"ชีวิตสูตรสำเร็จ"
น่าจะเป็นพฤติกรรมของคนจำนวนไม่น้อยในสังคมในขณะนี้
ใครเขาว่าอะไรสักอย่างดี
และถ้าสิ่งที่เขาว่าดีนั้นมันตรงกับความต้องการของเรา
เราก็มักจะทำตามที่เขาว่านั้น
(เผลอ
ๆ จะเป็นแบบสุดขั้วด้วย)
โดยไม่มีการคำนึงว่าสิ่งนั้นมันมีข้อเสียหรือผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นตามมาหรือไม่
ที่เห็นได้ชัดคือเรื่องพฤติกรรมการกิน
เดิมทีในยุคสมัยที่การขนส่งยังไม่สะดวกรวดเร็วเหมือนในปัจจุบัน
อาหารที่คนในแต่ละท้องถิ่นบริโภคกันก็จะเป็นอาหารที่หาได้ในท้องถิ่นนั้น
ๆ แต่พอการขนส่งเริ่มสะดวก
มีการทำการเกษตรเชิงพาณิชย์ที่มากเกินความต้องการของคนในท้องถิ่น
ก็เริ่มมีการมองหาหนทางให้คนอื่นบริโภคในสิ่งที่ตัวเองผลิต
และนั่นก็นำไปสู่การหาข้ออ้างว่าการบริโภคสิ่งที่ตัวเองผลิตนั้นจะให้ผลดี
(โดยมักจะอ้างงานวิจัยทางการแพทย์ควบคู่ด้วยเสมอ)
ก็เลยเกิดพฤติกรรมที่ทำให้คนจำนวนไม่น้อยต้องไขว่คว้าหาสิ่งที่เขาว่าดีนั้นมาบริโภคให้ได้
ตอนผมเด็ก
ๆ เวลาพูดถึง "ข้าวแดง"
ก็มักจะหมายถึงข้าวที่ให้ผู้ต้องขังในคุกกิน
เพราะมันราคาถูกเมื่อเทียบกับข้าวขาว
(กระบวนการผลิตข้าวขาวมันมีมากกว่าข้าวแดง
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ข้าวขาวจะมีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่า
เพราะมันต้องเอาข้าวแดงไปขัดสีอีกขั้นหนึ่ง)
แต่มาตอนนี้มันดันกลับกัน
คนจำนวนไม่น้อยเริ่มหันมากินข้าวไม่ขัดสี
ด้วยคิดว่ามันให้คุณค่าทางอาหาร
"มากกว่า"
ข้าวขาว
ส่งผลให้ราคาข้าวไม่ขัดสีสูงกว่าราคาข้าวขาวอยู่มากพอสมควร
(เคยคิดไหมครับว่าทำไปผลิตภัณฑ์ที่มีต้นทุนในกระบวนการผลิตต่ำกว่า
จึงขายในราคาแพงกว่าผลิตภัณฑ์ที่มีต้นทุนในการผลิตสูงกว่า)
ส่วนที่ว่าข้าวไม่ขัดสีมันให้คุณค่าทางอาหาร
"มากกว่า"
ข้าวขาวจริงหรือไม่นั้น
คงต้องพิจารณาว่าใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการเปรียบเทียบ
ถ้าคิดต่อหน่วยน้ำหนักข้าวเท่ากัน
ผมคงไม่เถียงหรอกว่าข้าวไม่ขัดสีให้คุณค่าทางอาหารมากกว่า
แต่ถ้าคิดต่อเงินที่ต้องจ่ายเท่ากัน
ผมว่าการบริโภค "ข้าวขาว"
จะให้คุณค่าทางอาหาร
"มากกว่า"
การบริโภคข้าวไม่ขัดสี
ด้วยเหตุผลที่ว่าด้วยเงินที่ต้องจ่ายเท่ากันสามารถเอาเงินที่ประหยัดจากการซื้อข้าวไม่ขัดสีไปซื้อกับข้าวมากินกับข้าวขาวได้
(หรือว่ามีใครกินข้าวเปล่าโดยไม่มีกับข้าวบ้างครับ)
กลางเดือนที่แล้วมีธุระต้องแวะไปที่สถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์
ที่อยู่ข้าง ๆ สำนักงานเขตราชเทวี
ถ.พญาไท
ตอนจะกลับก็ได้แผ่นพับที่เขาแจกฟรีติดมือมาด้วยฉบับหนึ่ง
เป็นเรื่องเกี่ยวกับการควบคุมอาหารสำหรับผู้ที่มีปัญหากรดยูริคในเลือดสูง
ที่สามารถส่งผลต่อการเกิดโรคเกาต์และการทำงานของไตได้
(ดูรูปที่แนบมา)
และที่น่าสนใจก็คือ
เพื่อลดการเพิ่มกรดยูริคในเลือด
เขาแนะนำให้บริโภค "ข้าวขาว"
ส่วนข้าวไม่ขัดสีและผลิตภัณฑ์พวกปลานั้นให้บริโภคได้
"นาน
ๆ ครั้ง"
ส่วน
"ปลาทูน่า
ปลาแซลมอน"
นั้นควรหลีกเลี่ยงการบริโภค
ความหลากหลายในการบริโภค
(คือบริโภคอาหารหลายหลายชนิด
ไม่ซ้ำซากเฉพาะเพียงบางชนิด)
และการบริโภคให้เหมาะสมกับกิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน
น่าจะเป็นสิ่งที่ควรพึงคำนึงมากกว่าการคิดว่าควรจะหาอะไรมากิน
โดยไม่คิดว่าปริมาณอาหารที่กินนั้นมันสอดรับกับปริมาณกิจกรรมที่ทำในแต่ละวันนั้นหรือไม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น