เอกสารฉบับนี้แจกจ่ายเป็นการภายใน
ไม่นำเนื้อหาลง blog
บันทึกช่วยจำของกลุ่มวิจัยตัวเร่งปฏิกิริยาโลหะออกไซด์ บันทึกความจำของวิศวกรเคมีผู้ลงมือปฏิบัติ (mo.memoir@gmail.com)
วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
หลอกด้วยข้อสอบเก่า MO Memoir : Thursday 9 February 2555
เวลาที่สอนวิชาคณิตศาสตร์ผมก็จะบอกกับนิสิตว่า
จะให้สอบตกกันเยอะ ๆ ไม่ยากหรอก
แค่เอาข้อสอบข้อที่ยากที่สุดมาเป็นข้อ
1.
เท่านี้ก็ทำลายขวัญและกำลังใจในการสอบไปได้มากแล้ว
และมักจะใช้ได้ผลทุกปี
แม้ว่าจะมีการเตือนล่วงหน้าก็ตาม
เพราะปัจจุบันนิสิตจำนวนมากพอได้รับข้อสอบก็จะลงมือทำตั้งแต่ข้อแรกทันที
แทบจะไม่ตรวจสอบเลยว่าข้อสอบครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่
หรือมีข้อที่ง่าย ๆ
อยู่ข้างหลังหรือเปล่า
ที่หนักไปกว่านั้นคือไม่ยอมแม้แต่จะเขียนชื่อ-เลขประจำตัว
เกรงว่าจะเสียเวลาทำข้อสอบ
กะว่าพอหมดเวลาสอบค่อยเขียนก็ได้
ปรากฏว่าพอหมดเวลาสอบ
กรรมการก็เก็บข้อสอบทันที
เพราะเวลาที่ให้สอบนั้นมันนับรวมเวลาที่ใช้ในการเขียนชื่อ-เลขประจำตัวด้วย
ผู้ที่ไม่อยากเขียนก็ถือว่าไม่ต้องการแสดงตนว่าได้ทำข้อสอบ
เวลาที่สอนเคมีวิเคราะห์หรือเคมีอินทรีย์ผมก็จะบอกกับนิสิตว่า
จะให้ทำข้อสอบกันไม่ได้ไม่ยากหรอก
แค่ถามอะไรที่เป็นพื้นฐานเท่านี้ก็ระเนระนาดแล้ว
ยิ่งถ้าเป็นการถามเรื่องการประยุกต์ใช้ด้วยแล้วจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมกันหนักอีก
เพราะนิสิตปัจจุบันชินกับการเรียนแบบท่องจำ
และเรียนแต่บรรยาย
การสอนภาคปฏิบัติการนั้นถูกทำให้ลดน้อยลงไป
แม้แต่ตัวอาจารย์ผู้สอนเองก็ตาม
จำนวนไม่น้อยแม้ว่าจะมีงานวิจัยแต่ก็ไม่ได้มีการลงไปสัมผัสจริง
เพียงแค่รับฟังผลจากนิสิตที่ทำวิจัยให้แล้วเอาไปเขียนบทความหรือเอาไปพูดต่อเท่านั้นเอง
จึงไม่แปลกที่ผู้เรียนจะไม่รู้อะไรมากไปกว่าที่เขียนในหนังสือ
เพราะผู้สอนก็รู้แค่นั้นเอง
เนื่องจากวิธีถามคำถามของผมและแนวคำตอบของผมนั้นมันแตกต่างไปจากประสบการณ์ที่นิสิตเคยเจอกันมา
(ดูตัวอย่างได้ใน
Memoir
ปีที่
๑ ฉบับที่ ๑๒ วันพฤหัสบดีที่
๒ ตุลาคม ๒๕๕๑ เรื่อง
"เท่ากับเท่าไร")
ที่ผ่านมาผมก็เลยมักจะแจกข้อสอบเก่าย้อนหลัง
(พร้อมเฉลยในบางปี)
เพื่อให้นิสิตรู้ว่าสิ่งที่ผมต้องการวัดผลนั้นคืออะไร
แต่การแจกข้อสอบเก่าย้อนหลังไปหลายปีก็ทำให้เกิดข้อเสียด้วย
เพราะนิสิตมักจะดูแนวว่าอาจารย์ชอบออกข้อสอบในแนวทางใด
และมักจะใช้วิธีท่องจำข้อสอบเก่าพร้อมเฉลย
กะว่าพอเจอข้อสอบที่คล้ายกับข้อสอบเก่าที่ท่องจำกันมา
ก็จะเขียนคำตอบลงไปเลยโดยไม่คิด
ผมมักจะเตือนนิสิตให้ระวังว่า
ในบางเรื่องนั้นแม้ว่าจะดูคล้ายกัน
แต่มันไม่เหมือนกัน
และในบางครั้งการที่เราเห็นหรือได้ยินอะไรซ้ำ
ๆ กันมานั้น
อาจทำให้เราหลงคิดว่าสิ่งต่อไปที่เราเห็นหรือได้ยินนั้นที่มันดูคล้ายสิ่งที่เคยเห็นหรือได้ยินมาก่อนหน้า
มันน่าจะเป็นสิ่งเดียวกัน
ซึ่งความคิดเช่นนี้ก็เป็นการเปิดช่องให้ผู้ออกข้อสอบวางยาผู้เข้าสอบได้
ซึ่งมักได้ผลดีกับผู้เข้าสอบที่สะเพร่าหรือมีพื้นฐานที่ไม่ดี
ไหน
ๆ วานนี้ก็ได้เข้าสอนวิชาเคมีอินทรีย์แล้ว
(ภาคปฏิบัติ)
เป็นวันสุดท้ายแล้ว
ก็เลยขอยกเอาข้อสอบวิฃานี้ที่ผ่านมาที่เคยวางยานิสิตเอาไว้มาให้ดูเล่นกัน
เพื่อเป็นบทเรียนว่าเคยมีคนพลาดกันอย่างไรบ้าง
เรื่องที่
๑
ปฏิกิริยาการทดสอบเพื่อแยกสาร
โจทย์เรื่องนี้เกี่ยวกับการใช้ปฏิกิริยาทดสอบ
เพื่อบ่งบอกว่าสารตัวอย่างที่ได้รับนั้นเป็นสารใด
ดังนั้นผู้เรียนต้องรู้ว่าหมู่ฟังก์ชันแต่ละหมู่นั้นเกิดปฏิกิริยาใดได้บ้างที่แตกต่างไปจากหมู่อื่นที่ให้เปรียบเทียบ
โดยจะไล่จากคำถามที่ถามในปีแรก
และคำถามที่ถามในปีถัดไป
และสุดท้ายมีการวางยาเอาไว้อย่างไร
ปีที่
๑
นิสิตผู้หนึ่งได้รับสารตัวอย่างมา
2
ตัวอย่าง
โดยรู้แต่เพียงว่าสารหนึ่งเป็นอัลเคน
และอีกสารหนึ่งเป็น alkyl
benzene
(C6H5R
เมื่อ
R
คือหมู่อัลคิลโซ่ตรง)
แต่ตัวอย่างไม่ได้ถูกระบุว่าตัวอย่างไหนเป็นสารอะไร
และเมื่อนำไปจุดไฟเผาเพื่อดูเขม่าแล้วก็ยังไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างของของเขม่าที่เกิดขึ้นได้
คำถาม
โดยใช้วิธีการทดลองที่ได้ทำในห้องปฏิบัติการในช่วงที่ได้เรียนวิชานี้มา
มีวิธีการง่าย ๆ
หรือไม่ที่น่าจะสามารถใช้ระบุชนิดสารตัวอย่างทั้งสอง
ถ้ามี วิธีการนั้นคือวิธีอะไร
คำตอบของคำถามปีที่
๑
นี้คือต้องรู้ว่าวงแหวนเบนซีนนั้นสามารถทำปฏิกิริยาใดได้บ้างที่แตกต่างไปจากอัลเคน
ตัวอย่างของปฏิกิริยาดังกล่าวได้แก่
nitration
และ
sulfonation
ซึ่งวงแหวนเบนซีนสามารถทำปฏิกิริยานั้นได้
แต่อัลเคนไม่ทำปฏิกิริยา
ปีที่
๒ ถ้าท่านมีตัวอย่างอยู่
2
ตัวอย่าง
โดยรู้แต่เพียงว่าสารหนึ่งเป็นโทลูอีน
(toluene
C6H5CH3
หรือ
methyl
benzene)และอีกสารหนึ่งเป็นไซลีน
(xylene
C6H4(CH3)2
หรือ
dimethyl
benzene) ซึ่งสารทั้งสองต่างก็เป็นสารประกอบ
