วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

วิศวกรรมเคมี ใช่ว่าภาคนี้ไม่มีตำนาน MO Memoir : Saturday 25 July 2558

หลายรายบอกให้ผมเอาเรื่องที่เขียนลง blog พิมพ์เป็นเล่มได้แล้ว ผมก็ตอบกลับไปว่าเนื้อหาบางเรื่องมันก็ค่อนข้างเฉพาะทาง และหลายต่อหลายเรื่องมันก็สะเปะสะปะไปหมด ถ้าจะเอามารวมเล่มก็ไม่รู้ว่าจะให้ชื่อหนังสือว่าอะไร และใครจะมาซื้ออ่าน แต่ผมก็บอกเขาว่าถ้าจะพิมพ์ก็คงจะพิมพ์แจก แต่คงเป็นเรื่อง "ผี" ที่กะว่าจะเขียนให้ได้มากพอที่จะพิมพ์เป็นเล่มแจกวันเกษียณอายุ
  
แต่จะเขียนออกมาทำนองไหน ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน เอาเป็นว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บังเอิญไปโหลด app แต่งภาพผีมาลงโทรศัพท์ ก็เลยเดินถ่ายรูปเล่นในภาควิชา ไม่ว่าจะเป็นบริเวณรอบห้องทำงานของตัวเองหรือห้องทดลองวิทยาศาสตร์ แล้วทดลองแต่งภาพเล่นดู พร้อมทั้งเขียนคำบรรยายภาพไว้สั้น โดยเขียนขึ้นเองจากจินตนาการ และบางส่วนก็มาจากประสบการณ์ในระหว่างการทำงานและที่ได้ฟังนิสิตเล่าให้ฟัง เอาไว้เตือนความจำ เผื่อว่ามีเวลาว่างเมื่อใดจะได้มาเขียนให้เป็นเรื่องเป็นราวสักที
  
รูปที่แต่งนั้นก็เอาลง facebook ไปเมื่อวาน ก็ได้เสียงตอบรับกลับมา วันนี้ก็เลยถือโอกาสเอาสิ่งที่โพสลง facebook มารวบรวมไว้ใน memoir ฉบับนี้ เผื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไปจะได้ค้นย้อนหลังได้ง่ายหน่อยว่าเคยคิดอะไรไว้
  
ลองอ่านดูเล่น ๆ อย่าคิดอะไรมากก็แล้วกันนะครับ


"ผู้อยู่อีกฟากด้านของบานประตู"

เสียงลูกบิดประตูขยับเหมือนมีใครสักคนพยายามจะเปิดประตู
 
อาจารย์เจ้าของห้องก็เลยเงยหน้าจากโต๊ะทำงานขึ้นมองดู
 
แล้วพอบานประตูห้องเขาเปิดออก สิ่งที่เขาเห็นก็คือ .......

จะว่าไปอาคารที่ผมห้องทำงานของผมตั้งอยู่แต่ละชั้นมันก็ไม่ได้กว้างอะไรเท่าใดนัก แต่สิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่ามันแตกต่างไปจากอาคารสำนักงานทั่วไปคือที่นี่มีการกั้นห้องเป็นห้องส่วนตัว แม้แต่ประตูก็ไม่ไม่กระจกให้มองเห็นคนเดินผ่านไปมาหน้าห้อง จะมีก็แต่ได้ยินเสียง มีเฉพาะบานกระจกที่อยู่เหนือประตูเท่านั้น
  
มีบ้างเหมือนกันบางครั้งที่มีงานที่ทำให้ต้องมานั่งทำงานอยู่เพียงคนเดียวทั้งชั้น บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าเสียงที่ดังอยู่ภายนอกห้องนั้นมันเป็นเสียงอะไร

 
"ประธานในห้องประชุม"
 

แลปนี้มีห้องที่เป็นทั้งห้องสมุดและห้องประชุม แถมตอนกลางคืนก็ยังมีนิสิตเข้ามาใช้เป็นห้องนอนอีก เพราะมันมืดและแอร์เย็นดี
 
