คำตอบก็คือ
"จำปาดะ"
ช่วงกลางอาทิตย์ที่แล้ว
ผมไปยืนดูเขาทอดจำปาดะขายอยู่ที่ถนนพญาไท
หน้าคณะเภสัช จุฬาฯ
จำปาดะมันเหมือนขนุนแต่ลูกเล็กกว่า
เนื้อในมันก็คล้ายกัน
(มันเป็นพืชในตระกูลใกล้เคียงกัน)
แต่จะไม่เหลืองแบบขนุน
ที่แตกต่างกันมากก็คือกลิ่นที่แรงมากของมัน
กินได้ทั้งแบบผลไม้สดและเอาไปทอดกิน
อันที่จริงจะว่าไปแล้วตัวผมเองก็ไม่ถูกกับผลไม้ชนิดนี้เท่าใดนัก
ตรงที่ไม่ชอบกลิ่นที่แรงของมัน
(แต่ไม่ยักรังเกียจกลิ่นทุนเรียน)
จำปาดะจัดว่าเป็นผลไม้ท้องถิ่นของมาเลเซีย
อินโดนีเซีย และทางภาคใต้ของบ้านเรา
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน
พ.ศ.
๒๕๒๕
ให้คำนิยามของ จำปาดะเอาไว้ว่า
จำปาดะ
น.
(ถิ่น-ปักษ์ใต้)
ชื่อต้นไม้ขนาดกลางชนิด
Artocarpus
integer Merr. ในวงศ์
Moraceae
คล้ายต้นขนุน
เยื่อหุ้มเมล็ดเนื้อเหลว
กลิ่นฉุน กินได้;
เรียกขนุนพันธุ์ที่มียวงสีจำปา
เนื้อนุ่มว่า ขนุนจำปาดะ.
(ดู
ขนุน ๑).
รูปที่
๑ ร้านขายจำปาดะทอด
เสาร์-อาทิตย์นี้คงเป็นวันสุดท้ายแล้วที่เขาเปิดขายที่นี่
เพราะวันจันทร์เขาก็จะปิดเวทีปทุมวันและเปิดให้รถเดินทางผ่านได้ตามปรกติแล้ว
รูปที่
๒ จำปาดะที่เขาชุบแป้งทอดเสร็จเรียบร้อยแล้ว
--------------------------------------------------------------------------------------------
หลังจากสร้างบ้านเสร็จ
บริเวณรอบตัวบ้านไปจนถึงขอบรั้วก็ปล่อยมันไว้อย่างนั้น
ไม่มีการเทปูนทำพื้นหรือทำสนามหญ้าใด
ๆ จะมีเฉพาะปูอิฐตัวหนอนตรงทางเข้าประตูเพื่อให้รถเข้ามาจอดได้
อันที่จริงตอนแรกกะจะไม่ปูอิฐด้วยซ้ำ
ให้เป็นดินเปิดโล่ง ๆ
เพื่อให้ต้นไม้มันมีที่สำหรับเติบโตและรากมีที่สำหรับหายใจ
นอกจากนี้ยังเป็นผิวเปิดสำหรับให้น้ำฝนไหลซึมลงดินแทนที่จะไหลลงท่อระบาย
ทั้งนี้เพื่อเป็นการสะสมน้ำไว้ในดินให้ต้นไม้ใหญ่น้ำตลอดกินตลอดทั้งหน้าแล้ง
ช่วงนี้ต้นไม้หลายชนิดที่ทั้งปลูกเองและขึ้นมาเองต่างก็แข่งขันกันออกดอก
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะขาดน้ำหรือได้แดดดี
หนึ่งในต้นไม้ที่ซื้อมาปลูกและออกดอกก็คือต้น
"หนาด"
อันที่จริงเรื่องต้นหนาดเคยเล่าไปครั้งหนึ่งแล้วใน
Memoir
ปีที่
๕ ฉบับที่ ๔๘๗ วันพฤหัสบดีที่
๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ เรื่อง
"มันเทศกับใบหนาด"
ตอนนั้นก็เป็นการเอารูปต้นหนาดกับใบหนาดมาให้ดู
นี่ก็ผ่านไปกว่าปีครึ่ง
ต้นหนาดต้นนั้นก็โตจนกระทั่งต้องฟันยอดทิ้งไปหลายครั้ง
แถมยังมีการไหลไปโผล่ขึ้นตามที่ต่าง
ๆ ทำให้ต้องคอยถอนทิ้งเป็นระยะ
คือรากของต้นหนาดจะมีส่วนที่มันแผ่ออกไปทางด้านข้างใต้ผิวดินชั้นบน
พอเจอที่เหมาะเจาะมันก็จะแตกเป็นต้นใหม่งอกออกมาก
ต้นใหม่ที่งอกออกมาจะห่างจากนั้นเก่ามากเหมือนกัน
แสดงว่ารากมันแผ่ไปไกลเหมือนกัน
มาปีนี้มันออกดอกให้เห็น
เป็นดอกสีเหลืองเล็ก ๆ
ดังที่เอามาให้ดูในรูปที่
๓ และ ๔ นี่ก็รอดูว่าพอดอกมันเหี่ยวแห้งแล้วจะเป็นยังไงต่อไป
จะกลายเป็นเมล็ดพันธุ์งอกใหม่ไปทั่วอีกหรือไม่
อีกต้นหนึ่งที่บ้านที่เห็นมีพฤติกรรมแพรพันธุ์แบบนี้คือตะขบ
ตอนแรกนึกว่ามันเป็นต้นที่งอกมาจากเมล็ดที่ร่วงหล่น
แต่พอดึงรากขึ้นมากลายเป็นว่ารากนั้นเป็นรากที่แผ่ออกมาจากต้นใหญ่
รูปที่ ๓ ดอกต้นหนาด
รูปที่ ๓ ดอกต้นหนาด
--------------------------------------------------------------------------------------------
"ดอกไผ่บาน
สัญญาณของการจากลา"
ปรกติต้นไผ่มันก็ไม่ได้ออกดอกอะไร
มันขยายพันธุ์ด้วยการแตกหน่อออกไปข้าง
ๆ
ถ้าต้องการนำไปปลูกที่อื่นก็ต้องขุดหน่อที่แตกออกทางด้านข้างนี้ไปปลูก
ว่ากันว่าเมื่อใดก็ตามที่ไผ่ออกดอก
พอดอกติดผลแล้วผลร่วงหล่นลง
ไผ่ก็จะแห้งตายทั้งกอ
เรียกว่าตายขุย
ส่วนผลที่ร่วงหล่นก็จะกลายเป็นต้นไผ่งอกใหม่ต่อไป
"ต้นไผ่ส่วนมากออกดอกครั้งเดียว
หลังจากออกดอกแล้วก็จะตายทั้งกอในปีเดียวกันนั้น
หรืออย่างช้าก็อาจจะอยู่
ได้ราว 1-2
ปี
ภายหลังการออกดอกเท่านั้น
การตายของต้นไผ่ชาวบ้านเรียกว่า
“ตายขุย” แต่พอถึงฤดูฝน
ขุย(เมล็ด)
ไผ่นี้จะแตกเป็นต้นเล็กๆ
ขึ้นมาอีกต่อไป ถ้าสภาพเหมาะสม
แต่มีไผ่บางชนิดที่หลังจากออกดอกออกผลแล้วก็ไม่ตาย
และก็มีบางชนิดแต่หายากที่ออกดอกทุกปี
หรือเกือบทุกปี โดยทั่ว ๆ
ไปแล้วช่วงของการออกดอกของต้นไผ่กินระยะเวลานานมากและไม่แน่นอน
สาเหตุของการออกดอกยัง
เป็นเรื่องที่ลึกลับที่ต้องวิจัยศึกษาค้นคว้ากันต่อไป
...
ส่วนไผ่ในประเทศไทยยังไม่ปรากฏหลักฐานการค้นคว้ามาก่อน
จึงไม่อาจจะทราบได้ว่า
ไผ่ชนิดใดมีช่วงอายุประมาณเท่าใดจึงจะออกดอก
แต่เป็นที่น่ายินดียิ่งที่ไม้ไผ่ในประเทศไทยมีการออกดอกแบบประปรายเป็นส่วนใหญ่
ออกดอกไม่พร้อมกัน
มิฉะนั้นแล้วอาจจะทำให้ไม้ไผ่เหล่านั้น
สูญพันธุ์เร็วยิ่งขึ้น
ถ้ามิได้มีการเอาใจใส่บำรุงรักษาอย่างถูกหลักวิธีเช่นในต่างประเทศ
ในประเทศไทยปกติไผ่จะเริ่มออกดอกราว
ๆ เดือน พฤศจิกายน-เดือนกุมภาพันธ์
และเมล็ดเริ่มแก่และร่วงหล่น
ลงสู่พื้นดินในเดือนกุมภาพันธ์-เดือนเมษายนของทุก
ๆ ปี"
ไผ่ที่ผมปลูกเอาไว้ที่บ้านเป็นไผ่เลี้ยง
ซื้อมาจากงานเกษตรที่จัดที่เทคโลยีราชมงคล
(ภาคตะวันออก)
วิทยาเขตบางพระ
ชลบุรี เมื่อเดือนธันวาคม
๒๕๕๔
กะเอามาปลูกแทนกอเดิมที่ตายหมดเนื่องจากน้ำท่วมบ้านร่วมเดือน
ที่เลือกไผ่เลี้ยงก็เพราะต้องการไม้ไผ่ไว้ใช้งาน
เช่นทำราวตากผ้า
ทำไม้สอยสำหรับตะกร้อสอยมะม่วงหรือกรรไกรตัดกิ่งไม้
และไว้ทำไม้ค้ำยันต้นไม้อื่น
ไผ่เลี้ยงลำมันไม่ใหญ่มาก
ขนาดกำลังเหมาะมือ
หน่อหนึ่งเอาไปปลูกไว้ริมรั้วพ้นหลังคาบ้าน
ให้มันโตได้เต็มที่
ส่วนอีกหน่อหนึ่งเอาไปปลูกไว้ข้างบ้านด้านทิศตะวันตก
ให้มันช่วยบังแดดในช่วงบ่าย
ตอนบ่าย ๆ บ้านจะได้ไม่ร้อนมากเกินไป
เมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมา
กอที่ปลูกเอาไว้ติดบ้าน
ตอนแรกนึกว่าใบมันร่วงเหลือแต่กิ่งเปล่า
ๆ เพราะเข้าหน้าแล้งและไม่ค่อยได้รดน้ำเท่าใดนัก
ยกเว้นวันเสาร์-อาทิตย์ที่พอจะมีเวลารดน้ำต้นไม้บ้าง
แต่พอสังเกตดูดี ๆ
ก็พบว่ามันออกดอกต่างหาก
จะเรียกว่าโชคดีก็ได้ที่ได้มีโอกาสเห็นต้นไผ่ออกดอก
เพราะกว่าที่ไผ่จะออกดอกนั้น
ก็ต้องรอกันนานเหมือนกัน
ว่ากันว่าอยู่ในราว ๓๐-๖๐
ปี ขึ้นอยู่กับพันธุ์
"ดอกไผ่บาน
สัญญาณของการจากลา"
แต่การจากลาในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการจากลาแบบลาลับ
แต่เป็นการจากลาแบบหลีกทางให้ของไผ่กอเดิม
เพื่อให้ไผ่รุ่นใหม่ได้เติบโตขึ้นมาแทนที่
เพื่อสืบทอดเผ่าพันธุ์ของมันต่อไป
--------------------------------------------------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น