แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ คำอาลัยจากเพื่อน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ คำอาลัยจากเพื่อน แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557

อีกนิดเดียว อีกนิดเดียวเท่านั้น MO Memoir : Sunday 12 October 2557

"...แก้มของน้อง มือของน้อง พี่หอมเจ้าทุกครั้งที่เจอตั้งแต่เล็กจนโต บ่อยครั้งที่เจ้ารำคาญ แต่พี่ไม่สนใจหรอก เพราะน้องเป็นน้องรักของพี่ พี่รักเจ้ามากมากเหลือเกิน ใจพี่จะขาด มาหาพี่นะคนดี น้องรัก..."

ประโยคข้างบนผมไม่ได้เขียนเองหรอกครับ แต่รู้สึกประทับใจมากทันทีเมื่อได้อ่าน เพราะมันบอกเล่าถึงความรู้สึกผูกพันที่มีมาตลอดชีวิต ของพี่สาวคนหนึ่งที่มีต่อน้องชายของเขาตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาได้อย่างชัดเจนที่สุดและสมบูรณ์แบบในตัว
  
ตอนที่เขายังเรียนหนังสืออยู่ที่ภาควิชานั้น ผมก็เจอกับเขาบ่อยครั้ง เพราะผมขึ้นไปชงกาแฟกินที่แลปเป็นประจำ และแถวโต๊ะทำงานของเขาก็ใช้เป็นที่เก็บกาแฟที่ผมกับนิสิตปริญญาเอกที่อยู่บริเวณนั้น สลับสับเปลี่ยนกันซื้อมาเติม และเราก็ได้ใช้เวลาในการค่อย ๆ จิบการแฟร้อนไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหมดแก้วนั้น สนทนากันในเรื่องต่าง ๆ
  
ในแต่ละเดือนจะมีอยู่อย่างน้อยหนึ่งครั้งที่เขาจะหายตัวไปจากแลป ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาต้องไปเฝ้าดูแลน้องชายที่เดินทางจากต่างจังหวัดมารักษาตัวที่โรงพยาบาลในกรุงเทพ
  
จนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทางครอบครัวของเขาได้ตัดสินใจแล้วว่าจะลองเสี่ยงส่งน้องชายของเขาเดินทางไปรักษายังต่างประเทศ การเดินทางไปรักษายังต่างประเทศครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะมีค่าใช้จ่ายสูง แต่ยังต้องใช้เวลานานอีกด้วย โดยอาจกินเวลานานหลายเดือน และแม้ว่าจะมีความเสี่ยงสูง แต่ก็มองไม่เห็นทางเลือกอื่นที่จะดีกว่านี้ ได้ยินมาว่าเขาเองใช้วันหยุดทั้งหมดในรอบปีที่มีอยู่นั้น ขอลาหยุดงานเพื่อการเดินทางไปดูแลน้องชายเขาในช่วงแรกของการรักษา
  
เหตุการณ์จากนั้นเป็นอย่างไรบ้างนั้น เขาก็ได้บันทึกเอาไว้บนหน้า facebook ของเขา ซึ่งผมได้ขออนุญาตเจ้าของ facebook และได้รับอนุญาตเพื่อนำมาลงเอาไว้ในที่นี้แล้ว

อังคาร ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗

ครั้งหนึ่งในชีวิตค่ะ...เดินทางพาน้องชายไปรักษาตัวที่สหรัฐอเมริกา...ขอเรากลับมาปลอดภัยและหายดี _/\_ — กำลังเดินทางไปที่ San Francisco กับ ที 'เดียว จาก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ | Suvarnabhumi Airport BKK

อาทิตย์ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๗

ธี : ทำไมฟันล่างพี่กรีสห่างจัง
กรีส : พี่ไม่ได้เหลาฟันล่างอ่ะ เหลาแต่ฟันข้างบนอ่ะ.. ธีเหลาป่ะ
ธี : ธีไม่ได้เหลาฟัน...แต่ธีหล่อเหลา
กรีส : 0,o
‪#‎น่าจะเป็นผลมาจากอาหารแซบ‬^^
— กำลังรับประทาน dinner กับ ที 'เดียว ที่ Public Market Emeryville


อาทิตย์ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๕:๒๕ น.

บันทึกความทรงจำครอบครัวธาลัสซีเมีย

"ธาลัสซีเมีย" หรือโรคเลือดจางซึ่งเกิดจากพันธุกรรม โรคนี้เรารู้จักดีผ่านทางน้องชายจนถือได้ว่าเป็นครอบครัวเดียวกันเลยทีเดียว
น้องธีรับการรักษาตามลักษณะอาการของโรคมาเป็นเวลาเกือบ 20 ปีแล้ว ทั้งการผ่าตัดเอาม้ามออก การรับเลือดทุกเดือนและการฉีดยาขับเหล็ก....

สิ่งที่ทรมานที่สุดเห็นจะเป็นการฉีดยาขับเหล็ก ซึ่งต้องเอาเข็มคาไว้ใต้ผิวหนังเป็นเวลา 7 ชม. โดยฉีดสัปดาห์ละ 5 วันโดยประมาณ....

ในที่สุด ครอบครัวเราตกลงกันว่าจะรักษาน้องให้ถึงที่สุดและวันนี้ก็มาถึง
การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของครอบครัวเรา....
การเปลี่ยนถ่าย stem cells จากแม่สู่น้องชาย....
ให้ชีวิตใหม่กับลูกอีกครั้งนึงของผู้เป็นแม่ สิ้นสุดการมีกรุ๊ปเลือด A ของน้องธี (04/05/2536-23/09/2557) เปลี่ยนกรุ๊ปเลือดเป็น AB นับจากนี้เป็นต้นไป....

ขอให้น้องธีปลอดภัยและหายดี _/\_

ท้ายนี้...
ขอบคุณเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ (จำได้ว่าการรักษาแบบนี้เมื่อสิบปีที่แล้วยังไม่มี)
ขอบคุณพ่อกับแม่ที่พยายามทุกทางเพื่อให้น้องหายดี
ขอบคุณน้องชายที่เข้มแข็งมาจนถึงวันนี้
ขอบคุณญาติพี่น้องทุกคนที่ช่วยทั้งกำลังทรัพย์และกำลังใจ
ขอบคุณผู้ร่วมเดินทางผ่านเส้นทางการรักษาทั้งในและต่างประเทศ
ขอบคุณและสวัสดีค่ะ_/\_

— รู้สึกมีความหวังกับ ที 'เดียว ที่ โรงพยาบาลสมิตติเวช ศรีนครินทร์

สัปดาห์ที่แล้วระหว่างเดินกลับมายังตึกทำงาน

"อาจารย์คะ อาจารย์" เสียงเรียกที่คุ้นเคยดังมาจากทางข้างหลัง ผมเลยหันกลับไปดู ก็พบว่าเป็นเขานั่นเอง

เรามีเวลาสั้น ๆ บนทางเดินก่อนที่จะถึงทางแยกที่จะแยกจากกันนั้น ในการถามถึงสารทุกข์สุขดิบ และ
ผลการเดินทางไปยังต่างประเทศของเขา

ไม่กี่วันถัดมา ข้อความข้างล่างก็ปรากฏขึ้นบนหน้า facebook ของเขา


ศุกร์ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๗ เวลา ๒๑.๑๑ น.


ขอเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวที่ได้อุทิศเวลากว่า ๒๐ ปีที่ผ่านมาในการดูแลบุคคลอันเป็นที่รักของเขา
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวดังกล่าวที่ต้องสูญเสียบุคคลอันที่เป็นที่รักยิ่งของเขาไป

บางครั้ง การหมดสิ้นภาระอันหนักอึ้งที่ต้องแบกรับนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าจะนำมาซึ่งความสุขของผู้ที่ต้องแบกรับภาระดังกล่าวนั้นเสมอไป

วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2553

ร่มเกล้า ธุวธรรม MO Memoir : Sunday 11 April 2553


ด้วยว่าโรงเรียนที่เรียนมาด้วยกันนั้น เวลาที่ใครอยู่ห้องไหนก็จะอยู่ห้องนั้นด้วยกันตั้งแต่ ป.๑ ไปจนถึง ม.๓ ช่วง ม.๓ ขึ้น ม.๔ ก็จะมีเพื่อน ๆ ย้ายโรงเรียน ทางโรงเรียนก็จะมีการจัดแบ่งห้องใหม่ ทำให้ผมกับมันได้มาเรียนอยู่ห้องเดียวกันในช่วงม.ปลาย