อะโรแมติกที่มีหมู่เมทิลเกาะอยู่กับวงแหวน
แต่ตัวอย่างไม่ได้ถูกระบุว่าตัวอย่างไหนเป็นสารอะไร
และเมื่อนำไปจุดไฟเผาเพื่อดูเขม่าแล้วก็ยังไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างของของเขม่าที่เกิดขึ้นได้
คำถาม
โดยใช้วิธีการทดลองที่ได้ทำในระหว่างการเรียนปฏิบัติการเรื่องสารประกอบอะโรแมติก
มีปฏิกิริยาทดสอบง่าย ๆ
ปฏิกิริยาใดหรือไม่ที่สามารถใช้ระบุชนิดสารตัวอย่างทั้งสอง
ถ้ามี วิธีการนั้นคือวิธีอะไรและทำได้อย่างไร
(หัวข้อการทดลองในเรื่องนั้นมี
การละลาย,
การออกซิไดซ์ด้วย
KMnO4,
การทำปฏิกิริยากับ
H2SO4,
การทำปฏิกิริยากับ
HNO3,
การฟอกสีสารละลาย
Br2)
คำถามปีที่
๒ นี้ ถ้าอ่านตามตำราแล้วคงยากที่จะตอบคำถามได้
แต่สำหรับผู้ที่ทำการทดลองและสังเกตว่าเกิดอะไรขึ้นจะสามารถตอบได้ว่ามีบางปฏิกิริยาที่ไซลีนทำปฏิกิริยา
แต่โทลูอีนไม่ทำปฏิกิริยา(ปฏิกิริยากับ
KMnO4)
คำถามปีนี้ออกมาหลังคำเตือนว่าในการทำการทดลองนั้น
แม้ว่าจะทำเป็นกลุ่ม
แต่ต้องการให้ทุกคนได้เรียนรู้ทุกปฏิกิริยาที่ทำการทดลอง
ไม่ใช่ใช้วิธีแยกกันทำคนละปฏิกิริยา
แล้วเอาผลการทดลองมารวมกันเป็นรายงานส่งอาจารย์
โดยที่ไม่สนว่าผลการทดลองของคนอื่นนั้นเป็นอย่างไร
ปีที่
๓ ถ้าท่านมีตัวอย่างอยู่
2
ตัวอย่าง
โดยรู้แต่เพียงว่าสารหนึ่งเป็นเฮกซีน
(hexene
C6H12)
และอีกสารหนึ่งเป็นออกทีน
(octene
C8H16)
ซึ่งสารทั้งสองต่างก็เป็นสารประกอบอัลคีนที่มีพันธะ
C=C
จำนวน
1
พันธะในแต่ละโมเลกุล
แต่ตัวอย่างไม่ได้ถูกระบุว่าตัวอย่างไหนเป็นสารอะไร
และเมื่อนำไปจุดไฟเผาเพื่อดูเขม่าแล้วก็ยังไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างของของเขม่าที่เกิดขึ้นได้
คำถาม
โดยใช้วิธีการทดลองที่ได้ทำในห้องปฏิบัติการในช่วงที่ได้เรียนวิชานี้มา
มีปฏิกิริยาทดสอบง่าย ๆ
หรือไม่ที่น่าจะสามารถใช้ระบุชนิดสารตัวอย่างทั้งสอง
ถ้ามี วิธีการนั้นคือวิธีอะไรและทำได้อย่างไร
ในกรณีนี้โมเลกุลทั้งสองประกอบด้วยหมู่ฟังก์ชันที่เหมือนกัน
(C=C
และหมู่อัลคิล)
ดังนั้นการทำปฏิกิริยาต่าง
ๆ จึงเหมือนกัน
สิ่งที่แตกต่างกันคือขนาดของหมู่อัลคิล
ซึ่งออกทีนมีขนาดของหมู่อัลคิลที่ใหญ่กว่า
ดังนั้นในการทดสอบจึงต้องอาศัยความแตกต่างตรงนี้
แนวทางหนึ่งที่ทำได้คือการใช้ปฏิกิริยาการเติม
I2
เข้าไปที่พันธะคู่
(เช่นโดยใช้สารละลาย
I2
ใน
CCl4)
โดยชั่งน้ำหนักตัวอย่างทั้งสองมาเท่า
ๆ กัน เฮกซีนมีน้ำหนักโมเลกุลที่ต่ำกว่าออกทีน
ดังนั้นที่น้ำหนักตัวอย่างเท่ากันเฮกซีนจะมีจำนวนโมลที่มากกว่าออกทีน
(หมายความว่ามีพันธะ
C=C
มากกว่าด้วย)
จึงสามารถเติม
I2
ได้มากกว่า
คำตอบที่พอจะยอมรับได้คือการเติม
Br2
(โดยใช้สารละลาย
Br2
ใน
CCl4)
แต่โบรมีนนั้นสามารถเข้าแทนที่ไฮโดรเจนที่พันธะเดี่ยวได้
แม้ว่าจะทำการทดลองในร่มก็ตาม
(ในที่ร่มปฏิกิริยาจะเกิดช้า
แต่ถ้าทิ้งไว้นานพอก็จะสามารถสังเกตได้)
ดังนั้นการใช้ไอโอดีนจึงดีกว่าตรงที่ทำให้มั่นใจว่าสีของไอโอดีนที่หายไปนั้นเกิดจากการแทนที่ที่ตำแหน่งพันธะ
C=C
เท่านั้น
ปีที่
4
ถ้ามีผู้ส่งตัวอย่างมาให้ท่าน
2
ตัวอย่าง
โดยเขารู้แต่เพียงว่าสารหนึ่งเป็นบิวทีน
(butene
C4H8)
และอีกสารหนึ่งเป็นออกทีน
(octene
C8H16)
ซึ่งสารทั้งสองต่างก็เป็นสารประกอบอัลคีนที่มีพันธะ
C=C
จำนวน
1
พันธะในแต่ละโมเลกุล
แต่ตัวอย่างไม่ได้ถูกระบุว่าตัวอย่างไหนเป็นสารอะไร
คำถาม
โดยใช้ความรู้ที่ได้เรียนวิชานี้มา
ท่านจะวิธีการใดในการระบุชนิดสารตัวอย่างทั้งสอง
และวิธีการดังกล่าวระบุได้อย่างไร
ข้อสอบปีนี้เป็นปีที่ออกมาระเนระนาดมากที่สุด
ผมขอยกเฉลยที่เฉลยให้นิสิตมาให้ดูเลยก็แล้วกัน
"นึกไม่ถึงว่าข้อนี้จะหลอกคนได้เป็นแถว
ตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นข้อที่ช่วยเหลือพวกคุณหรือซ้ำเติมพวกคุณ
แต่ที่เดินดูระหว่างที่พวกคุณทำข้อสอบรู้สึกว่าจะเป็นการซ้ำเติมมากกว่า
พวกที่จำข้อสอบเก่าปีที่แล้วที่ถามระหว่างเฮกซีน
(C6H12)
กับออกทีน
(C8H16)
ก็จะตอบว่าชั่งมาหนักเท่ากันแล้วให้ทำปฏิกิริยากับ
Br2
หรือ
I2
โดยตัวที่หนักกว่าจะมีจำนวนโมล
(หรือโมเลกุลน้อยกว่า)
ดังนั้นก็จะใช้
Br2
หรือ
I2
น้อยกว่า
ที่อุณหภูมิห้อง
บิวทีนเป็นแก๊ส (ไฮโดรคาร์บอน
C1-C4
เป็นแก๊สที่อุณหภูมิห้อง)
ออกทีนเป็นของเหลว
ถ้าจะมีใครส่งบิวทีนมาให้คุณวิเคราะห์เขาก็ต้องใส่ถังแก๊สมาให้
แต่ออกทีนใส่ขวดบรรจุของเหลวมาให้
ไม่จำเป็นต้องใช้ปฏิกิริยาเคมีใดมาทดสอบเลย
:-)
สอบเสร็จแล้วมาบ่นว่าก็คิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
แต่ทำไม่ถึงไม่กล้าตอบกัน"
เรื่องที่
๒ ปฏิกิริยาไหนควรเกิดก่อน
ในการสังเคราะห์สารหลากหลายชนิดที่ต้องมีการนำโมเลกุลมากกว่า
๒ โมเลกุลมาต่อเข้าด้วยกัน
เช่นการเชื่อมต่อโมเลกุล
๓ โมเลกุลเข้าด้วยกันโดยมีสารหนึ่งเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อ
คำถามที่เกิดขึ้นคือควรเชื่อมต่อโมเลกุลไหนเข้าด้วยกันก่อน
