เรื่องมันเริ่มจากการที่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
สาวเมืองขุนแผนและสาวเมืองโอ่งมังกรพยายามจะทำให้เครื่อง
Shimadzu
GC-8A ใช้งานได้แบบคงเส้นคงวา
เรื่องมันเริ่มจากการไม่มีพีคปรากฏ
การหาพีคไม่เจอ
ตำแหน่งเวลาปรากฏของพีคเอาแน่เอานอนไม่ได้
พีคมีรูปร่างประหลาด
ความแรงของพีคลดลง ฯลฯ
ตอนนั้นผมก็ให้คำแนะนำไปว่า
ให้แยกประเด็นออกมาพิจารณาทีละประเด็นคือ
๑.
เห็นพีคหรือไม่เห็นพีค
ถ้าไม่เห็นพีคก็แสดงว่าปัญหาอาจอยู่ที่
detector
หรือแก๊สที่ไหลออกจากคอลัมน์ไปไม่ถึง
detector
ตรงนี้ขอให้ทดสอบด้วยการฉีดสารบริสุทธิ์เข้าไป
(เช่นฉีดเอทานอลหรือโทลูอีนสัก
0.5-1
ไมโครลิตร)
แล้วดูการตอบสนองของ
detector
๒.
ถ้ามองเห็นพีคก็ให้ดูว่าตำแหน่งเวลาที่พีคออกมานั้นคงเส้นคงว่าหรือไม่
ถ้าคงเส้นคงวาก็แสดงว่าอัตราการไหลของ
carrier
gas ที่ผ่านคอลัมน์นั้นคงที่
ถ้าคงเส้นคงวาแต่ออกมาช้ากว่าเดิมก็แสดงว่า
carrier
gas ไหลผ่านคอลัมน์ด้วยอัตราการไหลที่ลดลง
ตรงนี้อาจมีสาเหตุมาจาก
(ก)
คอลัมน์มีการอัดตัวกันแน่นขึ้น
ความต้านทานการไหลก็สูงขึ้น
การคงความดันด้านขาเข้าไว้คงเดิมก็ทำให้อัตราการไหลลดต่ำลง
ถ้าเป็นกรณีนี้ พีคจะออกมาช้าลง
เตี้ยลงแต่กว้างขึ้น
โดยพื้นที่พีคจะคงเดิม
(เพราะสารตัวอย่างที่ฉีดเข้าไปไม่ได้รั่วหายไปไหน)
การแก้ปัญหาก็ทำโดยการเพิ่มความดันขาเข้า
หรือไม่ก็ถอดเอาคอลัมน์ออกมาแล้วอัดแก๊สให้ไหลสวนทางทิศทางการไหลที่ใช้ในการวิเคราะห์
(ข)
carrier gas มีการรั่วไหลก่อนเข้าคอลัมน์
ซึ่งแยกเป็น
-
การรั่วไหลแบบข้อต่อไม่แน่น
(จุดต่อคอลัมน์เข้ากับ
injector
port หรือตรงหัวนอตที่ใช้เป็นตัวยึด
septum)
เวลาที่พีคออกมาแม้ว่าจะช้าลง
แต่จะคงที่ ณ ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง
ในกรณีนี้พีคมักจะมีขนาดเล็กลงกว่าปรกติ
แต่จะคงที่
การแก้ปัญหาก็ทำได้โดยการขันข้อต่อให้แน่น
-
การรั่วไหลที่
septum
กรณีนี้จะพบว่าเวลาที่พีคออกมานั้นจะช้าลงไปเรื่อย
ๆ โดยมีขนาดเล็กลงตามไปด้วย
สาเหตุก็เพราะแต่ละครั้งที่เราแทง
syringe
ทะลุผ่าน
septum
จะทำให้รูที่เข็มแทงทะลุนั้นขยายใหญ่ขึ้นทีละน้อย
แก๊สก็จะรั่วออกได้มากขึ้นตามทุก
ๆ ครั้งที่ฉีดสาร
การแก้ปัญหาก็ทำได้โดยการเปลี่ยน
septum
๓.