ตอนแรกคิดว่ามันจะเลือกเรียนวิศวด้วยกัน และมันก็จบวิศวด้วย แต่จบจากโรงเรียนนายร้อยทหารบก จากนั้นก็ทราบข่าวว่าได้ไปอยู่แถวชายแดนไทย-กัมพูชา ปะทะกับกองกำลังแถวนั้นก็หลายครั้ง บางครั้งก็ต้องจัดการกับพวกขโมยรถไปขายต่างประเทศ

ตอนผมเรียนจบจากต่างประเทศ มาแต่งงานมีครอบครัวอยู่ที่ชลบุรี ก็มาทราบข่าวว่ามันมาเป็นนายทหารอยู่ที่ค่ายทหารตรงถนนสุขุมวิทก่อนถึงตัวจังหวัดชลบุรี

จากนั้นเราก็ไม่ค่อยเจอกัน เว้นแต่วันที่มีงานรวมรุ่นโรงเรียน (ซึ่งผมก็ไม่ค่อยจะได้ไป) ได้รับการติดต่ออีกทีจากมันเรื่องหาคนที่รู้จักการอ่านแผนที่ดาวเทียม (จำได้ว่าเป็นช่วงหลังเหตุการเผาสถานฑูตไทยมาพักหนึ่งแล้ว) ผมก็เลยพามันไปหาเพื่อนที่เป็นอาจารย์ที่เชี่ยวชาญด้านนี้ เพื่อแนะนำให้รู้จักกัน วันแรกที่เขาไปพบกันนั้นผมนั่งฟังสองคนคุยกันอยู่ร่วม ๓ ชั่วโมง (โดยที่ไม่ค่อยรู้เรื่องว่าเขาคุยอะไรกัน) ดูเหมือนว่าช่วงนั้นมันจะทำงานด้านปราบปรามการบุกรุกป่า

พบกันอีกทีช่วงหลังปฏิบัติ ทราบว่ามันได้รับคำสั่งให้เป็นผู้นำทหารเข้ายึดทำเนียบรัฐบาล หลังจากนั้นอีกประมาณหนึ่งปี ผมก็ได้รับการ์ดเชิญให้ไปร่วมงานแต่งงานของเขาที่โรงแรมแห่งหนึ่งบนถนนพระราม ๑ บรรยากาศของงานวันนั้นสนุกสนานมาก เพื่อนร่วมโรงเรียนต่างเฝ้ารอคอยเวลาสำคัญ คือเวลาที่เจ้าบ่าวจะร้องเพลงที่มันพูดไว้ตั้งแต่สมัยอยู่โรงเรียนแล้วว่าถ้ามันแต่งงานเมื่อใดมันจะร้องเพลงนี้ให้เจ้าสาวฟัง ซึ่งก็ต้องใช้เวลากว่า ๒๐ ปีกว่าที่มันจะได้ร้องเพลงนี้ และนั่นเป็นการที่ผมได้พบและพูดคุยกับเขาเป็นครั้งสุดท้าย

จากสถานการณ์บ้านเมืองที่มีผู้พยายามก่อความเสียหายโดยเห็นแก่เงินและอำนาจที่ตัวเองจะได้ในช่วงเมษายนปีที่แล้ว ทำให้เขาต้องออกมาปฏิบัติหน้าที่ในกรุงเทพอีก ผมเห็นข่าวเขาอีกครั้งตอนที่ต้องไปชี้แจงให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ใคร ๆ ก็ดูออกว่าอยู่ฝ่ายไหน ในการซักถามนั้นทางผู้แทนเหล่านั้นพยายามจะบังคับให้พูดว่าทหารใช้อาวุธฆ่าประชาชน และพยายามจะบังคับให้กล่าวหาผู้สั่งการ แต่เขาก็ยืนยันว่าทหารที่ปฏิบัติการนั้นไม่ได้ใช้อาวุธยิงประชาชน และก็ไม่มีผู้ใดเสียชีวิต และการสั่งการนั้นก็เป็นไปตามลำดับขั้นตอน