ว่าแต่เคยสงสัยบ้างไหมว่าทำไมพี่ ๆ ป.โท ป.เอก บางคน ยินดีที่จะนอนค้างในห้องอื่นที่มีแต่พัดลม แทนที่จะมานอนตากแอร์เย็น ๆ ในห้องนี้

ชีวิตนิสิตป.โท ป.เอก นี่บางทีมันต้องทำการทดลองกันข้ามวันข้ามคืน ถึงแม้ว่าบางครั้งจะไม่ต้องมีการเก็บตัวอย่าง แต่ก็ต้องมานอนเฝ้าเผื่อว่าการทดลองที่รอคอยเวลาอยู่นั้นจะเกิดปัญหา ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้าดับ น้ำไม่ไหล หรือด้วยสาเหตุใดก็ตาม สถานที่จะปูที่นอนหรือกางเก้าอี้นอนต่างก็เลือกกันตามมุมสบายของตน บางรายนั้นจะนอนที่ไหนก็ได้ ขอให้แอร์เย็น มืด และไม่มียุงหรือหนูมารบกวนก็พอ
  
แต่ก็มีบางที่ที่แม้จะเข้าเกณฑ์ดังกล่าว แต่ก็มีบางคนไม่อยากไปนอนพักในห้องนั้นตอนกลางคืน


"เพื่อนร่วมรุ่น"



นิสิตรายหนึ่งหันไปถามเพื่อนที่เดินมาด้วยกัน
 
"ยายนั่นทำแลปที่ตึกนี้ด้วยเหรอ ทำซีเนียร์โปรเจคกับใครล่ะ"
 
"เฮ้ย เธอตายไปแล้วตอนปิดเทอมปี ๒ ไม่ใช่เหรอ"

ด้วยจำนวนนิสิตในภาควิชาที่เพิ่มขึ้น จนทำให้การเรียนแม้แต่วิชาบรรยายนั้นนิสิตถูกแบ่งออกเป็น ๒ กลุ่ม ประกอบกับสภาพแวดล้อมของมหาวิทยาลัยที่นิสิตเองจะไปจับกลุ่มรู้จักกันเฉพาะกับผู้ที่อยู่ใน group เดียวกันเป็นหลัก ทำให้แม้ว่าจะเรียนชั้นปีเดียวกัน ภาควิชาเดียวกัน ก็ไม่รู้จักกัน เพราะไม่มีโอกาสเรียนหนังสือในตอนเรียนเดียวกัน ทำให้แม้แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเพื่อนร่วมรุ่นนั้น ก็ไม่เป็นที่ทราบกัน


"ห้องสุดทางเดิน"

 
"พวกพี่ ๆ ป.โท เขาทำงานกันไม่หลับไม่นอนนะ ดึก ๆ อย่างนี้ยังแต่งชุดแลปออกมาเดินเล่นอีก"
 
แล้วพี่คนนั้นก็เดินหายเข้าไปในห้องสุดทางเดิน
 
โดยที่ประตูยังคงปิดอยู่

เรื่องแบบนี้จัดว่าเป็นเรื่องคลาสสิกเรื่องหนึ่งของภาควิชาเราก็ได้ เรื่องห้องสุดทางเดินนี่นิสิตป.โทของผมเคยโดนมา ตอนราว ๆ ปี ๓๘ หรือ ๓๙ ที่ตึกแลปเคมีชั้น ๓ ตอนนี้มุมนั้นเขากั้นห้องกันใหม่ กลายเป็นแลปของป.โทกลุ่มอื่นไปแล้ว ก็เลยไม่สามารถถ่ายรูปสถานที่จริงมาให้ได้ ได้แต่ถ่ายรูปห้องที่อยู่ใกล้กับห้องที่เกิดเหตุมาประกอบ เหตุการณ์นี้เคยเล่าเอาไว้ใน Memoir ปีที่ ๒ ฉบับที่ ๑๓๐ วันพฤหัสบดีที่ ๙ มีนาคม ๒๕๕๓ เรื่อง "เหตุเกิดตอนทำแลปกลางคืน"
  

