แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ชุมพร แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ชุมพร แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2557

การทิ้งระเบิดเส้นทางรถไฟไปจังหวัดระนอง (ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำ ตอนที่ ๖๒) MO Memoir : Saturday 12 April 2557

จะว่าไปแล้ว Memoir ฉบับนี้เป็นตอนต่อเนื่องของฉบับที่ ๗๘๓ วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๗ เรื่อง "การทิ้งระเบิดเส้นทางรถไฟที่จังหวัดชุมพร(ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำตอนที่๖๑)" โดยเป็นภาพที่นำมาจากเอกสารที่มีการตีพิมพ์ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒


 รูปที่ ๑ การทิ้งระเบิดสถานีรถไฟบริเวณบ้านนาเนียนในวันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๘ คำบรรยายรูปเป็นของรูปนี้และรูปที่ ๒ ที่อยู่ในหน้าถัดไป
  
รูปที่ ๑-๙ นำมาจากเอกสาร 10th Air Force Report, Eastern Air Command number 31 ฉบับวันที่ 30 March 1945 ส่วนรูปที่ ๑๐ นำมาจากเอกสาร 10th Air Force Report, Eastern Air Command number 40 ฉบับวันที่ 1 June 1945

รูปที่ ๒ คำบรรยายรูปนี้อยู่ในรูปที่ ๑ หลุมกลม ๆ ที่เห็นคือหลุมระเบิดก่อนหน้า จะเห็นว่ารูปนี้และรูปที่ ๙ ใน Memoir ฉบับก่อนหน้า (วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๔๗) นั้นเป็นรูปเดียวกัน แต่มันกลับหัวอยู่ ผมถึงได้กล่าวไว้ใน Memoir ฉบับก่อนหน้านี้ว่าให้ระวังในการนำคำบรรยายรูปมาใช้

เส้นทางรถไฟสายคอคอดกระ (ชุมพร-ระนอง) นี้ ถ้าสนใจสามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้ในหนังสือ "ทางรถไฟสายใต้ในเงาอาทิตย์อุทัย - The southern railways in the shadow of the rising sun" เขียนโดย ดร. พวงทิพย์ เกียรติสหกุล เป็นหนังสือในโครงการตำราและหนังสือ คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ที่ผมมีอยู่เป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๕๔ หนังสือเล่มนี้จะมีข้อมูลเอกสารทางราชการของฝ่ายไทย
  
ข้อมูลหนึ่งที่น่าสนใจในรูปชุดนี้คือมีการระบุว่ามีการนำเอาระเบิดนำวิถี (ชนิดบังคับวิทยุ) ที่เรียกว่า Azon bomb มาใช้ในการทำลายสะพานด้วย (รูปที่ ๘)
  
อันที่จริง Memoir ฉบับนี้เขียนเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่บังเอิญมีข่าวคุณหลามเข้ามาขอแทรก ดูเหมือนจะได้รับการตอบรับอย่างดีด้วย เพราะเพียงแค่ไม่ถึง ๒๔ ชั่วโมงก็ติดอันดับ ๑ ใน ๑๐ ของบทความที่ได้รับความนิยมในรอบสัปดาห์เลย ก็เลยยกยอดบันทึกนี้มาวันนี้แทน ก่อนที่คนเขียนจะหายหน้าไปเที่ยวสงกรานต์ ก็ขอในเล่นน้ำกันให้สนุกในวันสงกรานต์กันทุกคนก็แล้วกัน
 

รูปที่ ๓ รูปนี้บอกว่าเป็นเครื่องบินของฝูงบินไหน เสียดายที่ไม่ได้บอกว่าในรูปนั้นเป็นการโจมตีที่ใด แต่ดูจากสภาพเส้นทาง (ตรงกลุ่มหมอกควันที่อยู่ท้ายเครื่องบิน) ทำให้คาดว่าน่าจะเป็นบริเวณบ้านนาเนียนอยู่ "Liberator" ในที่นี้คือเครื่องบินทิ้งระเบิด B-24 (เครื่องบินรบของสหรัฐนอกจากจะมีชื่อเป็นรหัสแล้ว ยังมีชื่อเรียกขานอีก)
  
รูปที่ ๔ การทิ้งระเบิดคลังสินค้าบริเวณบ้านนาเนียน ซึ่งเป็นจุดกองสัมภาระก่อนการนำขึ้นรถไฟเพื่อการลำเลียงไปยังจังหวัดระนอง คำบรรยายที่เห็นเป็นคำบรรยายของรูปที่ ๔ และรูปที่ ๕ ในหน้าถัดไป
 
รูปที่ ๕ เป็นตอนต่อเนื่องจากรูปที่ ๔
  
รูปที่ ๖ การทิ้งระเบิดสะพานรถไฟทางด้านใต้ของชุมพร (ดูแผนที่ในรูปที่ ๙)
  
รูปที่ ๗ การทิ้งระเบิดสะพานรถไฟที่บ้านท่าข้าม แต่บ้านเรามีบ้าน "ท่าข้าม" อยู่หลายที่ ก็เลยไม่รู้เหมือนกันว่าบ้านท่าข้ามในที่นี้เป็นที่จังหวัดไหน แต่ตรงนี้คิดว่าเป็นที่สุราษฏร์ธานี (ดู Memoir ปีที่ ๕ ฉบับที่ ๕๐๒ วันศุกร์ที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๕ เรื่อง "ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำตอนที่ ๒๔ การทิ้งระเบิดสะพานข้ามแม่น้ำทางรถไฟสายใต้"
 
รูปที่ ๘ การทิ้งระเบิดทำลายถนนและสะพานรถไฟ ณ บ้านลำเลียง จังหวัดระนอง ที่น่าสนใจคือมีการระบุว่าใช้ "Azon bomb" (ตรงที่ขีดเส้นใต้สีแดง) ในการทำลายสะพาน Wikipedia ให้รายละเอียดของ Azon bomb ว่าเป็นระเบิดชนิดมีครีบหาง บังคับทิศทางได้ด้วยวิทยุ หรือก็คือระเบิดนำวิถีนั่นเอง และฝูงบินที่ ๔๙๓ เป็นผู้นำมาใช้ (ดูรายละเอียดเกี่ยวกับ Azon bomb เพิ่มเติมได้ที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Azon)
  
 รูปที่ ๙  ข้อความบรรยายปฏิบัติการการทิ้งระเบิดในประเทศไทย
 
รูปที่ ๑๐ แผนที่นำมาจากเอกสาร 10th Air Force Report, Eastern Air Command number 40 ฉบับวันที่ 1 June 1945 ฉบับเต็มเคยนำมาลงไว้ใน Memoir ปีที่ ๕ ฉบับที่ ๕๐๒ วันศุกร์ที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๕ เรื่อง "ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำ ตอนที่ ๒๔ การทิ้งระเบิดสะพานข้ามแม่น้ำทางรถไฟสายใต้" สะพานที่บ้านท่าข้ามคือสะพานที่แผนที่ระบุว่า SURASDNANI T.F. 27/5/45

วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2557

การทิ้งระเบิดเส้นทางรถไฟที่จังหวัดชุมพร (ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำ ตอนที่ ๖๑) MO Memoir : Thursday 10 April 2557

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ กองทัพญี่ปุ่นได้เข้ามาสร้างเส้นทางรถไฟในประเทศไทย ๒ เส้นทางด้วยกัน เพื่อใช้ในการส่งเสบียงและกองหนุนไปทำการรบในประเทศพม่า (ขณะนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ) เส้นทางแรกที่เป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลกคือเส้นทางที่แยกจากบ้านโป่งไปยังกาญจนบุรี เหตุผลที่เส้นทางนี้เป็นที่รู้จักก็เพราะมีการนำเอาเชลยศึกมาใช้เป็นแรงงานในการก่อสร้างส่วนหนึ่ง ส่วนอีกเส้นทางหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันน้อยกว่าแม้แต่ในหมู่คนไทยด้วยกันคือเส้นทางที่แยกจากทางรถไฟสายใต้ที่จังหวัดชุมพร เลียบถนน (ปัจจุบันคือถนนเพชรเกษม) ไปยังจังหวัดระนอง
  
เหตุผลที่เส้นทางรถไฟไปยังจังหวัดระนองนี้เป็นที่รู้จักกันน้อยกว่าคงเป็นเพราะการก่อสร้างนั้นใช้แรงงานกรรมกร (ไม่ได้มีการใช้เชลยศึก) เป็นเส้นทางสายสั้นมีอายุการใช้งานไม่นาน กล่าวคือเริ่มสร้างเมื่อช่วงครึ่งหลังของสงคราม และเริ่มมีการวางแผนการรื้อถอนรางก่อนที่สงครามจะสิ้นสุด ด้วยญี่ปุ่นเกรงว่าทัพอังกฤษจะใช้เส้นทางนี้ในการลำเลียงทหารจากฝั่งทะเลอันดามันมายังฝั่งอ่าวไทย และจะสามารถตัดการเชื่อมต่อของกองทัพญี่ปุ่นในไทยและในสิงค์โปร์ได้


รูปที่ ๑ แผนที่ทหารหัส L509 จัดทำขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างกองทัพสหรัฐกับกรมแผนที่ทหารของไทย ข้อมูลในแผนที่คาดว่าเป็นในปีค.ศ. ๑๙๕๗ (พ.ศ. ๒๕๐๐) หรือก่อนหน้านั้น เส้นสีแดงคือถนนเพชรเกษมในปัจจุบัน โดยด้านทิศเหนือของถนนที่แยกจากชุมพรไประนอง (ทางซ้ายของรูป) จะแสดงเส้นทางรถไฟไประนอง และกำกับไว้ว่า "ABAND" (ย่อจาก abandon) หมายถึงเส้นทางที่เลิกใช้แล้ว


รูปที่ ๒ ในหน้าที่แล้วนำมาจากจากบทความเรื่อง "Two new railways in south east asia" เขียนโดย R. Rees Rawson จากวารสาร The Geographical Journal vol 108 no. 1/3 (Jul-Sep 1946) หน้า 85-88 แสดงแผนที่เส้นทางรถไฟที่เชื่อมต่อระหว่างสิงค์โปร์ มาเลเซีย ไทย พม่า (ผ่านทางกาญจนบุรี) ในแผนที่นี้มีภาพขยายของเส้นทางรถไฟแยกจากจังหวัดชุมพรไปยังจังหวัดระนองในกรอบด้านล่างซ้ายของภาพ
  
ยุทธปัจจัยที่กองทัพญี่ปุ่นลำเลียงมาทางเรือมีการเข้าเทียบท่าที่ สัตหีบ กรุงเทพ สงขลา และชุมพร จากท่าเรือที่ชุมพรจะสามารถลำเลียงต่อไปยังจังหวัดระนองเพื่อขนถ่ายลงเรือไปยังส่วนต่าง ๆ ของประเทศพม่าได้ ซึ่งเป็นเส้นทางทำเลียงอีกเส้นทางหนึ่งนอกเหนือไปจากเส้นทางรถไฟผ่านทางจังหวัดกาญจนบุรี
  
