แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สวนครัว แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สวนครัว แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2560

พืชที่ใช้ในการทดลองการสกัดด้วยตัวทำละลาย (ปฏิบัติการเคมี นิสิตวิศวกรรมเคมีปี ๒) MO Memoir : Thursday 12 October 2560

ถ้าไม่ได้ทำการทดลองนี้ก็คงไม่รู้ว่าสารพัดพืชที่ขึ้นอยู่รอบบ้านที่เอามาใช้ประโยชน์ได้นั้นมีจำนวนเท่าใด ทุกชนิดที่นำมาให้นิสิตทำการทดลอง (ยกเว้นกาบหอยแครง) ก็ล้วนแต่เดินเก็บเอารอบบ้านตอนเช้าก่อนมาทำงาน ที่เลือกมาทำการทดลองก็เลือกเอามาแต่ชนิดที่ใบใช้นำมาทำอาหารหรือยาได้ (เพราะต้องการทำการทดลองการสกัดสารจากใบ) พวกที่ใช้ประโยชน์จาก ผล ราก หรือหัว ก็ยังมีอีก สำหรับคนที่ชอบสวนสวย ๆ ไม่รกรุงรัง ถ้ามาเห็นต้นไม้ขึ้นรอบบ้านผมก็คงจะบ่นว่ารกน่าดู (และมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้เจองูเขียวเป็นประจำ) แต่จะว่าไปแล้วมันก็ช่วยอะไรหลาย ๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นการประหยัดค่าอาหาร และยังช่วยให้ลูก ๆ ได้รู้จักพืชหลากหลายชนิดที่เด็กที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่ยากที่จะได้สัมผัสกับของจริงหรือแม้แต่จะเคยได้ยินชื่อ
 
การทดลองนี้เป็นการทดลองครั้งแรกที่ลองทำขึ้นซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมี (และเป็นการทดลองที่เกิดขึ้นกระทันหันซะด้วย ไม่เช่นนั้นตารางสอนจะว่างโดยไม่มีการเรียนการสอน) และในปีต่อไปจะมีอีกหรือไม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน และเนื่องจากในแต่ละวันมีการทดลองกับพืชเพียงไม่กี่ชนิด ทำให้นิสิตที่เข้ามาทำการทดลองในวันใดวันหนึ่งก็ได้เห็นแต่พืชในวันที่ตนเองเข้ามาทำการทดลองในวันนั้น ดังนั้นMemoir ฉบับนี้ก็เลยขอรวบรวมรูปถ่ายพืชชนิดต่าง ๆ ที่นำมาให้นิสิตทำการทดลองกันตั้งแต่วันจันทร์จนถึงวันนี้ โดยกะว่าจะแจกจ่ายให้กับนิสิตปี ๒ ทุกคน เพื่อที่จะได้เห็นบ้างว่าเพื่อน ๆ ได้ทำการทดลองกับพืชชนิดใดไปบ้าง


