ตอนเรียนวิชาพื้นฐานวิศวกรรมไฟฟ้านั้นก็ได้เรียนเรื่องเกี่ยวกับมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง
(Direct
current motor) และมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ
(Alternative
current motor)
สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้ในตอนนั้นคือการปรับความเร็วรอบของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรงจะทำได้ง่ายกว่า
ส่วนการปรับความเร็วรอบของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับนั้นทำได้ยากกว่าเพราะต้องไปปรับความถี่ของกระแสไฟฟ้า
(หมายเหตุ
:
ความเร็วรอบการหมุน
(รอบต่อนาที)
ของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับคำนวณได้จากสมการ
(120f/p)
เมื่อ
f
คือความถี่ของกระแสไฟฟ้า
(บ้านเราคือ
50
Hz) ส่วน
p
คือจำนวนขั้วของมอเตอร์ที่มีจำนวนเป็นเลขคู่เสมอ
ความเร็วรอบนี้เรียกว่าความเร็วซิงโครนัส
(synchronus
speed) ถ้าเป็น
synchronus
motor ก็จะหมุนด้วยความเร็วรอบนี้
แต่ถ้าเป็น induction
motor (ภาษาไทยแปลว่ามอเตอร์เหนี่ยวนำ
มอเตอร์แบบวนี้เป็นตัวที่เห็นกันทั่วไป)
ก็จะหมุนด้วยความเร็วรอบที่ต่ำกว่าความเร็วซิงโครนัสอยู่หน่อยเพราะมันมีการเกิด
slip)
ช่วงที่ผมเรียนจบใหม่
ๆ (ก็เมื่อกว่า
๓๐ ปีที่แล้ว)
อุปกรณ์พวกอิเล็กทรอนิกส์กำลัง
(power
electronic) จัดว่าเป็นเรื่องค่อนข้างใหม่ในบ้านเรา
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กำลังคืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่นำมาใช้ในการควบคุมระบบไฟฟ้ากำลัง
(ที่ใช้ความต่างศักย์สูงและกระแสสูง)
และงานหนึ่งที่มีการนำเข้ามาใช้คือใช้เพื่อควบคุมความเร็วรอบการหมุนของมอเตอร์เหนี่ยวนำ
เช่นควบคุมความเร็วรอบการหมุนของปั๊มหอยโข่ง
(centrifugal
pump) เพื่อให้ได้อัตราการไหลที่ต้องการ
แทนการใช้การปรับระดับการเปิด-ปิดวาล์วด้านขาออก
(ที่มีการสูญเสียพลังงานที่ตัววาล์ว)
แต่สมัยนั้นอุปกรณ์พวกนี้มักจะไว้วางใจไม่ค่อยได้
มันก็เลยกลายเป็นเรื่องฝังใจวิศวกรในสมัยนั้น
(บางคน)
มาจนปัจจุบัน
เรื่องนี้เคยเล่าไว้เมื่อ
๒ ปีที่แล้วใน Memoir
ปีที่
๑๐ ฉบับที่ ๑๔๓๖ วันอาทิตย์ที่
๑๐ กันยายน ๒๕๖๐ เรื่อง
"การประหยัดพลังงานให้กับปั๊มหอยโข่ง"
ระบบไฟฟ้ากระแสสลับนั้น
ถ้าหากเป็นมอเตอร์ที่ไม่ได้มีกำลังมาก
ก็จะใช้ไฟเพียงแค่เฟสเดียว
แต่ถ้าเป็นมอเตอร์ที่ให้กำลังมาก
ก็จะใช้ไฟทั้ง 3
เฟสเพื่อกระจายไม่ให้กระแสในแต่ละเฟสมากเกินไป
ตรงนี้คงต้องขอทบทวนนิดนึงว่าความสูญเสียในตัวนำไฟฟ้าเนื่องจากความต้านทานของตัวนำนั้น
แปรผันตามกระแสไฟฟ้ายกกำลังสอง
(I2R
เมื่อ
I
คือกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านตัวนำ
และ R
คือความต้านทานของตัวนำ)
และถ้าเป็นมอเตอร์ที่ให้กำลังมาก
ก็จะใช้ความต่างศักย์ที่สูงขึ้นเพื่อที่จะลดกระแสที่ต้องใช้ลง
(พลังงานไฟฟ้าขึ้นอยู่กับผลคูณระหว่างกระแส
I
กับความต่างศักย์
V
ที่ค่าผลคูณ
IV
เท่ากัน
อุปกรณ์ที่ใช้ V
สูงกว่าอีกตัวหนึ่งเท่าตัว
จะมีกระแส I
ไหลผ่านเพียงครึ่งเดียว
แต่การสูญเสียเนื่องจากความต้านทานจะเหลือเพียงแค่
1
ใน
4
ของอีกตัวหนึ่ง)
แต่ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ขนาดไหน
ถ้ามีจำนวนขั้วเท่ากันและใช้ไฟฟ้าที่ความถี่เดียวกัน
มันก็จะหมุนด้วยความเร็วรอบประมาณเดียวกัน
อุปกรณ์ไฟฟ้าเช่นหม้อแปลงที่ใช้แปลงความต่างศักย์นั้น
ที่ออกแบบมาสำหรับไฟฟ้าเฟสเดียว
แต่ก็สามารถนำหม้อแปลงดังกล่าวจำนวน
3
ตัวมาต่อเข้าด้วยกันเพื่อใช้กับไฟฟ้า
3
เฟสได้
ดังนั้นในการพิจารณาอุปกรณ์ไฟฟ้า
ก็อย่างเพิ่งด่วนสรุปว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ออกแบบมาใช้สำหรับไฟฟ้า
1
เฟส
ไม่สามารถนำมาใช้กับระบบไฟฟ้า
3
เฟส
ความถี่ของไฟฟ้ากระแสสลับของระบบจ่ายไฟฟ้าที่ใช้กันในปัจจุบันเห็นจะมีอยู่
2
ความถี่
กล่าวคือถ้าเป็นระบบไฟฟ้าความต่างศักย์
100-120
V ก็จะมีความถี่
60
Hz แต่ถ้าเป็นระบบไฟฟ้าความต่างศักย์
200-240
V ก็จะมีความถี่
50
Hz ดังนั้นแม้ว่าเราจะสามารถนำเอามอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ไฟ
100-120
V มาใช้กับไฟฟ้า
200-240
V ได้ด้วยการใช้หม้อแปลงแปลงความต่างศักย์ไฟฟ้าให้ลดต่ำลง
แต่มอเตอร์ดังกล่าวก็จะหมุนช้าลงไปด้วย
ถ้าเป็นกรณีของปั๊มหอยโข่งก็อาจจะพบว่าความสามารถในการทำงานลดต่ำลง
เป็นเพราะใบพัดของปั๊มมันหมุนช้าลง
รูปที่
๑ ภาพจากสิทธิบัตรประเทศสหรัฐอเมริกาเลขที่
7,967,893
B2 "Supercritical fluid enrichment of isotopes" แก๊ส
UF6
ถูกป้อนเข้าทางท่อ
F
ไหลลงมาตามแนวแกนของเพลาหมุน
U-235
ที่เบากว่าจะไหลวนกลับขึ้นไปทางด้านบนได้มากกว่าและไหลออกทางช่อง
product
- P ทำให้แก๊สส่วนนี้มี
U-235
เข้มข้นมากขึ้น
ในขณะที่ U-238
ที่หนักกว่าจะถูกดูดออกทาง
Bottom
Scoop (11) ด้านล่างและไหลออกทางช่องทาง
waste
- W โดยแก๊สส่วนนี้จะมีสัดส่วน
U-235
ที่ลดต่ำลง
ในตอนที่
๔ ของบทความชุดนี้
(ฉบับเมื่อวันอังคารที่
๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๒)
ได้กล่าวถึงการแยกไอโซโทปของยูเรเนียมด้วยการใช้เครื่อง
gas
centrifuge ซึ่งเครื่องนี้มีการออกแบบที่หลากหลาย
แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือจะมีส่วนแกนกลางหรือโรเตอร์
(rotor)
ที่หมุนด้วยความเร็วรอบที่สูงเรียกว่าอยู่ในระดับหลักหมื่นรอบต่อนาทีขึ้นไปก็ได้
เพราะประสิทธิภาพในการแยกจะเพิ่มสูงขึ้นเมื่อความเร็วรอบการหมุนเพิ่มขึ้น
ด้วยอัตราเร็วในการหมุนขนาดนี้จึงทำให้ความเร็วเชิงเส้นที่ผิวนอกสุดของตัวโรเตอร์สูงเกินกว่าความเร็วเสียง
(ที่มีค่าประมาณ
340
m/s)
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ต้องใช้โลหะที่มีความแข็งแรงสูงในการสร้างตัวโรเตอร์
และในกรณีของแก๊ส UF6
โลหะดังกล่าวยังต้องทนต่อการกัดกร่อนของแก๊สนี้ด้วย
ด้วยความเร็วรอบการหมุนขนาดนี้
การใช้การปรับความถี่ของไฟฟ้ากระแสสลับที่จ่ายให้กับมอเตอร์น่าจะเป็นวิธีการที่ดีสุดในการปรับความเร็วรอบ
เช่นสมมุติว่าปรับความถี่ของกระแสไฟฟ้าเป็น
700
Hz และมอเตอร์มี
4
ขั้ว
จำนวนรอบการหมุนก็จะอยู่ที่ประมาณ
(120
x 700)/4 หรือ
21,000
รอบต่อนาที
รูปที่
๒ รายละเอียดบางส่วนของรายการ
3A225
ตัวเลข
3
คือส่วนของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
อักษร A
หมายถึงระบบ
อุปกรณ์ หรือชิ้นส่วน เลข
2
ตัวถัดมาหมายถึงเป็นสินค้าที่ใช้ได้สองทางที่มีที่มาจากรายการของ
Nuclear
