แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ บ้านแหลม แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ บ้านแหลม แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2561

รถไฟสายแม่กลอง ตอนเยือนถิ่นกินปลาทู MO Memoir : Thursday 9 August 2561

"รถไฟสายแม่กลองตอนนั้นก็เหลือกำลังจริง ๆ ฝนตกหนัก ๆ พ่อไม่แล่นเสียเฉย ๆ หัวรถจักรนั้นวิ่งเต็มสตีมแต่ล้อขบวนไม่เคลื่อนเพราะความลื่น แต่เดี๋ยวนี้การรถไฟแก้ไขเรียบร้อยรถวิ่งได้รวดเร็วดีมาก ..."
จากเรื่อง "เจ้าที่ในโรงหนังที่บ้านแหลม" โดย สง่า อารัมภีร ในหนังสือ "ผีกระสือที่บางกระสอ" พิมพ์ครั้งที่ ๓ สำนักพิมพ์ดอกหญ้า พ.ศ. ๒๕๓๙
 
ถ้าจะซื้ออาหารทะเลสดก็คงต้องเป็นที่มหาชัย แต่ถ้าจะกินปลาทูก็คงต้องเป็นที่แม่กลอง ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจึงต้องเป็นปลาทูแม่กลอง แต่สำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ (และคนไทยไม่น้อยในปัจจุบัน) ถ้ากล่าวถึงสถานีรถไฟแม่กลองก็คงนึกถึงแต่เพียงแค่ตลาดหุบร่มหรือตลาดร่มหุบ (แล้วแต่จะเรียก)
 
Memoir ฉบับนี้เป็นฉบับปิดการเดินทางด้วยรถไฟไปยังแม่กลองในเดือนที่แล้ว แต่ก็มีภาพบางส่วนที่ถ่ายเก็บเอาไว้ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นเวลาก่อนที่เขาจะมีการปิดปรับปรุงเส้นทาง (ตอนนั้นเดินทางด้วยรถยนต์ตรงไปยังแม่กลอง) ก็เลยนำเอาภาพบางส่วนจากช่วงเวลานั้นมาลงไว้ด้วยเพื่อให้เห็นว่าหลังการปรับปรุงแล้วมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นบ้าง และก็เช่นเคย ถือว่าวันนี้ก็ยังคงเป็นการเล่าเรื่องด้วยรูปเหมือนเดิม


รูปที่ ๑ แผนที่สมุทรสงคราม จัดทำโดยกองทัพอังกฤษในเดือนกันยายนปีค.ศ. ๑๙๔๕ (พ.ศ. ๒๔๘๘) หรือหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ เพิ่งสิ้นสุด (ภาพจาก National Library of Australia http://www.nla.gov.au) ภาพนี้ตัดมาเฉพาะส่วนเส้นทางรถไฟจากบางโทรัดไปจนถึงแม่กลอง พึงสังเกตแอ่งน้ำขนาดใหญ่อยู่เหนือทางรถไฟบริเวณลาดใหญ่ ซึ่งถ้าดูจาก google map ในปัจจุบันจะไม่เห็นแอ่งน้ำนั้นแล้ว
  
รูปที่ ๒ รถไฟกำลังจะข้ามคลองลาดใหญ่ก่อนเข้าจอดที่สถานีลาดใหญ่ 

รูปที่ ๓ สถานีลาดใหญ่เป็นสถานีสุดท้ายที่รถไฟจอด ก่อนถึงสถานีแม่กลอง สถานีนี้เลยมีทัวร์นำนักท่องเที่ยวมารอขึ้นรถไฟเต็มไปหมด เพื่อนั่งรถไฟไปชมตลาดหุบร่มหรือตลาดร่มหุบที่สถานีแม่กลอง (เรียกว่าใช้บริการเพียงสถานีเดียว) รูปที่ ๓-๕ ถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือ (กล้องแบตหมด เปลี่ยนแบตไม่ทัน) เลยไม่มีวันที่บันทึกไว้ แต่เป็นการถ่ายรูปต่อเนื่องจากรูปที่ ๒

รูปที่ ๔ มองไปทางด้านหัวขบวน แถวนักท่องเที่ยวกำลังขึ้นรถไฟ

รูปที่ ๕ มองไปทางด้านท้ายขบวน ปรากฏกองขยะกองใหญ่อยู่ข้างหลังชานชาลา ถ้ารักษาความสะอาดเสียหน่อยคงจะดูดีกว่านี้มาก เพราะสถานีที่มีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการมากอย่างนี้ควรจะถือว่าเป็นหน้าตาของประเทศที่ควรต้องจัดการให้อยู่ในสภาพที่ดูดีด้วย 

รูปที่ ๖ รูปนี้ถ่ายไว้ตอนต้นเดือน สุดทางรถไฟที่แม่น้ำแม่กลองมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ส่วนสภาพเดิมเป็นยังไงนั้นไปดูได้ที่ Memoir ปีที่ ๖ ฉบับที่ ๘๒๖ วันพุธที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เรื่อง "ประวัติศาสตร์บนเหล็กรางรถไฟ"

รูปที่ ๗ สภาพภายในสถานีแม่กลองปัจจุบัน ถ่ายจากตู้รถไฟมองไปยังสุดทางที่แม่น้ำแม่กลอง จะเห็นว่ามีการจัดทำรางเพิ่มอีกราง และจะเห็นว่าระดับรางนั้นอยู่สูงจากระดับพื้นสถานีเดิม จนต้องมีการนำแผ่นคอนกรีตมาวางซ้อนเป็นขั้นบันได้เพื่อให้สามารถเดินจากระดับชานชาลาขึ้นบันไดรถไฟได้

รูปที่ ๘ รูปนี้ถ่ายเอาไว้เมื่อธันวาคม ๒๕๕๖ เป็นสถานีแม่กลองก่อนการปรับปรุง เป็นการมองออกไปยังสุดทางที่แม่น้ำ จะเห็นว่าตอนนี้มีรางให้ใช้แค่รางเดียว ระดับรางอยู่ระดับเดียวกับพื้นชานชาลาโดยแทบจะจมลงไปในพื้นดินแบบมองไม่เห็นไม้หมอนแล้ว รางหลีกด้านข้างเป็นที่ตั้งของร้านค้าต่าง ๆ

รูปที่ ๙ รูปนี้ถ่ายเอาไว้เมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๕๖ เช่นกัน เป็นมองจากด้านปลายสถานีไปยังตัวสถานี จากพื้นชานชาลาจะสามารถเดินขึ้นบันได้รถได้เลย

รูปที่ ๑๐ สภาพเส้นทางในตลาดร่มหุบ ตอนนั้นเรียกว่าระดับพื้นร้านค้ากับระดับรางรถไฟอยู่ในระดับเดียวกัน ปลาทูทางด้านขวาเข่งหนึ่งมี ๒ ตัว ราคา ๑๐ บาท


รูปที่ ๑๑ ลวดลายบนตู้รถไฟก่อนการปรับปรุง 

รูปที่ ๑๒ ตัวตู้รถไฟในปัจจุบันเป็นแบบสีเรียบ ๆ สดใสแบบธรรมดา ไม่มีลวดลายอะไร รูปนี้ถ่ายตอนต้นเดือนกรกฎาคม ตอนไปสำรวจเส้นทางครั้งแรก


รูปที่ ๑๓  แผนที่ทหาร L509 ที่ใช้ข้อมูลปีค.ศ. ๑๙๕๘ หรือพ.ศ. ๒๕๐๑ ในการประมวลผล จะเห็นว่าถ้าจะเดินทางด้วยรถยนต์มายังสมุทรสงครามนั้น ต้องใช้เส้นทางถนนเพชรเกษม (เส้นสีแดงทางด้านซ้าย) มาจนถึงราชบุรีและปากท่อ จากนั้นจึงเลี้ยวซ้ายมุ่งตะวันออกมายังสมุทรสงคราม ถ้าเทียบกับการโดยสารรถไฟที่ต้องมาเปลี่ยนขบวนที่บ้านแหลม ก็เรียกว่าเส้นทางรถไฟนั้นเดินทางสั้นกว่า

ส่วนคลิปที่แนบมาก็เป็นขณะขบวนรถไฟเข้าจอดที่สถานีเขตเมือง

วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2561

รถไฟสายแม่กลอง ตอนนั่งรถไฟไปบางกระเจ้า MO Memoir : Sunday 5 August 2561

" ... ส่วนผมกับปุ๊ยไปทางรถไฟวงเวียนใหญ่ รถไฟสายนี้เร็วกว่าแต่ก่อนมาก แต่ผู้โดยสารชอบเอาหนังสือพิมพ์บ้าง กระเป๋าบ้างวางไว้ใกล้ ๆ ที่ที่ตนนั่ง เป็นทีว่ามีผู้จองที่นั่งแล้ว แต่ความจริงไม่อยากให้ใครมานั่งเบียด พอชึ้นรถก็ต้องยืน เป็นเช่นนี้มานานแล้ว เมื่อไรการรถไฟจะขายตั๋วให้มีที่นั่งเหมือนที่หัวลำโพงเสียทีก็ไม่รู้ จะได้ไม่ต้องยืนแกร่วไปแกร่วมา อีกประการหนึ่ง เรือสำหรับข้ามฟากเมื่อลงจากรถไฟก็ต้องเดินบ้างวิ่งบ้างเป็นการใหญ่ หนุ่ม ๆ สาว ๆ ก็ไม่เป็นไร อาวุโสหน่อยก็ต้องมายืนหอบอยู่ในเรือเป็นเวลานาน น่าเวทนาผู้ที่ใช้บริการรถไฟสายแม่กลองเป็นยิ่งนัก พอคนกำลังขึ้นรถไฟอีกต่อนึง ยังไม่ทันขึ้นนั่งเรียบร้อย ระฆังก็ดังแล้วประกาศว่า อีก ๓ นาทีรถจะออกละ พอสิ้นเสียงพูด รถไฟก็เปิดหวูดเตรียมตัวออกจากสถานีบ้านแหลมทันที ผู้อาวุโสหลังจากหอบอยู่ในเรือข้ามแม่น้ำท่าจีนแล้วก็เดินบ้างวิ่งบ้างมาหอบบนรถไฟต่ออีกนาน"
 