"ห้องส้วมที่ว่างอยู่"

เวลาเข้าห้องน้ำ เคยชำเลืองดูประตูห้องที่มันเปิดอยู่บ้างหรือเปล่าครับ

เรื่องนี้ไม่รู้ว่าจะเขียนอธิบายอย่างไรดี แต่คิดว่าคงจะพอจินตนาการกันเองได้นะครับ

 
"น้ำเย็น ๆ ที่สุดปลายระเบียง"
 

ยังดีที่ภาควิชาติดตั้งเครื่องทำน้ำเย็นสำหรับดื่มไว้ที่ห้องสุดปลายระเบียง
 
ว่าแต่คุณเคยเข้าไปกดน้ำเย็นในห้องดังกล่าวกินตอนกลางคืนบ้างไหม

ตึกทำงานตึกนี้ได้งบประมาณมาก่อสร้างแบบกระชั้นชิด ทำให้การออกแบบกระทำไปโดยไม่สามารถระบุได้ว่าจะให้อาคารแต่ละชั้นเป็นห้องสำหรับกิจกรรมใด ๆ สิ่งที่ตามมาก็คือการออกแบบระบบสาธารณูปโภค โดยเฉพาะก๊อกน้ำและท่อรองรับน้ำทิ้ง
 
พอจะทำการติดตั้งเครื่องทำน้ำเย็นสำหรับดื่มก็เลยมีปัญหา เพราะต้องหาสถานที่ที่มีทั้งท่อน้ำดีและสามารถระบายน้ำทิ้งได้ และสถานที่ดังกล่าวก็อยู่ในห้องเก็บของที่อยู่ปากทางเข้าห้องเครื่องปรับอากาศ เป็นห้องที่อยู่ในซอกสุดทางของระเบึยง

 
"ตัวอย่างที่ต้องทิ้งไว้ข้ามคืน"
 

"นี่คุณ ตัวอย่างตะกอนของคุณเพื่อนคุณเขาเอาไปชั่งน้ำหนักตั้งแต่ตอนเช้าแล้วนะ"

การสอนแลปนิสิตปี ๒ นี่ทำให้ได้รับรู้เรื่องราวอะไรต่อมิอะไรหลายอย่าง รวมทั้งเหตุการณ์ที่นิสิตที่เข้าภาควิชามานั้นมาเรียนปี ๒ ได้เพียงปีเดียวก็เสียชีวิต มีทั้งการเสียชีวิตในขณะที่อยู่ระหว่างภาคการศึกษา (ประเภทที่เรียกว่าสัปดาห์นี้ยังสอนแลปกันอยู่ พอสัปดาห์หน้าต้องไปงานศพแทน) และที่เสียชีวิตก่อนที่จะขึ้นปี ๓ (อาจารย์ที่ไม่ได้สอนนิสิตปี ๓ ก็เลยมักจะไม่รู้จักนิสิตที่ไม่ได้ขึ้นเรียนปี ๓)
 
การทดลองของนิสิตปี ๒ บางการทดลองนั้นก็ต้องทิ้งตัวอย่างไว้ข้ามคืน เช่นการอบตัวอย่างให้แห้งก่อนนำไปชั่งน้ำหนักและบันทึกผลการทดลอง เช่นการหาน้ำหนักตะกอน แล้ววันรุ่งขึ้นค่อยมาเก็บผล ตอนทำแลปก็ทำกันเป็นกลุ่ม แต่ตอนชั่งน้ำหนักตัวอย่างนั้นส่งเฉพาะแค่ตัวแทนมาเพียงคนเดียวก็พอ

ไม่มีความคิดเห็น: