แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ นกเขา แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ นกเขา แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

แม่นก กกลูกนก (๑๒) MO Memoir : Wednesday 26 February 2563

และแล้วในที่สุด พวกเขาก็จากไป
ตอนแรกคิดว่าจะมีลูกนก ๒ ตัว แต่ท้ายสุดก็มีเพียงแค่ตัวเดียว
เช้าวันจันทร์ ก่อนออกไปทำงาน เห็นมาอยู่พร้อมหน้ากันทั้งพ่อแม่ลูก
พอตอนเย็นกลับมา ก็เห็นไปเกาะอยู่ที่สายไฟ และคงเกาะที่นั่นทั้งคืน
พอมาเช้าวันอังคาร เห็นลูกนกเกาะอยู่ตัวเดียว หยิบกล้องมาถ่ายรูปได้ ถ่ายได้เพียงรูปเดียว เขาก็บินจากไป
ค่ำวันวาน ก็เลยถือโอกาสทำความสะอาดโคมไฟ เขี่ยเอาขี้นกและเศษซากรังออกมา
เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม พวกเขาก็คงจะกลับมากันใหม่เอง

รูปที่ ๑ เป็นวันแรกที่เห็นพร้อมหน้าพร้อมตา

ถนนคู่ขนานทางรถไฟก็มาแล้ว ทางด่วนคร่อมทางรถไฟก็มาแล้ว รถไฟคู่ขนานทางด่วนก็รออยู่ว่าจะเริ่มเมื่อใด รถไฟลอยฟ้าที่ถนนหน้าปากซอยก็เริ่มทดลองวิ่ง พื้นที่สวนเดิมที่เคยเป็นที่ตาบอดก็ออกถนนใหญ่ได้โดยง่าย คอนโดสูงหลายหลังเริ่มปรากฏ เมื่อกลับมาทำงานใหม่ ๆ เมื่อปี ๒๕๓๗ นั้น เคยมีผู้ใหญ่ในที่ทำงานท่านหนึ่งถามว่าบ้านอยู่ไหน พอบอกว่าอยู่บางพลัด เขาก็บอกว่าอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร หาความเจริญใด ๆ ไม่ได้เลย ซึ่งจะว่าไปมันก็เป็นจริงอย่างเขาว่า เพราะแต่ก่อนแถวนั้นไม่ค่อยมีรถผ่าน เพิ่งจะมีมากก็ตอนที่มีสะพานพระราม ๗ แล้ว บ้านเรือนริมถนนก็เป็นตึกแถวสองชั้นเล็ก ๆ อยู่ต่ำกว่าระดับถนนใหญ่อีก เรียกว่าสร้างกันก่อนที่จะมีการทำถนนใหม่ ซอยต่าง ๆ ก็เป็นซอยเล็ก ๆ ปากซอยกว้างอย่างมากก็เพียงแค่ให้รถเก๋งวิ่งสวนกันได้แค่นั้นเอง

 
รูปที่ ๒ อันที่จริงฟ้ามันมืดแล้ว แต่ถ่ายด้วยกล้องดิจิตอลเปิดแฟลช ก็เลยได้ภาพมาสว่าง
   
รูปที่ ๓ ถ่ายอีกมุมหนึ่ง

รูปที่ ๔ ภาพสุดท้ายของครอบครัวนี้ที่ถ่ายเอาไว้ได้

ช่วงหน้าหนาวที่ผ่านมา จากหน้าต่างห้องนอนลูกยังพอมองเห็นหิ่งห้อยบินเล่นในสวนข้างบ้านตอนหัวค่ำอยู่ แต่ช่วงนี้ไม่เห็นแล้ว ได้เห็นพวกมันบินเล่นอยู่ข้างบ้าน (บางทีก็แวะเข้ามาในบ้านด้วย) มากว่า ๔๐ ปี ส่วนมันจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนก็คงขึ้นอยู่กับว่าพื้นที่สวนตรงนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรในอนาคต
  