จากเรื่อง "ผีที่บางโทรัด" โดย สง่า อารัมภีร ในหนังสือ "ผีกระสือที่บางกระสอ" สำนักพิมพ์ดอกหญ้า ๒๕๓๙
 
"บางกระเจ้า" ในที่นี้เป็นชื่อหมู่บ้านหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร ไม่ใช่ "บางกระเจ้า" แถวพระประแดงที่ตอนนี้มีคนนิยมไปปั่นจักรยานเล่นกัน
 
นับจากเวลาที่ สง่า อารัมภีร เล่าถึงเหตุการณ์การเดินทางโดยรถไฟไปยังแม่กลองมาถึงปัจจุบัน ก็เรียกว่าหลายสิบปีแล้ว (คงจะมากกว่าอายุผมอีก) ทั้งตัวรถไฟและตารางเวลารถไฟก็เปลี่ยนไปจากเดิม คือมีเวลาเดินจากสถานีมหาชัยไปข้ามเรือเพื่อเดินต่อไปยังสถานีบ้านแหลมโดยไม่ต้องรีบร้อนเหมือนก่อน แต่สิ่งหนึ่งที่ยังเห็นไม่เปลี่ยนแปลงไปก็คือ พฤติกรรมของผู้โดยสารรถไฟบางส่วน


รูปที่ ๑ จากเรือข้ามฟากมองไปยังท่าเรือ "ท่าฉลอม" ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เรือข้ามฟากนี้ให้มอเตอร์ไซค์ขึ้นเรือข้ามไปได้ด้วย
 
เมื่อวันเข้าพรรษาที่ผ่านมา (เสาร์ ๒๘ กรกฎาคม) ถือโอกาสพาครอบครัวไปกินข้าวเที่ยงที่มหาชัย โดยจับรถไฟเที่ยว ๑๐.๔๐ น. จากสถานีวงเวียนใหญ่ เดินทางไปถึงมหาชัยก็ใช้เวลาเพียงแค่ชั่วโมงเดียว เดินดูตลาดมหาชัยพักนึงก็ไปนั่งกินข้าวเที่ยงกันที่ร้านอาหารตรงท่าเรือข้ามฟากไปท่าฉลอก กินข้าวเที่ยงเสร็จก็พากันข้ามเรือเพื่อไปขึ้นรถไฟเที่ยว ๑๓.๓๐ น. จากสถานีบ้านแหลมไปยังแม่กลอง

รูปที่ ๒ จากท่าเรือท่าฉลอมต้องเดินเลี้ยวซ้ายไปยังสถานีรถไฟบ้านแหลมที่อยู่เลยองค์พระทางด้านขวาของรูปที่ตั้งอยู่ในวัดแหลมสุวรรณาราม

ทางรถไฟจากบ้านแหลมไปยังแม่กลองนี้ หลังจากปิดซ่อมทั้งเส้นทางไปเมื่อปี ๒๕๕๘ ก็เรียกว่านั่งสบายกว่าช่วงจากวงเวียนใหญ่มามหาชัยมาก สิ่งที่ยังเห็นหลงเหลืออยู่ข้างทางจากการซ่อมแซมก็คือเศษไม้หมอนเก่าและถนนที่ทำขึ้นใหม่ในบางช่วงที่คิดว่าคงทำขึ้นเพื่อการขนเครื่องจักรและวัสดุอุปกรณ์ และตัวระดับรางที่วางใหม่ก็ดูเหมือนจะสูงกว่าระดับเดิมอยู่มาก เรียกว่าของเดิมนั้นจากระดับชานชาลาก็สามารถเดินขึ้นบันไดตู้รถไฟได้ แต่พอวางรางใหม่แล้วก็ต้องมีการสร้างขั้นบันไดเพิ่มขึ้นอีก ๒ ขั้นที่ตัวชานชาลาเพื่อให้เดินขึ้นบันได้ของตู้รถไฟได้
 
ตอนที่นั่งมาจากวงเวียนใหญ่นั้นดูเหมือนจะไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวสักเท่าไรนัก ส่วนใหญ่ก็เป็นคนท้องถิ่นที่คงใช้รถไฟขบวนนี้เดินทางเป็นประจำ พอมาขึ้นรถไฟที่บ้านแหลมก็พบว่ามีนักท่องเที่ยวมากอยู่เหมือนกัน (แต่ก็ไม่ใช่คนส่วนใหญ่บนรถ) ขบวนที่ผมขึ้นนั้นคนไม่เยอะเท่าไร ยังหาที่นั่งกันได้ตามสบาย
 
อันที่จริงถ้าจะเรียก "สถานีรถไฟ" มันก็ต้องมีตัวอาคารที่ทำการ ที่มีห้องขายตั๋ว แต่บางจุดที่มีคนขึ้นลงมากบางช่วงเวลา รถไฟก็จะหยุดรับ-ส่งเหมือนกัน เรียกว่าเป็น "ป้ายหยุดรถ" คนขึ้นรถไฟที่นี่ก็สามารถซื้อตั๋วโดยสารได้จากพนักงานบนรถ แต่สำหรับในที่นี้ ผมขอเรียกทุกป้ายที่รถไฟหยุดรับ-ส่งคนว่า "สถานี" ก็แล้วกัน
 
Memoir ฉบับนี้ก็เช่นเดิม คงไม่มีเรื่องราวมีสาระอะไร แค่เป็นการบันทึกการเดินทางของตัวเองกันลืม และยังเป็นการเล่าเรื่องราวด้วยรูปเช่นเดิม โดยปิดท้ายด้วยคลิปวิดิโอสั้น ๆ (ถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือ) ช่วงก่อนรถไฟจะเข้าจอดที่สถานีบางกระเจ้า

รูปที่ ๓ อาคารสีสวยสดที่เห็นคือห้องน้ำ อาคารถัดไปคืออาคารขายตั้วของสถานีบ้านแหลม ตัวอาคารอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน แตทางเข้าสถานีอยู่ที่ปลายอีกด้านหนึ่ง เรียกว่าพอมาถึงสถานีก็ต้องเดินจากหัวขบวนมายังท้ายขบวนเพื่อมาซื้อตั๋วรถไฟก่อนขึ้นรถ แต่รถไฟขบวนนี้มีแค่ ๔ ตู้

รูปที่ ๔ สถานีนี้ชานชาลามีฝั่งเดียว บันไดไม้ที่เห็นคือสำหรับเดินขึ้นรถไฟ ภาพนี้มองไปยังหัวขบวนที่มุ่งไปยังแม่กลอง

รูปที่ ๕ จากบ้านแหลมก็มาจอดที่สถานีแรกคือท่าฉลอม รูปนี้ถ่ายจากทางด้านขวาของตัวรถมองไปทางหัวขบวน


รูปที่ ๖ ป้ายชื่อสถานีท่าฉลอมอยู่ทางด้านซ้ายของขบวนรถ ตรงนี้เป็นลานกว้างที่เป็นตลาดด้วย แต่ท่าทางจะเป็นตลาดตอนเย็นมากกว่าตอนกลางวัน

รูปที่ ๗ ถ้ดจากท่าฉลอมก็เป็นสถานี "บ้านชีผ้าขาว" จะเรียกว่าเป็นจุดก่อนออกจากชุมชมท่าฉลอมก็ได้ เพราะพอพ้นสถานีนี้ไปแล้วทิวทัศน์สองข้างทางก็จะเปลี่ยนไป รูปนี้มองจากทางด้านขวาของรถไปยังหัวขบวน ฝั่งด้านนี้ไม่มีชานชาลาให้ขึ้น-ลง ใครจะขึ้นลงรถฝั่งนี้ก็คงต้องมีการปีนป่ายกันหน่อย

รูปที่ ๘ ถัดจากสถานีบ้านชีผ้าขาวก็เป็นสถานี "คลองนกเล็ก" ผมลองค้นที่ตั้งสถานีใน google map ก็ไม่เห็นมันปรากฏ ผมเองนั่งอยู่ที่ตู้ท้ายขบวน รูปนี้เป็นรูปที่ถ่ายจากทางด้านขวาไปทางท้ายขบวน

รูปที่ ๙ พอมองไปทางหัวขบวนศาลาสำหรับพักรอรถไฟที่สถานี "คลองนกเล็ก" สภาพทางเดินไปยังศาลาและสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ศาลารอพักรถก็เป็นอย่างที่เห็น

รูปที่ ๑๐ ถัดจากคลองนกเล็กก็คือสถานี "บางสีคต" อาคารพักรอรถที่สถานีนี้ดูเล็กกว่าของบางนกเล็กแต่ว่าก็ตั้งอยู่ริมถนน เวลารถไฟจอดทีก็จอดขวางถนนแบบนี้ รถที่ผ่านมาก็ต้องรอให้รถไฟรับส่งคนให้เรียบร้อยก่อนและเคลื่อนขบวนออกไป เครื่องกั้นจึงจะเปิดให้รถวิ่งผ่านไปได้