ตรงนี้ต้องขอแทรกนิดนึงว่าในช่วงก่อนเดือนมีนาคม ค.ศ. ๑๙๔๕ (พ.ศ. ๒๔๘๘) กองทัพญี่ปุ่นยังครอบครองพื้นที่พม่าเอาไว้ได้เกือบหมด คือทางด้านตะวันตกนั้นเข้าไปประชิดพรมแดนอินเดีย ส่วนทางด้านเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือนั้นก็ประชิดกับพรมแดนจีน (เพื่อตัดเส้นทางลำเลียงทางบกระหว่างอินเดียกับจีนของทัพสัมพันธมิตร) และในช่วงเวลานี้ก็ได้มีการเตรียมแผนการณ์รุกเข้ายึดเมือง Kohima และ Imphal ที่เป็นเมืองชายแดนของอินเดียและเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างพม่าและอินเดีย
  
รูปที่ ๓ การทิ้งระเบิดเส้นทางรถไฟไปยังจังหวัดระนอง ณ บ้านนาเนียน จังหวัดชุมพร ในวันที่ ๑๙ เดือนมีนาคม ค.ศ. ๑๙๔๕ (พ.ศ. ๒๔๘๘)
รูปจาก http://www.awm.gov.au/view/collection/item/SUK14070/ พร้อมคำบรรยายภาพดังต่อไปนี้
Na Nien (near Chumphon), Thailand. 1945-03-19. An RAF Liberator aircraft of Strategic Air Force, Eastern Air Command, flying over the smoke-covered target area at Na Nien, a rail centre heavily used by the Japanese.

การบินเข้ามาทิ้งระเบิดในประเทศไทยมีอยู่สองเส้นทาง เส้นทางแรกคือพวกที่มาจากทางตอนใต้ของจีน เหมาะแก่การเข้าโจมตีทางภาคเหนือ อีกเส้นทางคือมาจากอินเดีย วิ่งอ้อมทิศใต้ของพม่าคือบินออกทะเล (เพื่อป้องกันการตรวจจับ) แล้วตัดทางด้านภาคใต้ของพม่า เข้ามาโจมตีประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นภาคใต้ กาญจนบุรี หรือภาคกลาง
  
ในขณะเวลาเดียวกันทางอังกฤษเองก็เตรียมการตีโต้กลับเพื่อยึดพม่าคืน การโจมตีทิ้งระเบิดเส้นทางรถไฟในช่วงก่อนหน้าเดือนมีนาคม ๑๙๔๕ จึงเป็นการตัดการส่งกำลังบำรุงของกองทัพญี่ปุ่น และเมื่อกองทัพญี่ปุ่นพลาดท่าในการรบที่สมรภูมิเมือง Kohima และ Imphal ก็เป็นการเริ่มการถอยร่นอย่างไม่เป็นขบวนของกองทัพญี่ปุ่นในพม่าภายใต้การไล่ตามมาติด ๆ ของกองทัพอังกฤษและอินเดีย การทิ้งระเบิดเส้นทางลำเลียงในช่วงนี้จึงเป็นทั้งการตัดการส่งเสบียงและตัดทางหนีของกองทัพญี่ปุ่น
  
สถานการณ์ในขณะนั้นญี่ปุ่นคงยังหวังว่าสำหรับการรบทางบกแล้วยังมีโอกาสที่จะยันทัพอังกฤษ-อินเดียเอาไว้ได้ในพม่า จึงเลือกที่จะเก็บเส้นทางรถไฟสายกาญจนบุรีเอาไว้ แต่ที่ทางญี่ปุ่นไม่แน่ใจคือถ้าหากมีการยกพลทางเรือขึ้นบกทางภาคใต้ไทย โดยเฉพาะที่จังหวัดระนอง ทางกองทัพญี่ปุ่นจะสามารถยันเอาไว้ได้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทางกองทัพญี่ปุ่นตัดสินใจที่จะรื้อเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อระหว่างระนองกับชุมพรออก แต่สงครามก็สิ้นสุดเสียก่อนที่การรื้อจะเสร็จสมบูรณ์
   
รูปที่ ๔ การทิ้งระเบิดเส้นทางรถไฟไปยังจังหวัดระนอง ณ บ้านนาเนียน จังหวัดชุมพร ในวันที่ ๑๙ เดือนมีนาคม ค.ศ. ๑๙๔๕ (พ.ศ. ๒๔๘๘)
รูปจาก http://www.awm.gov.au/view/collection/item/SUK14071/ พร้อมคำบรรยายภาพดังต่อไปนี้
Na Nien (near Chumphon), Thailand. 1945-03-19. An RAF Liberator aircraft of Strategic Air Force, Eastern Air Command, on its way back to base after attacking the railway siding at Na Nien. The burning target is in the background.
   
Memoir ฉบับนี้ถือเสียว่าเป็นการเอารูปภาพที่เก็บเอาไว้นานแล้วมาแบ่งปันให้ดูกัน ส่วนคำบรรยายรูปจะถูกต้องแค่ไหนนั้นคงต้องพิจารณากันอีกที เพราะมีบ้างเหมือนกันที่พบว่ารูปภาพนั้นเป็นของสถานที่หนึ่งแต่คำบรรยายรูปเป็นของอีกสถานที่หนึ่ง หรือรูปมีการกลับด้านซ้ายขวา
  
รูปที่ ๕ การทิ้งระเบิดเส้นทางรถไฟไปยังจังหวัดระนอง ณ บ้านนาเนียน จังหวัดชุมพร ในวันที่ ๑๙ เดือนมีนาคม ค.ศ. ๑๙๔๕ (พ.ศ. ๒๔๘๘)
รูปจาก http://www.awm.gov.au/view/collection/item/SUK14072/ พร้อมคำบรรยายภาพดังต่อไปนี้
Na Nien (near Chumphon), Thailand. 1945-03-19. The whole of the target area at Na Nien railway centre burning fiercely after being attacked by RAF Liberator aircraft of Strategic Air Force, Eastern Air Command.
  
รูปที่ ๖ การทิ้งระเบิดเส้นทางรถไฟไปยังจังหวัดระนอง ณ บ้านนาเนียน จังหวัดชุมพร ในวันที่ ๑๙ เดือนมีนาคม ค.ศ. ๑๙๔๕ (พ.ศ. ๒๔๘๘)
รูปจาก http://www.awm.gov.au/view/collection/item/P02491.313/ พร้อมคำบรรยายภาพดังต่อไปนี้
Na Nien, Thailand. 19 March 1945. A low level oblique view from one of the RAF attacking aircraft showing the whole of the target area burning fiercely. To disrupt Japanese supplies reaching the Burma front, over eighty heavy bombers of Strategic Air Force, Eastern Air Command, flew across the Indian Ocean in the longest raid they have yet accomplished. When the crew returned from their mission, some of them had been in the air for seventeen and a half hours and had flown 2,500 miles. While US Army Air Force B-24 bomber aircraft attacked a series of targets south of Chumphon in the Gulf of Siam, RAF Liberator aircraft attacked the heavily used railway sidings, eight miles west of Chumphon. Some of the aircraft, which went into attack from as low as 400 feet, saw prisoners of war (POWs) waving to them as they passed over the Kra Isthmus. The whole sidings were covered by the attack and many railway buildings were left burning while one part of the sidings was completely burnt out. Trains were set on fire, and a large oil fire started. Not content with this devastating attack some of the crews flew another fifty miles further south and strafed locomotives on the Singapore rail route.
   
รูปที่ ๗ การทิ้งระเบิดเส้นทางรถไฟไปยังจังหวัดระนอง ณ บ้านนาเนียน จังหวัดชุมพร
รูปจาก http://www.awm.gov.au/view/collection/item/P02491.311/ พร้อมคำบรรยายภาพดังต่อไปนี้
Na Nien, Thailand. 19 March 1945. A Japanese train transporting oil has been hit in the middle of the sidings, and great clouds of blacksmoke billow skywards. To disrupt Japanese supplies reaching the Burma front, over eighty heavy bombers of Strategic Air Force, Eastern Air Command, flew across the Indian Ocean in the longest raid they have yet accomplished. When the crew returned from their mission, some of them had been in the air for seventeen and a half hours and had flown 2,500 miles. While US Army Air Force B-24 bomber aircraft attacked a series of targets south of Chumphon in the Gulf of Siam, RAF Liberator aircraft attacked the heavily used railway sidings, eight miles west of Chumphon. Some of the aircraft, which went into attack from as low as 400 feet, saw prisoners of war (POWs) waving to them as they passed over the Kra Isthmus. The whole sidings were covered by the attack and many railway buildings were left burning while one part of the sidings was completely burnt out. Trains were set on fire, and a large oil fire started. Not content with this devastating attack some of the crews flew another fifty miles further south and strafed locomotives on the Singapore rail route.
    
รูปที่ ๘ การทิ้งระเบิดเส้นทางรถไฟไปยังจังหวัดระนอง ณ บ้านนาเนียน จังหวัดชุมพร ในวันที่ ๑๙ เดือนมีนาคม ค.ศ. ๑๙๔๕ (พ.ศ. ๒๔๘๘)
รูปจาก http://www.awm.gov.au/view/collection/item/SUK14073/ พร้อมคำบรรยายภาพดังต่อไปนี้
Na Nien (near Chumphon), Thailand. 1945-03-19. RAF Liberator aircraft of Strategic Air Force, Eastern Air Command on its way back to base after the attack on the railway centre of Na Nien.
  
รูปที่ ๙ การทิ้งระเบิดเส้นทางรถไฟไปยังจังหวัดระนอง ณ บ้านนาเนียน จังหวัดชุมพร ในวันที่ ๑๙ เดือนมีนาคม ค.ศ. ๑๙๔๕ (พ.ศ. ๒๔๘๘)
รูปจาก http://www.awm.gov.au/view/collection/item/P02491.310/ พร้อมคำบรรยายภาพดังต่อไปนี้
Na Nien, Thailand. 19 March 1945. This vivid deck-level view shows a stick of bombs bursting on storage sheds at the railway sidings, while another RAF Liberator aircraft flies over the target area. To disrupt Japanese supplies reaching the Burma front, over eighty heavy bombers of Strategic Air Force, Eastern Air Command, flew across the Indian Ocean in the longest raid they have yet accomplished. When the crew returned from their mission, some of them had been in the air for seventeen and a half hours and had flown 2,500 miles. While US Army Air Force B-24 bomber aircraft attacked a series of targets south of Chumphon in the Gulf of Siam, RAF Liberator aircraft attacked the heavily used railway sidings, eight miles west of Chumphon. Some of the aircraft, which went into attack from as low as 400 feet, saw prisoners of war (POWs) waving to them as they passed over the Kra Isthmus. The whole sidings were covered by the attack and many railway buildings were left burning while one part of the sidings was completely burnt out. Trains were set on fire, and a large oil fire started. Not content with this devastating attack some of the crews flew another fifty miles further south and strafed locomotives on the Singapore rail route.
  