ดอกเข็มคงไม่ต้องถ่ายรูปมาให้ดูนะว่าหน้าตามันเป็นอย่างใด

มันเทศ


ตดหมูตดหมา


ตำแยแมว


ชะพลู


มะตูมแขก


(ซ้าย) เสลดพังพอนตัวเมีย (ขวา) กาบหอยแครง


ยอ


กะเพรา


ตำลึงตัวผู้


ตำลึงตัวเมีย


ผักหวานบ้าน


ชะมวง


มันปู

วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2558

กระชาย ใบยอ และมันปู MO Memoir : Saturday 12 September 2558

รอบบ้านผมมันรกครับ รกขนาดที่ว่าตอนที่มีนักเรียนมัธยมปลายจากญี่ปุ่นมาพักที่บ้าน ลูกสาวยังไม่อยากพาเขาไปเดินเที่ยวชมรอบบ้าน กลัวจะเจองูเขียวหางไหม้แล้วเขาจะตกใจ (เจอประจำเป็นเรื่องปรกติสลับกับงูดิน) อันที่จริงซอกชาคานอกบ้านตรงห้องนอนลูกสาวคนเล็กที่ให้เขาใช้เป็นห้องพักนั้น มันมีตุ๊กแกตัวใหญ่ตัวหนึ่งอาศัย เกรงอยู่เหมือนกันว่าเกิดมันร้องขึ้นมาเขาจะตกใจหรือเปล่า โชคดีที่ช่วงนั้นมันก็อยู่อย่างสงบ ไม่ส่งเสียงอะไร
  
เช้าวันเสาร์จะเป็นวันตัดแต่งกิ่งไม้ (แทบทุกสัปดาห์) ทั้งนี้เพื่อไม่ให้มันรกเกินไป หรือไม่ก็เพื่อป้องกันไม่ให้กิ่งมันหักเวลาลมแรง และเพื่อให้แดดส่องลงถึงต้นไม้เล็ก ๆ ที่ขึ้นอยู่ต่ำได้งอกงามบ้าง กิ่งไม้และใบไม้ต่าง ๆ ที่ตัดมานั้นก็ไม่ได้เอาไปทิ้งถังขยะ แต่จะเอาไปกองรวมกันไว้ตามริมรั้วรอบบ้าน แล้วก็ตัดย่อยให้มันเป็นชิ้นเล็ก ๆ เอาไปโปรยตามโคนต้นไม้ต่าง ๆ หรือไม่ก็โปรยกระจายหรือฝังไว้ตามพื้นดินให้มันกลายเป็นปุ๋ยคืนดินไป
  
พืชสวนครัวก็เป็นพืชที่ปล่อยให้มันขึ้นรอบบ้าน โดยเฉพาะพวกที่ไม่ได้ใช้ทีละมาก ๆ ก็พยายามหามาปลูก เวลาต้องการใช้จะได้ไปหยิบใช้ได้เลยไม่ต้องออกไปหาซื้อ และกระชายก็เป็นพืชสวนครัวชนิดหนึ่งที่ปลูกไว้หลังบ้าน ภรรยาผมเขาเอาหัวกระชายไปฝังทราบไว้ระหว่างต้นมะตูมกับต้นมะตูมแขก ตอนนี้มันก็แตกกอกระจายไปเรื่อย ๆ ก็เลยถ่ายรูปต้นกระชายและดอกกระชายมาฝากกัน
  
รูปที่ ๑ กอต้นกระชายที่ปลูกไว้หลังบ้าน จะเห็นต้นตำแยแมวขึ้นแทรกมาด้วย
  
รูปที่ ๒ ดอกกระชาย เป็นดอกเล็ก ๆ งอกออกมาตรงช่วงที่มันแยกกิ่งออกเป็นใบต่าง ๆ

ผักบางชนิดนั้นเราสามารถกินใบแบบสด ๆ ได้ แต่บางชนิดนั้นเขาก็ไม่กินกันแบบสด ๆ ต้องนำไปทำให้สุกก่อน เช่นใบมะละกอกับใบยอ ใบมะละกอนั้นได้ยินมาว่าสามารถนำไปปรุงอาหารได้ แต่ต้องทำให้สุกก่อน อันนี้ผมเองก็ไม่เคยเจอว่าใช้ใบมะละกอทำอาหารอะไรกัน ส่วนใบยอนั้นเจอเป็นประจำในห่อหมก (ของชอบ) นอกจากห่อหมกแล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีใครเอาไปทำอาหารอะไรชนิดอื่นอีก
  