รูปที่ ๑๑ พยายามจับภาพศาลานั่งรอรถไฟที่สถานีบางสีคตขณะรถไฟวิ่งผ่าน ก็จับมาได้เพียงเท่านี้ ป้ายบอกว่าสถานีถัดไปคือ "บางกระเจ้า"

รูปที่ ๑๒ ถึงสถานี "บางกระเจ้า" แล้ว รูปนี้มองจากด้านขวาไปยังหัวขบวน บริเวณรอบ ๆ สถานีนี้ดูจะโล่งหน่อย ไม่ค่อยรถเหมือนบางสถานี ป้ายชื่อสถานที่เห็นดูเหมือนจะเป็นป้ายไวนิล ไม่ใช่ป้ายแบบคอนกรีตที่เห็นทั่วไปตามเส้นทางรถไฟหลัก อาคารที่อยู่หลังป้ายสถานีคืออาคารพักรอรถไฟ

รูปที่ ๑๓ ตัวอาคารพักรอรถไฟ ถ่ายขณะรถไฟกำลังเคลื่อนตัวผ่าน

คลิปวิดิโอขณะรถไฟเคลื่อนเข้าสถานีบางกระเจ้า 


วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ผีที่บางโทรัด เลียบทางลัดไปบ้านกาหลง MO Memoir : Sunday 22 July 2561

" ... วันรุ่งขึ้น บางคนนั่งเรือไปทางราชบุรี บางคนก็กลับรถไฟ โดยเอารถยนต์จอดไว้ที่มหาชัย สำหรับผมกลับรถไฟตามเดิม ก่อนจะถึงสถานีบ้นแหลมท่าฉลอมก็เจอสถานีบางโทรัดเข้า ก็หวนนึกถึง "ผีที่บางโทรัด" เมื่อหลายปีขึ้นมาได้ทันที ... " (จากเรื่อง "ผีที่บางโทรัด" ในหนังสือ "ผีกระสือที่บางกระสอ" โดย สง่า อารัมภีร พิมพ์ครั้งที่สาม โดยสำนักพิมพ์ดอกหญ้า กุมภาพันธ์ ๒๕๓๙)


รูปที่ ๑ ป้ายชื่อสถานีริมทางรถไฟสาย บ้านแหลม - แม่กลอง ถ่ายในขณะที่รถไฟกำลังเคลื่อนที่เข้าสถานี

บ้านบางโทรัด อยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร การเดินทางจากกรุงเทพนั้น ถ้าเป็นทางรถไฟก็ต้องไปขึ้นที่สถานีวงเวียนใหญ่ จับรถไฟสายวงเวียนใหญ่-มหาชัย สุดทางที่สถานีมหาชัยก็ต้องนั่งเรือข้ามแม่น้ำท่าจีนเพื่อไปขึ้นรถไฟสายแม่กลองอีกขบวนที่สถานีบ้านแหลม แต่ถ้าเป็นทางรถยนต์ก็ใช้ถนนพระราม ๒ (หรือ ธนบุรี-ปากท่อ ตามชื่อเก่า) ประมาณหลักกิโลเมตรที่ ๔๐ กว่า ๆ (เท่าไรจำไม่ได้) จะสังเกตเห็นโรงงานน้ำมันพืชโอลีนอยู่ทางด้านซ้าย ถัดไปหน่อยจะเห็น "วัดเกตุมดีศรีวราราม" อยู่ทางด้านซ้าย ถนนเข้าบ้านบางโทรัดก็อยู่ข้างวัดนั้น
 
ผมรู้จักชื่อนี้ครั้งแรกก็จากเรื่องเล่าที่ยกมาข้างต้น ขับผ่านถนนพระราม ๒ ก็หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีโอกาสจะแวะเข้าไปเยี่ยมชมสถานที่ที่หนังสือกล่าวไว้ซักที วัดที่หนังสือกล่าวไว้นั้นชื่อ "วัดบางโทรัด" ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าปัจจุบันคือวัดไหน แต่เดาว่าน่าจะเป็น "วัดบัณฑูรสิงห์" เพราะเป็นวัดที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟและอยู่ริมคลองสุนัขหอน (ตามชื่อทางการที่ทำให้มันดูสุภาพกว่าชื่อคลองหมาหอน) เพราะในเรื่องเล่านั้นมีการกล่าวถึงการจัดการแข่งเรือ (ย่อหน้าถัดไป)


