แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ iodine แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ iodine แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2557

I2 ในสารละลาย KI กับไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัว MO Memoir : Saturday 25 October 2557

ในตำราเคมีอินทรีย์นั้น เวลาเอ่ยถึงปฏิกิริยา halogenation ของอัลเคน (alkane) ก็มักจะกล่าวถึงเพียงแค่กรณีของ Cl2 กับ Br2 ซะเกือบทั้งหมด กรณีของ F2 กับ I2 นั้นแทบจะไม่ได้ค่อยได้รับการกล่าวถึงเท่าใดนัก ทั้งนี้เป็นเพราะ F2 มีความว่องไวในการทำปฏิกิริยาสูงมาก จนยากที่จะควบคุม ส่วน I2 นั้นก็เฉื่อยจนไม่ทำปฏิกิริยา
 
เวลาข้อสอบถามว่าถ้าเอาสารละลาย I2 ใน CCl4 หยดลงไปในหลอดทดลองที่บรรจุสารตัวอย่างที่เป็น alkane หรือ alkyl aromatic (สารประกอบที่วงแหวนอะโรมาติกมีหมู่อัลคิลเกาะอยู่เช่น โทลูอีน (Toluene C6H5-CH3) ไซลีน (Xylene C6H4-(CH3)2) และเอทิลเบนซีน (Ethyl benzene C6H5-CH2CH3) แล้ววางในหลอดทดลองในที่ร่มกับนำไปวางตากแดด สีของสารละลายจะเปลี่ยนไปหรือไม่อย่างไร คำตอบก็คือมันก็จะยังคงเป็นสีม่วง (สีของ I2) เหมือนเดิม เพราะปฏิกิริยามันไม่เกิด
  
การสอนแลปเคมีอินทรีย์ช่วงหลังนั้น ได้เปลี่ยนมาใช้สารละลาย Bromine water หรือ Br2 ในน้ำแทน (สารละลายมีสีเหลืองของ Br2) เพราะต้องการลดการใช้ CCl4 แต่ Bromine water นั้นมันแยกชั้นกับไฮโดรคาร์บอน โดยไฮโดรคาร์บอนจะลอยอยู่บนสารละลาย Bromine water การทำปฏิกิริยาจะเกิดได้เฉพาะตรงรอยต่อระหว่างเฟสเท่านั้น ดังนั้นในระหว่างการทดลองจึงจำเป็นต้องทำการเขย่าหลอดทดลองไปด้วย เพื่อให้ Br2 ในชั้นน้ำละลายเข้าไปในชั้นไฮโดรคาร์บอน ถ้าไม่เกิดปฏิกิริยา ชั้นไฮโดรคาร์บอนก็จะเป็นสีเหลือง แต่ถ้าเกิดปฏิกิริยา ชั้นไฮโดรคาร์บอนก็จะใสเหมือนเดิม


รูปที่ ๑ ชั้นล่างเป็น I2 ในสารละลาย KI (เห็นข้างขวดเขียนไว้ว่าเข้มข้นประมาณ 10-4 M) ส่วนชั้นบนเป็น xylene หลอดซ้ายหลังจากที่ผสมกันแล้วก็เขย่า ส่วนหลอดขวานั้นก็ตั้งทิ้งไว้เฉย ๆ จะเห็นว่า I2 จากชั้นสารละลาย KI จะแพร่ขึ้นไปอยู่ในชั้น xylene ทำให้สีของ xylene เปลี่ยนไปเนื่องจากมี I2 เข้าไปปนอยู่ ถ้า I2 เข้าไปได้มากก็จะออกทางโทนสีม่วง
  
ที่นี้ถ้าเราเปลี่ยนมาใช้สารละลาย I2 ในสารละลาย KI ดูบ้าง (I2 จะอยู่ในรูปของ I3-) แล้วทำการทดลองอย่างเดียวกัน ผลที่ได้จะเป็นอย่างไร
  