ต้นยอต้นนี้เดิมมันขึ้นอยู่ใต้ซุ้มไม้เลื้อยสวนครัวที่ทำเอาไว้ ตอนหลังซุ้มนี้มันเริ่มรกรุงรัง จนแยกไม่ออกว่าอันไหนคือผักสวนครัว อันไหนคืองูเขียว แถมไม้เลื้อยนี้ยังมีโผล่ออกไปตามมุมต่าง ๆ ของบ้าน ก็เลยตัดสินใจรื้อซุ้มไม้เลื้อยนี้ออก ทำให้ต้นยอที่มันขาดแสงแดดอยู่ข้างใต้นั้นได้รับแสงยามบ่ายเต็มที่หน่อย ก็เลยเริ่มแตกกิ่งก้านและออกดอกให้เห็น แต่ปลูกมาจนป่านนี้ก็ยังไม่ได้เอาไปทำอะไรกินสักที
  
มันปูเป็นไม้พุ่มชนิดหนึ่ง ทางใต้นิยมเอายอดมากินจิ้มน้ำพริก ต้นที่ขึ้นอยู่ริมรั้วที่บ้านนั้นมาได้ยังไงก็ไม่รู้เหมือนกัน มันแตกกิ่งได้เร็วเหมือนกัน ต้องคอยตัดเสมอ เพราะกิ่งมันต่ำทำให้เกะกะเวลาที่ต้องขับรถตีวงเพื่อเลี้ยวเข้าประตูบ้าน บางทีก็มีมดแดงยกพวกมาทำรังที่ต้นนี้ อันที่จริงแม้ว่าบ้านผมจะอยู่ในซอยหลังโรงพัก แต่ก็เป็นบ้านที่อยู่สุดซอยตัน แต่ก่อนก็ไม่เคยมีตำรวจโผล่เข้ามาตรวจตราอะไร พักหลัง ๆ เริ่มมีตำรวจเข้าวิ่งออกกำลังกายโผล่เข้ามาบ้าง เพราะมันเป็นซอยตัน เลยไม่มีรถวิ่ง ไม่มีรถจอดกีดขวางถนน และช่วงบ่ายก็ค่อนข้างจะร่มรื่นด้วย เพราะมีร่มเงาจากไม้ใหญ่บังเอาไว้ และก็มีเหมือนกันที่ตำรวจบางรายก็มาขอยอดอ่อนต้นมันปูนี้ไปกิน ส่วนที่บ้านผม ภรรยาผมมักจะเอาใบมันปูมารองจานเวลาที่ทำกับข่าวพวกยำต่าง ๆ

พักผ่อนยามบ่ายวันหยุดสุดสัปดาห์ด้วยเรื่องราวไม่มีสาระอีกเรื่องนึง :) :) :)
  
รูปที่ ๓ (บน) และ ๔ (ล่าง) ต้นยอและดอกต้นยอที่กำลังจะกลายเป็นลูกยอ
  

รูปที่ ๕ (บน) และ ๖ (ล่าง) ต้นมันปูและดอกมันปู

วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556

บวบ ณ บ้านบางพลัด MO Memoir : Monday 2 September 2556

บ้านผมนั้นอยู่สุดซอย ซอยนี้กว้างเพียงแค่รถเก๋งสองคันสวนทางกันได้ บ้านหลังเก่านั้นอยู่ตรงข้ามกับบ้านหลังนี้ ตอนเด็ก ๆ ก็เตะบอลเล่นบ้าง ตีแบดเล่นบ้าง พอลูกบอลหรือลูกแบดลอยไปตกในบ้านหลังนี้ก็ต้องปีนเข้าไปเก็บเป็นประจำ (กลางวันเจ้าของบ้านเขาไม่อยู่ เขาไปเปิดร้านค้าอยู่ริมถนนใหญ่) พอเขาจะย้ายออกไปทางคุณพ่อคุณแม่ของผมก็ไปซื้อต่อมา นั่นก็กว่า ๒๐ ปีที่แล้ว
 
