เนื่องจากสถานการณ์
GC-2014
ในส่วนปัญหาของวาล์ว
๑ ของ ECD
กำลังดำเนินไปทุก
ๆ ชั่วโมง
ดังนั้นเพื่อความเข้าใจตรงกันจึงขอบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นและงานที่กำลังดำเนินการทำกันอยู่เป็นข้อ
ๆ ไปดังนี้
(ส่วนหนึ่งเป็นการบันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างผมกับสาวน้อยหน้าบานในช่วงบ่ายสี่โมงกว่าดังนี้)
๑.
ถ้าเราใช้แก๊สชนิดเดียวกับที่ใช้เป็น
carrier
gas ฉีดเข้าคอลัมน์
เราก็ไม่ควรที่จะเห็นพีคใด
ๆ ดังนั้นในกรณีของ ECD
ที่เราใช้ไนโตรเจนเป็น
carrier
gas ดังนั้นถ้าเราเอาไนโตรเจนที่เป็น
carrier
gas นี้ฉีดเข้าคอลัมน์
ก็ไม่ควรที่จะเห็นพีคใด ๆ
ปรากฏ
๒.
ทีนี้สมมุติว่าเริ่มแรกนั้นเรามีอากาศอยู่ใน
sampling
loop เมื่อเราทำการเปลี่ยนตำแหน่งวาล์ว
1
จากตำแหน่งเก็บตัวอย่างไปยังตำแหน่งฉีดสารเข้าคอลัมน์
carrier
gas (ในที่นี้คือไนโตรเจน)
จะดันอากาศใน
sampling
loop เข้าคอลัมน์
GC
ไปจนหมด
ดังนั้นใน sampling
loop ก็จะเต็มไปด้วยไนโตรเจนที่ใช้เป็น
carrier
gas ในกรณีนี้
ECD
จะให้สัญญาณที่เป็นพีคของออกซิเจนในอากาศ
๓.
เมื่อเราเปลี่ยนตำแหน่งวาล์ว
1
จากตำแหน่งฉีดสารเข้าคอลัมน์ไปเป็นตำแหน่งเก็บตัวอย่าง
แก๊สที่อยู่ใน sampling
loop ก็จะเป็นไนโตรเจนที่เราใช้เป็น
carrier
gas
๔.
จากข้อ
๓.
ถ้าเราไม่มีการฉีดแก๊สใดเข้า
sampling
loop ไนโตรเจนที่ใช้เป็น
carrier
gas ก็จะยังคงค้างอยู่ใน
sampling
loop
๕.
จากข้อ
๔.
ถ้าเราปรับตำแหน่งวาล์ว
1
จากตำแหน่งเก็บสารตัวอย่างไปยังตำแหน่งฉีดสารเข้าคอลัมน์
ก็จะเป็นการฉีดไนโตรเจนที่ใช้เป็น
carrier
gas ที่ค้างอยู่ใน
sampling
loop จากการฉีดครั้งก่อนหน้า
เข้าไปในคอลัมน์
เนื่องจากไนโตรเจนที่ใช้เป็น
carrier
gas ที่ค้างอยู่ใน
sampling
loop และไนโตรเจนที่ไหลเข้ามาไล่แก๊สใน
sampling
loop นั้นเป็นแก๊สชนิดเดียวกัน
ดังนั้นในกรณีนี้ ECD
จึง
"ไม่ควร"
ที่จะให้สัญญาณใด
ๆ
๖.
แต่ที่ผ่านมานั้นเราพบว่า
แม้ว่าเราจะฉีดไนโตรเจนที่ใช้เป็น
carrier
gas เข้าไปในคอลัมน์
ปรากฏว่า ECD
ให้สัญญาณที่เป็นพีค
(ที่เราเชื่อว่าเป็น)
ออกซิเจนปรากฏ
๗.
ปัญหาที่เราต้องตอบให้ได้คือ
สิ่งที่ทำให้ปรากฏเป็นพีคนั้นเข้าไปพร้อมกับแก๊สที่ฉีดผ่าน
sampling
loop ได้อย่างไร
๘.
เนื่องจากแม้ว่าเราไม่มีการนำแก๊สจากข้างนอกเข้ามาเติมใน
sampling
loop แก๊สที่ฉีดเข้าไปนั้นเป็น
carrier
gas ที่เราเติมเข้า
sampling
loop
ด้วยการปรับตำแหน่งวาล์วจากตำแหน่งเก็บตัวอย่างไปยังตำแหน่งฉีดตัวอย่างและเปลี่ยนกลับมายังตำแหน่งเก็บตัวอย่างใหม่
ทำให้สงสัยว่าปัญหาน่าจะอยู่ที่ตัววาล์ว
๙.
เนื่องจากพีคดังกล่าวนั้นตรงกับตำแหน่งของออกซิเจนในอากาศ
และมีขนาดค่อนข้างสม่ำเสมอ
ทำให้สงสัยว่าสิ่งปนเปื้อนนั้นน่าจะเป็นออกซิเจนจากอากาศ
ไม่น่าจะเป็นสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่บนตัววาล์วหรือเป็นสารหล่อลื่นตัววาล์ว
(ถ้ามี)
เพราะถ้าเป็นพวกหลังนี้ตำแหน่งพีคไม่น่าจะบังเอิญตรงกับตำแหน่งพีคออกซิเจน
๑๐.
ที่ผมสงสัยคือตัววาล์วเองในขณะที่ขยับตัวนั้น
เปิดช่องให้อากาศรั่วไหลเข้าไปข้างในหรือเปล่า
ซึ่งตรงนี้เราคงตอบยากเพราะต้องแยกชิ้นส่วนวาล์วออกมาตรวจ
งานนี้ผมยังไม่อยากเสี่ยงเพราะมันไม่มีคู่มือให้ดูเลยว่าโครงสร้างของวาล์วนั้นเป็นอย่างไร
๑๑.
อีกจุดหนึ่งที่ผมสงสัยคือเป็นไปได้ไหมว่าอากาศที่ใช้ในการหมุนตัววาล์วนั้นรั่วไหลเข้ามาในระบบ
แต่ข้อนี้ก็มีปัญหาเหมือนกันว่าตัวโครงสร้างวาล์วเองเป็นอย่างไร
และเปิดโอกาสให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวได้หรือไม่
๑๒.
ผมคิดว่าผมอยากทดสอบสมมุติฐานในข้อ
๑๐.
และ
๑๑.
ข้างต้น
โดยอาจเริ่มจากการเพิ่มความดันของ
APC-1
ให้สูงขึ้น
เผื่อว่าถ้ามีการรั่วไหลที่ตัววาล์ว
ความดันแก๊สไนโตรเจนที่สูงขึ้นน่าจะดันไม่ให้อากาศรั่วเข้ามา
๑๓.
สำหรับการทดสอบสมมุติฐานข้อ
๑๑.
ผมคิดว่าเราควรต้องลองเปลี่ยนจากการใช้อากาศมาเป็นการใช้ไนโตรเจนเป็นตัวขับเคลื่อนวาล์ว
หวังว่าพรุ่งนี้เราคงได้มีโอกาสทดสอบแก้ปัญหาต่าง
ๆ เหล่านี้กันตั้งแต่เช้า