ด้วยเหตุผลอะไร
ปีที่
๑ Alkyl
benzene sulfonate เป็นสารชะล้าง
(detergent)
ตัวหนึ่งที่ใช้กันทั่วไปในบ้านเรือน
ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาล้าง
ผงซักฟอก สบู่เหลว ฯลฯ
สารประกอบตัวนี้ได้จากการนำเอา
เบนซีน 1-โอเลฟินส์
(โอเลฟินส์ที่มีพันธะ
C=C
อยู่ที่อะตอมคาร์บอนตัวแรก)
และโอเลียม
(กรดกำมะถันเข้มข้นที่มีแก๊ส
SO3
ละลายอยู่)
โครงสร้างของสารประกอบดังกล่าวเป็นดังรูปข้างล่าง
ในการสร้างโมเลกุล
alkyl
benzene sulfonate นั้น
เราอาจทำได้โดยการ
(ก)
เอาเบนซีนทำปฏิกิริยากับโอเลียมก่อนให้ได้สารประกอบ
benzene
sulfonate จากนั้นจึงนำเอาสารประกอบ
benzene
sulfonate ที่ได้นั้นไปทำปฏิกิริยาต่อกับ
1-โอเลฟินส์
หรือ
(ข)
เอาเบนซีนทำปฏิกิริยากับ
1-โอเลฟินส์ก่อนให้ได้สารประกอบ
alkyl
benzene จากนั้นจึงนำเอาสารประกอบ
alkyl
benzene ที่ได้นั้นไปทำปฏิกิริยาต่อกับโอเลียม
คำถาม
วิธีการในข้อได้นั้นดีกว่ากัน
ให้เหตุผลประกอบด้วย
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความว่องไวของวงแหวนในการแทนที่ด้วยหมู่ที่สอง
หมู่อัลคิลเป็น
ring
activating group ในขณะที่หมู่
HOSO2-
เป็น
ring
deactivating group ดังนั้นถ้าทำปฏิกิริยาตามข้อ
(ก)
การทำปฏิกิริยาครั้งที่สอง
(การเติมหมู่อัลคิล)
ก็จะยากขึ้น
แต่ถ้าทำปฏิกิริยาตามข้อ
(ข)
การทำปฏิกิริยาครั้งที่สอง
(การเติมหมู่
HOSO2-
) ก็จะง่ายขึ้น
ดังนั้นการทำปฏิกิริยาตามข้อ
(ข)
จึงดีกว่า
ข้อสอบข้อนี้ออกมาหลายครั้งมีการเฉลยให้นิสิตหลายรุ่น
จนกระทั่งในการสอบครั้งล่าสุดก็มีการออกข้อสอบใหม่ทีคล้ายกันข้างล่าง
ปีล่าสุด
m-nitrotoluene
(หรือ
3-nitrotoluene
หรือ
1-methyl-3-nitro
benzene) ที่แสดงในรูปข้างล่างเป็นของเหลวสีเหลือง-เขียว
มีกลิ่นอ่อน ๆ ใช้ในการผลิต
สี สารต่อต้านการออกซิไดซ์
สารเคมีทางการเกษตร
และสารเคมีที่ใช้ในการถ่ายภาพ
ในการสร้างโมเลกุล
m-nitrotoluene
นั้น
เราอาจทำได้โดยการ
(ก)
เอาเบนซีนทำปฏิกิริยา
alkylation
กับ
CH3-OH
ก่อนให้ได้
toluene
(C6H5-CH3 หรือ
methyl
benzene) จากนั้นจึงนำเอาโทลูอีนที่ได้นั้นไปทำปฏิกิริยา
nitration
กับกรด
HNO3
โดยมีกรด
H2SO4
เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา
หรือ
(ข)
เอาเบนซีนทำปฏิกิริยา
nitration
กับกรด
HNO3
โดยมีกรด
H2SO4
เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาก่อนให้ได้
nitrobenzene
(C6H5-NO2) จากนั้นจึงนำเอาสารประกอบ
nitrobenzene
ที่ได้นั้นไปทำปฏิกิริยาalkylation
กับ
CH3OH
คำถาม
วิธีการในข้อได้นั้นดีกว่ากัน
ให้เหตุผลประกอบด้วย
ปรากฏว่าปีนี้พวกที่ใช้วิธีจำข้อสอบเก่าโดยดูว่าคล้ายกับข้อสอบเก่าข้อไหนก็ลอกแยวเฉลยข้อสอบเก่าลงไปเลย
โดนหลอกเป็นแถว
(พวกนี้ตอบว่าเติมหมู่อัลคิลก่อน
เพราะเป็นหมู่ ring
activating จากนั้นจึงเติมหมู่
NO2
ซึ่งจะทำได้ง่ายขึ้น)
สิ่งที่โจทย์ต้องการคือโครงสร้าง
m-
ดังนั้นต้องทำแบบ
(ข)
คือทำ
nitration
ก่อน
แล้วจึงค่อยทำ alkylation
เพราะถ้าไปทำการเติมหมู่อัลคิลก่อน
จะได้โครงสร้างแบบ o-
หรือ
p-
ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่โจทย์ต้องการ
เรื่องที่
๓ สีเปลี่ยนหรือไม่
อย่างไร
ในการทดลองนั้นมักจะให้มีการสังเกตการเปลี่ยนแปลงของสี
ซึ่งมักจะใช้เป็นสิ่งบ่งบอกว่ามีการเกิดปฏิกิริยาขึ้นหรือไม่
แต่ในความเป็นจริงนั้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงสีก็ได้
ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีการทำปฏิกิริยาเกิดขึ้น
ปีที่
๑ นำ
Toluene
(C6H5(CH3))
Ethyl benzene
(C6H5(CH2CH3)
และ
Styrene
(C6H5(CH=CH2))
อย่างละ
1
ml
ใส่ลงในหลอดทดลอง
3
หลอด
จากนั้นหยดสารละลาย I2
ใน
CCl4
ลงไปหลอดละ
5
หยด
คำถาม 1.1
ถ้าเก็บหลอดทดลองไว้ในที่ร่ม
ให้เขียนปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในแต่ละหลอด
และผลิตภัณฑ์ที่ได้
1.2
ถ้านำหลอดทดลองไปตากแดด
ให้เขียนปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในแต่ละหลอด
และผลิตภัณฑ์ที่ได้
ในการเรียนปฏิกิริยา
halogenation
ของอัลเคนและอัลคีนนั้น
ตำรามักจะยกตัวอย่างที่เป็น
Cl2
และ
Br2
โดยมักจะไม่กล่าวถึง
F2
และ
I2
ทั้งนี้เป็นเพราะปฏิกิริยากับฟลูออรีนนั้นรุนแรงมาก
ส่วนไอโดดีนนั้นจะไม่สามารถเข้าแทนที่อะตอมไฮโดรเจนได้
จะเข้าได้ตรงตำแหน่งพันธะคู่เท่านั้น
ยิ่งเป็นส่วนที่เป็นวงแหวนจะเกิดยากขึ้นไปอีก
ดังนั้นในกรณีนี้จะเกิดปฏิกิริยาเฉพาะสไตรีนโดยจะเกิดการแทนที่ที่ตำแหน่งพันธะคู่
ดังนั้นจะเห็นการฟอกสีสารละลายโดยสีม่วงของไอโอดีนจะจางหายไป
ส่วนอีกสองหลอดที่ไม่มีการทำปฏิกิริยานั้นจะไม่เกิดการฟอกสี
ข้อสอบทำนองนี้ก็เคยออกไว้หลายครั้ง
และมีการเฉลยให้นิสิตหลายรุ่น
แต่ในครั้งล่าสุดที่ผ่านมาก็มีการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างเล็กน้อย
ปีล่าสุด.