ส่วนมะม่วงที่อยู่หน้าบ้านนั้นเจ้าของเดิมเขาปลูกเอาไว้ ถ้านับอายุถึงปัจจุบันก็หย่อน ๔๐ ปีไม่เท่าไร ผ่านเหตุการณ์น้ำท่วมกรุงเทพมาหลายครั้ง แต่ก็ยังคงมีผลให้เก็บกินเป็นประจำ ที่เก็บกินได้ก็เฉพาะพวกที่อยู่ต่ำ ๆ พอจะสอยถึง พวกที่อยู่สูงกว่านั้นต้องใช้บันไดพาดปีนแล้วสอยต่อ ตอนหลังก็ขี้เกียจเก็บ (ประเภทสอยมะม่วงมีแถมรังมดแดง) ก็เลยปล่อยให้เป็นอาหารกระรอกกับกระแตที่วิ่งเล่นกันอยู่ทั่วไปหมด ทั้งบนต้นไม้ ขอบรั้ว และหลังคาบ้าน
 
ด้วยความที่มันเป็นไม้ใหญ่อายุมาก โคนต้นจึงร่มรื่นตลอดเวลา มีแต่แสงแดดที่ส่องลอดช่องระหว่างใบเท่านั้นที่ส่องถึงพื้น ก็เลยใช้เป็นที่ผูกชิงช้าให้ลูกนั่งเล่น ชิงช้าที่ทำขึ้นก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ใช้เชือกไนลอนที่ยาวประมาณ ๑๐ เมตร เอาตรงกลางไปพันไว้กับง่ามกิ่งที่อยู่เหนือพื้นสัก ๔-๔ เมตร ส่วนปลายเชือกข้างล่างก็เอามาผู้กับท่อนไม้ฉำฉา (เก็บมาจากเศษไม้ที่เขาทิ้งจากการรื้อลังอุปกรณ์ที่เขาส่งมายังที่ทำงาน) กลายเป็นชิงช้าแบบง่ายที่คนนั่งต้องคอยเกาะเชือกเอาไว้ ชิงช้าที่มีระยะแกว่งขนาด ๔ เมตรนี้มันสนุกกว่าชิงช้าตามสนามเด็กเล่นที่มีระยะแกว่งไม่ถึง ๒ เมตรมาก ทำชิงช้าเสร็จก็เป็นหน้าที่ของผู้เป็นพ่อต้องเล่นก่อน ก็คือทดสอบความแข็งแรงนั่นแหละว่าเชือกคงไม่ขาดและกิ่งคงไม่หัก จากนั้นจึงค่อยให้ลูกเล่นได้
 
นับตั้งแต่ผูกเชือกเส้นดังกล่าว มันก็อยู่ตรงนั้นมาเกือบ ๑๕ ปีแล้ว


รูปที่ ๑ (บน) ต้นมะม่วงกับชิงช้าและแปลงบวบ (ล่าง) ดอกบวบที่กำลังจะกลายเป็นผล
 
เมื่อต้นฤดูร้อนที่ผ่านมามีลมพัดแรงบ่อยครั้ง ต้นไม้ที่บ้านกิ่งหักไปหลายต้น แต่ต้นมะม่วงต้นนี้ก็ยังคงอยู่ แต่มาวันหนึ่งรู้สึกว่าต้นมันเอียงไปเล็กน้อย ดูที่โคนต้นก็เห็นดินด้านหนึ่งมันนูนขึ้นมา ก็เลยคิดว่าถึงเวลาที่ต้องทำการตัดแต่งกิ่งขนานใหญ่ ทางคุณแม่ก็ติดต่อคนรับจ้างตัดต้นไม้เขามาดำเนินการให้ แต่เขาก็บอกให้รอไปก่อน เอาไว้ให้เข้าใกล้หน้าฝนแล้วค่อยตัด มันจะได้แตกกิ่งออกไปได้ ดังนั้นช่วงก่อนถึงหน้าฝนก็เลยเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องตัดเล็มกิ่งเล็กออกไปก่อน เพื่อไม่ให้มันต้านลมมากเกินไป
 