ถ้าเราเอา I2 ไปละลายในตัวทำละลายไม่มีขั้วหรือแอลกฮอล์ (เช่นเอทานอล) เราจะได้สารละลายสีม่วงของ I2 แต่ถ้าเราเอา I2 ไปละลายในสารละลาย KI เราจะได้สารละลายสีเหลือง ส่วนจะเหลืองอ่อนหรือเข้มก็ขึ้นกับความเข้มข้นของ I2 ที่ละลายเข้าไป ยิ่งมีมากก็ยิ่งออกทางเหลืองเข้มมากขึ้น
  
พอเราใส่สารละลาย I2 ในสารละลาย KI ลงในหลอดทดลองร่วมกับไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัว (หรืออะโรมาติกก็ได้) มันก็จะแยกชั้นเป็นสองชั้น โดยชั้นบนเป็นไฮโดรคาร์บอน (จะใส ไม่มีสี) ชั้นล่างเป็นสารละลาย I2 ในสารละลาย KI (สีเหลือง) ถ้าตั้งทิ้งไว้เราก็จะเห็นชั้นไฮโดรคาร์บอนค่อย ๆ มีสีออกทางโทนแดงเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ เนื่องจาก I2 ในสารละลาย KI แพร่เข้าไปละลายอยู่ในชั้นไฮโดรคาร์บอน แต่ถ้าอยากให้มันแพร่เร็วขึ้นก็ต้องเขย่าหลอดทดลองช่วยด้วย ผลที่ออกมาก็จะเป็นดังรูปที่ ๑ ที่ถ่ายเอาไว้เมื่อวาน บังเอิญเมื่อวานในแลปไม่มีสารละลาย I2 ในสารละลาย KI ที่ความเข้มข้นสูงเหลืออยู่ มีแต่ขวดความเข้มข้นเจือจางเหลืออยู่ขวดนึง สีที่เห็นมันก็เลยยังออกเป็นโทนสีแดงอยู่ แต่ถ้าใช้สารละลาย I2 ในสารละลาย KI ที่ความเข้มข้นสูงพอก็จะเห็นว่าสีของชั้นไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัวนั้นจะออกทางโทนสีม่วง

เอาเรื่องนี้ไปออกข้อสอบทีไร หาคนตอบคำถามถูกไม่ค่อยจะได้ทุกที

วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ตอบคำถามแบบแทงกั๊ก MO Memoir : Wednesday 14 August 2556

เนื้อหาในบันทึกฉบับนี้เกี่ยวข้องกับบันทึกก่อนหน้านี้สองฉบับคือฉบับ
ปีที่ ๒ ฉบับที่ ๙๑ วันเสาร์ที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๒ เรื่อง "ตอบคำถามให้ชัดเจนและครอบคลุม" และ
ปีที่ ๒ ฉบับที่ ๙๒ วันจันทร์ที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๒ เรื่อง "ฟลูออรีนหายไปไหน"

"แทงกั๊ก" เป็นภาษาที่มาจากการผนัน หมายถึงการแทงสองตัวเลือก ถ้าถูกตัวเลือกใดตัวเลือกหนึ่งก็จะได้รางวัล ถ้านำมาเปรียบใช้กับคนก็เหมือนกับคนที่อยู่ในภาวะที่ต้องตัดสินใจเลือกสองตัวเลือก แต่ไม่บ่งบอกชัดเจนว่าจะตัดสินใจเลือกตัวเลือกใด ทำนองว่าถ้าตัวเลือกใดตัวเลือกหนึ่งถูกก็พร้อมที่จะกระโดดเข้าเกาะตัวเลือกนั้นเลย (ถ้าอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับการพนันรูปแบบต่าง ๆ ก็ไปอ่านเองที่ http://www.baanjomyut.com/library_3/extension-1/bet/25_4.html)

ตัวผมเองเจอพฤติกรรมเช่นนี้บ่อยครั้งเวลาตรวจข้อสอบ โดยเฉพาะข้อสอบอัตนัยที่ให้บรรยายว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นระหว่างเหตุการณ์ (ก) หรือเหตุการณ์ (ข) จริงอยู่ที่ว่าในบางครั้งคำตอบคือทั้งเหตุการณ์ (ก) และ (ข) มีสิทธิ์เกิดได้ แต่ต้องมีเงื่อนไขที่เหมาะสมที่จะทำให้เหตุการณ์นั้นเกิด แต่ในบางครั้งมันจะเกิดได้เพียงเหตุการณ์เดียวเท่านั้น

ลองมาดูคำถามต่อไปนี้ดีกว่า

สมมุติว่ามีคำถามแบบปรนัย ๒ ข้อ ข้อละ ๑ คะแนนดังนี้

ข้อ ๑ นำเฮกเซน (C6H14) 1 ml ใส่หลอดทดลอง จากนั้นเติมน้ำกลั่น 1 ml ลงไป เขย่าหลอดทดลองแล้วตั้งทิ้งไว้
(ก) เฮกเซนและน้ำจะละลายรวมกันเป็นเฟสเดียว
(ข) เฮกเซนและน้ำไม่ละลายเข้าด้วยกัน จะแยกชั้นกันเป็น 2 เฟส

ข้อ ๒ นำออกเทน (C8H18) 1 ml ใส่หลอดทดลอง จากนั้นเติมน้ำกลั่น 1 ml ลงไป เขย่าหลอดทดลองแล้วตั้งทิ้งไว้
(ก) ออกเทนและน้ำจะละลายรวมกันเป็นเฟสเดียว
(ข) ออกเทนและน้ำไม่ละลายเข้าด้วยกัน จะแยกชั้นกันเป็น 2 เฟส

ถ้านักเรียนคนหนึ่งข้อที่ ๑ เลือกตอบข้อ (ข) ส่วนข้อที่ ๒ เลือกตอบข้อ (ก) คุณคิดว่าเขาจะได้คะแนนเท่าไร

การตรวจข้อสอบปรนัยนั้นมักจะเป็นการตรวจและให้คะแนนไปทีละข้อ คำตอบของข้อหนึ่งไม่ถูกนำมาพิจารณาในการให้คะแนนคำตอบของอีกข้อหนึ่ง ในกรณีข้างต้นนั้น ในข้อ ๑ เมื่อนักเรียนเลือกตอบข้อ (ข) ซึ่งเป็นคำตอบที่ถูก เขาก็จะได้ไปแล้ว 1 คะแนน ส่วนในข้อ ๒ ที่เขาเลือกตอบข้อ (ก) ที่เป็นคำตอบที่ผิด ข้อ ๒ นี้เขาก็จะได้ 1 คะแนน ดังนั้นจากการตอบคำถาม ๒ ข้อ เขาก็จะได้ไปเพียง 1 คะแนน

ทีนี้ถ้าลองเอาคำถามข้างบนมาถามใหม่เป็นข้อสอบแบบอัตนัยดูบ้างดังนี้

ข้อ ๓ นำหลอดทดลองมา 2 หลอด หลอดที่หนึ่งนำเฮกเซน (C6H14) 1 ml ใส่หลอดทดลอง จากนั้นเติมน้ำกลั่น 1 ml ลงไป เขย่าหลอดทดลองแล้วตั้งทิ้งไว้ ส่วนหลอดที่สองนำออกเทน (C8H18) 1 ml ใส่หลอดทดลอง จากนั้นเติมน้ำกลั่น 1 ml ลงไป เขย่าหลอดทดลองแล้วตั้งทิ้งไว้ ของเหลวในหลอดทดลองแต่ละหลอดนั้นจะ (ก) ละลายรวมกันเป็นเฟสเดียว หรือ (ข) แยกชั้นเป็นสองเฟส (2 คะแนน)

ถ้านักเรียนตอบมาว่า "ในหลอดที่หนึ่งที่เป็นการผสมเฮกเซนกับน้ำนั้นจะแยกชั้นเป็นสองเฟส ส่วนหลอดที่สองที่เป็นการผสมออกเทนกับน้ำนั้นจะละลายรวมกันเป็นเฟสเดียว"

ด้วยคำตอบเช่นนี้ถ้าเป็นคุณ คุณจะให้คะแนนเขากี่คะแนน

สำหรับคนที่เข้าใจในวิชาเคมีและเคมีอินทรีย์ ย่อมทราบดีว่าไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัวพวกอัลเคน (alkane) นั้นไม่ละลายเข้าเป็นเฟสเดียวกับน้ำ และจะลอยบนผิวหน้าน้ำเนื่องจากมีความหนาแน่นที่ต่ำกว่า ดังนั้นถ้าเป็นคนที่เข้าใจเรื่องนี้ก็จะตอบได้ทันทีว่าทั้งสองหลอดนั้นจะให้ผลที่เหมือนกันคือ "จะแยกชั้นเป็นสองเฟส"

การตอบคำถามแบบเลือกให้หลอดหนึ่งนั้น "แยกเป็นสองเฟส" ส่วนอีกหลอดนั้น "รวมเป็นเฟสเดียวกัน" ในมุมมองของผมถือเป็นการแสดงให้เห็นว่าผู้ตอบคำถามนั้น "ไม่มีความรู้และ/หรือความเข้าใจ" ในเรื่องดังกล่าว ทำให้ไม่ทราบว่าคำตอบที่ถูกต้องควรจะเป็นคำตอบใด ก็เลยใช้วิธีเลือกตอบมาทั้งสองคำตอบ โดยหวังว่ามันต้องถูกสักคำตอบและต้องได้คะแนนอย่างน้อยครึ่งนึง (คือ 1 คะแนน)

ผมเห็นนิสิตจำนวนไม่น้อยเตรียมการสอบโดยการท่องตำรามาเป็นบท ๆ พอเจอคำถามทีก็ใช้วิธีเขียนลงไปเยอะ ๆ โดยไม่สนว่าที่เขียนลงไปนั้นมันจะตรงกับคำถามหรือไม่ โดยคิดแต่เพียงว่าถ้าเขียนลงไปเยอะ ๆ แล้วมันต้องมีโอกาสที่สิ่งที่เขียนลงไปนั้นจะตรงกับคำตอบที่ถูกต้อง และจะต้องได้คะแนนมาบ้าง ตัวผมเองนั้นเห็นว่าความคิดดังกล่าวเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง เพราะเป็นการแสดงให้เห็นว่านิสิตนั้นไม่ได้เข้าใจในสิ่งที่เรียนมา และไม่สามารถนำสิ่งที่เรียนมานั้นมาประยุกต์ใช้ได้ เขาไม่รู้ว่าเมื่อไรต้องนำความรู้เรื่องใดมาใช้ และความรู้ส่วนใดที่ไม่เกี่ยวข้อง การตอบคำถามเช่นนี้ถ้าเป็นตัวผมเองผมจะพิจารณาไม่ให้คะแนน ยิ่งบางรายยิ่งเขียนมากยิ่งแสดงให้เห็นเลยว่าไม่รู้เรื่อง เพราะสิ่งที่เขียนมานั้นมันขัดแย้งกันเอง

กรณีของการตอบคำถามของข้อ ๓ ตามที่ยกตัวอย่างมานั้นก็เช่นกัน ผมถือว่าผู้ตอบได้แสดงให้เห็นว่าเขานั้นไม่รู้/ไม่เข้าใจว่าคำตอบที่ถูกต้องคือคำตอบใด ก็เลยใช้วิธี "ตอบคำถามแบบแทงกั๊ก" คือการตอบมาทั้งสองตัวเลือก ถ้าเป็นตัวผมเองผมจะให้ศูนย์คะแนน

ทีนี้ลองมาดูคำถามอีกคำถามหนึ่งคือ

ข้อ ๔ นำหลอดทดลองมา ๒ หลอด หลอดแรกใส่โทลูอีน (C6H5-CH3) ลงไป 1 ml จากนั้นเติมสารละลาย I2 ใน CCl4 ลงไป 3 หยด หลอดที่สองใส่ไซลีน (C6H4(CH3)2) ลงไป 1 ml จากนั้นเติมสารละลาย I2 ใน CCl4 ลงไป 3 หยด
(ก) ถ้าตั้งหลอดทดลองทั้งสองในที่ร่ม จะเกิดปฏิกิริยาใดบ้าง ผลิตภัณฑ์ที่ได้คืออะไร
(ข) ถ้านำหลอดทดลองทั้งสองไปตากแดด จะเกิดปฏิกิริยาใดบ้าง ผลิตภัณฑ์ที่ได้คืออะไร
  
สำหรับผู้ที่เข้าใจพื้นฐานเคมีอินทรีย์จะรู้ดีว่า การแทนที่อะตอม H ที่วงแหวนเบนซีนนั้นยากกว่าการแทนที่อะตอม H ของพันธะ C-H ของหมู่ไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัวมาก ในกรณีการแทนที่อะตอม H ของพันธะ C-H ของหมู่ไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัวด้วยอะตอมฮาโลเจนนั้น ปฏิกิริยาจะไม่เกิดในที่ร่ม แต่จะเกิดได้ถ้ามีแสงแดดหรือความร้อนช่วย
 
แต่คำว่า "ฮาโลเจน" ที่กล่าวกันในหนังสือเคมีอินทรีย์ในส่วนปฏิกิริยา halogenation ของ alkane นั้นก็ทำให้คนเข้าใจผิดไม่น้อยเหมือนกัน เพราะมันทำให้คนคิดว่ามันคือธาตุฮาโลเจนทั้งหมู่คือ F Cl Br และ I แต่ในความเป็นจริงนั้นมันจำกัดเฉพาะ Cl กับ Br เท่านั้น F มีความว่องไวสูงมาก ในขณะที่ I ไม่ทำปฏิกิริยา (ดูบันทึกฉบับที่ ๙๒)
 
ในกรณีของสารประกอบอัลคิลเบนซีนนั้น ถ้านำมาทำปฏิกิริยา halogenation เช่นด้วยการหยดสารละลาย Br2 ใน CCl4 ลงไป ปฏิกิริยาจะไม่เกิดในที่ร่ม แต่เมื่อนำไปตากแดดจะเกิดปฏิกิริยาเห็นสีของ Br2 หายไป โดยอะตอม Br จะเข้าไปแทนที่อะตอม H ของหมู่ -CH3 ไม่ได้เข้าไปแทนที่อะตอม H ที่เกาะกับวงแหวนเบนซีน
 
แต่ถ้าเป็นสารละลาย I2 ใน CCl4 นั้นจะไม่เกิดการฟอกสีใด ๆ ไม่ว่าจะตั้งในที่ร่มหรือตากแดด เพราะ I2 ไม่มีความว่องไวสูงพอที่จะเข้าไปแทนที่อะตอม H ของพันธะ C-H (แต่มันแทรกเข้าไปที่พันธะ C=C ได้)
 
ดังนั้นในกรณีของคำถามข้อ ๔ นั้น คำตอบที่ถูกต้องคือไม่เกิดปฏิกิริยาทั้งสองหลอด ไม่ว่าจะตั้งในที่ร่มหรือตากแดด (อันนี้ก่อนหน้านี้สมัยที่ยังเรียนแลปเคมีอินทรีย์กันอยู่ ผมก็ได้ให้นิสิตทดสอบด้วยตัวเองมาแล้ว)

ทีนี้ถ้ามีนิสิตตอบคำถามมาทำนองเช่น
- ถ้าตั้งในที่ร่มไม่เกิดปฏิกิริยาทั้งสองหลอด แต่ถ้านำไปตากแดดจะเกิดปฏิกิริยาฟอกสีทั้งสองหลอด
- หลอดที่ใส่โทลูอีนจะไม่เกิดปฏิกิริยาใด ๆ ไม่ว่าตั้งในที่ร่มหรือตากแดด ส่วนหลอดที่ใส่ไซลีนจะเกิดการฟอกสี
- ฯลฯ

ถ้าคุณเป็นอาจารย์ คุณจะให้คะแนนเขาสักกี่คะแนน และคุณคิดว่าผู้ที่ตอบคำถามทำนองข้างต้นนั้นมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวมากน้อยอย่างไร