รูปที่ ๑๐ การทิ้งระเบิดเส้นทางรถไฟสายใต้ ณ จังหวัดชุมพร ในวันที่ ๑๗ เดือนมิถุนายน ค.ศ. ๑๙๔๕ (พ.ศ. ๒๔๘๘)
รูปจาก http://www.awm.gov.au/view/collection/item/P02491.344/ พร้อมคำบรรยายภาพดังต่อไปนี้
Chumphon, Thailand. 17 June 1945. Aircraft of No. 356 (Liberator) Squadron RAF of the Strategic Air Force, Eastern Air Command made a forty-mile sweep on the railway south of Chumphon on the Bangkok-Singapore railway. Bridges, rolling-stock, and marshalling yards were attacked. Aerial view from an attacking aircraft on another section of the Bangkok-Singapore railroad, shows a direct hit on a train. The peculiar explosion of the bomb burst, combined with the railroad track makes a gigantic 'V' over the train
   
รูปที่ ๑๑ การทิ้งระเบิดเส้นทางรถไฟสายใต้ ณ จังหวัดชุมพร ในวันที่ ๑๗ เดือนมิถุนายน ค.ศ. ๑๙๔๕ (พ.ศ. ๒๔๘๘) รูปนี้น่าจะเป็นรูปหลังเหตุการณ์ในรูปที่ ๑๐
Chumphon, Thailand. 17 June 1945. Aircraft of No. 356 (Liberator) Squadron RAF of the Strategic Air Force, Eastern Air Command made a forty-mile sweep on the railway south of Chumphon on the Bangkok-Singapore railway. Bridges, rolling-stock, and marshalling yards were attacked. This low level view immediately after the attack on the train on the Bangkok-Singapore railway, shows rolling-stock lying scattered about the bomb-pitted permanent way
   
รูปที่ ๑๒ การทิ้งระเบิดเส้นทางรถไฟสายใต้ ณ จังหวัดชุมพร ในวันที่ ๑๗ เดือนมิถุนายน ค.ศ. ๑๙๔๕ (พ.ศ. ๒๔๘๘)
รูปจาก http://www.awm.gov.au/view/collection/item/P02491.346/ พร้อมคำบรรยายภาพดังต่อไปนี้
Chumphon, Thailand. 17 June 1945. Aircraft of No. 356 (Liberator) Squadron RAF of the Strategic Air Force, Eastern Air Command made a forty-mile sweep on the railway south of Chumphon on the Bangkok-Singapore railway. Bridges, rolling-stock, and marshalling yards were attacked. This interesting view of the marshalling yards, key junction on the Kra Isthmus for all supplies and military material for the Japanese armies in Burma and Thailand, shows the damage caused by the heavy attack carried out by RAF Liberator aircraft on the 20 May 1945. Practically a month later, no effort has been made to clear away the smashed rolling-stock or re-lay the permanent way. Bomb craters have filled with water.
  
รูปที่ ๑๓ การทิ้งระเบิดเส้นทางรถไฟสายใต้ ณ จังหวัดชุมพร ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๙๔๕ (พ.ศ. ๒๔๘๘)
รูปจาก http://www.awm.gov.au/view/collection/item/SUK13865/ พร้อมคำบรรยายรูปดังต่อไปนี้
Chumphon, Thailand. C. 1945-02. To attack Chumphon, Japanese supply and transhipment centre on the east coast of the Kra Isthmus, RAF Liberator aircraft and US Army Air Force B-24 aircraft of the Strategic Air Force, Eastern Air Command, flew their longest bombing raid. Chumphon railway station and transhipment sheds were left a mass of flames, and an important bridge on the Bangkok-Singapore railway received a direct hit. Large numbers of railway trucks were destroyed. The enemy have been bringing up supplies by small coaster vessels through the Gulf of Siam, off-loading at an anchorage near Chumphon, thus relieving the already overburdened Bangkok-Singapore railway.
  
รูปที่ ๑๔ การทิ้งระเบิดเส้นทางรถไฟสายใต้ ณ จังหวัดชุมพร ในวันที่ ๑๙ เดือนมีนาคม ค.ศ. ๑๙๔๕ (พ.ศ. ๒๔๘๘)
รูปจาก http://www.awm.gov.au/view/collection/item/P02491.314/ พร้อมคำบรรยายภาพดังต่อไปนี้
Chumphon, Thailand. 19 March 1945. Aerial view from a RAF Liberator bomber aircraft during a massed attack on Chumphon, a key point in the Japanese communications system between Malayan bases and enemy forces in Burma and Thailand, shows fires burning brightly and rolling stock scattered in crazy patterns by the force of the 1,000lb bombs. Many RAAF members serving in the Burma theatre, took part in the attack.
  
รูปที่ ๑๕ การทิ้งระเบิดเส้นทางรถไฟสายใต้ ณ จังหวัดชุมพร ในเดือนมีนาคม ค.ศ. ๑๙๔๕ (พ.ศ. ๒๔๘๘)
รูปจาก http://www.awm.gov.au/view/collection/item/SUK13886/ พร้อมคำบรรยายภาพดังต่อไปนี้
Chumphon, Thailand. C. 1945-03. RAF Liberator aircraft and US Army Air Force B-24 aircraft of Strategic Air Force, Eastern Air Command, carried out a highly successful long-distance attack on Japanese rail yards at Chumphon, on the Kra Isthmus in the Malay Peninsula. This photograph, taken from an RAF Liberator during the attack, shows the devastation caused among the rail facilities. Coaches and trucks have been wrecked, lines torn up and administrative buildings gutted.
  
รูปที่ ๑๖ การทิ้งระเบิดเส้นทางรถไฟสายใต้ ณ จังหวัดชุมพร ในเดือนมีนาคม ค.ศ. ๑๙๔๕ (พ.ศ. ๒๔๘๘) รูปนี้เป็นส่วนขยายของรูปที่ ๑๕
รูปจาก http://www.awm.gov.au/view/collection/item/P02491.304/ พร้อมคำบรรยายรูปดังต่อไปนี้
Chumphon, Thailand. c. March 1945. RAF Liberator and US Army Air Force B-24 aircraft of Strategic Air Force, Eastern Air Command carried out a long distance and highly successful attack on Japanese marshalling yards at Chumphon on the Kra Isthmus on the Malay peninsula. Aerial view from an RAF Liberator aircraft during the raid shows the tremendous devastation caused among railway facilities. Coaches have been thrown and wrecked, railway lines torn apart and administrative buildings completely gutted.
  