รูปที่ ๒ สถานีรถไฟบางโทรัดอยู่ทางด้านขวา คลิปวิดิโอที่แนบมานั้นเป็นภาพจากกล้องหน้ารถในช่วงถนนเลียบทางรถไฟจากสถานีบางโทรัดมายังสถานีบ้านกาหลง ในวิดิโอจะมีสะพาน ๒ สะพานด้วยกัน สะพาน ๑ คือสะพานแรกที่ปรากฏที่ทางขึ้นลงค่อนข้างจะหักมุม รถท้องเตี้ยอาจเกิดปัญหาได้ ส่วนสะพาน ๒ อยู่ก่อนถึงสถานีกาหลง เป็นสะพานหลากสี วัดบัณฑูรสิงห์ก็อยู่ทางมุมขวาของภาพ โดยอยู่เยื้องออกมาทางด้านซ้ายของโรงเรียนสมุทรสาครติดกับสะพานข้ามคลองสุนัขหอน

" ... ทีนี้อนันต์เขาไปรับปากสมภารวัดบางโทรัดจะถ่ายหนังให้เวลาที่วัดมีงาน คราวนั้นดูเหมือนจะมีงานแข่งเรือ แล้วก็มีงานกุศลสร้างโบสถ์ เราไปกันทั้งชุดทางรถไฟ ขึ้นรถไฟที่ปากคลองสาน วิ่งแบบสโลว์ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง กว่าจะถึงบางโทรัดก็เย็นโข ไปไหว้ท่านสมภารแล้วมัคทายกก็นำพวกเราไปที่บ้านหลังวัดให้มารับทางอาหารเย็นเสียก่อนพอขึ้นไปบนบ้านก็ตกใจถอยหลังทีเดียว แม่โชงวางเรียงไว้ขวดใหญ่ถึง ๒๔ ขวด โซดา ๒ ลัง น้ำแข็ง ๒ กระติก ถ้วยแก้ว ๒ โหล คงจะมีเผื่อไว้เวลาแก้วแตกหรือสำรองไว้ให้เราเคี้ยวแก้วเล่น ... "

ผมโฉบผ่านบางโทรัดครั้งแรกเมื่อตอนต้นเดือนที่ผ่านมา ระหว่างการเดินทางด้วยรถไฟจากบ้านแหลมไปแม่กลอง ก็เลยได้มีโอกาสถ่ายรูปป้ายสถานีรถไฟบางโทรัดตอนที่รถกำลังเคลื่อนที่เข้าสถานี (รูปที่ ๑) และจอดที่สถานี (รูปที่ ๓) รถไฟสายมหาชัยนั้นเดิมมีต้นทางที่สถานีคลองสานที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ดังนั้นสมัยก่อนการเดินทางจากมหาชัยมากรุงเทพก็สามารถนั่งรถไฟถึงคลองสาน แล้วก็ข้ามเรือมาขึ้นฝั่งที่ท่าสี่พระยาได้เลย แต่ภายหลังสถานีคลองสานถูกปิดไป รถไฟมาถึงเพียงแค่วงเวียนใหญ่ รถไฟจากวงเวียนใหญ่ไปมหาชัยนั้นใช้เวลาเพียงแค่ชั่วโมงเดียว ถ้าเลือกขบวนรถได้จังหวะก็จะมีเวลาประมาณครึ่งฃั่วโมงในการเดินและข้ามเรือจากสถานีมหาชัยไปต่อรถไฟที่สถานีบ้านแหลม จากบ้านแหลมไปยังแม่กลองก็ใช้เวลาอีก ๑ ชั่วโมง ดังนั้นถ้าเทียบกับการเดินทางในยุคก่อนนั้น (ยุคของหัวรถจักรไอน้ำ) ก็เรียกว่ารวดเร็วขึ้นมาก

" ... รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตีเท่าไรก็ไม่รู้เพราะผมไม่ได้ผูกนาฬิกา เงียบสงัดทีเดียว เสียงสัตว์กลางคืนร้องระงม ป่ารอบ ๆ วัดเป็นป่าแสม เสียงป่าแสมผิดกับเสียงป่าบนเขาใหญ่และบนเขาภูพานมาก เสียงมันวังเวงอย่างบอกไม่ถูก ผมลุกไปเข้าห้องน้ำแล้วก็มานอนนอกมุ้งฟังเสียงป่าคุยกันจนเพลิน พอลืมตามองไปทางหัวบันไดหน้าศาลาก็เจอเงาดำ ๆ ๒ เงานั่งยอง ๆ เอามือทั้ง ๒ พาดหัวเข่าคุยกันเบา ๆ แต่ผมก็ได้ยินเสียงแว่ว ๆ ... "

รูปที่ ๓ ป้ายบอกชื่อสถานีบางโทรัดและสถานีที่อยู่ถัดไป

การเดินทางไปครั้งที่สองคือในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ครั้งนี้ตั้งใจจะไปเป็นภาพบรรยกาศเส้นทางสองข้างทางรถไฟจากบางโทรัดไปบ้านกาหลง เพราะตอนที่ดูแผนที่จาก google map ก็เห็นว่ามันมีถนนเลียบทางรถไฟอยู่ จากถนนพระราม ๒ มาจนถึงสะพานข้ามคลองสุนัขหอนไม่มีสภาพเป็นป่าอะไรเหลือให้เห็น พอข้ามคลองสุนัขหอนก็จะเห็นวัดบัณฑูรสิงห์อยู่ทางขวามือตรงเชิงสะพานข้ามคลอง เลยวัดมาหน่อยก็เป็นโรงเรียน และถัดมาอีกนิดก็พบกับทางรถไฟสายแม่กลอง

