของการแพร่กระจายของแก๊สพิษนั้นมันกว้างกว่าที่คิด
ส่วนเรื่องที่สองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดในบ้านเรา
เพียงแต่ข้อมูลแต่ละแหล่งนั้นมันมีความสับสน
เรื่องที่
๑
ขนาดเตรียมถังอากาศหายใจก็ยังพลาดได้
เรื่องแรกที่นำมาเล่าในวันนี้นำมาจาก
ICI Safety
Newsletter เช่นเคย โดยเป็นฉบับที่
๕๕ เดือนสิงหาคม ปีค.ศ.
๑๙๗๓ (พ.ศ.
๒๕๑๖)
เรื่องที่ 55/1
(รูปที่ ๑ และ ๒)
รูปที่ ๑
ภาพจำลองเหตุการณ์ของสถานที่เกิดเหตุจาก
ICI Safety
Newsletter เรื่องที่ 55/1
เหตุการณ์เกิดขณะที่พนักงานผู้หนึ่งเตรียมลงไปในระบบท่อระบายผ่านทาง
man-hole
ของบ่อพักเพื่อเข้าไปอุดท่อ
ๆ หนึ่ง โดยเริ่มจากการหย่อนบันไดลงไปก่อน
และเนื่องจากเขาทราบว่าในบ่อนี้มีแก๊สไฮโดรเจนซัลไฟด์ที่เป็นพิษอยู่
จึงได้เตรียมถังอากาศหายใจไว้สำหรับการทำงานด้วย
รูปที่ ๒
เหตุการณ์ที่คนงานที่เตรียมจะลงไปในบ่อที่มีแก๊สไฮโดรเจนซัลไฟล์เสียชีวิต
แม้ว่าจะมีการเตรียมถังอากาศหายใจเอาไว้แล้วก็ตาม
(ย่อหน้าที่
๔ และ ๕)
ตอนที่เขาขึ้นไปยืนบนบันไดนั้น
เท้าของเขาอยู่ที่ระดับพื้น
และยังไม่ได้สวมหน้ากากเครื่องช่วยหายใน
(รูปที่
๑)
ขณะที่เขาเตรียมสวม
safety harness
(ขอแปลว่า "เข็มขัดนิรภัยกันตก"
ก็แล้วกัน)
เพื่อนร่วมงานสองคนก็ได้ยินเสียงตะโกนและเห็นพนักผู้ที่ยืนอยู่ตรงบันไดนั้นลื่นไถลเข้าไปใน
man-hole
โดยที่ทั้งสองนั้นเข้าไปคว้าตัวไม่ทัน
พนักงานที่ตกลงไปในบ่อพักเสียชีวิตเนื่องจากแก๊สไฮโดรเจนซัลไฟล์ที่ออกมาจากท่อระบาย
แม้ว่าในขณะนั้นใบหน้าของเขาจะอยู่สูงกว่าระดับพื้นถึง
5 ฟุตด้วยกัน
(ก็ประมาณเมตรครึ่ง)
และไฮโดรเจนซัลไฟล์ก็เป็นแก๊สที่หนักกว่าอากาศ
ตรงนี้ขอนำเสนอศัพท์ภาษาอังกฤษนิดนึง
คำว่า casualty
หรือรูปพหูพจน์คือ
casualties
นั้นเป็นการนับรวมทั้งผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
ในขณะที่คำว่า fatality
หรือรูปพหูพจน์คือ
fatalities
เป็นการนับเฉพาะผู้เสียชีวิต
ในบทความนี้เขาใช้คำว่า
"fatal
accident" นั่นก็แสดงว่าเป็นอุบัติเหตุที่มีผู้เสียชีวิต
เรื่องที่
๒
แม้แต่เจ้าหน้าที่กู้ชีพก็ยังเกือบไปด้วย
ช่วงระหว่างเวลากลางคืนของคืนวันเสาร์ที่
๒๒ ต่อวันอาทิตย์ที่ ๒๓
ธันวาคม พ.ศ.
๒๕๕๕ (รูปที่
๓ บอกสี่ทุ่มคืนวันเสาร์
ส่วนรูปที่ ๕ บอกตีสองคืนวันอาทิตย์แล้ว)
คนงาน ๒
คนที่เข้าไปซ่อมปิดรูรั่วผ้าใบปิดคลุมบ่อหมักไบโอแก๊สของโรงงานแป้งมัน
บ้านโป่ง จ.ราชบุรี
ได้รับพิษจากแก๊สไฮโดรเจนซัลไฟด์จนเสียชีวิตไป
๑ ราย รูปที่ ๓ เป็นสถานที่เกิดเหตุ
ส่วนเหตุการณ์เป็นอย่างไรนั้นอยากให้ลองอ่านที่นำมาแสดงในรูปที่
๔ (เอกสารกรณีศึกษาจัดทำโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม)
และรูปที่ ๕
(ข่าวจากเว็บหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ)
ดูก่อน
แถมให้อีกข้อหนึ่ง
ลองสังเกตหน้ากากที่คนในรูปที่
๓ ใส่ดูซิครับ
คุณคิดว่ามันสามารถป้องกันแก๊สพิษได้หรือไม่
รูปที่ ๓
ภาพนี้ได้มาจากสไลด์ประกอบการบรรยาย
"ก๊าซชีวภาพ;
กรณีศึกษาความปลอดภัย"
วันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๘
ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค
จัดทำโดย ศุภวัฒน์ ธาดาจารุมงคล
ผู้อำนวยการกลุ่มวิศวกรรมเครื่อกล
สำนักเทคโนโลยีความปลอดภัย
กรมโรงงานอุตสาหกรรม
(ผมไม่ได้เข้าร่วมประชุมหรอกครับ
แต่ค้นเจอทางอินเทอร์เน็ต)
แก๊สไฮโดรเจนซัลไฟด์หรือที่เราเรียกว่าแก๊สไข่เน่าเนี่ย
ถ้าได้รับในปริมาณน้อย ๆ
เราจะได้กลิ่นเหม็นของมัน
แต่ถ้าได้รับมากเกินไปเราจะไม่ได้กลิ่น
เพราะประสาทรับกลิ่นมันไปซะแล้ว
รูปที่ ๔
จากเอกสาร "กรณีศึกษาอุบัติเหตุ
การเสียชีวิตของคนงานบริเวณบ่อเก็บก๊าซชีวภาพ"
จัดทำโดย วัฒนา อายตวงษ์
สำนักเทคโนโลยีความปลอดภัย
กรมโรงงานอุตสาหกรรม
ผมตัดมาเฉพาะส่วนส่วนที่เกี่ยวข้อง
ถ้าอ่านข้อมูลในรูปที่
๔ ก็ทำให้เข้าว่า
เหตุการณ์นั้นไม่ได้เกิดในที่อับอากาศ
แต่ภาพเหตุการณ์ตามรายงานข่าวในรูปที่
๕ นั้นแตกต่างกันออกไป
ผมคงไม่สามารถบอกได้ว่าเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอย่างไร
แต่โดยทั่วไปแล้วถ้าเราถามผู้เห็นเหตุการณ์หลังเหตุการณ์เกิดขึ้นใหม่
ๆ เขามักจะบอกในสิ่งที่เขาเห็นออกมาตรง
ๆ โดยไม่คิดอะไร
แต่ถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไปแล้วค่อยไปถามเขา
ช่วงเวลานี้เขามีเวลาคิดว่าสิ่งที่จะพูดออกไปนั้นจะส่งผลถึงใครบ้าง
หรือจะผูกพันมายังตัวเขาหรือไม่
ดังนั้นจึงอาจเป็นไปได้ว่าสิ่งที่เขาบอกนั้นอาจไม่ตรงกับสิ่งที่เขาเห็นทั้งหมด
รูปที่ ๕
รายงานเหตุการณ์เดียวกันที่ได้มาจากเว็บหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
แต่มีจุดหนึ่งที่ข่าวในรูปที่
๕ รายงานไว้และผมเห็นว่าน่าสนใจตรงที่
"เจ้าหน้าที่กู้ชีพ"
ที่เข้าไปค้นหาผู้ที่ตกลงไปในบ่อนั้นถึงกับเป็นลมไป
๒ ราย เนื่องจากทนต่อกลิ่นเหม็นที่รั่วออกมาจากบ่อไม่ไหว
เจ้าหน้าที่กู้ภัยก็ยังมีโอกาสพลาดได้ครับ
ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าด้วยความเร่งรีบที่จะเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ
และอาจไม่ทราบว่าเหตุที่เกิดนั้นเกี่ยวข้องกับแก๊สพิษ
(เช่นอาจได้รับแจ้งเพียงว่ามีคนตกบ่อจมหายไปก็ได้
ถ้าเหตุการณ์เกิดตามข่าวในรูปที่
๕)
เหตุการณ์ทำนองนี้เหมือนกับกรณีรายสุดท้ายที่เล่าไว้ในเรื่อง
"ขาดอากาศในสถานที่ที่ไม่ใช่ที่อับอากาศ"
ในบทความเมื่อวันจันทร์ที่
๑๕ ที่ผ่านมา ซึ่งผู้เสียชีวิตรายนั้น
ใช่ว่าเป็นผู้ไม่มีประสบการณ์
เป็นผู้ไม่เคยได้รับการอบรม
แต่ด้วยความต้องการที่จะเข้าไปช่วยผู้ที่ประสบ
ทำให้ลืมขั้นตอนการทำงานต่าง
ๆ ไปหมด
แก๊สพิษทำให้คนเสียชีวิตได้แม้ว่าอากาศในบริเวณนั้นจะมีออกซิเจนมากเพียงพอต่อการหายใจ
ดังนั้นหน้ากากป้องกันความเป็นพิษของแก๊ส
(ในกรณีที่อากาศในพื้นที่นั้นมีออกซิเจนมากเพียงพอต่อการหายใจ)
จึงอาจมีเพียงแค่ไส้กรองอากาศที่จะดูดซับแก๊สพิษที่ติดมากับอากาศที่ไหลผ่าน
แต่ทั้งนี้ก็ต้องเลือกไส้กรองให้ถูกต้องกับชนิดของแก๊สพิษนั้นด้วย
แต่ถ้าเลือกใช้เครื่องช่วยหายใจแบบ
self-contained
breathing appartus (คือมีถังอากาศสำหรับหายใจเลย)
ก็ไม่ต้องกังวลว่าที่เกิดเหตุนั้นเป็นบริเวณที่มีแก๊สพิษรั่วไหลหรือมีออกซิเจนไม่เพียงพอ
หรือเป็นทั้งสองอย่าง
แต่สิ่งที่ต้องระวังก็คืออย่าให้แก๊สพิษนั้นมีฤทธิ์กัดกร่อนผิวหนังหรือซึมผ่านผิวหนังได้
(แก๊สบางตัวเป็นเช่นนี้
เช่น ไฮโดรเจนฟลูออไรด์ HF)
การเข้าไปในที่เปิดโล่งที่มีแก๊ส
H2S
รั่วไหลจนทำให้มีการเสียขีวิตเกิดขึ้น
(ถ้าเหตุการณ์เป็นดังเช่นข้อมูลในรูปที่
๔)
จะว่าไปแล้วเหตุการณ์นี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เพิ่งเกิด
ก่อนหน้านั้น ๓ ปีในวันที่
๑๘ ธันวาคม พ.ศ.
๒๕๕๒ ก็เกิดเหตุการณ์แก๊ส
H2S
รั่วไหลที่โรงงานผลิตเส้นใยแห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี
ในเหตุการณ์นั้นได้ยินมาว่ามีสัญญาณเตือนว่ามีแก๊ส
H2S
รั่วไหล โอเปอเรเตอร์จึงเข้าไปตรวจสอบ
แต่เนื่องจากสัญญาณเตือนนั้นมันจะดังเมื่อความเข้มข้นของแก๊สสูงถึงระดับหนึ่ง
(ซึ่งโดยทั่วไปก็จะตั้งค่านี้ไว้ให้ต่ำกว่าค่าที่เป็นอันตรายต่อคน)
มันไม่ได้บอกว่าความเข้มข้นแก๊สที่รั่วนั้นสูงจนทำให้เกิดอันตรายได้ทันทีหรือไม่
ดังนั้นเมื่อโอเปอร์เรเตอร์เข้าไปในหมอกแก๊สที่รั่วออกมา
จึงหมดสติโดยไม่ทันตั้งตัว
เรื่องนี้เคยเล่าไว้ใน
Memoir วันอาทิตย์ที่
๓ มกราคม ๒๕๕๓ เรื่อง
"การเสียชีวิตเนื่องจากแก๊ส"
และวันอาทิตย์ที่ ๑๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เรื่อง
"Reactions of
hydroxyl group (ตอนที่ ๒)"
บางคนอาจสงสัยว่าทำไมหลายครั้งผมมักจะระบุ
"วัน"
ที่เกิดเหตุเอาไว้ด้วยแม้ว่าข่าวจะระบุเพียงแค่
"วันที่"
ก็ตาม
เพราะมันมีกรณีที่ว่า
สมาธิของคนหลังจากทำงานมาตลอดทั้งสัปดาห์
ช่วงสุดท้ายของชั่วโมงทำงานก่อนเป็นวันหยุดยาวในวันรุ่งขึ้น
จิตใจเขาน่าจะไปจดจ่อว่าในวันหยุดยาวจะทำอะไร
ทำให้ไม่มีสมาธิเต็มที่ในการทำงาน
จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุในขณะทำงานได้จากการพลั้งพลาดหรือหลงลืมขั้นตอนที่ควรทำ
เอาไว้มีโอกาสจะนำเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น