นิสิตกลุ่มหนึ่งทำการทดลองศึกษาปฏิกิริยาการแทนที่อะตอมไฮโดรเจนของเฮกเซน
(hexane
C6H14
ซึ่งไม่มีสี)
ใดยในการทดลองนั้นนิสิตทำการใส่สารละลาย
KI
(ที่มี
I2
ละลายอยู่
สารละลายนี้จะมีสีเหลืองอ่อน)
จำนวน
1.0
ml ลงในหลอดทดลองสองหลอด
จากนั้นจึงเติมเฮกเซนจำนวน
1.0
ml ลงในหลอดทดลองทั้งสองนั้น
หลอดหนึ่งเก็บในที่ร่ม
ส่วนอีกหลอดหนึ่งนำไปตากแดด
โดยมีการเขย่าหลอดทดลองทั้งสองเป็นระยะเพื่อให้เกิดการผสมกันระหว่างชั้นสารละลาย
KI
และชั้นเฮกเซน
คำถาม
เมื่อปล่อยให้ทำปฏิกิริยาไปสักพัก
สีของชั้นสารละลาย KI
และชั้นเฮกเซนในหลอดทดลองทั้งสองหลอดจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่
อย่างไร และถ้ามีการเปลี่ยนสี
การเปลี่ยนสีที่เกิดขึ้นนั้นเกิดด้วยสาเหตุใด
ให้อธิบาย
โจทย์ข้อนี้แตกต่างจากปีก่อน
ๆ ตรงที่ใช้สารละลาย KI
ที่มี
I2
ละลายอยู่
ในขณะที่ปีก่อนหน้านั้นใช้สารละลาย
I2
ใน
CCl4
สารละลาย
I2
ใน
CCl4
นั้นจะมีสีม่วง
และเมื่อหยดลงไปในไฮโดรคาร์บอนก็จะละลายเข้าเป็นเนื้อเดียวกันได้สารละลายผสมสีม่วง
ถ้าเกิดการฟอกสีก็จะเห็นสีม่วงจางลง
ถ้าไม่เกิดการฟอกสีก็จะเห็นสีม่วงคงอยู่ตามเดิม
ดังนั้นในการทดลองนี้ถ้าใช้สารละลาย
I2
ใน
CCl4
ก็จะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงสีใด
ๆ
สารละลาย
KI
ที่มี
I2
ละลายอยู่นี้มีสีเหลืองอ่อน
ในขณะที่เฮกเซนไม่มีสี
สารละลาย KI
ที่มี
I2
ละลายอยู่นี้ไม่ละลายเข้าเป็นเนื้อเดียวกันกับเฮกเซน
โดยจะแยกชั้นอยู่ด้านล่าง
I2
ไม่สามารถเข้าไปแทนที่อะตอม
H
ได้ไม่ว่าจะมีแดดหรือไม่มีแดด
แต่ I2
สามารถละลายเข้าไปในชั้นเฮกเซนได้
ดังนั้นสิ่งที่จะเห็นคือสีของชั้นสารละลายKI
จะจางลง
เนื่องจาก I2
ย้ายเข้าไปอยู่ในเฟสของเฮกเซน
แต่สีของชั้นเฮกเซนเปลี่ยนจากใสเป็นเหลืองอ่อนหรือถึงม่วงได้ถ้ามีปริมาณ
I2
ย้ายเข้าไปอยู่มากพอ
(ถ้าใช้ตัวอย่างที่
I2
สามารถเข้าไปแทนที่ได้
สิ่งที่จะเห็นคือสีของชั้นสารละลายKI
จะจางลงแต่สีของชั้นไฮโดรคาร์บอนจะไม่เปลี่ยน)
คำตอบของข้อนี้สำหรับคนที่ไม่ได้ทำการทดลองเองหรือทำการทดลองเองแต่สักแต่ว่าทำให้เสร็จ
ๆ ไปนั้นจะตอบไม่ได้
เพราะจะไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในระหว่างการทดลอง
เปรียบเสมือนนักวิจัยที่ไม่ได้ทำวิจัยเอง
แต่ให้คนอื่นทำให้แล้วรอแต่รายงานที่จะเอาไปพูดต่อ
นักวิจัยเช่นนี้พอโดนซักถามถึงสิ่งต่าง
ๆ
ที่เกิดขึ้นในระหว่างกระบวนการทดลองเข้าก็จะตอบอะไรไม่ได้เพราะไม่เคยลงมือทำเองหรือไม่ก็ไม่เคยไปดูเลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในระหว่างการทดลอง
ป้ายกำกับ:
ข้อสอบ,
เคมีวิิเคราะห์,
เคมีอินทรีย์
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ตัวเร่งปฏิกิริยาและการทดสอบ
- การกำจัดสีเมทิลีนบลู
- การคำนวณพื้นที่ผิวแบบ Single point BET
- การคำนวณพื้นที่ผิวแบบ Single point BET ตอนที่ ๒ ผลกระทบจากความเข้มข้นไนโตรเจนที่ใช้
- การจำแนกตำแหน่งที่เป็นกรด Brönsted และ Lewis บนพื้นผิวของแข็งด้วยเทคนิค Infrared spectroscopy และ Adsorbed probe molecules
- การจำแนกตำแหน่งที่เป็นเบส Brönsted และ Lewis บนพื้นผิวของแข็งด้วยเทคนิค Infrared spectroscopy และ Adsorbed probe molecules
- การใช้ข้อต่อสามทางผสมแก๊ส
- การใช้ Avicel PH-101 เป็น catalyst support
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๑ ขั้นตอนของการเกิดปฏิกิริยาบนตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๒ การดูดซับบนพื้นผิวของแข็ง
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๓ แบบจำลองไอโซเทอมการดูดซับของ Freundlich
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๔ แบบจำลองไอโซเทอมการดูดซับของ Langmuir
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๕ แบบจำลองไอโซเทอมการดูดซับของ Temkin
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๖ แบบจำลองไอโซเทอมการดูดซับของ BET
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๗ ตัวอย่างไอโซเทอมการดูดซับของ BET
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๘ ตัวอย่างไอโซเทอมการดูดซับของ BET (๒)
- การดูดซับบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๙ ตัวอย่างไอโซเทอมการดูดซับของ BET (๓)
- การเตรียมตัวอย่างตัวเร่งปฏิกิริยาแบบผงให้เป็นแผ่นบาง
- การทดสอบตัวเร่งปฏิกิริยา - ผลแตกต่างหรือไม่แตกต่าง
- การทำปฏิกิริยา ๓ เฟสใน stirred reactor
- การบรรจุ inert material ใน fixed-bed
- การปรับ WHSV
- การปั่นกวนของแข็งให้แขวนลอยในของเหลว ตอนที่ ๑ ผลของความหนาแน่นที่แตกต่าง
- การปั่นกวนของแข็งให้แขวนลอยในของเหลว ตอนที่ ๒ ขนาดของ magnetic bar กับเส้นผ่านศูนย์กลางภาชนะ
- การปั่นกวนของแข็งให้แขวนลอยในของเหลว ตอนที่ ๓ ผลของรูปร่างภาชนะ
- การผสมแก๊สอัตราการไหลต่ำเข้ากับแก๊สอัตราการไหลสูง
- การระบุชนิดโลหะออกไซด์
- การลาก smooth line เชื่อมจุด
- การเลือกค่า WHSV (Weight Hourly Space Velocity) สำหรับการทดลอง
- การวัดความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง (อีกครั้ง)
- การวัดปริมาณตำแหน่งที่เป็นกรด-เบสบนพื้นผิวของแข็งด้วย GC
- การวัดปริมาณตำแหน่งที่เป็นกรด-เบสบนพื้นผิวของแข็งด้วย GC (๒)
- การวัดพื้นที่ผิว BET
- การวิเคราะห์ความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง ด้วยเทคนิคการดูดซับ Probe molecule (๑)
- การวิเคราะห์ความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง ด้วยเทคนิคการดูดซับ Probe molecule (๒)
- การวิเคราะห์ความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง ด้วยเทคนิคการดูดซับ Probe molecule (๓)
- การวิเคราะห์ความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง ด้วยเทคนิคการดูดซับ Probe molecule (๔)
- การวิเคราะห์ความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง ด้วยเทคนิคการดูดซับ Probe molecule (๕)