ก่อนหน้านั้นมันถูกส่งไปปฏิบัติงา่นใน ๓ จังหวัดชายแดนใต้ ก่อนจะลงไปมันยังบ่นเลยว่าไม่รู้ว่าจะให้ไปยิงกับใคร แต่ก็ต้องไปปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งที่ได้รับ เพื่อไปแก้ปัญหาความไม่สงบที่คนที่ก่อเรื่องไว้ได้หนีไปต่างประเทศแล้ว

ผมได้รับส.ค.สปีใหม่จากมันเป็นประจำ แต่ไม่เคยส่งกลับไป เพราะแต่ละครั้งที่มาดูเหมือนว่าจะย้ายจังหวัดไปเรื่อย ๆ จนไม่รู้ว่าขณะนั้นไปประจำอยู่ที่ชายแดนส่วนไหนของประเทศ

เมื่อตอนดึกได้ยินผู้สื่อข่าวประกาศว่ามีนายทหารยศพันเอกนายหนึ่งได้รับบาดเจ็บจากอาวุธที่ยิงมาจากกลุ่มผู้ชุมนุม ตอนมาถึงโรงพยาบาลนั้นเจ้าหน้าที่ต้องปั๊มหัวใจมาตลอดทาง ผมได้ยินเขาประกาศแต่ชื่อ แต่ในขณะนั้นข่าวก็สับสน ตอนเช้ามืดเปิดดูข่าวทางเน็ตก็พบรายงานข่าวว่าสามารถปั๊มหัวใจให้ฟื้นขึ้นมาได้

แต่พอตอนหลังแปดโมงก็มีรายงานข่าวว่ามีนายทหารเสียชีวิต ๑ นาย แต่ยังไม่มีการประกาศชื่อ ต่อมาสักพักก็มีการประกาศชื่อนายทหารยศพันเอกพิเศษที่เสียชีวิตที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า

ผมขับรถไปซื้อหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ที่ร้าน ข่าวหนังสือพิมพ์ที่ปิดข่าวประมาณเที่ยงคืนบอกว่าได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ อาการยังอยู่ในขั้นโคม่า และมีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจถูกชี้เป้าให้ยิง

ขอให้วิญญาณของเพื่อนจงไปสู่สุคติ เพื่อนได้จากเราไปอย่างสงบแล้ว พวกเราจะไม่มีวันลืมวีรกรรมของเพื่อน


พ.อ. ร่มเกล้า ธุวธรรม

ได้รับบาดเจ็บจากในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ในคืนวันเสาร์ที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๓

เสียชีวิตที่โรงพยายาลพระมงกุฎเกล้าช่วงเช้ามืดวันอาทิตย์ที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๓


ผม post บทความนี้เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๓ ตอน ๑๓.๕๕ น

จากนั้นมีผู้ใช้นาม siamman (ใครก็ไม่รู้) นำไปเผยแพร่ในขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ดในวันเดียวกันเวลา ๑๕.๓๔ น. (http://forum.serithai.net/viewtopic.php?f=2&t=20127&start=0#p323579)

แล้วก็มีการ copy ไปปรากฏตามเว็บต่าง ๆ อีกหลายเว็บ เช่นใน

มติชนออนไลน์ วันจันทร์ที่ ๑๒ เมษายน ตอน ๙.๔๒ น. (http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1271040244&grpid=01&catid=)

วันจันทร์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๓ เวลา ๑๑.๕๑ น. ที่ http://tnews.teenee.com/politic/49259.html

ทราบว่ามีการนำไปอ่านออก ASTV ในเช้าวันจันทร์ที่ ๑๒ เมษายน (แต่ดูเหมือนว่าคนจะเข้าใจว่าเป็นบทความที่เขียนโดย siamman)

และไปปรากฎในหนังสือพิมพ์คมชัดลึกฉบับวันอังคารที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๓ โดยอ้างว่าเป็นคำอาลัยของ siamman (ใครก็ไม่รู้) แต่มีหัวข้อ MO Memoir : Sun Apr 11 2553 ด้วย

นับว่าเป็น memoir ฉบับแรกของกลุ่มที่แพร่หลาย

แต่เฉพาะสมาชิกของกลุ่มเท่านั้นที่มีฉบับ .pdf