"ทำไงล่ะ มีคนมานอนบนศาลาของเราเสียแล้ว"
"จะแหกอกไล่เขาไปดีไหม"
ผมได้ยินคำว่า "แหกอก" ก็นึกรู้ทันทีว่าต้องไม่ใช่คนแน่ แต่ยังใจเย็นทนฟังต่อไปได้ โดยนอนตะแคงลืมตามองไปยังเขาทั้งสองนั้น เสียงกระซิบกันต่อไปอีก
"ปล่อยให้เขานอนต่อไปอีก เขามาช่วยงานวัดเรา ไปทำให้เขาตกอกตกใจ งานของหลวงพ่อจะเสีย"
"แล้วเราจะไปนอนที่ไหนดีล่ะ บนกุฏิ พระท่านก็ลงยันต์ไว้ทุกหน้าต่างทุกประตู มีแต่ศาลานี่เท่านั้นพอจะอาศัยได้"
"เขาคงค้างคืนเดียวเท่านั้น ให้เขานอนให้สบายเถิด เราไปพักกันในศาลากลางป่าแสมดีกว่า"
 
พอขับรถไปจนถึงเส้นทางรถไฟก็ชะงักไปเหมือนกัน เพราะไม่แน่ใจว่ารถจะเข้าไปได้ตลอดทางหรือเปล่า เพราะแม้ว่ามันจะเป็นถนนลาดยางก็ตามแต่รถวิ่งสวนกันไม่ได้ บังเอิญในขณะที่จอดรถเพื่อตัดสินใจอยู่นั้น ก็มีรถอีกคันหนึ่งที่วิ่งแซงหน้าและเลี้ยวขวาวิ่งเลียบทางรถไฟไป ก็เลยอาศัยขับตามเขาไป รูปที่ ๔ ถึง ๑๒ นั้นเป็นภาพที่จับมาจากวิดิโอที่ถ่ายด้วยกล้องโทรศัพท์มือถือที่ติดไว้หน้ารถ ความละเอียดและความชัดเจนของภาพก็เลยไม่สูงมาก


รูปที่ ๔ พอเลี้ยวขวาเขาถนนเลียบทางรถไฟมาหน่อยก็เจอสภาพถนนเช่นนี้


รูปที่ ๕ เหมือนกับว่าเดิมถนนมีสองเลน พอปรับปรุงทางรถไฟ ถนนบางช่วงก็เหลือเลนเดียว

รูปที่ ๖ เลยสถานีมาอีกหน่อยจะเป็นสะพานข้ามคลอง สะพานนี้คอสะพานหักมุมค่อนข้างมาก รถท้องต่ำมีปัญหาแน่ สะพานกว้างเพียงแค่รถวิ่งผ่านได้เพียงคันเดียว ตอนขึ้นก็ต้องระวังรถสวนด้วยเพราะสะพานงสูงจนมองไม่เห็นอีกฝั่งหนึ่ง


รูปที่ ๗ พอมาอยู่บนสะพาน (สะพาน ๑ ในรูปที่ ๒) ก็จะเห็นสภาพชุมชมอีกฟากเป็นดังนี้ ตอนลงสะพานก็ต้องลุ้นอีกรอบว่าท้องรถจะกระทบพื้นหรือเปล่า สะพานนี้ข้ามคลองที่เชื่อมระหว่างคลองสุนัขหอนที่อยู่ทางด้านขวาของถนน คือคลองบางกระลาบและคลองบางใหม่ (ดูชื่อคลองจาก google map) ที่อยู่ทางด้านซ้ายของทางรถไฟ

ถนนเลียบทางรถไฟนี้ ถ้าไม่นับส่วนที่เป็นสะพานข้ามคลองแล้ว ดูเหมือนว่าเดิมจะเป็นถนนลาดยางสองช่องจราจร แต่พอมีการปรับปรุงทางรถไฟ (ดูแล้วน่าจะมีการยกสูงขึ้นด้วย) ทำให้ถนนบางช่วงนั้นเหลือเพียงช่องจราจรเดียว

รูปที่ ๘ ลงสะพานมาหน่อยก็จะผ่านชุมชนสองข้างทางรถไฟ จะเห็นว่าทางรถไฟมีการวางรางใหม่ มีการสร้างกำแพงข้างทางเพื่อยกแนวรางให้สูงขึ้น