ถ้าเวลาที่พีคออกมานั้นไม่เปลี่ยนแปลง
แต่ขนาดพีคที่ได้เล็กลง
ก็ให้ตรวจสอบพารามิเตอร์ต่าง
ๆ ของเครื่องวัด พวก RANGE
และ
ATTENUATION
ว่าคงเดิมหรือไม่
ถ้าพบว่าคงเดิมก็แสดงว่าปัญหาอาจอยู่ที่มีการรั่วไหลของแก๊สด้านขาออกจากคอลัมน์
(ข้อต่อด้านต่อคอลัมน์เข้ากับ
detector
port มีการรั่วซึม)
สำหรับ
FID
แล้วยังอาจเกิดจากการที่หัวฉีดไฮโดรเจนเกิดการอุดตัน
ทำให้เปลวไฟติดได้ไม่ดี
(ถ้าเป็นหนัก
ๆ จะทำให้เปลวไฟไม่ติด)
ถ้าเป็นแบบนี้ให้หาสายลวดเล็ก
ๆ (เช่นสายกีต้าร์เส้นเล็กสุด)
แยงรูหัวฉีดแก๊สไฮโดรเจน
ช่วงบ่ายวันศุกร์ก็ทราบว่าเขาทั้งสองสามารถแก้ปัญหาได้แล้ว
เช้าวันวานมีโอกาสแวะเข้าไปที่แลปก็เลยไปเอาโครมาโทแกรมที่ทั้งสองทำไว้ระหว่างการปรับแต่ง
โดยเลือกมาบางรูปเพื่อนำมาเป็นตัวอย่างให้ได้เห็นกัน
ท้ายสุดก็ขอฝากเรื่องเกี่ยวกับโครมาโทแกรมที่พวกคุณควรต้องไปอ่านให้เข้าใจ
เพราะจะว่าไปแล้วเรื่องที่เกิดในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นไม่ใช่เรื่องใหม่
เคยเกิดขึ้นมาแล้วทั้งนั้น
ขอให้ไปอ่านย้อนหลังกันเองก็แล้วกัน
ทำความรู้จักกับ
Chromatogram
(ตอนที่
1)
MO Memoir : วันศุกร์ที่
๓ มิถุนายน ๒๕๕๒
ทำความรู้จักกับ
Chromatogram
(ตอนที่
2)
MO Memoir : วันศุกร์ที่
๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๒
ทำความรู้จักกับ
Chromatogram
(ตอนที่
3)
MO Memoir : Friday 27 November 2552
ทำความรู้จักกับ
Chromatogram
(ตอนที่
๔)
MO Memoir : Sunday 25 July 2553
การปรับความสูงพีค
GC
MO Memoir : Friday 9 July 2553
การทำวิทยานิพนธ์ภาคปฏิบัติ
ตอนที่ ๑๐ เมื่อพีค GC
หายไป
MO
Memoir : Thursday 20 January 2554
การทำวิทยานิพนธ์ภาคปฏิบัติ
ตอนที่ ๑๕ เมื่อพีค GC
ออกมาผิดเวลา
MO
Memoir : Tuesday 1 March 2554
การทำวิทยานิพนธ์ภาคปฏิบัติ
ตอนที่ ๒๑ เมื่อความแรงของพีค
GC
ลดลง
MO
Memoir : Wednesday 15 June 2554
การทำวิทยานิพนธ์ภาคปฏิบัติ
ตอนที่ ๓๐ เมื่อพีค GC
ออกมาผิดเวลา
(อีกแล้ว)
MO Memoir : Saturday 16 July 2554
รูปที่
๑ (บน)
ปุ่มปรับต่าง
ๆ ของเครื่อง Shimadzu
GC-8A ปุ่ม
RANGE
เป็นตัวปรับช่วงการวัด
ถ้าใช้ RANGE
ต่ำจะวัดสัญญาณที่มีความแรงน้อย
ๆ ได้ดี แต่ถ้าสัญญาณแรงมากจะทำให้
detector
อิ่มตัว
ถ้าใช้ RANGE
สูงจะวัดสัญญาณที่แรงมากได้
แต่จะเสียความละเอียดในการวัดพีคขนาดเล็ก
ๆ ปุ่ม ATTENUATION
เป็นตัวปรับความแรงสัญญาณที่ส่งออกทาง
port
ที่ไปยังเครื่อง
RECORDER
ค่า
ATTENUATION
เป็นตัวหารสัญญาณที่ส่งออก
ค่ายิ่งมากทำให้สัญญาณส่งออกยิ่งน้อยลง
ใช้ในการปรับความแรงสัญญาณไม่ให้พีคที่เครื่อง
RECORDER
วาดนั้นมีขนาดใหญ่เกินหน้ากระดาษ
(กลาง)
ปุ่มปรับค่าพารามิเตอร์ต่าง
ๆ ของเครื่อง integrator
Shimadzu C-R8A เรายังสามารถปรับค่า
ATTN
(ย่อมาจาก
attenuation)
เพื่อให้เครื่องสามารถวาดพีคให้อยู่ในความกว้างของหน้ากระดาษได้
ค่า ATTN
มีค่าเป็น
2n
เมื่อ
n
เป็นจำนวนเต็ม
ยิ่งใช้ค่า ATTN
สูงจะได้รูปพึคที่มีขนาดเล็กลง
แต่ไม่ส่งผลต่อความสูงและพี้นที่ที่คำนวณได้
(ดูรูปที่
๔)
(ล่าง)
สายเครื่อง
C-R8Aต่อเข้าตรงจุดที่ป้ายติด
INTEGRATOR
เครื่อง
GC
ของ
Shimadzu
รุ่น
8A
9A และ
14A
ที่แลปเรามีใช้นั้น
ใช้ระบบปรับพารามิเตอร์ต่าง
ๆ ที่คล้ายกัน
รูปที่
๒ พีคเอทานอล 0.5
ไมโครลิตร
ตั้ง range
ของเครื่อง
GC-8A
ไว้ที่
102
จะเห็นว่าพีคที่ได้มีลักษณะหัวตัวและเมื่อพิจารณาค่าความสูงของพีคทั้งสอง
(ที่เวลา
0.8-0.9
นาที)
จะเห็นว่าค่าความสูงขึ้นไปจนสุดที่ระดับสูงประมาณ
1,230,000
แสดงว่า
detector
เกิดการอิ่มตัว
ในกรณีเช่นนี้ถ้าหากฉีดเอทานอลในปริมาณที่มากกว่า
0.5
ไมโครลิตรเช่นฉีดเป็น
1.0
ไมโครลิตรก็จะเห็นพื้นที่พีคเพิ่มสูงขึ้น
แต่จะไม่เป็นสองเท่า
ทั้งนี้เป็นเพราะ detector
มองไม่เห็นส่วนยอดของพีคที่มีความสูงจริงที่แตกต่างกัน
พื้นที่ที่แตกต่างกันจะเกิดจากการที่พีคมีความกว้างที่แตกต่างกัน
รูปที่
๓ พีคโทลูอีน 0.5
ไมโครลิตร
พีคบนตั้ง range
ของเครื่อง
GC-8A
ไว้ที่
103
ส่วนพีคล่างตั้งไว้ที่
104
จะเห็นว่าพีคที่ได้มีลักษณะหัวตัว
แต่เมื่อดูความสูงพีคจะเห็นว่าแตกต่างกัน
ลักษณะเช่นนี้แสดงว่าข้อมูลสัญญาณนั้นมีลักษณะเป็นพีค
แต่การตั้งสเกลแกน y
นั้นแคบเกินไป
(ตั้งที่ค่า
attenuation
- ATTN ของเครื่อง
C-R8A)
ในกรณีนี้ยังเห็นอีกว่าการตั้งค่า
range
ที่เครื่อง
GC-8A
นั้นส่งผลต่อทั้งความสูงและพื้นที่พีคที่ได้
เมื่อเพิ่ม range
จาก
103
เป็น
104
(เพิ่มขึ้น
10
เท่า)
จะได้พีคที่มีขนาดเล็กลง
10
เท่าด้วย
(เห็นได้จากการที่ค่าพื้นที่และความสูงลดลงมาประมาณ
10
เท่า)
รูปที่
๔ พีคโทลูอีน 0.5
ไมโครลิตร
ทั้งสองพีคตั้ง range
ของเครื่อง
GC-8A
ไว้ที่
104
แต่รูปบนตั้งค่า
ATTN
ของ
C-R8A
ไว้ที่
5
(หารสัญญาณวาดรูปด้วย
25
= 24) ส่วนรูปล่างตั้งไว้ที่
10
(หารสัญญาณวาดรูปด้วย
210
= 1024) จะเห็นว่าจากพีคหัวตัดที่ค่า
ATTN
ต่ำกลายเป็นรูปพีคที่สมบูรณ์ที่ค่า
ATTN
สูงขึ้นแต่จะมีขนาดเล็กลง
แต่เมื่อพิจารณาค่าพื้นที่กับความสูงจะเห็นว่ายังคงเท่าเดิมโดยไม่เปลี่ยนแปลงไปตามค่า
ATTN
