เนื้อหาในบันทึกฉบับนี้นำมาจากหนังสือที่เขียนโดย
Prof.
Trevor A. Kletz ๒
เล่มด้วยกัน
เล่มแรกคือ
"What
went wrong? Case history of process plant disasters"
จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์
Gulf
Publishing เล่มที่ผมมีเป็นการพิมพ์ครั้งที่
๒ ในปีค.ศ.
๑๙๘๘
(พ.ศ.
๒๕๓๑)
หนังสือนี้พิมพ์ครั้งแรกในปีค.ศ.
๑๙๘๕
[1]
เล่มที่สองคือ
"Lessons
from disaster. How organisations have no memory and accidents recur"
จัดพิมพ์โดย
Institute
of Chemical Engineers ปีค.ศ.
๑๙๙๓
(พ.ศ.
๒๕๓๖)
[2]
Prof.
Kletz นั้นทำงานอยู่กับบริษัท
ICI
มาก่อน
หลังจากที่เกษียณอายุแล้วจึงได้มาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย
Loughobrough
ประเทศอังกฤษ
สำหรับผู้ที่กำลังเรียนหนังสืออยู่หรือเพิ่งจะเริ่มทำความรู้จัก
Atmospheric
tank ขอแนะนำให้อ่าน
Memoir
๒
ฉบับก่อนหน้านี้ประกอบ
เพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้น
ปีที่
๓ ฉบับที่ ๓๐๑ วันศุกร์ที่
๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ เรื่อง
"การควบคุมความดันในถังบรรยากาศ (Atmospheric tank)"
รูปที่
๑
ถังใบนี้ถูกอัดด้วยความดันบรรยากาศในขณะที่ทำการระบายของเหลวออกจากถัง
ทั้งนี้เป็นเพราะ flame
arrester ที่ติดตั้งอยู่บนท่อระบายอากาศจำนวน
๓ ท่อไม่ได้รับการทำความสะอาดเป็นเวลานานกว่า
๒ ปี [2]
Atmospheric
tank ส่วนใหญ่ออกแบบมาเพื่อรับความดันภายในไม่เกิน
8
นิ้วน้ำ
(ความดัน
8
นิ้วน้ำไม่ใช่ความดันที่สูงเลย
ขวดบรรจุน้ำดื่มขนาด 600
ml ก็มีความสูงกว่า
8
นิ้วแล้ว)
และรับความดันสุญญากาศ
(คือความดันภายในต่ำกว่าบรรยากาศ)
ไม่เกิน
2.5
นิ้วน้ำ
(ความดันที่ก้นถ้วยกาแฟ)
ในทางวิศวกรรม
ความดันต่ำ ๆ
จะใช้หน่วยเป็นเทียบเท่าความสูงของน้ำ
ส่วนจะเป็นนิ้วน้ำหรือเซนติเมตรน้ำก็แล้วแต่ประเทศผู้ใฃ้
เวลาที่ของเหลวไหลออกจากถัง
ปริมาตรช่องว่างเหนือของเหลวจะเพิ่มมากขึ้น
จำเป็นต้องมีอากาศจากภายนอก
(หรือแก๊สอื่น)
ไหลเข้าไปข้างในเพื่อรักษาความดันภายในถังไว้ไม่ให้ต่ำเกินไป
ไม่เช่นนั้นถังจะถูกแรงกดอากาศภายนอกบีบอัดให้ถังยุบตัว
(ทั้งลำตัวและฝา)
ในทางกลับกันเวลาที่มีการเติมของเหลวเข้าไปในถัง
ปริมาตรช่องว่างเหนือของเหลวจะลดลง
จำเป็นต้องให้อากาศ (หรือแก๊ส)
ที่อยู่เหนือผิวของเหลวระบายออกไป
เพื่อป้องกันไม่ให้ความดันภายในถังสูงเกินไป
ไม่เช่นนั้นฝาถังจะถูกแรงดันภายในถังดันให้เปิดออก
(การออกแบบถัง
จะให้รอยเชื่อมต่อระหว่างลำตัวกับฝาถังเป็นจุดอ่อน
เวลาที่ความดันภายในถังสูงเกินไปรอยเชื่อมนี้จะฉีกขาดก่อน
ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ส่วนลำตัวเกิดความเสียหาย
ซึ่งจะทำให้ของเหลวที่บรรลุอยู่ภายในรั่วไหลออกมาภายนอกได้)
รูปที่
๒ รูระบายอากาศ (vent)
อุดตันเนื่องจากพอลิเมอร์ที่เกิดขึ้น
[1]
ของเหลวที่บรรจุอยู่ในถังได้รับการเติมตัวยับยั้ง
(inhibitor)
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการพอลิเมอร์ไรซ์