รูปที่ ๙ ทางด้านซ้ายของทางรถไฟจะเป็นคลองบางใหม่ และมีถนนแยกซอยออกไปเป็นช่วง ๆ แต่มีเฉพาะบางเส้นที่รถยนต์สามารถข้ามไปได้ ส่วนใหญ่ดูแล้วถ้าไม่ใช่ทางคนเดินก็ไปได้แค่รถมอเตอร์ไซค์ ดูจากแผนที่แล้วคลองบางใหม่จะขนานทางรถไฟไปเป็นระยะหนึ่ง ก่อนที่จะหักเลี้ยวลงใต้ไหลออกสู่ทะเล วิดิโอกล้องหน้ารถนั้นตั้งให้มันเริ่มต้นไฟล์ใหม่ทุก ๒๐ ที บังเอิญว่าพอขับรถเลียบทางรถไฟได้พักหนึ่ง ไฟล์ก่อนหน้ามันก็ครบ ๒๐ นาทีแล้วก็ขึ้นไฟล์ใหม่ ภาพถนนช่วงนี้ก็เลยมีแยกอยู่สองไฟล์ (แต่ผมใช้โปรแกรมตัดมันให้เหลือเฉพาะช่วงที่ขับเลียบทางรถไฟ)

รูปที่ ๑๐ ก่อนถึงสถานีบ้านกาหลงก็จะมีสะพานข้ามคลองอีกสะพาน สะพานนี้ทางสีสวยหน่อย (สะพาน ๒ ในรูปที่ ๒) เป็นสะพานข้ามคลองที่เชื่อมระหว่างคลองสุนัขหอน (ที่อยู่ทางด้านซ้ายของถนน) กับคลองมรณะ (ใน google map มันบอกชื่อคลองไว้อย่างนี้) ที่อยู่ทางด้านซ้ายของทางรถไฟ โดยที่คลองนี้จะเลียบทางรถไฟจากทางตะวันตกไปตะวันออกเป็นระยะหนึ่ง ก่อนที่จะหักเลี้ยวออกสู่ทะเล


รูปที่ ๑๑ สุดเส้นทางแล้ว ถนนจะพาข้ามทางรถไฟ ทางรถไฟนี้ไม่มีเครื่องกั้นและไม่มีสัญญาณใด ๆ ก่อนข้ามก็ต้องหยุดรถดูรถไฟให้ดี ถ้าเลี้ยวขวาตรงรถแท๊กซี่จอดก่อนข้ามทาง ก็จะเป็นสถานนีรถไฟบ้านกาหลง ถ้าข้ามทางรถไฟไปแล้วเลี้ยวซ้ายก็จะไปสู่ทะเลบ้านกาหลง ถ้าข้ามทางแล้วเลี้ยวขวาก็จะวิ่งผ่านฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟ

รูปที่ ๑๒ ข้ามทางรถไฟมาแล้วเลี้ยวขวา จะเห็นป้ายสถานีรถไฟบ้านกาหลงอยู่ทางด้านซ้าย ถ้าขับต่อไปถนนจะพาข้ามทางรถไฟกลับไปทางด้านขวาอีก ซึ่งเป็นถนนพาออกไปถนนพระราม ๒ จากจุดนี้ถ้าตรงไปถนนพระราม ๒ จะใกล้กว่าการย้อนกลับทางบางโทรัด


รูปที่ ๑๓ ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟบ้านกาหลงยังมีการทำนาเกลือกันอยู่ รูปนี้ถ่ายจากรถไฟตอนนั่งรถไฟผ่านเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเริ่มมีคนไปเที่ยวสะพานปลาที่หมู่บ้านนี้ที่มีการทาสีจนมีคนเรียกสะพานสายรุ้ง เพื่อหาสถานที่ถ่ายรูปแห่งใหม่ เอาไว้ฉบับหน้าจะเล่าให้ฟังว่าที่ทะเลที่หมู่บ้านกาหลงเป็นอย่างไร ฉบับนี้ถือว่าเป็นการเล่าเรื่องด้วยรูปก็แล้วกัน

รูปที่ ๑๔ แผนที่แนบท้ายกฎกระทรวงฉบับที่ ๑,๒๐๒ พ.ศ. ๒๕๓๐ เรื่องกำหนดแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติ

" ... พูดจบ ร่างหนึ่งก็ลุกขึ้น ฉุดมืออีกร่างหนึ่งก้าวพรวดเดียวลงไปยืนที่พื้นดินเลย แล้วร่างที่เท่าคนธรรมดาก็ยืดสูงขึ้นจนเหนือต้นไม้ในวัด เขาก้าวขา ๒ ครั้งก็เห็นโย่ง ๆ ไปในป่าแสมแล้วก็หายลับตาไป ผมลุกขึ้นดูพรรคพวกว่าจะมีใครเห็นเหตุการณ์บ้าง ก็เห็นเขากรนลั่นกันเป็นอย่างดีก็เลยนอนต่อจนรุ่งเช้า ...

วิดิโอตอนที่ ๑
 
วิดิโอตอนที่ ๒