ที่เปลี่ยนไป
แสดงว่าค่า ATTN
ของเครื่อง
C-R8A
ส่งผลต่อสัญญาณที่ใช้ในการวาดรูปเท่านั้น
ไม่ส่งผลต่อสัญญาณที่นำไปคำนวณค่าพื้นที่พีคและความสูง
รูปที่
๕ พีคโทลูอีน 0.5
ไมโครลิตร
ทั้งสองพีคตั้งค่า ATTN
ของเครื่อง
C-R8A
ไว้ที่
10
แต่รูปบนตั้ง
range
ของเครื่อง
GC-8A
ไว้ที่
104
แต่รูปล่างตั้งค่า
range
ของเครื่อง
GC-8A
ไว้ที่
102
จะเห็นว่าการเปลี่ยนค่า
range
ส่งผลต่อขนาดรูปร่างพีคที่เครื่องวาด
และพื้นที่พีคและความสูงพีคที่คำนวณได้
เมื่อลดช่วง range
(เพิ่มความว่องไวในการวัด)
จะได้พีคที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและพื้นที่พีคและความสูงพีคที่มากขึ้นไปด้วย
พีคของรูปล่างนั้นเป็นพีคที่มีปัญหาในลักษณะพีคหัวแตก
เห็นได้จากการรายงานผลยอดพีคมาสองตำแหน่งที่เวลาใกล้
ๆ กัน (อันที่จริงควรจะมีเพียงค่าเดียว)
แสดงว่าพีคมีลักษณะเป็นพีคใหญ่ที่มียอดเป็นพีคขนาดเล็กสองพีค
พีคลักษณะเช่นนี้มักมีปัญหาในการลากเส้น
base
line ที่ใช้ในการคำนวณพื้นที่และความสูง
ผลที่ตามมาคือค่าพื้นที่และความสูงที่ได้นั้นมักจะเชื่อถือไม่ได้
ส่วนเครื่อง C-R8A
ลากเส้น
base
line อย่างไรนั้นดูได้จากช่อง
MK
ที่อยู่ถัดจากช่อง
HEIGHT
ซึ่งจะพิมพ์สัญญลักษณ์บ่งบอกวิธีการลากเส้น
base
line (ดูความหมายของสัญญลักษณ์ได้จากคู่มือเครื่อง
C-R8A)
รูปที่
๖ พีคของ benzaldehyde
0.5 ไมโครลิตร
จะเห็นว่าตอนเริ่มเกิดพีคนั้นสัญญาณจะค่อย
ๆ ไต่ขึ้นไปจนถึงจุดยอดพีค
จากนั้นจะลดลง
อัตราการลดลงจะเร็วกว่าอัตราการไต่ขึ้น
ซึ่งแตกต่างไปจากพีคต่าง
ๆ ที่แสดงในรูปที่ ๒-๕
ที่แสดงอัตราไต่ขึ้นสูงกว่าอัตราการลดลง
ถ้าเป็นการวิเคราะห์ที่อุณหภูมิคอลัมน์คงที่
พีคลักษณะนี้บ่งบอกว่าปริมาณสารที่ฉีดเข้าไปนั้นมากเกินกว่าที่คอลัมน์จะรับได้
แต่ถ้าเป็นการวิเคราะห์ที่มีการเพิ่มอุณหภูมิให้ไต่ขึ้นเรื่อย
ๆ
ก็เป็นไปได้ที่เป็นผลจากการเพิ่มอุณหภูมิที่เร็วจนทำให้สารที่หลุดจากการดูดซับของ
packing
(ที่บรรจุอยู่ในคอลัมน์)
ที่ออกมาทีหลังนั้นออกมาวิ่งไล่อัดหลังตัวที่ออกมาก่อน
ตัวอย่างพีคลักษณะเช่นนี้ที่เกิดจากการเพิ่มอุณหภูมิในระหว่างการวิเคราะห์ดูได้จาก
Memoir
ปีที่
๕ ฉบับที่ ๕๕๘ วันศุกร์ที่
๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๕ เรื่อง "การทำวิทยานิพนธ์ภาคปฏิบัติ ตอนที่ ๓๙ ตัวอย่างการแยกพีค GC ที่ไม่เหมาะสม" (http://www.tamagozzilla.blogspot.com/2012/08/gc-mo-memoir-friday-24-august-2555.html)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น