แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ทางรถไฟ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ทางรถไฟ แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

สถานีรถไฟคลองอุดมชลจร MO Memoir : Saturday 18 May 2567

ในวารสารราชบัณฑิตยสถาน ปีที่ ๑๓ ฉบับที่ ๔ ต.ค.-ธ.ค. ๒๕๕๕ เรื่อง "จุดตัดทางรถไฟ" โดยไผทชิต เอกจริยกร ให้คำนิยามของ "ทางลักผ่าน" ว่า

(๔) ทางลักผ่าน คือ ทางตัดผ่านทางรถไฟที่เป็นทางเข้า-ออกประจำของเอกชนหรือผู้อยู่อาศัยบริเวณนั้น ๆ ผู้ทำทางตัดผ่านอาจจะเป็นประชาชนหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล แต่ไม่ได้มีการขออนุญาตทำทางตัดผ่านจากการรถไฟแห่งประเทศไทยหรือไม่ได้รับอนุญาตจากการรถไฟแห่งประเทศไทย จึงเป็นทางตัดผ่านที่ไม่มีการควบคุมด้านความปลอดภัย ซึ่งในปัจจุบันนี้พบว่ามีจำนวนมากและยากต่อการควบคุมให้อยู่ในมาตรฐานความปลอดภัย

สถานีรถไฟคลองอุดมชลจร อยู่ระหว่างสถานีคลองหลวงแพ่งและสถานีเปรง เป็นสถานีที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำแม้ว่าจะมีการก่อสร้างอาคารสถานี แต่ก็ยังมีขบวนรถไฟหยุดรับส่งผู้โดยสาร เป็นข่าวใหญ่ครั้งล่าสุดเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วที่รถกระบะบรรทุกคนงานวิ่งตัดหน้ารถไฟตรงทางลักผ่านทั้ง ๆ ที่เห็นรถไฟกำลังใกล้เข้ามา

ฉบับนี้ก็ถือได้ว่าเป็นบันทึกสถานที่ธรรมดา ๆ แห่งหนึ่งบนเส้นทางรถไฟอีกเช่นเคย

รูปที่ ๑ รูปจากแผนที่ทหารรหัส L509 จัดทำโดยกองทัพสหรัฐ ฉบับจัดพิมพ์ครั้งแรกที่ใช้ข้อมูลตั้งแต่ปีค.ศ. ๑๙๕๒ (พ.ศ. ๒๔๙๕) และนำมาประมวลผลในปีค.ศ. ๑๙๕๘ (พ.ศ. ๒๕๐๑) (1) คือสถานีคลองหลวงแพ่ง (2) คือสถานีเปรง เส้นประสีเขียวคือแนวคลองอุดมชลจร ในรูปนี้ยังไม่มีสถานีคลองอุดมชลจร

รูปที่ ๒ สุดปลายสถานีด้านทิศตะวันตก

รูปที่ ๓ ตอนไปถึงรถสินค้ากำลังมาพอดี 

รูปที่ ๔ ขบวนยาวที่มีแต่ตู้สินค้า 

รูปที่ ๕ ทางเดินขึ้นชานชาลาอยู่ทางด้านทิศตะวันออก ต้องเดินไต่ไปตามเส้นทางลูกศรสีเหลือง

รูปที่ ๖ มีคนกำลังรอรถไฟโดยสารอีกขบวนที่กำลังมา 

รูปที่ ๗ กำลังแล่นเข้าเทียบชานชาลา

รูปที่ ๘ หัวขบวนจอดเลยป้ายไปหน่อย เจ้าหน้าที่โผล่หน้ามาดูว่าขึ้นรถกันเรียบร้อยหรือยัง ก่อนเดินทางต่อ

รูปที่ ๙ ขบวนที่มาคือรถไปจุกเสม็ด มีคนนั่งทุกตู้ จำนวนคนใช้ได้เหมือนกัน


รูปที่ ๑๐ กำลังจะพ้นตัวสถานี 

รูปที่ ๑๑ ป้ายบอกระยะทางไปยังสถานีข้างเคียง

รูปที่ ๑๒ สภาพตัวอาคารสถานี ทางที่เห็นเป็นทางที่รถสินค้าวิ่ง

รูปที่ ๑๓ ตัวอาคารสถานีเมื่อมองจากอีกฟากหนึ่ง 

รูปที่ ๑๔ มองไปยังทิศตะวันตก (ทางไปกรุงเทพ) ทางคู่ฝั่งนี้เป็นทางรถโดยสารวิ่ง

รูปที่ ๑๕ จากชานชาลาด้านทิศตะวันตกมองย้อนไปทางทิศตะวันออก ฝั่งตรงข้ามมีผู้โดยสารรอรถอยู่หนึ่งคน 

รูปที่ ๑๖ จุดข้ามทางรถไฟที่เกิดอุบัติเหตุ ทางที่อยู่ด้านหน้าคือทางที่รถสินค้าวิ่ง จะอยู่ต่ำกว่าทางรถไฟโดยสาร

รูปที่ ๑๗ ข่าวรถไฟชนรถกระบะบรรทุกคนงาน ในข่าวบอกว่าคนขับเห็นรถไฟกำลังมา เลยลดความเร็ว แต่คนนั่งข้างหลังบอกให้เร่งเครื่องข้ามไปเลย คนขับก็เลยทำตาม แต่ไม่พ้น จุดนี้เป็นทางลักผ่าน คือทางข้ามที่ทำกันเอง (อาจจะโดยชาวบ้านหรือองค์กรท้องถิ่น) โดยไม่ขออนุญาตการรถไฟ

วันจันทร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2567

สถานีรถไฟคลองแขวงกลั่น MO Memoir : Monday 8 April 2567

เส้นทางแถวนี้ ถ้าเป็นช่วงทำนาหรือข้าวออกรวงก็น่าจะดูดีกว่าหน้าร้อนแบบนี้มาก ตามถนนรองจากสถานีเปรงไปยังคลองแขวงกลั่นก็ยังเป็นพื้นที่ทำนาอยู่

พอจะรู้มาก่อนหน้าแล้วว่าสถานีนี้เป็นสถานีร้าง แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะทรุดโทรมน่าดู ตอนไปถึงสถานี พอจอดรถเสร็จก็หาทางขึ้นชานชาลาไม่เจอ เข้าใจว่าคงต้องเดินลุยเข้าไปข้างในห่างจากถนนเข้าไปอีก แต่พอเห็นกองอิฐที่พอจะปีนขึ้นไปได้ (เดาว่าน่าจะมีคนเอามากองไว้ จะได้ไม่ต้องเดินเข้าไปลึกจากถนนมาก) ก็เลยปีนขึ้นไปตรงนั้นแทน

ตัวอาคารทั้ง ๆ ที่สร้างขึ้นไม่นานแต่ชำรุดทรุดโทรมมาก กระจกหน้าต่างหายหมด ตามชานชาลาเต็มไปด้วยมูลนกพิราบตามแนวที่นกมาเกาะ ถนนเข้าสู่ตัวสถานีอยู่สุดตัวสถานีด้านทิศตะวันออกที่มีจุดตัดทางรถไฟ ที่เคยเกิดอุบัติเหตุรถไฟชนรถบัสจนทำให้มีผู้เสียชีวิตร่วม ๒๐ ราย (รูปที่ ๙)

จากป้ายที่สถานีเปรงทำให้รู้ว่าสถานีคลองแขวงกลั่นนี้สร้างขึ้นภายหลังโดยให้อยู่ก่อนถึงสถานีคลองบางพระ แต่ก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมจึงสร้างสถานีที่ตำแหน่งนี้ทั้ง ๆ ที่อยู่ห่างจากสถานีบางพระไม่ถึง ๓ กิโลเมตร และแถวนี้ดูแล้วก็ไม่เห็นมีชุมชนใหญ่อะไร ดูจากพื้นที่รอบข้างแล้วจึงไม่น่าแปลกใจที่ว่าทำไมหลังเกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น ชาวบ้านจึงไม่กล้ามาใช้สถานีนี้ในช่วงเวลากลางคืน

แผนการสร้างทางรถไฟความเร็วสูงจากสุวรรณภูมิไปยังอู่ตะเภาก็มีผู้ประมูลงานก่อสร้างไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะได้สร้างจริงเมื่อใด แนวเส้นทางการสร้างก็น่าจะอยู่ตามแนวทางรถไฟเดิมนี้ วันนั้นมีโอกาสผ่านไปแถวนั้นก็เลยถือโอกาสแวะถ่ายรูปสถานีรถไฟที่เงียบสงบริมทางเก็บเอาไว้ดูเล่นก่อนที่บรรยากาศแบบนี้จะหายไป

วันนี้ก็เป็นการเล่าเรื่องด้วยภาพอีกวัน

รูปที่ ๑ บนเส้นทางจากสถานีเปรงไปยังคลองแขวงกลั่น

รูปที่ ๒ จุดตัดทางรถไฟที่เป็นที่เกิดอุบัติเหตุ

รูปที่ ๓ สถานีนี้เป็นสถานีร้าง ไม่มีคนดูแล

รูปที่ ๔ แม้แต่ป้ายบอกสถานีข้างเคียง (ฝั่งด้านทิศตะวันออก) ก็ยังมีต้นไม้ขึ้นบดบัง

รูปที่ ๕ ป้ายด้านฝั่งทิศตะวันตกดูดีหน่อย

รูปที่ ๖ ทางช้ามที่เป็นจุดเกิดอุบัติเหตุ อยู่ปลายชานชาลาด้านทิศตะวันออก

รูปที่ ๗ สภาพอาคารร้าง กระจกหน้าต่างไม่เหลือง

รูปที่ ๘ บนชานชาลามองไปยังทิศตะวันออก บริเวณนี้ดีหน่อยตรงที่ไม่ค่อยมีมูลนกพิราบ

รูปที่ ๙ ภาพข่าวอุบัติเหตุที่เกิดเมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ ขอนำมาบันทึกไว้หน่อย

วันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2567

สถานีรถไฟเปรง MO Memoir : Sunday 17 March 2567

ถนนเลียบคลองประเวศบุรีรมย์ได้มีโอกาสเข้าไปครั้งแรกก็น่าจะตอนที่มอเตอร์เวย์ไปชลบุรีสร้างเสร็จใหม่ ๆ ที่เข้าไปก็เพราะเห็นมีป้ายบอกไปตลาดคลองสวน ๑๐๐ ปีก็เลยอยากรู้ว่าตลาดนี้มันเป็นอย่างไร ถนนตอนนั้นเป็นถนนลาดยางสองช่องทางจราจร ไม่มีไหล่ทาง บางช่วงตรงบริเวณคอสะพานจะมีกระสอบทรายวางกั้นน้ำเวลาน้ำในคลองขึ้นสูง บางช่วงของปีจะมีร้ายขายหนูนาและงูเห่า (สำหรับทำอาหาร) อยู่ริมถนน ช่วงฤดูทำนายังเห็นนาข้าวขึ้นเขียวขจีสองข้างทางในบางช่วง ตลาดคลองสวนตอนนั้นยังเป็นตลาดเงียบ ๆ แบบของชุมชนเล็ก ๆ ยังไม่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบในปัจจุบัน ยังมีร้านขายอาหารตามสั่งแบบธรรมดา ๆ นั่งกินได้ริมคลองแบบเงียบ ๆ รับลมเย็นแบบสบาย

เมื่อตอนต้นเดือนอยากจะลองเปลี่ยนเส้นทางขับรถก็เลยขับเข้าเส้นนี้ใหม่ วันนี้ถนนเส้นนี้กลายเป็นถนนคอนกรีตฝั่งละสามช่องจราจร บรรยากาศร่มรื่นแบบเดิมหายไปหมดแล้ว (แบบเดียวกับถนนเลียบทางรถไฟสายใต้ช่วงจากพุทธมณฑลสาย ๒ ไปยังศาลายา) แต่ครั้งนี้ตั้งใจจะไปหาโอกาสถ่ายรูปสถานีรถไฟสายตะวันออกย่านชานเมืองเก็บสะสมเอาไว้ว่าขณะนี้มีบรรยากาศอย่างไร เผื่อในอนาคตชานเมือนมันจะเปลี่ยนแปลงแบบไม่เหลือเค้าเดิมเพราะกลายเป็นเมืองไปหมดแล้วเช่นตามทางรถไฟสายใต้ ดูจากเวลาที่มีแล้วก็คิดว่าคงแวะได้สักสองที่ และที่เลือกไว้ก็คือสถานีเปรงและคลองแขวงกลั่น สำหรับวันนี้ก็จะเป็นการเล่าเรื่องด้วยรูปของสถานีเปรง ส่วนอีกสถานีขอเอาไว้คราวต่อไป

รูปที่ ๑ รูปจากแผนที่ทหารรหัส L509 จัดทำโดยกองทัพสหรัฐ ฉบับจัดพิมพ์ครั้งแรกที่ใช้ข้อมูลตั้งแต่ปีค.. ๑๙๕๒ (.. ๒๔๙๕) และนำมาประมวลผลในปีค.. ๑๙๕๘ (.. ๒๕๐๑) จะเห็นว่าสถานีเปรง (2) อยู่ระหว่างสถานีคลองหลวงแพ่ง (1) ด้านตะวันตก และสถานีคลองบางพระ (3) ด้านตะวันออก

รูปที่ ๒ ป้ายเก่าบอกชื่อสถานีข้างเคียง ยังบอกว่าอยู่ระหว่างคลองหลวงแพ่งกับคลองบางพระ

รูปที่ ๓ แต่ตอนนี้มีสถานีเพิ่มคือสถานีคลองอุดมชลจรกับคลองแขวงกลั่น

รูปที่ ๔ ป้ายชื่อเก่าประจำอาคารสถานี

รูปที่ ๕ มองไปยังด้านทิศตะวันตก (สถานีคลองอุดมชลจร)

รูปที่ ๖ ตัวอาคารที่ทำการสถานีปัจจุบัน

รูปที่ ๗ มองไปทางทิศตะวันออก (สถานีคลองแขวงกลั่น)

รูปที่ ๘ สุดปลายชานชาลาด้านตะวันตก 

รูปที่ ๙ บรรยากาศบริเวณด้านหน้าของอาคารสถานี

รูปที่ ๑๐ ขึ้นมาถ่ายรูปบนสะพานลอยข้ามทางรถไฟ มองไปยังทิศตะวันออก สถานีนี้มี ๖ รางด้วยกัน

รูปที่ ๑๑ จากสะพานลอยมองไปยังด้านทิศตะวันตก

รูปที่ ๑๒ บรรยากาศชุมชนบริเวณรอบตัวสถานีด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

รูปที่ ๑๓ บรรยากาศชุมชนบริเวณรอบตัวสถานีด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ 

 

รูปที่ ๑๔ รูปข่าวจากเว็บหนังสือพิมพ์บ้านเมือง สถานีนี้เคยมีรถไฟบรรทุกปูนซิเมนต์วิ่งเลยสุดราง

วันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

เดินตามทางรถไฟสายเทมิยะ (Temiya line) ที่เมืองโอะตะรุ (Otaru) MO Memoir : Saturday 4 November 2566

รูปจากการเดินทางตามรอยมังงะเรื่อง Golden Kamuy เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมายังมีเหลืออยู่ ก็เลยเอามาบันทึกไว้หน่อย คราวนี้เป็นการเดินทางไปดูตู้รถไฟที่ถูกนำมาเป็นฉากหนึ่งในการต่อสู้ (ฟังจากลูกเล่าให้ฟัง) ที่ตั้งอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ที่เมืองโอะตะรุ (Otaru)

จากซัปโปโรก็นั่นรถไฟตัดไปอีกฟากทะเลไม่นานก็ถึงเมื่อโอะตะรุ ช่วงใกล้ถึงเมืองจะเป็นช่วงที่ทางรถไฟวิ่งเลียบทะเล ออกเดินทางไปก็เกือบเที่ยงแล้วไปถึงนั่นก็จะบ่ายโมง การไปพิพิธภัณฑ์ก็อาศัยการเดิน คือออกจากตัวสถานีก็จะเจอถนนใหญ่มุ่งหน้าสู่ทะเล (รูปที่ ๑) เดินตามถนนนี้ไปสักพักก็จะเจอทางรถไฟสายเทมิยะ (Temiya line) ที่เลิกวิ่งไปเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๒๘ (ค.ศ. ๑๙๘๕) ปัจจุบันส่วนหนึ่งของเส้นทางสายนี้กลายเป็นทางเดินที่เป็นสวนสาธารณะ (รูปที่ ๓-๒๑) โดยตัวสถานีเก่าที่อยู่ใกล้ทะเลนั้นก็กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ไป

ก่อนไปเที่ยวก็ไม่เคยรู้จักเมืองนี้มาก่อน กลับมาแล้วจึงได้มานั่งค้นว่าเขาไปเที่ยวอะไรกันบ้าง เท่าค้นดูในเว็บภาษาไทยปรากฎว่าแทบไม่มีการกล่าวถึงเส้นทางรถไฟสายนี้และการไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์นี้เลย มักจะเป็นเรื่องของ การมาเที่ยวชมหิมะ การกิน การซื้อของ การเดินเที่ยวริมคลองหรือนั่งเรือชมคลองในเมือง เสียมากกว่า แต่จะว่าไปแล้วเมืองนี้ก็มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์การพัฒนาประเทศญี่ปุ่น เพราะเป็นเมืองทางริมทะเลเมืองหนึ่ง (เกาะฮอกไกโดเคยเป็นแหล่งถ่านหินและป่าไม้ที่สำคัญของญี่ปุ่น) ซึ่งถ้าเป็นคนที่ไม่ได้สนใจประวัติศาตร์ตรงนี้ หรือติดตามมังงะที่ใช้ฉากในช่วงเวลานั้นมาดำเนินเรื่อง ก็คงไม่รู้ว่านอกจากสถานที่ที่ปรากฏในเว็บส่วนใหญ่แล้วยังมีที่ไหนให้ไปเรียนรู้อีก

สำหรับวันนี้ก็เป็นการเล่าเรื่องด้วยรูปภาพไปอีกวัน

รูปที่ ๑ ออกจากสถานีรถไฟ Otaru ก็จะเจอถนนเส้นใหญ่มุ่งหน้าลงทะเล เดินตรงไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอทางรถไฟสายเทมิยะขวางหน้า เลี้ยวซ้ายเดินตามทางรถไฟไปเรื่อย ๆ ก็จะไปถึงพิพิธภัณฑ์รถไฟ รูปนี้นำมาจาก google street view บอกว่าเป็นภาพเมื่อเดือนเมษายน ปีค.ศ. ๒๐๒๒

รูปที่ ๒ รถไฟสายเทมิยะแยกออกจาก Hakodate Main ที่สถานี Minami-Otaru (1) ช่วงที่เป็นทางเดินคือเส้นสีเขียว ตอนออกจากสถานีรถไฟ Otaru (2) เดินมาตามถนนเรื่อย ๆ จนเจอทางรถไฟ (3) ก็เลี้ยวซ้ายเดินไปเรื่อย ๆ จนถึงพิพิธภัณฑ์ (4) ที่เป็นปลายทาง

รูปที่ ๓ สถานี Asari นี้อยู่ก่อนถึง Otaru ๔ สถานี เป็นช่วงที่ทางรถไฟวิ่งเลียบชายทะเล

 

รูปที่ ๔ เดินเจอทางรถไฟแล้วก็เลี้ยวซ้ายเข้ามา แล้วก็หันหลังไปถ่ายรูปทางที่เดินเข้ามาหน่อย เป็นวิวด้านที่มาจากสถานี Minami-Otaru

รูปที่ ๕ บรรยากาศตามเส้นทางมุ่งไปพิพิธภัณฑ์

รูปที่ ๖ บรรยากาศทางรถไฟตัดกับถนนเส้นเล็ก

รูปที่ ๗ (ไม่มีคำบรรยาย)

รูปที่ ๘ จุดทางรถไฟตัดถนนอีกจุดหนึ่ง

รูปที่ ๙ ป้ายบอกอะไรก็ไม่รู้ เป็นจุดเดียวกับรูปที่ ๘ เข้าใจว่าตรงนี้เคยเป็นตัวสถานีเก่าที่หยุดรับส่งคน

รูปที่ ๑๐ พอข้ามถนนมาอีกฟากหนึ่ง ก็เปลี่ยนมาเดินอีกฝั่งของราง

รูปที่ ๑๑ ต้นไม้ต้นนี้น่าจะโตหลังจากรถไฟเลิกวิ่ง เพราะอยู่ใกล้รางเหลือเกิน

รูปที่ ๑๒ มาถึงจุดตัดถนนใหญ่

รูปที่ ๑๓ ถ่ายรูปบรรยากาศเอาไว้ระหว่างรอสัญญาณไฟข้ามถนน

รูปที่ ๑๔ ข้ามฟากมาแล้ว มีป้ายบอกว่าเส้นทางรถไฟนี้ใช้งานในช่วงปีค.ศ. ๑๘๘๐ - ๑๙๘๕ ก็ ๑๐๕ ปีก่อนปิดกิจการ

รูปที่ ๑๕ ตรงนี้น่าจะเป็นจุดที่เคยเป็นสถานีรับส่ง

รูปที่ ๑๖ บรรยากาศตามเส้นทาง

รูปที่ ๑๗ ใกล้ถึงปลายทางแล้ว

รูปที่ ๑๘ ใกล้ตัวสถานีปลายทางก็เริ่มจะมีทางแยกแล้ว

รูปที่ ๑๙ บรรยากาศเมื่อเข้าใกล้ถึงตัวสถานี

รูปที่ ๒๐ ประแจสับราง เขาล้อมรั้วเอาไว้ไม่ให้คนเข้าไปยุ่ง

รูปที่ ๒๑ อีกมุมหนึงของตัวประแจสับราง

รูปที่ ๒๒ ถึงตัวอาคารสถานีเก่าที่เป็นทางเข้าพิพิธภัณฑ์แล้ว

รูปที่ ๒๓ ด้านข้างตัวอาคารจะมีวงเวียน (turn table) ไว้กลับหัวรถจักรไอน้ำ

รูปที่ ๒๔ หน้าตาของตัววงเวียนไว้กลับหัวรถจักรไอน้ำ