วันก่อนวันสงกรานต์มีเหตุอันต้องนำรถเข้าเปลี่ยนคอยล์เย็นแอร์
เนื่องจากมันรั่วจนน้ำยาแอร์ไม่เหลือ
พอซ่อมแอร์เสร็จก็เลยถือโอกาสเปลี่ยนท่อไอเสียที่มันผุกับร้านที่อยู่ติดกัน
ตอนแรกว่าจะเก็บท่อไอเสียเอาไว้ทำทีหลัง
แต่พอเห็นรอยรั่วท่ีทำให้แก๊สไอเสียร้อน
ๆ ที่พุ่งออกมานั้นพุ่งตรงไปที่ถังน้ำมันใต้ตัวรถ
ก็เลยต้องตัดสินใจเปลี่ยนทันที
เพราะกำลังจะเอารถไปวิ่งทางไกล
ในการเปลี่ยนท่อไอเสียนั้น
ช่างจะต้องตัดเอาท่อไอเสียเก่าที่ผุออกมาจากใต้ท้องรถก่อน
ถ้าตัวหม้อพักยังดีอยู่ก็จะตัดเอาท่อที่ผุออกจากหม้อพัก
จากนั้นจะนำท่อเหล็กใหม่ที่เป็นท่อตรงมาดัดให้เข้ารูปตามท่อไอเสียเดิม
แล้วทำการประกอบกลับเข้าไป
การตัดท่อเก่าออกก็จะใช้แก๊สตัด
และการเชื่อมต่อท่อใหม่ก็จะใช้การเชื่อมแก๊สเช่นเดียวกัน
จะไม่ใช้การเชื่อมไฟฟ้า
รูปที่
๑ ถังเก็บแก๊สอะเซทิลีนที่ผลิตจากหินแก๊ส
ระบบไฟฟ้าของรถยนต์นั้นจะต่อขั้วลบของแบตเตอรี่ไปยังตัวถังรถ
และเดินสายขั้วบวกไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง
ๆ ในการเชื่อมไฟฟ้า
(ไม่ว่าจะกระแสตรงหรือกระแสสลับ)
เราจะต้องต่อขั้วไฟฟ้าขั้วหนึ่งเข้ากับชิ้นงาน
(ในที่นี้คือท่อไอเสีย)
และอีกขั้วหนึ่งเข้ากับลวดเชื่อม
ซึ่งการต่อวงจรไฟฟ้าดังกล่าวจะไปก่อปัญหาให้กับระบบไฟฟ้าของรถยนต์ได้
(ไฟฟ้าจากเครื่องเชื่อมมันแรงกว่าไฟแบตเตอรี่)
ด้วยเหตุนี้ช่างทำท่อไอเสียจึงใช้การเชื่อมแก๊ส
แก๊สที่ช่างทำท่อไอเสียใช้จะเป็นแก๊สอะเซทิลีน
ใช้ทั้งเชื่อมและตัด
บางร้านเห็นสั่งอะเซทิลีนบรรจุถังมาเรียบร้อย
(ละลายมาในอะซีโตน)
แต่ก็ยังมีร้านที่ใช้การผลิตอะเซทิลีนเองจากปฏิกิริยาระหว่าง
"หินแก๊ส"
กับน้ำ
หินแก๊สในที่นี้ก็คือแคลเซียมคาร์ไบด์
(calcium
carbide - CaC2) ที่เตรียมได้จากการเผา
CaO
(หรือ
CaCO3
ที่จะสลายตัวที่อุณหภูมิสูงกลายเป็น
CaO)
กับถ่าน
coke
(ก็คือ
carbon
นั่นแหละ)
บางทีก็เรียกว่า
"แก๊สก้อน"
หรือ
"ถ่านแก๊ส"
บ้าง
ตัวหินแก๊สนี้พอเจอน้ำก็จะทำปฏิกิริยาเกิดแก๊สอะเซทิลีนออกมา
ส่วนตัวหินแก๊สก็จะกลายเป็น
Ca(OH)2
ไป
รูปที่
๑
ในหน้าแรกเป็นถังเก็บอะเซทิลีนที่ได้จากปฏิกิริยาระหว่างหินแก๊สกับน้ำ
ช่างจะเอาหินแก๊สใส่ถาด
(รูปร่างเป็นถาดสี่เหลี่ยมยาวขอบสูง
เหมือนขวดน้ำดื่ม 1.5
ลิตรทรงสี่เหลี่ยมที่ผ่าครึ่งตามยาว)
แล้วเติมน้ำลงไปในถาด
จากนั้นก็จะรีบเอาถาดหินแก๊สที่เติมน้ำแล้วใส่เข้าไปในถังทางช่องใส่
และรีบปิดช่องดังกล่าว
แก๊สที่เกิดขึ้นก็จะถูกเก็บอยู่ในถังพร้อมนำไปใช้งาน
ถ้าความดันแก๊สลดต่ำลงก็เปิดฝาและเติมน้ำเข้าไป
ทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ
จนหินแก๊สหมดสภาพ ก็นำออกมาเททิ้ง
หน้าตาหินแก๊สที่หมดสภาพแล้วที่ช่างเอามาเททิ้งในถังขยะดูได้ในรูปที่
๒ ข้างล่าง
รูปที่
๒ หินแก๊สที่หมดสภาพแล้ว
ช่างเอามาเททิ้งในถังขยะ
ช่วงที่น่าหวาดเสียวที่สุดน่าจะเป็นตอนที่ช่างเชื่อมทำการเชื่อมต่อท่อไอเสียตรงบริเวณใกล้ถังน้ำมัน
ตอนนั้นช่างต้องใช้วิธีการเอาแผ่นเหล็กมาบังถังน้ำมันเอาไว้
ไม่ให้ความร้อนจากเปลวไฟไปถึงถังน้ำมันได้
เชื่อมแก๊สนี่มันก็ดีอยู่อย่างตรงที่แสงสว่างจากเปลวแก๊สมันไม่แสบตาเหมือนอาร์คจากการเชื่อมไฟฟ้า
เชื่อมไฟฟ้าให้แสงสว่างที่น่ารำคาญกว่าเยอะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น