ส่วนกระรอกก็ยังคงวิ่งไล่จับกันตอนเช้าเหมือนเดิม

วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

แม่นก กกลูกนก (๑๑) MO Memoir : Sunday 16 February 2563

บันทึกไว้หน่อยหลังจากผ่านไป ๓ สัปดาห์ว่าคราวนี้ นกเขาครอบครัวนี้มีสมาชิกเพิ่มมาอีก ๒ ตัว
จะเรียกว่ามุมนี้เป็นมุมที่เหมาะสมก็ได้ เพราะไม่มีตัวอะไรมากวนได้ เพราะวันนี้ก็เห็นคราบงูที่มาลอกเอาไว้ที่หลังคาโรงรถฝั่งตรงข้ามรังนก (รูปสุดท้าย) นี่ถ้าเป็นการทำรังบนต้นไม้ ก็คงจะเสร็จงูตัวนี้ไปแล้ว
  
รูปที่ ๑ เพิ่งจะได้ภาพลูกนกเป็นครั้งแรก เนื่องจากแม่นกออกไปหาอาหาร

นับจากที่เห็นมากกไข่ นี่ก็ผ่านไปสามสัปดาห์แล้ว แสดงว่านับจากแม่นกออกไข่ จนถึงเวลาที่ลูกนกโผบินจากรังได้ ก็กินเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งเดือน
  
รูปที่ ๒ อีกมุมหนึ่ง ทั้งรังเต็มไปด้วยขี้นก รอทิ้งรังเมื่อใดก็จะได้ขึ้นไปเก็บกวาด
  
รูปที่ ๓ แม่นกกลับมาป้อนอาหารให้ลูกนก 
  
รูปที่ ๔ ภาพอีกมุมหนึ่ง
   
รูปที่ ๕ หลังคาโรงรถฝั่งตรงข้ามรังนก เพิ่งจะเห็นตอนขึ้นไปถ่ายรูปลูกนก วัดความยาวคราบที่มันลอกออกมาได้ ๘๐ เซนติเมตร เดาว่าน่าจะเป็นเขียวพระอินทร์

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2563

แม่นก กกลูกนก (๑๐) MO Memoir : Sunday 26 January 2563

ดูเหมือนที่ตรงนี้จะเป็นที่ประจำไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่มันไม่มีกิ่งไม้ใบไม้มาปิดบัง แต่คงเป็นเพราะมันเป็นมุมที่กระรอกวิ่งเล่นมารบกวนก็ไม่ได้ และงูก็ไม่สามารถเลื้อยมาถึงได้ ส่วนตัวที่มาทำรังนั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นตัวเดิมหรือเปล่า เพราะไม่เคยจำหน้านกที่บินมาแถวบ้านได้สักตัว ครอกที่แล้วก็ได้ลูกนกไปสองตัว ครอกนี้คงต้องรอดูต่อไปว่าจะได้อีกสักกี่ตัว
  
รูปที่ ๑ ถ่ายไว้เมื่อตอนเช้าวันนี้

ได้ยินที่มหาวิทยาลัยเขาคุยกันว่าพอมีสวนหย่อมแล้วมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น มีนกแวะเวียนวนมาเยอะขึ้น แต่เอาเข้าจริงก็คงต้องถามว่านิยามของความเป็นธรรมชาตินั้นคืออะไร การมีต้นไม้มากขึ้น และการมีสัตว์อาศัยอยู่ ก็ไม่ได้หมายความว่ามันมีความเป็นธรรมชาติ ถ้าหากสัตว์เหล่านั้นไม่สามารถหาอาหารจากแหล่งตามธรรมชาติของมันได้ ต้องอาศัยอาหารที่คนในชุมชนเอามาวางไว้ให้กิน อย่างเช่นกระรอกที่เห็นวิ่งเล่นอยู่ในมหาวิทยาลัย ที่ต้องมากินผลไม้ที่คนเอามาใส่ตระกร้าที่แขวนไว้ตามต้นไม้ หรือนกที่ต้องมาเก็บเศษอาหารกินจากจานตามโรงอาหาร ถ้าเป็นแบบนี้ก็น่าจะเรียกว่ามันเป็นสวนสัตว์เปิดขนาดใหญ่มากกว่า
  
สวนหย่อมหรือสวนสาธารณะนั้นมักจะเน้นไปที่การปลูกต้นไม้ที่เน้นออกดอก และปลูกเพียงชนิดเดียวเป็นแถว เพื่อที่ว่าเวลาที่มันออกดอกจะได้ดูสวยงาม (ตามความรู้สึกของคน) แต่การทำแบบนี้มันทำให้สัตว์ที่อาศัยกินผลไม้นั้นอยู่ไม่ได้ เพราะมันไม่มีอาหารกิน จะมีได้ก็คงเป็นพวกกินแมลงกินน้ำหวานที่อาศัยอยู่ได้ แต่มันต้องอาศัยแหล่งที่มีอาหารให้กินตลอดทั้งปี ไม่ใช่ออกดอกให้เห็นเพียงไม่กี่วัน ดังนั้นความหลากหลายทางด้านสายพันธุ์จึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้สัตว์หลากหลายเผ่าพันธุ์สามารถมีชีวิตอยู่ร่วมกันได้ตลอดทั้งปี
   
รูปที่ ๒ พอสายหน่อยก็เปลี่ยนท่านั่งกก
   
รูปที่ ๓ อีกมุมหนึ่ง

วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2562

แม่นก กกลูกนก (๙) MO Memoir : Monday 14 October 2562

แสดงว่านกเขาทำรังวางไข่ปีละ ๒ ครั้ง ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนก็ครั้งนึง เดือนกันยายน-ตุลาคมก็อีกครั้งนึง ตอนที่กกลูกนกก็เห็นแต่แม่นกตัวเดียว แต่พอลูกนกโตบินได้ ก็ได้เห็นครอบครัวกลับมาอยู่พร้อมหน้ากัน อย่างเช่นครอกนี้ เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ยังเห็นแม่นกกกลูกนกอยู่ในรัง พอเช้าวันถัดมาก็ไม่เห็นแล้ว เหลือแต่รังว่างเปล่า
   
มาเห็นอีกทีก็เช้าวันวาน เห็นแค่ลูกนกสองตัวไปเกาะอยู่ที่กิ่งต้นมะเฟืองใกล้ ๆ กับรัง สักพักเขาก็บินจากไป มาเห็นทีก็ตอนเย็น ไปเกาะอยู่ที่กิ่งต้นมะม่วงบ้านเก่า คุณพ่อเห็นเข้าก็เรียกให้ไปถ่ายรูปให้หน่อย ก็เลยได้ภาพครอบครัว ๔ ตัว จากนั้นทั้งกลุ่มก็ไปไหนต่อก็ไม่รู้ เพราะสักพักก็มีลมฝนมาแรง คงจะพากันไปหาที่หลบฝนที่ปลอดภัยกัน
  
รูปที่ ๑ รูปนี้ถ่ายไว้เมื่อค่ำวันพุธที่ ๙ ตุลาคมที่ผ่านมา เป็นภาพสุดท้ายก่อนลูกนกจะบินจากรัง

ตอนเมษายนที่แล้วก็ได้ภาพครอบครัวนกเขาพร้อมกันสี่ตัว มาเดือนนี้ก็ได้ภาพแบบเดียวกันอีก แสดงว่าทั้งพ่อนกและแม่นกคงช่วยกันเลี้ยงลูก แต่ตัวที่มานอนเฝ้าอยู่เป็นประจำคงเป็นตัวแม่ เพราะเห็นตัวมันเล็กกว่าอีกตัวหนึ่ง
    
รูปที่ ๒ ถ่ายไว้เมื่อเช้าวันวาน เห็นไปเกาะอยู่ที่กิ่งต้นมะเฟือง ถ่ายได้เพียงแค่ ๒ รูปเขาก็บินจากไป สักพักก็มีกระรอกคาบผลมะเฟืองมาอยู่ตรงนี้แทน แต่ถ่ายภาพไม่ทัน

ปีนี้ฝนกำลังจะหมด ลมหนาวกำลังจะมา เริ่มเห็นแมลงปอออกโบยบินตอนกลางวัน หัวค่ำก็มีหิ่งห้อยออกมาแสดงไฟกระพริบอีก อยู่ที่นี่มาสี่สิบปีแล้ว แม้ว่าจะมีทั้งทางด่วนที่เปิดให้บริการแล้วและรถไฟฟ้าที่กำลังจะมา แต่บรรยากาศรอบบ้านก็ยังคงเหมือนเดิม ต้องขอบคุณเจ้าของที่สวนเดิม ที่เขายังเก็บที่ของเขาเอาไว้อย่างนั้น จะเรียกว่าเป็นอดีตของ "บางพลัดบางพลู" ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ก็ได้ 
   
รูปที่ ๓ ถ่ายไว้เมื่อเย็นวันวาน มาอยู่กันครบทั้งครอบครัว ๔ ตัว แต่หนีไปเกาะอยู่ที่ต้นมะม่วงบ้านข้าง ๆ ที่เห็นสว่างเพราะเปิดแฟลชถ่ายภาพ
  
รูปที่ ๔ ถ่ายไว้เมื่อเย็นวันวานเช่นกัน
   
รูปที่ ๕ ถ่ายไว้เมื่อช่วงสายวันนี้ หลังฝนตกหนักแต่เช้า พอแดดออก เจ้านี่สองตัวก็ออกมาวิ่งเล่นไล่กัน กระโดดไปตามต้นไม้ กระโจนลงพื้น และไต่ขึ้นไปบนหลังคา
    
โฉนดที่ดินของที่บ้านผมตั้งอยู่ อายุโฉนดก็ราว ๆ หกสิบปีแล้ว ใช้ชื่อบริเวณนี้ว่าแขวง "บางพลัดบางพลู" แล้วมันเหลือเพียงแค่บางพลัดเมื่อใดก็ไม่รู้เหมือนกัน

วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2562

แม่นก กกลูกนก (๘) MO Memoir : Sunday 6 October 2562

ไม่รู้ว่าเป็นแม่นกตัวเดิมหรือเปล่า แต่เขาก็กลับมาทำรังยังที่เดิม เห็นตั้งแต่กลางเดือนที่แล้ว ก็ได้แต่ดูอยู่ห่าง ๆ พอเช้าวันวานไม่เห็นแม่นกอยู่ในรัง ก็เลยต่อเก้าอี้ปีนดูห่าง ๆ เห็นลูกนกนอนนิ่ง ๆ เบียดกันอยู่สองตัว ก็เลยเดาว่าแม่นกคงออกไปหาอะไรกิน แล้วพอตกเย็นแม่นกก็กลับมากกลูกนกตามเดิม ตอนนี้เดินดูรอบบ้านก็เห็นมาทำรังเพียงแค่รังเดียว แต่มุมนี้มันก็ดีอยู่อย่าง คือไม่ว่ากระรอกหรืองูไม่สามารถไปรบกวนได้ ส่วนตุ๊กแกมันกินไข่นกด้วยหรือเปล่าผมก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าบ้านเก่าหลังนี้ไม่มีตุ๊กแก แต่บ้านหลังปัจจุบันที่อาศัยอยู่นั้นมีตุ๊กแกเกาะอยู่นอกบ้าน เห็นเป็นประจำ วันดีคืนดีเขาก็ร้องทักทาย หรือไม่ก็มาเล่นซ่อนแอบหลังประตูหน้าบ้าน พอเราปิดประตูที เขาก็วิ่งแจ้นออกมา แต่ปีทีแล้วที่มีแม่นกมาทำรัง ก็ไม่เห็นมีตุ๊กแกเข้ามารบกวน
  
รูปที่ ๑ รูปนี้ถ่ายเมื่อวันอังคารที่ ๑๙ กันยายนที่ผ่านมา

อาจเป็นเพราะว่าปีนี้ทำการตัดแต่งกิ่งไม้ใหญ่ไปหลายต้น เพราะมันแตกกิ่งขึ้นสูงแต่ลำต้นไม่ได้ใหญ่ตาม (ทั้งมะม่วง มะขามป้อม บวบ มะยม มะดันตัวผู้ มะเหมี่ยว ศรีตรัง) เกรงว่ามันจะโค่นลงมาตอนลมกรรโชกแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนที่ฝนจะตก แต่แม้ว่าช่วงนี้จะมีฝนตกหนักจนคนกรุงเทพบ่น (ผมอยู่ฝั่งธนก็เลยไม่มีปัญหาเรื่องน้ำท่วมหลังฝนตก) แต่คงต้องยอมรับว่าน้ำค่อนข้างจะน้อย เพราะดินยังไม่ชุ่มน้ำเลย เห็นได้จากหลังฝนตกหนักยังไม่มีน้ำไหลซึมออกมา แสดงว่าน้ำยังสามารถซึมลงไปในดินได้อีก ตอนนี้เวลาฝนตกก็ต้องคอยรองน้ำฝนจากชายคาเอาไว้ คือแทนที่จะให้มันไหลลงทางระบายหมด ก็เอาบางส่วนมาราดดินให้ชุ่มน้ำหลังจากฝนหยุดตก
   
รูปที่ ๒ ส่วนรูปนี้ถ่ายไว้เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๑ กันยายน
      
รูปที่ ๓ รูปนี้ถ่ายเมื่อเช้าวันวาน (วันเสาร์ที่ ๕ ตุลาคม) ปีนี้ได้ลูกนกเขาเพิ่มอีกสองตัว

ความเป็นธรรมชาติไม่ได้หมายความเพียงแค่การมีต้นไม้เยอะ ๆ แต่มันหมายถึงการมีสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ หลากหลายสายพันธุ์ที่อยู่ร่วมกัน พึ่งพาอาศัยกัน ไม้ผล (ทั้งผลเล็กผลใหญ่) สำหรับสัตว์กินผลไม้ ไม่ว่าจะเป็นพวกกระรอก กระแต หรือนก ไม้ดอกสำหรับให้นกเล็ก ๆ และแมลงมากินน้ำหวาน และให้พวกสัตว์กินแมลงมากินแมลงพวกนี้อีกที ไม้พุ่มที่มีกิ่งก้านแตกสาขาเล็ก ๆ ที่นกตัวเล็กสามารถมาทำรังเล็ก ๆ บนกิ่งก้านเหล่านั้นได้ ด้วยการทำแบบนี้เราก็ไม่จำเป็นต้องหานกอะไรมาเลี้ยง เพราะที่ใดที่เขาหากินได้และอยู่ได้อย่างปลอดภัย เขาก็จะมาอยู่กับเราเอง
     
รูปที่ ๔ พอตกเย็น (วันเสาร์ที่ ๕ ตุลาคม) แม่นกก็กลับมากกลูกนกตามเดิม
         
รูปที่ ๕ เช้าวันนี้ (๗ โมงเช้า) แม่นกไม่อยู่แล้ว คงออกไปหาอะไรกิน ส่วนลูกนกก็นอนอยู่เงียบ ๆ ในรัง

อีกเรื่องที่สำคัญคือยามค่ำคืน เราก็ต้องคืนความมืดให้กับธรรมชาติ เพื่อให้โอกาสสัตว์ที่หากินเวลากลางคืน ได้ออกมาใช้ชีวิตบ้าง ที่บ้านบางพลัดนี้จะเห็นได้ชัด กลางคืนจะไม่เปิดไฟด้านหลังบ้านทิ้งไว้ถ้าไม่จำเป็น และจะปิดม่านไม่ให้แสงจากในบ้านลอดออกไปได้ ทำให้เห็นหิ่งห้อยมาแวะเวียนอยู่ข้างหน้าต่างห้องเป็นประจำ

วันนี้ก็เป็นการบันทึกเรื่องราวไม่มีสาระอะไรในเช้าวันหยุด ที่ทำท่าเหมือนกับว่าจะมีฝนตกตั้งแต่เช้า

วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2562

แม่นก กกลูกนก (๗) MO Memoir : Wednesday 3 April 2562

ตอนที่แล้วเมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว ก็นึกว่าพวกเขาไปกันหมดแล้ว แต่ที่ไหนได้ ไม่กี่วันต่อมา ก็กลับมากันใหม่อีก ทีนี้กลับมาครอบทั้งครอบครัวเลย มาเกาะที่สายไฟตอนเย็น ใกล้กับรังที่สร้างไว้ เลยทำให้รู้ว่าไม่ได้มีเพียงแค่แม่นกเลี้ยงลูก แต่พ่อนกก็ยังอยู่ด้วย ส่วนตัวไหนเป็นพ่อนก ตัวไหนเป็นแม่นก ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เดาว่าตัวใหญ่สุดน่าจะเป็นพ่อนก ตัวรองลงมาน่าจะเป็นแม่นก ส่วนตัวเล็ก ๆ สองตัวก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นลูกนก เว้นแต่ว่าไม่รู้ตัวไหนเป็นพี่ ตัวไหนเป็นน้อง

รูปที่ ๑ ถ่ายไว้เมื่อวันพุธที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๒ เห็นตอนแรกก็แปลกใจว่าทำไมมายืนเกาะชิดกันตั้งสี่ตัว พอสังเกตดูก็เลยเห็นว่าเป็นตัวใหญ่สองตัวประกบตัวเล็กสองตัวไว้ตรงกลาง ถ่ายภาพยากนิดนึงเพราะเป็นการถ่ายย้อนขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ยังสว่างอยู่ เลยต้องนำมาปรับแสงเล็กน้อยเพื่อให้ตัวนกดูสว่างขึ้น

หลังจากถ่ายรูปเอาไว้เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว ก็ไม่เห็นพวกเขากลับมาอีกเลย ไม่รู้ว่าไปได้ที่ใหม่สำหรับหลบลมแรงจากพายุฤดูร้อน หรือว่าต่างแยกย้ายกันไปแล้ว สำหรับปีนี้เรื่องราวของ "แม่นก กกลูกนก" ก็คงจะจบลงแค่นี้ รอแต่ปีหน้า จะมีมาแวะทำรังอีกกี่คู่ แต่ยังไงบ้านนี้ ก็ยินดีต้อนรับเสมอ

รูปที่ ๒ ถ่ายไว้เมื่อวันพุธที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๒ ซูมเข้าไปใกล ๆ หน่อย

รูปที่ ๓ ถ่ายไว้เมื่อวันพุธที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๒ พอตกค่ำก็มาเกาะกันแบบนี้

รูปที่ ๔ ถ่ายไว้เมื่อวันเสาร์ที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๒ จากวันพุธเขาก็หายไปหลายวัน คงเป็นเพราะช่วงนั้นลมแรงเหมือนจะมีพายุฤดูร้อน แต่เอาเข้าจริง ๆ ก็ไม่มีฝนตก คือก่อนหน้านั้นเขาก็มาเกาะแบบนี้ แต่พอลมเริ่มพัดแรงก็บินหายไปกันหมด

รูปที่ ๕ ถ่ายไว้เมื่อวันเสาร์ที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๒ เป็นรูปอีกมุมหนึ่ง รูปที่ถ่ายตอนกลางคืนต้องใช้แฟลชถ่าย

วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2562

แม่นก กกลูกนก (๖) MO Memoir : Monday 25 March 2562

ผ่านไปอีก ๑ ปีหลังจากที่ได้เฝ้าดูแม่นกเขามารังเพื่อกกลูกนก ปีนี้พวกเขาก็กลับมาอีก มาสร้างรัง ๓ รังด้วยกัน
 
รังแรกเขามาสร้างที่เดิมที่โคมไฟโรงจอดรถ มุมนี้มีนกมาสร้างรังหลายครั้งแล้ว ปีที่แล้วก็มาสร้างรังตรงนี้ มาคราวนี้รังนี้ได้ลูกนกมา ๑ ตัว แต่น่าเสียดายที่ลูกนกตกลงมาตาย มารู้เอาก็ตอนที่เห็นร่างลูกนกกองอยู่บนพื้นแล้ว
 
รังที่สองมาสร้างที่กิ่งชมพู่มะเหมี่ยว รังนี้แปลกคือสร้างไว้ต่ำ สูงจากพื้นเพียงแค่เมตรเศษ อาจเป็นเพราะกิ่งนั้นเป็นกิ่งที่ยื่นมาต่ำและยังไม่ได้ตัดออก แต่รังนี้ไม่มีแม่นกมาออกไข่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผู้สร้างหาคู่ไม่ได้หรือเปล่า เพราะก่อนหน้านี้เห็นมีนกมาแย่งคู่กัน บินตามกันไปตามกิ่งต้นไม้ต่าง ๆ รอบบ้าน
 
รังที่สามมาสร้างไว้ที่โคมไฟหน้าสนามหญ้า รังนี้ได้ลูกนกมาสองตัว มาเห็นครั้งแรกก็ตัวโตทั้งคู่แล้ว ผ่านไปไม่กี่วันก็โบกบินจากรังไปหนึ่ง เหลืออีกหนึ่งตัวที่เมื่อเช้ายังเห็นอยู่ แต่เย็นนี้ไม่เห็นแล้ว ก็คงจะบินตามตัวก่อนหน้าไป
 
ต่อไปก็คงเป็นเวลาที่ต้องขึ้นทำไปเก็บกวาดทำความสะอาดโคมไฟ

รูปที่ ๑ รังนี้มีลูกนกอยู่ ๑ ตัว แต่น่าเสียดายที่ลูกนกที่มีอยู่เพียงตัวเดียวตกลงมาตาย

รูปที่ ๒ รังบนต้นชมพู่มะเหมี่ยว เห็นมาสร้างไว้แต่ไม่ยักมีแม่นกมาออกไข่

รูปที่ ๓ รังบนต้นชมพู่มะเหมี่ยว

รูปที่ ๔ รูปนี้ถ่ายเอาไว้เมื่อกลางเดือน ตอนนั้นเห็นแต่แม่นก

รูปที่ ๕ ถ่ายเอาไว้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มีลูกนกสองตัวโผล่หน้าออกมาทักทาย ส่วนแม่นกสงสัยว่ากำลังออกไปหาอาหารกินเองกับให้ลูกกิน

รูปที่ ๖ แม่นกกลับมากกลูกนกแล้ว

รูปที่ ๗ เช้าวันนี้เห็นลูกนกเหลือเพียงตัวเดียว อีกตัวโบยบินจากรังไปแล้ว เวลานี้ดูเหมือนเป็นเวลาอาหารเช้าที่ลูกนกต้องล้วงเข้าไปกินอาหารเช้าในคอแม่นก

รูปที่ ๘ ภาพต่อจากรูปที่ ๗ เย็นวันนี้พอกลับถึงบ้านก็เหลือแต่รังเปล่าแล้ว

รูปที่ ๙ รูปนี้ไม่เกี่ยวกับนก แต่เป็นเต่าตัวที่มันมาจากไหนก็ไม่รู้ แต่มันเข้ามาอาศัยเดินไปเดินมาอยู่ในบ้านเป็นปีแล้ว

วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2561

แม่นก กกลูกนก (๕) MO Memoir : Sunday 18 March 2561

ในที่สุดก็ถึงเวลา ที่นกน้อยต้องโผบินออกจากรัง เพื่อออกไปผจญภัยเพียงลำพัง
 
เย็นวันวาน ขณะกำลังทำความสะอาดรถ ก็ได้ยินเสียงนกกระพือปีกที่ต้นแก้ว ตรงที่แม่นกทำรัง
 
พอโผล่ออกไปดู ก็ไม่เห็นนกสักตัวเหลืออยู่ในรัง เหลือแต่นกน้อยที่โผออกมาเกาะอยู่ที่กิ่งดอกแก้วข้างรัง
 
ตอนเช้ายังเห็นแม่นกและลูกนกยังคงอยู่คู่กัน ก็คิดว่าคงใกล้จะถึงวัน ที่ทั้งคู่จะต้องทิ้งรัง
 
เช้าวันนี้ก็เลยขอเอารูปภาพครอบครัวนกตอนที่อยู่ในรัง ที่บันทึกเอาไว้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มารวบรวมไว้หน่อย
 
เชื่อว่าคงมีสักวัน ที่พวกเขาคงจะกลับมาทำรัง บนแง่กิ่งต้นไม้ที่มีร่มใบ ที่สามารถปกป้องลูกนกน้อยจากแสงแดดที่ร้อนแรง และลมพายุฝนที่อาจพัดกระชากรัง
 
สำหรับหลายคนแล้ว เช้าวันอาทิตย์เหมาะแก่การนอนตื่นสาย แต่สำหรับผม การได้มานั่งชิงช้าหน้าบ้าน จิบกาแฟร้อน ๆ พร้อมขนมปังปิ้ง ท่ามกลางสายลมพัดอ่อน ๆ ฟังเสียงนกร้อง และดูกระรอกกระโดดวิ่งเล่นข้ามต้นไม้ไปมา ก็ถือว่าคุ้มค่าต่อการตื่นแต่เช้าเหมือนกัน
 
และก็เป็นอีกหนึ่งวัน ที่เรื่องบนหน้า blog วันนี้ เป็นเรื่องที่ไม่มีสาระอีกครั้งหนึ่ง


รูปที่ ๑ ถ่ายตอนเย็นวันอังคารที่ ๑๓ มีนาคมที่ผ่านมาโดยใช้แฟลช

รูปที่ ๒ ท่าทางไม่ค่อยตื่นกล้องเท่าไรนัก (ถ่ายไว้เมื่อวันอังคารที่ ๑๓ ที่ผ่านมา)

รูปที่ ๓ เช้าวันพฤหัสบดีที่ ๑๕ แม่นกคงออกไปหาอะไรกิน เหลือแต่ลูกนกอยู่ในรัง

รูปที่ ๔ เช้าวันพฤหัสบดี เมื่อลูกนกอยู่ในรังตัวเดียว

รูปที่ ๕ เช้าวันวาน ลูกนกดูตัวโตแล้ว เป็นเช้าวันสุดท้ายที่ได้อยู่คู่กัน

รูปที่ ๖ ลูกนกเมื่อเช้าวันวาน

รูปที่ ๗ ลูกนก เมื่อเช้าวันวาน ตอนยังอยู่ในรังกับแม่นก


รูปที่ ๘ รูปสุดท้ายก่อนลูกนกจะโผบินไปตอนห้าโมงเย็นวันวาน ถ่ายด้วยกล้องโทรศัพท์ เลยไม่ค่อยชัดเท่าใด

รูปที่ ๙ สภาพรังนกที่เหลืออยู่

รูปที่ ๑๐ เช้าวันนี้เห็นคู่นี้มาเกาะอยู่ที่รังที่โคมไฟหน้าบ้าน ไม่รู้ว่าจะมาออกไข่ที่นี่อีกหรือเปล่า จะว่าไปแล้วรังนี้เป็นรังเก่า เพราะไม่เห็นนกมาอยู่ตั้งนานแล้ว หรือว่าขี้เกียจทำรังใหม่กันก็ไม่รู้

รูปที่ ๑๑ ปีนขึ้นไปดูก็ไม่มีอะไรจริง ๆ สภาพเช่นนี้น่าจะไปทำรังใหม่ที่สะอาดอยู่จะดีกว่า