- การวิเคราะห์ความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง ด้วยเทคนิคการดูดซับ Probe molecule (๖)
- การไหลผ่าน Straightening vane และโมโนลิท (Monolith)
- เก็บตกจากการประชุมวิชาการ ๒๕๕๗ ตอนที่ ๑
- เก็บตกจากการประชุมวิชาการ ๒๕๕๗ ตอนที่ ๒
- เก็บตกจากการประชุมวิชาการ ๒๕๖๘
- ข้อควรระวังเมื่อใช้ออกซิเจนความเข้มข้นสูง
- ข้อพึงระวังในการแปลผลการทดลอง
- ค่า signal to noise ratio ที่ต่ำที่สุด
- จลนศาสตร์การเกิดปฏิกิริยาบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๑ Volcano principle
- จลนศาสตร์การเกิดปฏิกิริยาบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๒ แบบจำลอง Langmuir
- จลนศาสตร์การเกิดปฏิกิริยาบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๓ แบบจำลอง Langmuir-Hinshelwood
- จลนศาสตร์การเกิดปฏิกิริยาบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๔ แบบจำลอง Eley-Rideal
- จลนศาสตร์การเกิดปฏิกิริยาบนพื้นผิวตัวเร่งปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ ตอนที่ ๕ แบบจำลอง REDOX
- ตอบคำถามเรื่องการเตรียมตัวเร่งปฏิกิริยา
- ตัวเลขมันสวย แต่เชื่อไม่ได้
- ตัวเลขไม่ได้ผิดหรอก คุณเข้าใจนิยามไม่สมบูรณ์ต่างหาก
- ตัวไหนดีกว่ากัน (Catalyst)
- แต่ละจุดควรต่างกันเท่าใด
- ท่อแก๊สระบบ acetylene hydrogenation
- น้ำหนักหายได้อย่างไร
- ปฏิกิริยาการเติมไฮโดรเจนและการแทนที่ไฮโดรเจนของอะเซทิลีน
- ปฏิกิริยาอันดับ 1 หรือปฏิกิริยาอันดับ 2
- ปฏิกิริยาเอกพันธ์และปฏิกิริยาวิวิธพันธ์ในเบดนิ่ง
- ปั๊มสูบไนโตรเจนเหลวจากถังเก็บ
- ผลของแก๊สเฉื่อยต่อการเกิดปฏิกิริยา
- เผาในเตาแบบไหนดี (Calcination)
- พลังงานกระตุ้นกับปฏิกิริยาคายความร้อนในเครื่องปฏิกรณ์เบดนิ่ง
- เมื่อแก๊สรั่วที่ rotameter
- เมื่อพีคออกซิเจนของระบบ DeNOx หายไป
- เมื่อเส้น Desorption isotherm ต่ำกว่าเส้น Adsorption isotherm
- เมื่อ base line เครื่อง chemisorb ไม่นิ่ง
- เมื่อ Mass Flow Controller คุมการไหลไม่ได้
- เรื่องของสุญญากาศกับ XPS
- สแกนกี่รอบดี
- สมดุลความร้อนรอบ Laboratory scale fixed-bed reactor
- สรุปการประชุมวันพฤหัสบดีที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๓
- เส้น Cu Kα มี ๒ เส้น
- เห็นอะไรไม่สมเหตุสมผลไหมครับ
- อย่าลืมดูแกน Y
- อย่าให้ค่า R-squared (Coefficient of Determination) หลอกคุณได้
- อุณหภูมิกับการไหลของแก๊สผ่าน fixed-bed
- อุณหภูมิและการดูดซับ
- BET Adsorption-Desorption Isotherm Type I และ Type IV
- ChemiSorb 2750 : การเตรียมตัวอย่างเพื่อการวัดพื้นที่ผิว BET
- ChemiSorb 2750 : การวัดพื้นที่ผิวแบบ Single point BET
- ChemiSorb 2750 : ผลของอัตราการไหลต่อความแรงสัญญาณ
- Distribution functions
- Electron Spin Resonance (ESR)
- GHSV หรือ WHSV
- in situ กับ operando
- Ion-induced reduction ขณะทำการวิเคราะห์ด้วย XPS
- MO ตอบคำถาม การทดลอง gas phase reaction ใน fixed-bed
- MO ตอบคำถาม การวัดความเป็นกรด-เบสบนพื้นผิวของแข็ง
- Monolayer หรือความหนาเพียงชั้นอะตอมเดียว
- NH3-TPD - การลาก base line
- NH3-TPD - การลาก base line (๒)
- NH3-TPD - การไล่น้ำและการวาดกราฟข้อมูล
- NH3-TPD ตอน ตัวอย่างผลการวิเคราะห์ ๑
- NH3-TPD ตอน ตัวอย่างผลการวิเคราะห์ ๒
- Physisorption isotherms Type I และ Type IV
- Scherrer's equation
- Scherrer's equation (ตอนที่ 2)
- Scherrer's equation (ตอนที่ ๓)
- Scherrer's equation (ตอนที่ ๔)
- Supported metal catalyst และ Supported metal oxide catalyst
- Temperature programmed reduction ด้วยไฮโดรเจน (H2-TPR)
- Temperature programmed reduction ด้วยไฮโดรเจน (H2-TPR) ภาค ๒
- UV-Vis - peak fitting
- XPS ตอน การแยกพีค Mo และ W
- XPS ตอน จำนวนรอบการสแกน
- XRD - peak fitting
คณิตศาสตร์สำหรับวิศวกรรมเคมี
- การแก้ปัญหาสมการเชิงอนุพันธ์สามัญปัญหาเงื่อนไขค่าเริ่มต้นด้วยระเบียบวิธี Bogacki-Shampine และ Predictor-Evaluator-Corrector-Evaluator (PECE)
- การแก้ปัญหาสมการอนุพันธ์สามัญ ด้วย ODE solvers ของ GNU Octave ตอนที่ ๑
- การแก้ปัญหาสมการอนุพันธ์สามัญ ด้วย ODE solvers ของ GNU Octave ตอนที่ ๒
- การแก้ปัญหาสมการอนุพันธ์สามัญ ด้วย ODE solvers ของ GNU Octave ตอนที่ ๓
- การแก้สมการเชิงอนุพันธ์สามัญด้วยการใช้ Integrating factor
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๑)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๑๐)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๑๑)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๑๒)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๑๓)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๒)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๓)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๔)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๕)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๖)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๗)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๘)
- การแก้สมการอนุพันธ์ด้วยฟังก์ชันพหุนาม (๙)
- การคำนวณค่าฟังก์ชันพหุนาม
- การปรับเรียบ (Smoothing) ข้อมูล (ตอนที่ ๑)
- การปรับเรียบ (Smoothing) ข้อมูล (ตอนที่ ๒)
- การปรับเรียบ (Smoothing) ข้อมูล (ตอนที่ ๓)
- การหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร x และ y
- ข้อพึงระวังในการใช้ฟังก์ชันพหุนามในการประมาณค่าในช่วง
- ข้อพึงระวังในการใช้ฟังก์ชันพหุนามในการประมาณค่าในช่วง (๒)
- ข้อพึงระวังในการใช้ฟังก์ชันพหุนามในการประมาณค่าในช่วง (๒) (pdf)
- ข้อพึงระวังในการใช้ฟังก์ชันพหุนามในการประมาณค่าในช่วง (๓)
- ข้อสอบเก่าชุดที่ ๑
- ข้อสอบเก่าชุดที่ ๒
- ค่าคลาดเคลื่อน (error)
- จำนวนที่น้อยที่สุดที่เมื่อบวกกับ 1 แล้วได้ผลลัพธ์ไม่ใช่ 1
- โจทย์ผิดหรือถูกคะ??
