ขึ้นปีพ.ศ.
ใหม่ก็ได้เวลาสำหรับเก็บรวบรวมว่าในช่วงปีพ.ศ.
๒๕๖๑
มีอะไรเกิดขึ้นกับ blog
บ้าง
ปีที่ผ่านมาเขียนบทความไปทั้งสิ้น
๑๕๔ บทความ ๘๐๐ หน้ากระดาษ
A4
เศษ
ๆ เรียกว่าจำนวนบทความลดต่ำกว่ากว่าปีที่แล้วเกือบ
๔๐ บทความ
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่าการติดตั้งอุปกรณ์และการทำการทดลองค่อนข้างจะลงตัว
บทความชุดที่ขึ้นต้นด้วย
"แนวทางหัวข้อการทำวิทยานิพนธ์"
จึงลดน้อยลงไปมาก
และอีกอย่างก็คือเนื้อหาที่เกี่ยวกับงานวิศวกรรมศาสตร์ที่มีอยู่ในมือ
ก็ได้นำลง blog
ไปเกือบหมดแล้ว
งานเขียนในปีนี้
ในส่วนงานวิชาการก็วางแผนว่าจะเขียนในส่วนที่เป็นความรู้พื้นฐานให้มากขึ้น
เพราะดูเหมือนว่าตอนนี้ปัญหาทำนองนี้เริ่มรุนแรงมากขึ้นทุกที
แม้ว่าคนรุ่นใหม่จะมีความรู้ในเรื่อง
"การใช้"
สิ่งใหม่
ๆ มากขึ้น
แต่การที่จะพัฒนาอะไรที่เป็นสิ่งใหม่ขึ้นมาเองได้นั้นจำเป็นต้องตั้งอยู่บน
"พื้นฐานที่มั่นคง"
ไม่ใช่ทำแค่เพียงรอคอยให้คนอื่นเริ่มทำอะไรใหม่
ๆ ขึ้นมาก่อน
จากนั้นจึงนำสิ่งที่คนอื่นทำเอาไว้ก่อนนั้นมาดัดแปลงแล้วก็เรียกว่า
"ต่อยอด"
มันเหมือนกับการทำอาหารนั่นแหละครับ ถ้าอยากได้อะไรแปลกใหม่ก็ต้องเดินทางไปเสาะแสวงหาวัตถุดิบพื้นฐานของแต่ละถิ่น จากนั้นจึงค่อยนำมาทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ ไม่ใช่รอให้มีคนทำเป็นอาหารกระป๋องก่อน แล้วค่อยนำมาปรับแต่ง
ข้อมูลที่นำมารวบรวมไว้เป็นข้อมูลที่
blog
สะสมเอาไว้ตั้งแต่เริ่มเขียน
(มันมีความล่าช้าในการ
update
ข้อมูลอยู่บ้าง)
สำหรับข้อมูลในปีที่ผ่านมานั้นดูเหมือนจะได้มีผู้เข้ามาอ่านจากบางประเทศที่ไม่เคยคาดคิดเข้ามาก่อน
ที่เข้ามาอ่านเป็นจำนวนมาก
(จนบางทีก็สงสัยว่า
blog
กำลังจะโดน
hack
หรือเปล่า)
คือจากรัสเซียและยูเครน
ส่วนช่วงเวลาที่มีผู้เข้ามาอ่านมากก็คือช่วงเปิดเทอมและฝึกงาน
และเป็นเรื่อง "พื้นฐานทางช่าง"
เป็นหลัก
จำนวนครั้งของการเข้ามาเยี่ยมชมเมื่อปีที่แล้วคื
๒๙๙,๖๖๒
ครั้ง คิดเฉลี่ยได้ ๘๒๑
ครั้งต่อวัน
ก็เรียกได้ว่าแม้จำนวนผู้เข้าชมจะลดลงเมื่อเทียบกับ
๒ ปีก่อนหน้า
แต่ก็ยังคงระดับค่าเฉลี่ยไว้ที่เกินกว่า
๘๐๐ ครั้งต่อวันได้เป็นปีที่
๓ ติดต่อกัน
และบทความพวกหนึ่งที่ปรกติจะไม่ค่อยมีใครเข้ามาอ่าน
แต่มักจะมีเข้ามาเป็นบางช่วงเวลาก็คือเรื่องราวต่าง
ๆ ในอดีตที่ผ่านมา
โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับ
"รถไฟบรรทุกไม้"
ที่ศรีราชา
ซึ่งปีนี้รู้สึกดีใจที่เรื่องราวเกี่ยวกับรถไฟสายนี้ได้ช่วยให้กลุ่มบุคคลผู้ต้องการศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของตนเอง
ได้มีจุดเริ่มต้นในการศึกษา
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงชิ้นต่อเล็ก
ๆ ในภาพใหญ่ทั้งหมดของประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
รูปแบบการเข้าชมอีกแบบหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไปคือมีการเข้าชมผ่านทางโทรศัพท์มือถือมากขึ้น
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะบริการอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือที่ราคาต่ำลงมากและจำนวนผู้เข้าถึงก็มีมากขึ้น
และรูปแบบการเรียนการสอนที่ทำให้ผู้เรียนสามารถดาวน์โหลดเอกสารต่าง
ๆ ไว้บนมือถือหรือเครื่อง
tablet
ของตนเองโดยไม่จำเป็นต้องแบกชีทมาเรียน
ส่วนการเข้าถึงบทความพบว่าส่วนใหญ่ยังคงเป็นการใช้คำสำคัญหรือ
key
word ต่าง
ๆ ค้นหาผ่านทาง google
เป็นหลัก
(การใช้
search
engine ตัวอื่นมีน้อยมาก)
ในกรณีของการเข้าถึงผ่านทางคอมพิวเตอร์นั้นพบว่า
web
browser ตัวหลักที่ใช้กันก็คือ
Chrome
(แต่ตัวผมเองชอบใช้
Firefox
มากกว่า
Chrome
ยกเว้นการอ่านบนมือถือที่พบว่า
Chrome
เสถียรกว่า
Firefox)
นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมายังได้มีโอกาสได้ทำพบกับอาจารย์บางท่าน ที่ตอนสมัยทำเขาเรียนปริญญาเอกอยู่ต่างประเทศนั้น เขาแวะเข้ามาอ่าน blog ผมเป็นประจำเพราะต้องการความรู้เพื่อนำไปใช้ในการทำวิจัย (แปลกดีนะครับ ได้ไปเรียนต่างประเทศแต่ยังต้องค้นหาความรู้ที่ต้องใช้เรียนในรูปแบบภาษาไทย) โดยไม่รู้ว่าคนเขียนเป็นใคร ทั้ง ๆ ทีชื่อผมก็ปรากฏอยู่บนหน้า blog ในกล่อง "จากผู้เขียนถึงผู้อ่าน"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น