แต่ตัวยับยั้งนั้นอยู่แค่ในส่วนที่เป็นของเหลวเท่านั้น
ไอระเหยของของเหลวในถังจึงมีโอกาสเกิดการพอลิเมอร์ไรซ์กลายเป็นของแข็ง
และเมื่อเกิดขึ้นที่บริเวณรูระบาย
จึงทำให้เกิดปัญหาในการรักษาความดันในถัง
ถังเก็บสารใบหนึ่งฝาถังเกิดการยุบตัวเนื่องจากความดันในถังลดต่ำลงเกินไป
(เฉพาะส่วนฝาที่เกิดการยุบตัว
ส่วนลำจตัวไม่ได้รับความเสียหาย)
วิศวกรผู้ดูแลตัดสินใจที่จะทำให้ฝาถังกลับคืนสภาพเดิมด้วยการใช้ความดันน้ำ
วิธีการของเขาก็คือทำการเติมน้ำให้เต็มถังก่อน
เมื่อเขากลับมาตรวจการทำงานอีกครั้งหลังจากที่เติมน้ำเต็มถังแล้วก็พบว่าโอเปอร์เรเตอร์กำลังทำการต่อปั๊มไฮดรอลิกทำงานด้วยมือ
(ที่ใช้ในการทดสอบความแข็งแรงของท่อ)
เข้ากับตัวถัง
เขาจึงสั่งให้ถอดปั๊มดังกล่าวออก
แล้วก็นำท่อตรงยาวประมาณ
1
m มาต่อเข้ากับท่อระบายอากาศให้สูงขึ้นไปในแนวดิ่ง
จากนั้นจึงค่อย ๆ
ใช้สายยางเติมน้ำลงไปทางท่อที่ต่อเอาไว้อย่างช้า
ๆ (รูปที่
๓)
และระหว่างที่ค่อย
ๆ ทำการเติมน้ำเข้าไปนั่นเอง
ฝาถังก็ค่อย ๆ ถูกดันกลับคืนสู่สภาพเดิม
รูปที่
๓ การแก้ปัญหาฝาถังยุบตัวด้วยการเติมน้ำลงไปจนเต็มถัง
จากนั้นต่อท่อในแนวดิ่งเข้าที่ท่อระบายอากาศ
และค่อย ๆ เติมน้ำลงไปทางท่อที่ต่อเอาไว้อย่างช้า
ๆ [1]
สิ่งที่ต้องการเพื่อให้ฝาถังกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิมคือ
"ความดัน"
ซึ่งในที่นี้มีตัวเลือกอยู่
๒ ตัวกันคือความดันจากของเหลวและความดันจากแก๊ส
โดยปรกติในเมื่อสร้างถังเสร็จนั้นก็จะทำการทดสอบความแข็งแรงของโครงสร้างและฐานรากด้วยการเติมน้ำเข้าไปจนเต็ม
(แม้ว่าถังนั้นจะใช้บรรจุของเหลวที่มีความหนาแน่นต่ำกว่าน้ำก็ตาม)
ดังนั้นการเติมน้ำเข้าไปจนเต็มถังจึงไม่ใช่ปัญหา
(เพียงแค่ถ้าเป็นถังขนาดใหญ่ก็อาจจะเห็นว่ามันเปลืองน้ำเท่านั้นเอง)
ของเหลวนั้นไม่สามารถอัดให้มีปริมาตรเล็กลงได้
ในขณะที่ค่อย ๆ
เติมน้ำเข้าไปในถังนั้นความดันเหนือผิวของเหลวในถังจะเพิ่มขึ้น
(ตามความสูงของน้ำที่อยู่ในท่อในแนวดิ่ง)
และเมื่อปริมาตรในถังเพิ่มขึ้นเนื่องจากฝาถังถูกดันให้เคลื่อนตัวขึ้นข้างบน
ความดันที่กระทำต่อฝาถังก็จะลดลงทันที
ดังนั้นจึงเป็นเสมือนกับการค่อย
ๆ ให้ความดันอย่างช้า ๆ
ดันฝาถังกลับ
การใช้น้ำยังปลอดภัยกว่าการใช้อากาศอัดความดัน
เพราะอากาศนั้นถูกอัดให้มีปริมาตรเล็กลงได้
เมื่อปริมาตรในถังเพิ่มขึ้นเนื่องจากฝาถังถูกดันให้เคลื่อนตัวขึ้นข้างบน
ความดันที่กระทำต่อฝาถังจะไม่ลดลงในสัดส่วนเดียวกันกับปริมาตรที่เพิ่มขึ้น
และถ้าใช้ความดันอากาศที่ความดันสูงเกินไป
แทนที่ฝาถังจะค่อย ๆ
ถูกดันกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิมอาจกลายเป็นว่าฝาถังปลิวออกเนื่องจากความดันในถังนั้นสูงจนสามารถฉีกรอยเชื่อมระหว่างส่วนฝาถังกับลำตัวให้ขาดออกจากกันได้
ดังนั้นถ้าคิดจะใช้อากาศอัดความดัน
จึงควรต้องคำนึงถึงประเด็นนี้ให้ดีด้วย
เรื่องนี้ยังไม่จบนะครับ ยังมีต่อ
เรื่องนี้ยังไม่จบนะครับ ยังมีต่อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น