- ใช่ว่าคอมพิวเตอร์จะคิดเลขถูกเสมอไป
- ตัวเลขที่เท่ากันแต่ไม่เท่ากัน
- ตัวอย่างการแก้ปัญหา สมการพีชคณิตไม่เชิงเส้นด้วยระเบียบวิธีนิวตัน-ราฟสัน
- ตัวอย่างการแก้ปัญหา สมการพีชคณิตไม่เชิงเส้นด้วยระเบียบวิธี Müller และ Inverse quadratic interpolation
- ตัวอย่างการแก้ปัญหา สมการพีชคณิตไม่เชิงเส้นด้วยระเบียบวิธี successive iteration
- ตัวอย่างการแก้ปัญหา สมการพีชคณิตไม่เชิงเส้นด้วยระเบียบวิธี successive iteration (pdf)
- ตัวอย่างการแก้ปัญหา สมการพีชคณิตไม่เชิงเส้นด้วย Function fzero ของ GNU Octave
- ตัวอย่างการคำนวณหาพื้นที่ใต้กราฟ ด้วยระเบียบวิธี Gaussian quadrature
- ตัวอย่างการคำนวณหาพื้นที่ใต้กราฟ ด้วยระเบียบวิธี Gaussian quadrature (pdf)
- ตัวอย่างผลของรูปแบบสมการต่อคำตอบของ ODE-IVP
- ตัวอย่างเพิ่มเติมบทที่ ๑
- ตัวอย่างเพิ่มเติมบทที่ ๒
- ตัวอย่างเพิ่มเติมบทที่ ๓
- ตัวอย่างเพิ่มเติมบทที่ ๔
- ทบทวนเรื่องการคูณเมทริกซ์
- ทบทวนเรื่อง Taylor's series
- ทศนิยมลงท้ายด้วยเลข 5 จะปัดขึ้นหรือปัดลง
- บทที่ ๑ การคำนวณตัวเลขในระบบทศนิยม
- บทที่ ๒ การแก้ปัญหาระบบสมการพีชคณิตเชิงเส้น
- บทที่ ๓ การแก้ปัญหาระบบสมการพีชคณิตไม่เชิงเส้น
- บทที่ ๔ การประมาณค่าในช่วง
- บทที่ ๕ การหาค่าอนุพันธ์
- บทที่ ๖ การหาค่าอินทิกรัล
- บทที่ ๗ การแก้ปัญหาสมการเชิงอนุพันธ์สามัญ ระบบสมการปัญหาเงื่อนไขค่าเริ่มต้น
- บทที่ ๘ การแก้ปัญหาสมการเชิงอนุพันธ์สามัญ ระบบสมการปัญหาเงื่อนไขค่าขอบเขต
- บทที่ ๙ การแก้ปัญหาสมการเชิงอนุพันธ์ย่อย
- ปฏิกิริยาคายความร้อนใน CSTR (ตอนที่ ๑)
- ปฏิกิริยาคายความร้อนใน CSTR (ตอนที่ ๒)
- เปรียบเทียบการแก้ปัญหาสมการพีชคณิตไม่เชิงเส้นด้วย solver ของ GNU Octave
- เปรียบเทียบการแก้ Stiff equation ด้วยระเบียบวิธี Runge-Kutta และ Adam-Bashforth
- เปรียบเทียบระเบียบวิธี Runge-Kutta
- เปรียบเทียบ Gauss elimination ที่มีและไม่มีการทำ Pivoting
- เปรียบเทียบ Gauss elimination ที่มีและไม่มีการทำ Pivoting (Spreadsheet)
- ฟังก์ชันแกมมา (Gamma function) และ ฟังก์ชันเบสเซล (Bessel function)
- เมื่อ 1 ไม่เท่ากับ 0.1 x 10
- ระเบียบวิธี Implicit Euler และ Crank-Nicholson กับ Stiff equation
- เลขฐาน ๑๐ เลขฐาน ๒ จำนวนเต็ม จำนวนจริง
- Distribution functions
- LU decomposition ร่วมกับ Iterative improvement
- LU decomposition ร่วมกับ Iterative improvement (pdf)
- Machine precision กับ Machine accuracy
เคมีสำหรับวิศวกรเคมี
- กรด-เบส : อ่อน-แก่
- กรด-เบส : อะไรควรอยู่ในบิวเรต
- กราฟการไทเทรตกรดกำมะถัน (H2SO4)
- กราฟการไทเทรตกรดกำมะถัน (H2SO4) ตอนที่ ๒
- กราฟการไทเทรตกรดที่ให้โปรตอนได้ ๒ ตัว
- กราฟการไทเทรตกรดที่ให้โปรตอนได้ ๓ ตัว
- กราฟการไทเทรตกรดไฮโปคลอรัส (HOCl)
- กราฟอุณหภูมิการกลั่นของน้ำมันเบนซิน (Gasoline distillation curve)
- กลิ่นกับอันตรายของสารเคมี
- การกำจัดสีเมทิลีนบลู
- การเกิดปฏิกิริยาเคมี
- การเจือจางไฮโดรคาร์บอนในน้ำ
- การใช้ pH probe
- การใช้ Tetraethyl lead นอกเหนือไปจากการเพิ่มเลขออกเทน
- การดูดกลืนคลื่นแสงของแก้ว Pyrex และ Duran
- การดูดกลืนแสงสีแดง
- การเตรียมสารละลายด้วยขวดวัดปริมาตร
- การเตรียมหมู่เอมีนและปฏิกิริยาของหมู่เอมีน (การสังเคราะห์ฟีนิลบิวตาโซน)
- การทำน้ำให้บริสุทธิ์สำหรับห้องปฏิบัติการ
- การทำปฏิกิริยาของโพรพิลีนออกไซด์ (1,2-Propylene oxide) ตอนที่ ๑
- การทำปฏิกิริยาของโพรพิลีนออกไซด์ (1,2-Propylene oxide) ตอนที่ ๒
- การทำปฏิกิริยาของหมู่ Epoxide ในโครงสร้าง Graphene oxide
- การทำปฏิกิริยาต่อเนื่องของผลิตภัณฑ์
- การเทของเหลวใส่บิวเรต
- การไทเทรต 1,1-Diamino-2,2-dinitroethene (FOX-7)
- การน๊อคของเครื่องยนต์แก๊สโซลีน และสารเพิ่มเลขออกเทนของน้ำมัน
- การเปลี่ยนพลาสติกเป็นน้ำมัน
- การเปลี่ยนเอทานอล (Ethanol) ไปเป็นอะเซทัลดีไฮด์ (Acetaldehyde)
- การเรียกชื่อสารเคมี
- การลดการระเหยของของเหลว
- การละลายของแก๊สในเฮกเซน (Ethylene polymerisation)
- การละลายเข้าด้วยกันของโมเลกุลมีขั้ว-ไม่มีขั้ว
- การวัดความเป็นกรดบนพื้นผิวของแข็ง (อีกครั้ง)
- การวัดปริมาณ-ความแรงของตำแหน่งที่เป็นกรดบนพื้นผิว
- การวัดปริมาณตำแหน่งที่เป็นกรด-เบสบนพื้นผิวของแข็งด้วย GC
- การวัดปริมาตรของเหลว
- การหาความเข้มข้นสารละลายมาตรฐานกรด
- การหาจุดสมมูลของการไทเทรตจากกราฟการไทเทรต
- การอ่านผลการทดลองการไทเทรตกรด-เบส
- การอ่านผลการทดลองการไทเทรตกรด-เบส (ตอนที่ ๒)
- การอ่านผลการทดลองการไทเทรตกรด-เบส (ตอนที่ ๓)
- แก๊สมัสตาร์ดกับกลิ่นทุเรียน
- ข้อควรระวังเมื่อใช้ออกซิเจนความเข้มข้นสูง
- คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากับงานเคมีวิเคราะห์
- ความกระด้าง (Hardness) ของน้ำกับปริมาณของแข็งทั้งหมด ที่ละลายอยู่ (Total Dissolved Solid - TDS)
- ความดันกับการเกิดปฏิกิริยาเคมี
- ความเป็นกรดของหมู่ไฮดรอกซิล (Hydroxyl group) ตอนที่ ๑
- ความเป็นกรดของหมู่ไฮดรอกซิล (Hydroxyl group) ตอนที่ ๒
- ความเป็นกรดของอัลฟาไฮโดรเจนอะตอม (alpha-Hydrogen atom) ตอน กรดบาร์บิทูริก (Barbituric acid)
- ความเป็นกรดของอัลฟาไฮโดรเจนอะตอม (alpha-Hydrogen atoms)
- ความเป็นขั้วบวกของอะตอม C และการทำปฏิกิริยาของอีพิคลอโรไฮดริน (epichlorohydrin)
- ความเป็นไอออนิก (Percentage ionic character)
- ความสัมพันธ์ระหว่างสีกับชนิดและปริมาณธาตุ
- ความสำคัญของเคมีวิเคราะห์และเคมีอินทรีย์ในงานวิศวกรรมเคมี
- ความเห็นที่ไม่ลงรอยกับโดเรมี่
- ค้างที่ปลายปิเปตไม่เท่ากัน
- คำตอบของ Cubic equation of state
- จากกลีเซอรอล (glycerol) ไปเป็นอีพิคลอโรไฮดริน (epichlorohydrin)
- จากเบนซาลดีไฮด์ (Benzaldehyde) ไปเป็นกรดเบนซิลิก (Benzilic acid)
- จากโอเลฟินส์ถึงพอลิอีเทอร์ (From olefins to polyethers)
- จาก Acetone เป็น Pinacolone
- จาก Alkanes ไปเป็น Aramids
- จาก Aniline ไปเป็น Methyl orange
- จาก Benzene ไปเป็น Butter yellow
- จาก Hexane ไปเป็น Nylon
- จาก Toluene และ m-Xylene ไปเป็นยาชา
- ดำหรือขาว
- ไดโพรพิลเอมีน (Dipropylamine)
- ตกค้างเพราะเปียกพื้นผิว
- ตอบคำถามแบบแทงกั๊ก
- ตอบคำถามให้ชัดเจนและครอบคลุม
- ตำราสอนการใช้ปิเปตเมื่อ ๓๓ ปีที่แล้ว
- ไตรเอทานอลเอมีน (Triethanolamine)
- ถ่านแก๊ส หินแก๊ส แก๊สก้อน
- ทอดไข่เจียวให้อร่อยต้องใช้น้ำมันหมู
- ทำไมน้ำกระด้างจึงมีฟอง
- ที่แขวนกล้วย
- เท่ากับเท่าไร
- โทลูอีน (Toluene)
- ไทโอนีลคลอไรด์ (Thionyl chloride)
- นานาสาระเคมีวิเคราะห์
- น้ำด่าง น้ำอัลคาไลน์ น้ำดื่ม
- น้ำดื่ม (คิดสักนิดก่อนกดแชร์ เรื่องที่ ๑๑)
- น้ำตาลทราย ซูคราโลส และยาคุมกำเนิดสำหรับผู้ชาย
- น้ำบริสุทธิ์ (Purified water)
- ไนโตรเจนเป็นแก๊สเฉื่อยหรือไม่
- บีกเกอร์ 250 ml
- แบบทดสอบก่อนเริ่มเรียนวิชาเคมีสำหรับนิสิตวิศวกรรมเคมี
- ปฏิกิริยาการเติมไฮโดรเจนและการแทนที่ไฮโดรเจนของอะเซทิลีน (Hydrogenation and replacement of acetylenic hydrogen)
- ปฏิกิริยาการผลิต Vinyl chloride
- ปฏิกิริยาการออกซิไดซ์
- ปฏิกิริยา alpha halogenation และการสังเคราะห์ tertiary amine
- ปฏิกิริยา ammoxidation หมู่เมทิลที่เกาะอยู่กับวงแหวนเบนซีน
- ปฏิกิริยา Benzene alkylation
- ปฏิกิริยา Dehydroxylation
- ปฏิกิริยา Electrophilic substitution ของ m-Xylene
- ปฏิกิริยา Nucleophilic substitution ของสารประกอบ Organic halides
- ประโยชน์ของ Nitric oxide ในทางการแพทย์
- ปัญหาการสร้าง calibration curve ของ ICP
- ปัญหาการหาความเข้มข้นสารละลายกรด
- ปัญหาของไฮโดรคาร์บอนไม่อิ่มตัว
- โป้ง ชี้ กลาง นาง ก้อย
- ผลของค่าพีเอชต่อสีของสารละลายเปอร์แมงกาเนต
- ผลของอุณหภูมิต่อการแทนที่ตำแหน่งที่ 2 บนวงแหวนเบนซีน
- ฝึกงานภาคฤดูร้อน ๒๕๕๓ ตอนที่ ๑ อธิบายศัพท์
- พีคเหมือนกันก็แปลว่ามีหมู่ฟังก์ชันเหมือนกัน
- ฟลูออรีนหายไปไหน
- ฟอสฟอรัสออกซีคลอไรด์ (Phosphorus Oxychloride)
- ฟีนอล แอซีโทน แอสไพริน พาราเซตามอล สิว โรคหัวใจ และงู
- มุมมองที่ถูกจำกัด
- เมทานอลกับเจลล้างมือ
- เมื่อคิดในรูปของ ...