รูปที่ ๑๗ การทิ้งระเบิดเส้นทางรถไฟสายใต้ ณ จังหวัดชุมพร ในเดือนมีนาคม ค.ศ. ๑๙๔๕ (พ.ศ. ๒๔๘๘)
รูปจาก http://www.awm.gov.au/view/collection/item/P02491.305/ พร้อมคำบรรยายภาพดังต่อไปนี้
Chumphon, Thailand. c. March 1945. RAF Liberator bomber aircraft in which flew many RAAF aircrews and US Army Air Force B-24 aircraft of Strategic Air Force, Eastern Air Command carried out a long distance and highly successful attack on Japanese marshalling yards at Chumphon on the Kra Isthmus on the Malay peninsula. A front on view from an RAF Liberator aircraft during the raid shows the Chumphon railway bridge on the Bangkok-Singapore railway line, attacked for the third time in a week.
  
รูปที่ ๑๘  การทิ้งระเบิดเส้นทางรถไฟสายใต้ ณ จังหวัดชุมพร ในเดือนมีนาคม ค.ศ. ๑๙๔๕ (พ.ศ. ๒๔๘๘)
รูปจาก http://www.awm.gov.au/view/collection/item/P02491.306/ พร้อมคำบรรยายรูปดังต่อไปนี้
Chumphon, Thailand. c. March 1945. RAF Liberator bomber aircraft in which flew many RAAF aircrews and US Army Air Force B-24 aircraft of Strategic Air Force, Eastern Air Command, carried out a long distance and highly successful attack on Japanese marshalling yards at Chumphon on the Kra Isthmus on the Malay peninsula. The Chumphon railway bridge on the Bangkok-Singapore railway which was attacked for the third time in a week by heavy bombers, is a vital supply link to the enemy. The low-level view from one of the RAF attacking Liberators illustrates the damage not only to the bridge itself but to the bridgehead and railway lines leading up to it.


วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556

รถไฟหัตถกรรม (เหมืองแร่) สถานีควนหินมุ้ย อำเภาหลังสวน จังหวัดชุมพร (ก่อนจะเลือนหายไปจากความทรงจำ ตอนที่ ๕๑) MO Memoir : Tuesday 24 December 2556

ในยุคที่การขนส่งทางรถยนต์ในประเทศยังมีข้อจำกัด ไม่ว่าด้านถนนหรือรถยนต์ การขนส่งทางรถไฟดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับการเดินทางทางบก โดยเฉพาะในสมัยที่ยังมีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ รถจักรไอน้ำก็สามารถใช้ไม้ฟืนจากแหล่งต่าง ๆ มาเป็นเชื้อเพลิงได้โดยไม่ต้องพึ่งพาน้ำมันเหมือนรถยนต์ เรียกว่าที่ไหนมีป่าไม้ รถไฟก็วิ่งได้ ในยุคสมัยนั้นข้อดีอีกอย่างของทางรถไฟคือสามารถเดินทางได้ทุกฤดูกาล
  
การใช้รถไฟหรือรถรางในการลำเลียงไม้หรือแร่ธาตุจากเหมือง มายังจุดรวบรวมหลักซึ่งอาจเป็นเส้นทางรถไฟหลักหรือท่าเรือก็เป็นวิธีการหนึ่งที่ใช้กันในอดีต นั่นจึงเป็นที่มาของรถไฟหัตถกรรมในบ้านเรา ซึ่งในปัจจุบันดูเหมือนว่าจะไม่เหลือรถไฟประเภทนี้ให้เห็นแล้ว (เว้นแต่ที่ตั้งเอาไว้เป็นอนุสาวรีย์) เพราะเมื่อป่าไม้และการทำเหมืองสิ้นสุด ความจำเป็นในการใช้รถไฟเพื่อกิจการดังกล่าวก็ยุติไปด้วย ทำให้เส้นทางรถไฟหัตถรรมที่มีอยู่นั้นถูกรื้อถอนออกไป แม้ว่าในบางพื้นที่พอป่าไม้เปลี่ยนไปเป็นไร่อ้อย รถไฟที่เคยใช้ขนไม้ก็เปลี่ยนมาเป็นขนอ้อยเข้าโรงงานน้ำตาลแทน แต่พอถนนและรถบรรทุกเริ่มแพร่หลายมากขึ้น รถไฟเหล่านั้นก็สูญหายไป
  
ในอดีตทางการได้มีการอนุญาตให้เอกชนสร้างและเดินรถไฟหัตถกรรมไว้หลายเส้นทาง ซึ่งสามารถสืบค้นได้จากราชกิจจานุเบกษา ที่น่าเสียดายประกาศในราชกิจจานุเบกษารุ่นเก่านั้นมักจะไม่มีแผนที่แนบ โดยเฉพาะประกาศที่ออกก่อนช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้ยากที่จะระบุตำแหน่งที่แน่นอนของเส้นทางเหล่านั้น
  
ราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๔๕ หน้า ๑๑๑๓-๑๑๑๔ วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๑ "แจ้งความกรมรถไฟหลวง เรื่องสร้างและเดิรรถไฟหัตถกรรม" ลงประกาศบริษัทที่ได้รับอนุญาตให้สร้างและเดิรรถไฟหัตถกรรม ๒ บริษัทด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือบริษัทเพ็นนินซูลาทินโนไลเอบิลลิตี้ โดยบอกว่าเริ่มจากสถานีควนหินมุ้ย ไปถึงเหมืองแร่ในหูด ตำบลนาขา อำเภอขันเงิน (รูปที่ ๑)
  
สถานีควนหินมุ้ยเป็นสถานีรถไฟสายใต้ ปัจจุบันตั้งอยู่ใน ตำบลนาขา อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร อยู่ระหว่างอำเภอสวี กับอำเภอหลังสวน (รูปที่ ๒) ในราชกิจจานุเบกษาบอกว่าอยู่ในอำเภอขันเงิน ซึ่งในปัจจุบันเป็นตำบลหนึ่งในอำเภอหลังสวน 
   
ในหนังสือ "The Railway Atlas of Thailand, Laos and Cambodia" โดย B.R. Whyte หน้า ๑๑๖-๑๑๗ กล่าวถึงเส้นทางรถไฟของบริษัท Peninsular Tin N.L. Co. เอาไว้ว่า ทางรถไฟเส้นนี้เริ่มจากสถานีควรหินมุ้ยไปทางทิศตะวันตกค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย (WNW) เป็นระยะทางประมาณ ๘๐๐ เมตร จากนั้นจึงเปลี่ยนทิศเป็นตะวันตกเฉียงเหนือ (NW) เป็นระยะทาง ๓๒๗๐ เมตร ก่อนจะเปลี่ยนทิศไปทางตะวันตกค่อนไปทางเหนือ (WNW) อีกครั้งเป็นระยะทาง ๑๐๘๐ เมตร ไปสิ้นสุดที่เหมืองแร่ที่ปัจจุบันคือบ้านในเหมือง จากนั้นเส้นทางก็มีการขยายไปทางตะวันตกและมีเส้นทางแยกขึ้นไปทางด้านทิศเหนือ ทำให้เส้นทางมีรูปร่างเหมือน "pitchfork - คราด" บริษัทล้มเลิกกิจการไปในวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๑ (ค.ศ. ๑๙๕๘)
  
ในแผนที่แนบท้ายกฎกระทรวงฉบับที่ ๑๘๓ (พ.ศ. ๒๕๐๖) ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๘๐ ตอนที่ ๙๐ วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๖ หน้า ๕๕๐-๕๕๑ ที่ประกาศให้ป่าพรุใหญ่ จังหวัดชุมพร เป็นป่าสงวนแห่งชาตินั้น มีปรากฏทางรถไฟเล็กไปเหมืองแร่จากบริเวณสถานีควนหินมุ้ย ทำให้สงสัยว่าแม้ว่าบริษัททำเหมืองจะเลิกกิจการไปตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๕๐๑ แต่เส้นทางดังกล่าวก็ยังคงอยู่มาจนถึงปีพ.ศ. ๒๕๐๖


รูปที่ ๑ จากราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๔๕ หน้า ๑๑๑๓-๑๑๑๔ วันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๑ "แจ้งความกรมรถไฟหลวง เรื่องสร้างและเดิรรถไฟหัตถกรรม" (คำว่า "เดิร" ในที่นี้สะกดตามราชกิจจานุเบกษาที่ใช้ "ร" ไม่ได้ใช้ "น"


รูปที่ ๒ แผนที่เส้นทางรถไฟของบริษัทเพ็นนินซูลาทินโนไลเอบิลลิตี้ จากหนังสือ "The Railway Atlas of Thailand, Laos and Cambodia" โดย B.R. Whyte ในส่วนของแผนที่ท้ายเล่ม แสดงแนวเส้นทางที่ไปยังบ้านในเหมือง (แยกไปทางด้านซ้ายล่าง) และทางแยกที่แยกขึ้นไปทางทิศเหนือ (แยกไปทางด้านซ้ายบน)


รูปที่ ๓ แผนที่ท้ายกฎกระทรวงฉบับที่ ๑๘๓ (พ.ศ. ๒๕๐๖) ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๘๐ ตอนที่ ๙๐ วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๖ หน้า ๕๕๐-๕๕๑ ปรากฏเส้นทางรถไฟไปเหมืองแร่อยู่ในวงแดง
  
เมื่อเทียบเส้นทางที่ B.R. Whyte กล่าวไว้ในหนังสือ "The Railway Atlas of Thailand, Laos and Cambodia" ของเขากับแผนที่ปัจจุบัน (รูปที่ ๔) ทำให้ระบุได้ว่าแนวทางรถไฟเดิมควรจะเป็นถนนที่ขนานไปกับเส้นสีแดงที่แสดงในภาพ คือเริ่มจากจุดที่ (1) สถานีรถไฟควนหินมุ้ยไปทางทิศตะวันตกค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย (WNW) เป็นระยะทางประมาณ ๘๐๐ เมตร จนมาถึงจุดที่ (2) จากนั้นจึงเปลี่ยนทิศเป็นตะวันตกเฉียงเหนือ (NW) มาตัดถนนสาย ๔๑ ในปัจจุบันที่จุดที่ (3) ไปเป็นระยะทาง ๓๒๗๐ เมตรจนถึงจุดที่ (4) ก่อนจะเปลี่ยนทิศไปทางตะวันตกค่อนไปทางเหนือ (WNW) อีกครั้งเป็นระยะทาง ๑๐๘๐ เมตร ไปสิ้นสุดที่เหมืองแร่ที่ปัจจุบันคือบ้านในเหมืองหรือจุดที่ (5)
  
ส่วนเส้นทางแยกที่มุ่งขึ้นเหนือ (ลูกศรสีเหลือง 6) นั้นไม่ชัดเจนว่าเริ่มต้นจากไหนและไปสิ้นสุดที่ไหน


รูปที่ ๔ แนวทางรถไฟเดิมจากสถานีรถไฟควนหินมุ้ย เทียบกับแผนที่ปัจจุบัน

ในแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่จะเวนคืน ในท้องที่อำเภอเมืองชุมพร อำเภอสวี อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร และอำเภอไชยา อำเภอท่าฉาง อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. ๒๕๐๒ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ ๘๖ ตอนที่ ๘๗ วันที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๒ หน้า ๓๘๕-๓๘๘ ที่เป็นการเวนคืนที่ดินเพื่อสร้างทางหลวงที่ปัจจุบันคือสาย ๔๑ นั้น ปรากฏเส้นทางรถไฟตัดแนวเวนคืนดังกล่าว (รูปที่ ๕) โดยระบุว่าสถานีควนหินมุ้ยนั้นอยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนถนนที่ระบุว่าเป็นทางยุทธศาสตร์เชื่อมระหว่างอำเภอหลังสวนกับจังหวัดชุมพรนั้น น่าจะเป็นถนนสาย ชพ ๗๐๒๘ ในปัจจุบัน (ดูรูปที่ ๔ ถนนเส้นที่เหลืองที่อยู่ใต้เส้นประสีแดง)

เส้นทางรถไฟของบริษัทเหมืองแร่สายนี้มีไปปรากฏในอีกที่หนึ่งคือแผนที่แนบท้ายกฎกระทรวงฉบับที่ ๒๔๘ (พ.ศ. ๒๕๑๐) เรื่องประกาศให้ป่าตังอาและป่าคลองโชน ในท้องที่ตำบลตะโก อำเภอสวี จังหวัดชุมพร เป็นป่าสงวนแห่งชาติ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๘๔ ตอนที่ ๑๑๙ วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๑๐ หน้า ๑๐๐๔-๑๐๐๕ (รูปที่ ๖) แนวเส้นทางที่ปรากฏนั้นวางตัวในแนวทิศเหนือ-ใต้ ขนานกับทางรถไฟสายใต้ โดยอยู่ทางด้านตะวันตกของทางรถไฟสายใต้ เส้นทางนี้น่าจะเป็นส่วนของเส้นทางที่แยกจากบ้านในเหมืองขึ้นมาทางทิศเหนือตามที่ B.R. Whyte กล่าวไว้ในหนังสือของเขา


รูปที่ ๕ แผนที่แนบท้ายราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ ๘๖ ตอนที่ ๘๗ วันที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๒ ปรากฏเส้นทางรถไฟทำเหมืองแร่ตัดแนวเขตที่จะทำการเวนคืน

รูปที่ ๖ แผนที่แนบท้ายกฎกระทรวงฉบับที่ ๒๔๘ (พ.ศ. ๒๕๑๐) ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๘๔ ตอนที่ ๑๑๙ วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๑๐ หน้า ๑๐๐๔-๑๐๐๕ ปรากฏแนวทางรถไฟของบริษัทเหมืองแร่เดิมในแนวเหนือ-ใต้อยู่ทางทิศตะวันตกของทางรถไฟสายใต้โดยห่างออกมาประมาณกิโลเมตรเศษ

เมื่อเทียบตำแหน่งของส่วนแยกขึ้นมาทางทิศเหนือ (รูปที่ ๖) กับแผนที่ปัจจุบัน (รูปที่ ๗) เส้นทางดังกล่าวน่าจะอยู่ตรงบริเวณจุดที่ 3 ในรูปที่ ๗ ตำแหน่งที่เป็นโรงเรียนเกษตรกรรมชุมพรในรูปที่ ๖ นั้นคือตำแหน่งของวิทยาลัยการเกษตรและเทคโนโลยีการเกษตรในรูปที่ ๗ แผนที่ดังกล่าวยังปรากฏแนวท่อน้ำเหมืองแร่ (อยู่หน้าคำว่า "อำเภอหลังสวน") ด้วย


รูปที่ ๗ จุดที่ 1 คือสถานีรถไฟควนหินมุ้ย จุดที่ 2 คือบ้านในเหมือง ส่วนจุดที่ 3 คาดว่าเป็นบริเวณตำแหน่งแนวเส้นทางรถไฟที่ไปปรากฏในแผนที่แนบท้ายกฎกระทรวงฉบับที่ ๒๔๘ (.. ๒๕๑๐) ที่แสดงในรูปที่ ๖

เส้นทางรถไฟหัตถรรมนั้นไม่ว่าจะเป็นรถไฟสำหรับการทำเหมืองแร่หรือป่าไม้ มักจะเป็นการบุกเบิกเข้าไปในบริเวณที่ยังไม่มีผู้คนเข้าไปอยู่อาศัยหรือมีคนอยู่น้อย สิ่งที่ตามมาก็คือการเกิดชุมชนขึ้นจากการมีรถไฟดังกล่าว เพราะนอกจากอุตสาหกรรมเหล่านั้นต้องการแรงงานคนในการทำเหมืองแร่หรือป่าไม้แล้ว ตัวอุตสาหกรรมเองยังบุกเบิกพื้นที่ที่เดิมเป็นป่านั้นให้คนเข้าไปจับจองเปลี่ยนแปลงเป็นพื้นที่ทางการเกษตร โดยผู้อยู่อาศัยก็ได้อาศัยรถไฟเหล่านี้ในการเดินทางเชื่อมต่อกับตัวเมืองที่อยู่ภายนอก และเมื่อเวลาเปลี่ยนไป เมื่อเส้นทางรถไฟถูกรื้อถอนไป แนวเส้นทางรถไฟเดิมนั้นก็มักกลายเป็นถนนให้ผู้คนทั่วไปสัญจรแทน