Supplier Group (NSG) ส่วนเลข
25
คือลำดับรายการ
ด้วยเหตุนี้อุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ที่สามารถปรับความถี่ไฟฟ้ากระแสสลับให้สูงขึ้นและมีเสถียรภาพ
จึงเป็นอุปกรณ์สำคัญตัวหนึ่งในการทำงานของเครื่อง
gas
centrifuge ที่ใช้แยกไอโซโทปของยูเรเนียม
รูปที่
๒ เป็นข้อกำหนดอุปกรณ์ปรับความถี่กระแสไฟฟ้าที่เป็นสินค้าควบคุม
จะเห็นว่าข้อกำหนดนั้นไม่ได้ระบุว่าอุปกรณ์ตัวนี้ใช้กับไฟฟ้ากระแสสลับ
1
เฟสหรือ
3
เฟส
กำหนดเพียงแค่พลังงานที่จ่ายออกมาได้
ช่วงความถี่ที่ผลิตได้
และเสถียรภาพของความถี่ที่สร้างขึ้น
รูปที่
๓ เป็นตัวอย่างที่วิทยากรของ
Mitsubishi
Electric ยกมาบรรยายให้ฟังในระหว่างการสัมมนาที่
Keio
Hotel กรุงโตเกียวในช่วงบ่ายของวันพุธที่
๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒
โดยเป็นกรณีของอุปกรณ์ปรับความถี่กระแสไฟฟ้าที่ใช้กับกระแสไฟฟ้า
1
เฟส
แต่ว่าสามารถนำอุปกรณ์ตัวนี้
3
ตัวมาประกอบเข้าด้วยกันเพื่อใช้กับไฟฟ้า
3
เฟสได้
รูปที่
๓ ตัวอย่างประกอบการบรรยายที่วิทยากรจาก
Mitsubishi
Electric นำขึ้นมาเป็นตัวอย่าง
กรณีนี้เป็นกรณีของอุปกรณ์แปลงความถี่ไฟฟ้ากระแสสลับ
อุปกรณ์ปรับความถี่กระแสไฟฟ้านี้ปรากฏเป็นรายการควบคุมอยู่ใน
Category
0 (Nuclear Materials, Facilities and Equipment) ในหัวข้อ
0B001
ที่เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับ
gas
centrifuge โดยตรง
แต่ก็ยังไปปรากฏใน Category
3 (Electronics) ในหัวข้อ
3A225
ด้วย
ตรงนี้ถ้าดูเผิน ๆ
ตรงที่ค่าผลคูณระหว่างกระแส
(I)
กับความต่างศักย์
(V)
ที่มีหน่วยเป็น
VA
(โวลต์-แอมแปร์)
มึค่าเพียง
30
VA ก็ไม่น่าจะเข้าข่าย
แต่ถ้านำ 3
เครื่องมาต่อเข้าด้วยกันเพื่อใช้กับระบบไฟฟ้า
3
เฟสมันก็จะสามารถจ่ายกำลังไฟฟ้าได้
90
VA (ข้อ
a.)
ก็เลยทำให้มันเข้าข่ายเป็นสินค้าควบคุม
รูปที่
๔ ผลการวินิจฉัยพบว่า
แม้ว่าเครื่องแปลงความถี่ที่ใช้กับไฟเฟสเดียวนั้นจะไม่เป็นสินค้าควบคุมตามหัวข้อ
0B001
แต่สามารถนำอุปกรณ์นี้
3
เครื่องมาต่อกันเพื่อใช้กับไฟ
๓ เฟสได้ ทำให้สามารถจ่ายกำลังไฟฟ้าได้เกินกว่า
40
VA
และเมื่อพิจารณาในแง่นี้ก็พบว่าสินค้าชิ้นนี้เข้าข่ายเป็นสินค้าควบคุม
สำหรับบ้านเรานั้น
ณ เวลานี้เรื่องการวินิจฉัยสินค้าเหล่านี้เรียกว่าเป็นเรื่องใหม่
โดยความเห็นส่วนตัวแล้วเห็นว่าการวินิจฉัยว่าสินค้าที่ส่งมาให้วินิจฉัยนั้นเข้าข่ายสินค้าควบคุมหรือไม่
เป็นเรื่องที่ง่ายกว่าการมองหาว่าสินค้าใดที่ควรต้องได้รับการวินิจฉัย
ทั้งนี้เป็นเพราะผู้ที่ทำการวินิจฉัยเบื้องต้นจำเป็นต้องรู้ว่ากระบวนการผลิตอาวุธทำลายล้างสูงนั้นมีขั้นตอนการทำงานอย่างใดบ้าง
และในขั้นตอนเหล่านั้นจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ชนิดใดที่มีชื่อเรียกเหมือนอุปกรณ์ที่ใช้งานกันทั่วไปในชีวิตประจำวัน
(เช่นเครื่องปรับความถี่กระแสไฟฟ้าเพื่อปรับความเร็วรอบมอเตอร์
ก็มีการใช้งานกับเครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์)
แต่มีคุณลักษณะที่พิเศษกว่าที่จำเป็นสำหรับงานทั่วไป
เพื่อที่จะดึงเอาสินค้าดังกล่าวมาตรวจสอบคุณลักษณะโดยละเอียดอีกที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น