- เมื่อตำรายังพลาดได้ (Free radical polymerisation)
- เมื่อน้ำเพิ่มปริมาตรเองได้
- เมื่อหมู่คาร์บอนิล (carbonyl) ทำปฏิกิริยากันเอง
- รังสีเอ็กซ์
- เรื่องของสไตรีน (คิดสักนิดก่อนกด Share เรื่องที่ ๑)
- แลปการไทเทรตกรด-เบส ภาคการศึกษาต้น ปีการศึกษา ๒๕๖๐
- ศัพท์เทคนิค-เคมีวิเคราะห์
- สรุปคำถาม-ตอบการสอบวันศุกร์ที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๒
- สีหายไม่ได้หมายความว่าสารหาย
- เสถียรภาพของอนุมูลอิสระ (๑)
- เสถียรภาพของอนุมูลอิสระ (๒)
- เสถียรภาพของอนุมูลอิสระ (๓)
- หมู่ทำให้เกิดสี (chromophore) และหมู่เร่งสี (auxochrome)
- หลอกด้วยข้อสอบเก่า
- อะเซทิลีน กลีเซอรีน และไทออล
- อะโรมาติก : การผลิต การใช้ประโยชน์ และปัญหา
- อัลคิลเอมีน (Alkyl amines) และ อัลคิลอัลคานอลเอมีน (Alkyl alkanolamines)
- อีเทอร์กับการเกิดสารประกอบเปอร์ออกไซด์
- อุณหภูมิ อัตราการเกิดปฏิกิริยา สมดุลเคมี
- เอา 2,2-dimethylbutane (neohexane) ไปทำอะไรดี
- เอาเบนซีนกับเอทานอลไปทำอะไรดี
- เอา isopentane ไปทำอะไรดี
- เอา maleic anhydride ไปทำอะไรดี
- เอา pentane ไปทำอะไรดี
- ไอโซเมอร์ (Isomer)
- ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์กับพอลิโพรพิลีน
- Acentric factor
- Aldol condensation กับ Cannizzaro reaction
- Aldol condesation ระหว่าง Benzaldehyde กับ Acetone
- A-Level เคมี ปี ๖๖ ข้อพอลิเอทิลีน
- A-Level เคมี ปี ๖๘ ข้อการแยกสารด้วยการกลั่น
- Beilstein test กับเตาแก๊สที่บ้าน
- Benzaldehyde กับปฏิกิริยา Nitroaldol
- BOD และ COD
- BOD หรือ DO
- Carbocation - การเกิดและเสถียรภาพ
- Carbocation - การทำปฏิกิริยา
- Carbocation ตอนที่ ๓ การจำแนกประเภท-เสถียรภาพ
- Chloropicrin (Trichloronitromethane)
- Compressibility factor กับ Joule-Thomson effect
- Conjugated double bonds กับ Aromaticity
- Cubic centimetre กับ Specific gravity
- Dehydration, Esterification และ Friedle-Crafts Acylation
- Electrophilic addition ของอัลคีน
- Electrophilic addition ของอัลคีน (๒)
- Electrophilic addition ของ conjugated diene
- Electrophilic substitution ตำแหน่งที่ 1 บนวงแหวนเบนซีน
- Electrophilic substitution ตำแหน่งที่ 2 บนวงแหวนเบนซีน ตอน ผลของอุณหภูมิการทำปฏิกิริยา
- Electrophilic substitution ตำแหน่งที่ 3 บนวงแหวนเบนซีน
- Electrophilic substitution ตำแหน่งที่ 3 บนวงแหวนเบนซีน ตอน การสังเคราะห์ 2,4-Dinitrophenol
- Esterification of hydroxyl group
- Gibbs Free Energy กับการเกิดปฏิกิริยาและการดูดซับ
- Halogenation ของ alkane
- Halogenation ของ alkane (๒)
- HCl ก่อน ตามด้วย H2SO4 แล้วจึงเป็น HNO3
- I2 ในสารละลาย KI กับไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัว
- Infrared spectrum interpretation
- Interferometer
- IR spectra ของโทลูอีน (Toluene) เอทิลเบนซีน (Ethylbenzene) โพรพิลเบนซีน (Propylbenzene) และคิวมีน (Cumene)
- IR spectra ของเบนซีน (Benzene) และไซลีน (Xylenes)
- IR spectra ของเพนทีน (Pentenes)
- Kjeldahl nitrogen determination method
- Malayan emergency, สงครามเวียดนาม, Seveso และหัวหิน
- MO ตอบคำถาม การวัดความเป็นกรด-เบสบนพื้นผิวของแข็ง
- Nucleophile กับ Electrophile
- PAT2 เคมี ปี ๖๕ ข้อการไทเทรตกรดเบส
- Peng-Robinson Equation of State
- Phenol, Ether และ Dioxin
- Phospharic acid กับ Anhydrous phosphoric acid และ Potassium dioxide
- pH Probe
- Picric acid (2,4,6-Trinitrophenol) และ Chloropicrin
- PV diagram กับการอัดแก๊ส
- Pyrophoric substance
- Reactions of hydroxyl group
- Reactions of hydroxyl group (ตอนที่ ๒)
- Redlich-Kwong Equation of State
- Redlich-Kwong Equation of State (ตอนที่ ๒)
- Soave-Redlich-Kwong Equation of State
- Standard x-ray powder diffraction pattern ของ TiO2
- Sulphur monochloride และ Sulphur dichloride
- Thermal cracking - Thermal decomposition
- Thiols, Thioethers และ Dimethyl thioether
- Van der Waals' Equation of State
- Vulcanisation
ประสบการณ์ Gas chromatograph/Chromatogram
- 6 Port sampling valve
- กระดาษความร้อน (thermal paper) มี ๒ หน้า
- การแก้ปัญหา packing ในคอลัมน์ GC อัดตัวแน่น
- การฉีดแก๊สเข้า GC ด้วยวาล์วเก็บตัวอย่าง
- การฉีดตัวอย่างที่เป็นของเหลวด้วย syringe
- การฉีด GC
- การใช้ syringe ฉีดตัวอย่างที่เป็นแก๊ส
- การดึงเศษท่อทองแดงที่หักคา tube fitting ออก
- การตั้งอุณหภูมิคอลัมน์ GC
- การติดตั้ง Integrator ให้กับ GC-8A เพื่อวัด CO2
- การเตรียมคอลัมน์ GC ก่อนการใช้งาน
- การปรับความสูงพีค GC
- การวัดปริมาณไฮโดรเจนด้วย GC-TCD
- ข้อสังเกตเกี่ยวกับ FPD (ตอนที่ ๒)
- ข้อสังเกตเกี่ยวกับ FPD (Flame Photometric Detector)
- โครมาโทกราฟแยกสารได้อย่างไร
- ชนิดคอลัมน์ GC
- ตรวจโครมาโทแกรม ก่อนอ่านต้วเลข
- ตัวอย่างการแยกพีค GC ที่ไม่เหมาะสม
- ทำความรู้จักกับ Chromatogram ตอนที่ ๑
- ทำความรู้จักกับ Chromatogram ตอนที่ ๒
- ทำความรู้จักกับ Chromatogram ตอนที่ ๓
- ทำความรู้จักกับ Chromatogram ตอนที่ ๔
- ทำความรู้จักกับ Chromatogram ตอนที่ ๕
- ทำความรู้จักกับ Chromatogram ตอนที่ ๖
- ทำไมพีคจึงลากหาง
- ผลกระทบของน้ำที่มีต่อการวัดคาร์บอนไดออกไซด์ ตอนที่ ๑
- ผลกระทบของน้ำที่มีต่อการวัดคาร์บอนไดออกไซด์ ตอนที่ ๒
- ผลกระทบของน้ำที่มีต่อการวัดคาร์บอนไดออกไซด์ ตอนที่ ๓
- พีคที่เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างน้ำกับ packing ในคอลัมน์ GC
- พีคประหลาดจากการใช้อากาศน้อยไปหน่อย
- มันไม่เท่ากันนะ
- เมื่อความแรงของพีค GC ลดลง
- เมื่อจุดไฟ FID ไม่ได้
- เมื่อพีค GC หายไป
- เมื่อพีค GC ออกมาผิดเวลา
- เมื่อพีค GC ออกมาผิดเวลา(อีกแล้ว)
- เมื่อพีค HPLC ออกมาผิดเวลา
- เมื่อเพิ่มความดันอากาศให้กับ FID ไม่ได้
- เมื่อ GC ถ่านหมด
- เมื่อ GC มีพีคประหลาด
- ลากให้ผ่านหรือไม่ให้ผ่าน
- สัญญาณจาก carrier gas รั่วผ่าน septum
- สารพัดปัญหา GC
- สิ่งปนเปื้อนในน้ำ DI
- สิ่งปนเปื้อนในน้ำ DI (ตอนที่ ๒)
- Chromatograph principles and practices
- Flame Ionisation Detector
- GC-2014 ECD & PDD ตอนที่ ๗ ข้อสังเกตเกี่ยวกับ ECD (Electron Capture Detector)
- GC detector
- GC - peak fitting ตอนที่ ๑ การหาพื้นที่พีคที่เหลื่อมทับ
- GC principle
- LC detector
- LC principle
- MO ตอบคำถาม การแยกพีค GC ด้วยโปรแกรม fityk
- MO ตอบคำถาม สารพัดปัญหาโครมาโทแกรม
- Relative Response Factors (RRF) ของสารอินทรีย์ กับ Flame Ionisation Detector (FID)
- Thermal Conductivity Detector
- Thermal Conductivity Detector ภาค 2
สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items - DUI)
- การก่อการร้ายด้วยแก๊สซาริน (Sarin) ในรถไฟใต้ดินกรุงโตเกียว MO Memoir : Friday 6 September 2567
- การผลิตกรดไนตริกความเข้มข้นสูง
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๐ ฟังก์ชันเข้ารหัสรีโมทเครื่องปรับอากาศ
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๑ License key
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๒ สารเคมี (Chemicals)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๓ ไม่ตรงตามตัวอักษร (สารเคมี)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๔ ไม่ตรงตามตัวอักษร (Heat exchanger)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๕ Sony PlayStation
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๖ เส้นใยคาร์บอน (Carbon fibre)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๗ The Red Team : Centrifugal separator
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๘ The Blue Team : Spray drying equipment
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑๙ เครื่องสลายนิ่วในไตด้วยคลื่นกระแทก (Lithotripter)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๑ ตัวเก็บประจุ (Capacitor)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒๐ เรซินแลกเปลี่ยนไอออน (Ion-exchange resin)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒๑ ไม่ตรงตามตัวอักษร (Aluminium tube)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒๒ เครื่องกระตุกหัวใจด้วยไฟฟ้า (Defibrillator)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒๓ เครื่องยนต์ดีเซล
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒๔ มุมมองจากทางด้านเทคนิค
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒๕ Printed Circuit Board (PCB)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๒ เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน (Heat Exchanger)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๓ เครื่องแปลงความถี่ไฟฟ้า (Frequency Changer)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๔ อุปกรณ์เข้ารหัส (Encoding Device)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๕ Insulated Gate Bipolar Transistor (IGBT)
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๖ Toshiba-Kongsberg Incident
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๗ รายงานผลการทดสอบอุปกรณ์
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๘ Drawing อุปกรณ์
- การวินิจฉัยการเข้าข่ายสินค้าที่ใช้ได้สองทาง ตัวอย่างที่ ๙ ซอร์ฟแวร์ควบคุมการทำงานอุปกรณ์
- ความลับแตกเพราะทัวร์ผู้นำ (Pressure transducer)
- เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนสำหรับเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์
- แคลเซียม, แมกนีเซียม และบิสมัท กับการผลิตอาวุธทำลายล้างสูง
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๑
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๑๐
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๑๑
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๒
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๓
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๔
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๕
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๖
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๗
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๘
- สินค้าที่ใช้ได้สองทาง (Dual-Use Items : DUI) ตอนที่ ๙
- สินค้าที่ไม่ใช่ DUI ที่เป็นสินค้า DUI - ไตรบิวทิลฟอสเฟต (Tributyl phosphate)
- สินค้าที่ไม่ใช่ DUI ที่เป็นสินค้า DUI - Karl Fischer moisture equipment
API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๐)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๑)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๒)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๓)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๔)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๕)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๖)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๗)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๘)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๑๙)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๒)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๒๐)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๒๑)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๒๒)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๓)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๔)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๕)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๖)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๗)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๘)
- API 2000 Venting Atmospheric and Low-Pressure Storage Tanks (ตอนที่ ๙)
โน๊ตเพลง
- "กำลังใจ" และ "ถึงเพื่อน"
- "ใกล้รุ่ง" และ "อาทิตย์อับแสง"
- "คนดีไม่มีวันตาย" "หนึ่งในร้อย (A Major) และ "น้ำตาแสงใต้ (A Major)"
- "ความฝันอันสูงสุด" และ "ยามเย็น"
- "จงรัก" และ "ความรักไม่รู้จบ"
- "ฉันยังคอย" และ "ดุจบิดามารดร"
- "ชาวดง" และ "ชุมนุมลูกเสือไทย"
- "ตัดใจไม่ลง" และ "ลาสาวแม่กลอง"
- "เติมใจให้กัน" และ "HOME"
- "แต่ปางก่อน" "ความรักไม่รู้จบ" "ไฟเสน่หา" และ "แสนรัก"
- "ทะเลใจ" "วิมานดิน" และ "เพียงแค่ใจเรารักกัน"
- "ที่สุดของหัวใจ" "รักล้นใจ" และ "รักในซีเมเจอร์"
- "ธรณีกรรแสง" และ "Blowin' in the wind"
- "นางฟ้าจำแลง" "อุษาสวาท" และ "หนี้รัก"
- "แผ่นดินของเรา" และ "แสงเทียน"
- "พรปีใหม่" และ "สายฝน"
- "พี่ชายที่แสนดี" "หลับตา" และ "หากรู้สักนิด"
- เพลงของโรงเรียนเซนต์คาเบรียล
- "มหาจุฬาลงกรณ์" "ยูงทอง" และ "ลาภูพิงค์"
- "ยังจำไว้" "บทเรียนสอนใจ" และ "ความในใจ"
- "ร่มจามจุรี" และ "เงาไม้"
- "ลมหนาว" และ "ชะตาชีวิต"
- "ลองรัก" และ "วอลซ์นาวี"
- "ลาแล้วจามจุรี"
- "วันเวลา" และ "โลกทั้งใบให้นายคนเดียว"
- "วิหคเหินลม" และ "พรานทะเล"
- "สายชล" และ "เธอ"
- "สายใย" และ "ความรัก"
- "สายลม" และ "ไกลกังวล"
- "สายลมเหนือ" และ "เดียวดายกลางสายลม"
- "หน้าที่ทหารเรือ" และ "ทหารพระนเรศวร"
- "หนึ่งในร้อย" และ "น้ำตาแสงใต้"
- "หากันจนเจอ" และ "ลมหายใจของกันและกัน"