บริเวณที่ผมอาศัยอยู่มันก็เป็นบ้านจัดสรร
แต่เป็นบ้านจัดสรรแบบที่ไม่ค่อยจะเหมือนใคร
คือคนสร้างบ้านเขามีที่ดินกระจายอยู่ตามมุมต่าง
ๆ ของซอย ไม่ได้เป็นที่แปลงใหญ่
ๆ แปลงเดียว
บ้านจัดสรรของเขาก็เลยกระจายไปทั่วทั้งซอย
ไม่มีทางเข้า-ออกเฉพาะ
ไม่มีขอบรั้วที่เป็นอาณาบริเวณชัดเจนว่าบริเวณนี้เป็นส่วนที่แยกออกมาต่างหากจากสังคมรอบข้าง
เป็นประเภทที่ว่าด้านหน้าบ้านติดถนน
ด้านหลังบ้านติดสวน
ถนนหน้าบ้านนั้นก็เป็นถนนคอนกรีต
(อ่าน
คอน-กรีต
นะ)
แต่เขาก็ไม่ได้เทปูนจนติดรั้วบ้าน
จะมีที่ว่างเป็นดินอยู่เล็กน้อยระหว่างรางระบายน้ำของถนนกับรั้วบ้านกว้างสักฟุตเห็นจะได้
ตอนนั้นบ้านต่าง ๆ
ก็ใช้ที่ว่างตรงนี้ปลูกต้นไม้กัน
เป็นต้นไม้ประดับรั้ว
บางบ้านก็ปลูกไม้ดอกไม้สวยงาม
บางบ้านก็ปลูกไม้พวกใช้เป็นอาหารได้
หน้าบ้านผมก็ปลูกเหมือนกันโดยปลูกกระถินเอาไว้
พอทางเขตมายกถนนให้สูงขึ้นอีกเมื่อ
๒๐ ปีที่แล้ว
เขาก็ยังเว้นที่ว่างริมรั้วให้ไว้เหมือนเดิม
การมีไม้ที่ใช้เป็นอาหารได้ปลูกเอาไว้ริมรั้วหน้าบ้านก็ทำให้เราได้รู้จักคนต่าง
ๆ ตั้งแต่เพื่อนบ้านตอนที่ย้ายเข้ามาอยู่ใหม่
คนที่เขาเดินขายของเร่ในซอย
คนรับซื้อของเก่า ฯลฯ
ประเภทว่าเขาเห็นยอดกระถินมันเต็มต้น
แถมฝักเต็มไปหมด ก็ขอเก็บเอาไปกิน
ที่บ้านก็ไม่ได้หวงอะไร
ก็ให้เก็บไปตามสบาย
เขาก็เก็บแบบมีมารยาทด้วยนะคือรู้ว่าเอาไปพอเป็นอาหาร
ไม่ได้เอาไปขายต่อ
และก็ไม่ได้เก็บจนหมดต้น
เหลือเอาไว้ให้มันงอกออกมาใหม่ได้
คนอื่นจะได้มีกินต่อไปเรื่อย
ๆ
ต้นกระถินที่ขึ้นริมรั้วก็ไม่ได้ปลูกให้มันสูงโต
เพียงแค่ให้ลำต้นหลักมันสูงต่ำกว่ารั้วเล็กน้อย
(จะได้จอดรถข้างรั้วได้)
แล้วให้แตกกิ่งขึ้นไปข้างบน
(จะได้เก็บกินได้ง่าย)
พอมันเริ่มโตมากเกินไปก็ต้องตัดกิ่งสูงออก
แล้วให้มันแตกใหม่
กระถินมันดีตรงที่เป็นไม้โตเร็วและทนแล้ว
และตอนนี้รู้แล้วว่ามันทนน้ำท่วมด้วย
เพราะจากน้ำท่วมปี ๕๔
ไม่เห็นมันตายสักต้น
รูปที่
๑ ดอกชบาที่ปลูกไว้ล่อแมลงและให้ความสวยงาม
ถ่ายเอาไว้เมื่อเดือนกันยายน
ต้นไม้ริมรั้วยังมีประโยชน์ในการช่วยลดแสงสะท้อนจากแสงแดดตอนกลางวัน
ปรกติเวลาแดดจัด ๆ
ถนนคอนกรีตมันก็ดูสว่างจ้าอยู่แล้ว
รั้วบ้านที่เป็นอิฐบล็อคเวลาที่แดดมันส่องโดนเต็มที่มันก็เก็บความร้อนเอาไว้ในตัวมันและก็เปล่งออกมา
แม้ว่าดวงอาทิตย์จะลดต่ำลงไปแล้ว
ทำให้แม้ถึงเวลาเย็นแล้วก็ยังรู้สึกร้อนอยู่
การมีต้นไม้บังรั้งอิฐบล็อคเอาไว้มันก็ช่วยตรงนี้เพราะมันป้องกันไม่ให้รั้วสะสมความร้อนเอาไว้มาก
(แบบที่เขาบอกว่าให้ปลูกต้นไม้บังแดดไม่ให้ส่องโดนผนังบ้าน
จะทำให้บ้านไม่ร้อนมาก)
และเงาของต้นไม้เองที่บังแดดไม่ให้ส่องลงผิวถนนทั่วทั้งบริเวณมันก็ช่วยลดความร้อนของผิวถนนหน้าบ้านให้ด้วย
ทำให้ช่วงเวลาเย็นนั้นบริเวณหน้าบ้านจะไม่ร้อนมาก
การทำการเกษตรแบบไร่นาสวนผสมนั้นเขาบอกให้ปลูกพืชหลาย
ๆ อย่าง โดยอาจจำแนกออกได้เป็น
๔ กลุ่มคือ พวกที่ใช้เป็นอาหาร
พวกที่ใช้เป็นฟืน พวกที่เป็นไม้ใช้สอย
และพวกไม้ผลยืนต้น
ต้นไม้ที่บ้านที่ใช้เป็นอาหารก็มีหลายอย่าง
ไม่ว่าจะเป็น บวบ ตำลึง แค
กระเพรา โหระพา มะนาว มะกรูด
กระถิน อัญชัน ฟักทอง มันเทศ
เผือก พริก มะเขือ มะละกอ
หมากเม่า หม่อน ฯลฯ
พวกที่ใช้เป็นไม้ใช้สอยก็มีไผ่เลี้ยงที่ปลูกเอาไว้สองกอ
(เอาไว้วันหลังว่าง
ๆ จะเขียนเรื่องนี้บ้าง)
ไม้ผลยืนต้นก็มีทั้งมะม่วง
มะเหมี่ยว มะเฟือง มะตูม
มะขาม ขนุน พุทรา ชมพู่ ฯลฯ
บางต้นก็เป็นต้นใหญ่ได้กินผลมาหลายปีแล้ว
บางต้นก็เพิ่งจะปลูกหลังน้ำท่วมปี
๕๔
ส่วนไม้ฟืนนั้นก็มีกระถิน
ทั้ง ๆ ที่จริงที่บ้านก็ใช้แต่เตาแก๊ส
กระถินมันก็มีข้อดีตรงนี้คือเป็นพืชโตเร็ว
ยอดและฝักเป็นอาหารได้
และกิ่งก้านก็สามารถนำมาทำเป็นเชื้อเพลิงได้
แต่ที่บ้านก็ไม่เคยเอากิ่งกระถินมาทำฟืนสักที
เอามาทำเป็นแต่ไม้ค้ำต้นไม้เล็ก
ๆ และนั่งร้านให้พวกไม้เลื้อยมันเลื้อยไต่ขึ้นไป
และเอามาทำเศษไม้ฟืนเวลาที่ลูกต้องไปเข้าค่ายลูกเสือที่โรงเรียน
บ้านที่อยู่ปัจจุบันตอนที่สร้างเสร็จใหม่ดินที่เอามาถมก็หาธาตุอาหารไม่ค่อยได้
ก็เลยเอาเมล็ดกระถินไปหว่านไว้ริมรั้วทั่วไปหมด
กะว่าจะเอาใบกระถินที่ร่วงลงมานั้นใช้เป็นปุ๋ย
เพราะใบมันเล็ก ย่อยสลายง่ายดี
ตอนนี้ก็เลยมีพืชสารพัดชนิดขึ้นคลุมดินรอบบ้านไปหมด
บางคนเขาบอกว่า
"ดอกกระถิน"
เป็นดอกไม้ที่แสดงถึงความมั่นคง
แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าดอกกระถินในความหมายนี้เป็นของต้นกระถินที่เรากินกันเป็นอาหารหรือไม่
รู้แต่ว่ามีการเอาชื่อต้นไม้นี้มาตั้งเป็นชื่อผู้หญิงว่า
"มินตรา"
คำว่า
"มินตรา"
นี้แปลว่าต้นกระถิน
แต่คำว่า "มินตา"
(ไม่มี
"ร")
แปลว่าขอโทษ
ดังนั้นถ้าจะเรียกคนที่ชื่อ
"มินตรา"
ก็ควรที่จะออกเสียง
"ร"
ให้ชัดด้วย
ไม่เช่นนั้นชื่อเขาจะมีความหมายผิดเพี้ยนไป
ชบาก็เป็นไม้ดอกที่ปลูกไว้ที่ชานหน้าบ้าน
ตรงชิงช้าที่เป็นมุมโปรดเวลานั่งจิบกาแฟยามเช้า
ที่เลือกชบาก็เพราะมันปลูกง่ายดีและมีดอกหลากหลายสี
ออกดอกอยู่เรื่อย ๆ
อันที่จริงก็อยากได้พู่ระหงมาปลูกด้วย
แต่ตอนนั้นหาไม่ได้ก็เลยไม่ได้ซื้อมาปลูก
จะไปซื้อมาตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปลงดินที่ไหน
ต้นชบากับพู่ระหงนั้นมันคล้ายกันมาก
โดยส่วนตัวแล้วถ้าไม่ออกดอกก็ดูไม่ออกว่าต้นไหนชบาต้นไหนพู่ระหง
ชบานี้ก็ปลูกเอาไว้เพื่อความสวยงามและเป็นอาหารให้กับแมลงกินน้ำหวาน
จากนั้นก็จะมีนกกินแมลงมาดักกินแมลงที่กินน้ำหวานนี้อีกที
ทำให้ที่บ้านไม่จำเป็นต้องเลี้ยงนก
เพราะมีนกสวนหลากหลายสายพันธุ์แวะเวียนเข้ามาทุกวัน
สุดสัปดาห์แรกของเดือนตุลา
ในช่วงเช้าของวันที่ฝนตก
ก็ไม่มีเรื่องมีสาระอะไร
ฝากรูปดอกชบาและต้นกระถินที่ถ่ายเอาไว้ด้วยกล้องโทรศัพท์มือถือมาให้ดูเล่นก็แล้วกัน
รูปที่
๒ มุมต่าง ๆ ของต้นกระถินหน้าบ้าน
ถ่ายเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาเช่นกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น