วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2561

เมื่อต้องย้ายสายไฟจากใต้ดินมาไว้เหนือดิน MO Memoir : Wednesday 19 September 2561

ในขณะที่ในตัวเมืองเขากำลังมีการย้ายสายไฟฟ้าที่พาดตามเสาไฟฟ้าลงใต้ดิน เพื่อให้บ้านเมืองมันดูเรียบร้อยขึ้น แต่ถนนแถวบ้านผมเขากลับทำตรงข้ามกัน คือต้องย้ายสายไฟจากเดิมที่ฝังดินมาพาดเสาไว้เหนือดินแทน
 
เหตุผลก็เพราะป้องกันไม่ให้สายไฟโดนขโมยไปอีก
 
ถนนเส้นเลียบทางรถไฟสายใต้นี้สร้างเมื่อราว ๆ ๑๐ ปีที่แล้ว ตอนที่เขาสร้างทางรถไฟ (สายสีอะไรก็ไม่รู้) ระหว่างตลิ่งชันกับบางซื่อ พอสร้างใกล้เสร็จก็เจอกับน้ำท่วมใหญ่ปี ๒๕๕๔ เลยต้องมีการซ่อมแซมกันยกใหญ่ พอซ่อมแซมเสร็จก็มีโครงการทางด่วนเข้ามาอีก เรียกว่ากว่าจะได้ใช้งานได้เต็มที่ก็เมื่อราว ๆ ๒ ปีที่แล้วตอนเปิดใช้ทางด่วน แต่ตอนนี้ก็กำลังมีรายการสร้างสะพานกลับรถเพิ่มอีก จำได้ว่าถนนเส้นนี้ตอนสร้างเสร็จใหม่ ๆ มันก็มีไฟส่องสว่าง แต่ต่อมามันก็มืดไป ยังคิดว่าระบบไฟฟ้าคงมีปัญหา มาทราบทีหลังจากคุณน้าข้างบ้านตอนเจ้าหน้าที่เขามาซ่อมแซมว่า ที่ไฟมันดับไปก็เพราะสายไฟฟ้าโดนขโมย คงเป็นเพราะสายไฟมันฝังดินอยู่ แค่เปิดฝาครอบที่โคนเสาโคมไฟก็สามารถลากเอาสายไฟออกไปได้แล้ว พอเจ้าหน้าที่มาซ่อมแซมใหม่ก็เลยเปลี่ยนเป็นพาดสายเข้ากับตัวเสาโคมไฟเสียเลย (รูปที่ ๑ และ ๒) 
  
เมื่อวันจันทร์มีธุระต้องใช้สะพานลอยเดินไปตลาดที่อยู่อีกฟากของทางรถไฟ ก็เลยเพิ่งสังเกตเห็นว่าสะพานลอยก็คงจะโดนไปเหมือนกัน คือโคมไฟส่องสว่างบนสะพานลอยมันหายไปทั้งตัวโคมหลายจุด บางจุดตัวโคมก็ยังคงอยู่แต่สายถูกถอดออกไปหมด (รูปที่ ๓ - ๕)

รูปที่ ๑ ถนนเลียบทางรถไฟสายใต้ช่วงจากสะพานพระราม ๖ ไปยังสถานีรถไฟบางบำหรุ เสาโคมไฟส่องสว่างริมถนนต้องย้ายสายไฟฟ้าจากเดิมที่เดินใต้ดินมาพาดสูง (ตามแนวเส้นสีเหลือง) เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกขโมยสายไฟไปอีก รูปนี้ถ่ายจากสะพานลอยมองไปยังด้านไปสะพานพระราม ๖

รูปที่ ๒ อีกฝั่งที่มุ่งไปยังสถานีรถไฟบางบำหรุก็ต้องทำแบบเดียวกัน

รูปที่ ๓ สะพานลอยที่เชื่อมระหว่างซอยจรัญสนิทวงศ์ ๗๕ (ซอยภาณุรังษี) ฝั่งบางพลัด กับหมู่บ้าน ส.ภาณุรังษี ฝั่งบางกรวย ก็ไม่วายโดนเข้าไปเหมือนกัน ดูเหมือนว่าจะโดนทั้งสายไฟ โคมไฟ และหลอดไฟ

ถนนสามารถทำให้การเดินทางระหว่างสองจุดที่อยู่ไกลกันนั้นกระทำได้รวดเร็วขึ้น และก็สามารถทำให้การเดินทางระหว่างสองจุดที่อยู่ใกล้กันนั้นต้องใช้เวลานานขึ้น กรณีของถนนเลียบทางรถไฟสายใต้ก็เป็นเช่นนี้ เพราะมันทำให้การเดินทางระหว่างถนนวงแหวนรอบนอกกับสะพานพระราม ๗ นั้นเร็วขึ้น แต่สำหรับชุมชนสองฟากทางรถไฟแล้ว มันตรงข้ามกัน
 
สุดซอยจรัญสนิทวงศ์ ๗๕ ฝั่งบางพลัดกับหมู่บ้าน ส.ภาณุรังษี ฝั่งบางกรวยที่อยู่ฟากตรงข้ามของทางรถไฟนั้น เดิมมีสะพานข้ามทางรถไฟเชื่อมอยู่ แต่พอมีการตัดถนนและทางรถไฟชานเมืองก็ทำให้ต้องรื้อสะพานดังกล่าวออก การเดินทางด้วยรถระหว่างสองฝั่งจากเดิมที่อยู่คนละฟากของทางรถไฟกลายเป็นต้องวิ่งรถอ้อมกันร่วม ๒ กิโลเมตร (แถมรถติดมากอีกต่างหาก) หรือแม้แต่สะพานลอยคนข้ามเองก็ตามที่มีระดับที่สูงมาก จนผู้สูงอายุ (แถวนี้มีมากซะด้วย) ลำบากที่จะใช้ แต่มันก็มีข้อดีอยู่เหมือนกันตรงที่ ทำให้การจราจรในซอยมันดีขึ้นมาก เพราะรถภายนอกไม่จำเป็นต้องใช้ซอยนี้เป็นทางลัดอีกต่อไป

รูปที่ ๔ เรียกว่าโดนถอดออกไปเกือบหมด สภาพดูแล้วไม่คิดว่าจะเป็นการซ่อมแซมหรือปรับปรุง

รูปที่ ๕ ยังมีเศษซากโคมไฟที่แตกทิ้งไว้ให้ดูเล่นบนสะพานลอยด้วย

ไม่มีความคิดเห็น: