อาทิตย์ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๘
เรื่องนี้มีการทดสอบต่อเนื่อง และมีบันทึกเพิ่มเติมในเรื่อง "พีคที่เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างน้ำกับ packing ในคอลัมน์ GC" ใน Memoir ฉบับวันอาทิตย์ที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๘ ดังนั้นถ้าท่านใดมาอ่านเรื่องนี้ก็ขอให้ตามไปอ่านบันทึกฉบับวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๘ นั้นด้วย (กดที่ลิงค์ได้เลย)
เรื่องนี้สืบต่อมาจากฉบับเมื่อวาน คือยังคงเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
เรื่องนี้มีการทดสอบต่อเนื่อง และมีบันทึกเพิ่มเติมในเรื่อง "พีคที่เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างน้ำกับ packing ในคอลัมน์ GC" ใน Memoir ฉบับวันอาทิตย์ที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๘ ดังนั้นถ้าท่านใดมาอ่านเรื่องนี้ก็ขอให้ตามไปอ่านบันทึกฉบับวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๘ นั้นด้วย (กดที่ลิงค์ได้เลย)
เรื่องนี้สืบต่อมาจากฉบับเมื่อวาน คือยังคงเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
ตอนที่หาตำแหน่งพีคโทลูอีนนั้น
ก็พบว่ามันมีออกมาเพียงพีคเดียว
แต่ตอนที่วัดค่าการละลายอิ่มตัวของโทลูอีนในน้ำปราศจากไอออนหรือที่เรียกว่าน้ำ
DI
(ย่อมาจาก
Deionized
water) นั้นกลับพบพีค
๒ พีคด้วยกัน คือมีพีคเล็ก
ๆ หนึ่งพีคปรากฏอยู่หน้าพีคโทลูอีน
ขนาดของพีคนี้
(ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่หรือความสูง)
ไม่ขึ้นกับขนาดพีคโทลูอีนที่ปรากฏ
(ดูรูปที่
๑ ตรงลูกศรสีแดงชี้)
Flame
Ionisation Detector (หรือที่เรียกแบบย่อ
ๆ ว่า FID)
นั้นมองเห็นเฉพาะสารอินทรีย์ที่เผาไหม้ได้
ในกรณีนี้คำถามที่ต้องตอบก็คือสารอินทรีย์อีกตัวที่เห็นนั้นมันมาจากไหน
สมมุติฐานที่ลองตั้งเอาไว้ในใจตอนนั้นก็คือ
ข้อ
๑
สารปนเปื้อนนั้นมาจากภาชนะที่ใช้ในการทดลองหรือไม่ก็ตัวอุปกรณ์ที่ใช้
(magnetic
bar ที่ใช้ปั่นกวน
ท่อเก็บสารตัวอย่าง
เข็มที่ปนเปื้อน)
ข้อ
๒ สารปนเปื้อนนั้นมาจากน้ำ
DI
ที่นำมาใช้ในการทดลอง
ข้อ
๓ สารนั้นอยู่ในตัวโทลูอีนเองอยู่แล้ว
แต่มีอยู่ในปริมาณน้อยมาก
(trace
amount) เมื่อฉีดโทลูอีนบริสุทธิ์จากขวดก็เลยถูกพีคโทลูอีนบดบังเอาไว้
แต่เมื่อนำโทลูอีนมาผสมกับน้ำ
DI
สารปนเปื้อนนี้ละลายน้ำได้ดีกว่าโทลูอีนมากก็เลยมาปรากฏให้เห็นชัดเมื่อนำน้ำ
DI
ที่ต้องการวัดค่าการละลายของโทลูอีนมาฉีดวิเคราะห์
เพื่อทำการทดสอบหาว่าพีคดังกล่าวมาจากไหน
จึงได้ให้ไปนำน้ำ DI
ที่ใช้ในการทดลองนั้นมาฉีด
GC
ดู
โดยใช้ภาชนะใบใหม่ไปบรรจุน้ำ
(ล้างภาชนะนั้นด้วยน้ำ
DI
ก่อน
ก่อนเติมน้ำ DI
มาทดลองฉีด)
ในรูปที่
๒ นั้นโครมาโทแกรมรูปบนได้มาจากการฉีดน้ำที่มีโทลูอีนละลายอยู่
โครมาโทแกรมรูปกลางได้มาจากการนำเอาน้ำ
DI
จากถังมาฉีด
จะเห็นว่ายังปรากฏพีคสารปนเปื้อนนั้นเหมือนเดิม
และขนาดพีคสารปนเปื้อน
(ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่หรือความสูง)
ก็ประมาณเดียวกับที่เห็นก่อนหน้านี้ในรูปที่
๑ ส่วนพีคโทลูอีนที่ปรากฏนั้นเป็นโทลูอีนที่ปนเปื้อนอยู่ที่เข็ม
(เพราะใช้เข็มตัวเดิมในการฉีด)
ก็เลยให้ทำการล้างเข็มใหม่อีกด้วยน้ำ
DI
และฉีดซ้ำอีกครั้ง
ก็ได้โครมาโทแกรมดังที่ปรากฏในภาพล่างที่ยังคงมีพีคสารปนเปื้อนปรากฏในขนาดประมาณเท่าเดิม
ส่วนพีคโทลูอีนนั้นมีขนาดเล็กลงไปมาก
จึงสรุปได้ว่าพีคดังกล่าวมาจากสารที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำ
DI
ที่ใช้ในการทดลอง
ผลการทดลองนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความว่องไวในการตรวจวัดสารอินทรีย์ของตัวตรวจวัดชนิด
FID
แม้ว่าจะทำการล้างเข็มฉีดด้วยน้ำ
DI
ซ้ำหลายครั้งก็ยังปรากฏพีคโทลูอีน
(ที่ติดมากับน้ำ
DI
ที่ทดสอบวัดค่าการละลาย)
ให้เห็น
สาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะโทลูอีนละลายน้ำได้น้อย
จึงไม่สามารถล้างโทลูอีนที่เกาะติดอยู่ที่เข็มฉีดให้หมดไปได้ง่าย
ๆ
ในกรณีนี้วิธีการที่ดีกว่าคือการล้างเข็มด้วยตัวทำละลายที่ละลายได้ทั้งในน้ำและในโทลูอีนก่อน
(เช่นอะซีโทนหรือเอทานอล)
เพื่อล้างโทลูอีนออกจากเข็ม
จากนั้นจึงค่อยล้างเข็มด้วยน้ำ
DI
อีกทีหนึ่ง
เพื่อล้างตัวทำละลายนั้นออกไป
ผลการทดลองนี้ยังแสดงให้เห็นปัญหาที่อาจเกิดถ้าทำการวัดความบริสุทธิ์ของน้ำด้วยการวัดค่าการนำไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว
น้ำบริสุทธิ์นั้นมีค่าการนำไฟฟ้าต่ำมาก
และถ้ามีไอออนละลายอยู่ก็จะมีค่าการนำไฟฟ้าสูงขึ้น
แต่ถ้าสารที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำนั้นมีค่าการนำไฟฟ้าที่ต่ำกว่าน้ำ
(เช่นพวกสารอินทรีย์ที่ไม่มีขั้วหรือมีขั้วน้อย)
การวัดค่าการนำไฟฟ้าก็จะไม่ฟ้องให้เห็นการปนเปื้อนสารเหล่านี้
วันนี้เป็นวันที่สาวน้อยที่เคยเป็นสมาชิกรายหนึ่งของกลุ่มที่สำเร็จการศึกษาไปหลายปีแล้ว
จะมีพิธีแต่งงานที่บ้านเกิดที่ประจวบคีรีขันธ์
ก็ขออวยพรให้คู่บ่าวสาวประสบแต่ความสุขความเจริญในชีวิตครอบครัวที่กำลังจะสร้างขึ้นมาใหม่นี้ตลอดไปชั่วกาล
สวัสดี :)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น