พอเขามาตัดเล็มกิ่งใหญ่ออก หน้าบ้านก็สว่างจ้าเลย แดดส่องดีในตอนบ่าย พื้นดินที่แดดส่องแทบไม่ถึงขนาดหญ้ามาเลย์ยังขึ้นไม่ได้ก็ได้รับแดดแรง ๆ สักที เห็นที่มันว่าง ๆ อยู่ภรรยาก็เลยคิดอยากจะปลูกผักสวนครัว แต่ด้วยความขี้เกียจของพ่อบ้าน แทนที่จะขุดดินเป็นร่องให้ปลูกผัก ก็ใช้วิธีขุดดินเป็นขอบกำแพงแทน จากนั้นก็ใช้ดินสำเร็จรูปที่เขาขายเป็นถุงเทลงไป ก็ได้แปลงผักเล็ก ๆ แปลงหนึ่ง จากนั้นภรรยากับลูกก็เอาเมล็ดพันธ์ผักมาฝังไปทั่วแปลงนั้น ผมก็ไม่รู้ว่าเขาฝังอะไรไปบ้าง เพิ่งจะมารู้ตอนที่มันโตเป็นต้นแล้วก็คือมีถั่วเขียวกับบวบ

บวบเป็นไม้เลี้อยล้มลุก พอมันงอกก็ต้องหาหลักให้มันเกาะ ไม้ที่ใช้ทำหลักก็ใช้ไม้ไผ่ที่ตัดมาจากต้นไผ่ที่ปลูกเอาไว้ในบ้าน กับท่อพีวีซีที่เหลือจากการสร้างบ้าน ปลูกเอาไว้ไม่นานมันก็เลี้อยขึ้นเต็มซุ้มที่ทำเอาไว้ (ผมไม่ได้เป็นคนทำซุ้ม แต่คุณแม่ผมเป็นคนทำให้) พร้อมกับออกดอกเต็มไปหมด ช่วงนี้มันก็ทยอยออกผลกันน่าดู ทั้งลูกเล็กและลูกใหญ่ ก็เลยคิดว่าได้เวลาที่ต้องถ่ายรูปเก็บเอาไว้ก่อนที่มันจะเหี่ยวแห้งตาย (ตามอายุของมัน)



รูปที่ ๒ (บน) ผลบวบที่ยังเล็กอยู่ (ล่าง) ลูกที่โตขึ้นมาหน่อย

ที่เขียนเรื่องนี้ก็เพื่อเป็นการบันทึกความทรงจำให้ลูก ๆ และเพื่อให้เด็กกรุงเทพได้รู้จักต้นไม้และรูปร่างหน้าตาของผลบ้าง เวลาประชุมผู้ปกครองที่โรงเรียนทีไรคุณครูก็มักจะบอกถึงเด็กที่อยู่แต่ในคอนโด บ้านกลางเมืองในหมู่บ้านที่ปลูกบ้านจนเต็มพื้นที่จนแทบไม่มีที่ให้ปลูกต้นไม้ หรือไม่ก็ปลูกแต่ไม้ประดับ เด็กที่ไม่รู้จักว่าผลมะพร้าว ลูกขนุน หรือทุเรียน มีหน้าตาอย่างไร รูปที่เอาลง blog ก็เลือกใช้รูปขนาดใหญ่หน่อยเผื่อจะมีเด็กต้องการรูปไปทำรายงาน ในโรงเรียนเองก็เน้นแต่ปลูกพวกไม้ดอกไม้ประดับ



รูปที่ ๓ (บนและล่าง) ต้นบวบที่เลี้อยอยู่บนซุ้ม

เดือนที่แล้วเขียนแต่เรื่องวิชาการติด ๆ กันร่วมสิบตอน เริ่มต้นเดือนใหม่ก็ขอประเดิมด้วยเรื่องเบา ๆ ที่หาสาระไม่ค่อยได้ก็แล้วกัน