เมื่อสักประมาณ
๑๐
ปีที่แล้วได้รับคำสั่งให้ไปทำหน้าที่เป็นกรรมการด้านเทคนิคในการจัดซื้อครุภัณฑ์โครงการเงินกู้ธนาคารโลก
สำหรับพัฒนาการเรียนการสอนระดับปริญญาตรี
ของทบวงมหาวิทยาลัย
มีอยู่ครั้งหนึ่งเกิดปัญหาคณาจารย์ในคณะวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งไม่ยอมตรวจรับครุภัณฑ์ที่ผู้ขายส่งมอบ
โดยอ้างว่าครุภัณฑ์ที่ได้รับนั้นไม่เรียบร้อย
ครุภัณฑ์ส่วนที่เป็นปัญหาคืออ่างใส่น้ำที่ทำจากแผ่นเหล็กกล้าไร้สนิมพับขึ้นรูปเป็นรูปอ่างสี่เหลี่ยม
และทำการเชื่อมรอยต่อระหว่างชิ้นส่วนที่พับขึ้นมาประกบกัน
จากนั้นก็ทำการขัดรอยเชื่อมดังกล่าวให้เรียบเนียน
โดยปรกติถ้าครุภัณฑ์ที่ผู้ขายส่งมอบนั้นมีคุณลักษณะไม่ตรงตามข้อกำหนดหรือมีข้อบกพร่อง
ทางผู้ซื้อก็มีสิทธิที่จะปฏิเสธไม่รับครุภัณฑ์ดังกล่าวอยู่แล้ว
แต่ในกรณีนี้ครุภัณฑ์นั้นมีคุณสมบัติเป็นไปตามข้อกำหนด
ประเด็นที่ต้องเชิญกรรมการทางเทคนิคเข้าไปประชุมพิจารณาให้ความเห็นคือ
เหตุผลที่ทางผู้รับของปฏิเสธที่จะตรวจรับครุภัณฑ์นั้นเป็นเหตุผลที่สมเหตุสมผลหรือไม่
รูปที่
๑ บริเวณรอยเชื่อมต่อเหล็กกล้าไร้สนิม
จะเห็นสีโลหะเปลี่ยนแปลงเนื่องจากความร้อน
บริเวณนี้จะเป็นจุดอ่อนที่เกิดการผุกร่อนได้ง่ายที่สุด
เหล็กกล้าไร้สนิมหรือที่เรามักนิยมเรียกทับศัพท์ว่าเหล็กสแตนเลส
(stainless
steel) นั้นจัดเป็นวัสดุพวกเหล็กกล้าผสมสูง
(high
alloy steel) โดยมีการผสม
Ni
และ
Cr
เข้าไปกับเหล็ก
และมี C
ตกค้างอยู่ส่วนหนึ่ง
เหล็กกล้าไร้สนิมที่ใช้กันมากและพบเห็นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวันมากที่สุดคือเบอร์
304
และรองลงไปคือเบอร์
316
เหล็กกล้าในกลุ่มเบอร์
3xx
นี้บางทีก็เรียกว่าเหล็กกลุ่ม
18-8
หมายถึงมี
Cr
18% และ
Ni
8% (องค์ประกอบโดยละเอียดของแต่ละเบอร์ก็แตกต่างกันออกไป)
เบอร์
316
นั้นมีการเพิ่ม
Mo
เข้ามาทำให้ทนการกัดกร่อนจากคลอไรด์ได้ดีขึ้น
วิธีการหนึ่งในการขึ้นรูปโลหะคือการเชื่อม
(welding)
ด้วยไฟฟ้า
ในกระบวนการเชื่อมด้วยไฟฟ้าจะใช้กระแสไฟฟ้าทำให้โลหะของชิ้นงานที่ต้องการเชื่อมให้ติดกันนั้นเกิดการหลอมละลาย
และในขณะเดียวกันก็จะมีการเติมโลหะ
(ลวดเชื่อม)
เข้าไปเติมเต็มตรงรอยต่อที่ต้องการประสานเข้าด้วยกันด้วย
ลวดเชื่อมที่เติมเข้าไปก็จะเกิดการหลอมละลายรวมกับโลหะของชิ้นงานที่หลอมละลาย
และเมื่อรอยเชื่อมเย็นตัวลงโลหะที่หลอมเหลวก็จะแข็งตัวประสานเป็นเนื้อเดียวกัน
สำหรับผู้ที่เรียนวิชาวัสดุวิศวกรรมมาแล้วคงทราบว่าเวลาที่เรามีโลหะหลอมเหลวนั้น
ถ้าเราทำให้โลหะหลอมเหลวเย็นตัวลงด้วยอัตราเร็วที่แตกต่างกัน
เราก็จะได้โลหะที่มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันได้
ซึ่งความรู้เรื่องนี้มีการนำมาใช้ในการชุบแข็งผิวเหล็ก
ด้วยการเผาเหล็กให้ร้อนและทำให้เย็นตัวลงด้วยอัตราเร็วที่แตกต่างกัน
(เช่นปล่อยให้เย็นในอากาศ
แช่ในน้ำ แช่ในน้ำเกลือ
หรือแช่ในน้ำมัน)
ก็จะได้ชิ้นงานที่มีความแข็งและความเหนียวตามต้องการ
ถ้าเป็นเหล็กกล้าทั่วไป
หลังจากขึ้นรูปชิ้นงานเสร็จแล้วก็มักจะมีการทาสีหรือเคลือบผิวเพื่อป้องกันสนิม
ดังนั้นเราจึงมองไม่เห็นผิวโลหะโดยตรง
แต่ถ้าเป็นเหล็กกล้าไร้สนิมแล้วมักจะไม่นิยมทาสีทับ
(ถ้าต้องการทาสีทับเพื่อความสวยงามก็ควรจะใช้เหล็กกล้าธรรมดาไปเลย)
ทั้งนี้เพื่อต้องการอวดความเป็นมันวาวของชิ้นงาน
แต่ก็ทำให้เห็นร่องรอยของรอยเชื่อมได้
สัปดาห์นี้เห็นทางมหาวิทยาลัยทำแผงเหล็กกล้าไร้สนิมรูปทรงแปลก
ๆ มาติดตั้งไว้ตามที่ต่าง
ๆ ซึ่งก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะติดเอาไว้เพื่อวัตถุประสงค์ใด
แผงดังกล่าวดูเหมือนทำจากเหล็กกล้าไร้สนิมที่เป็นท่อนสี่เหลี่ยมนำมาเชื่อมติดกัน
ซึ่งหลังจากที่เชื่อมติดกันแล้วก็มีการขัดผิวตรงรอยเชื่อมให้เรียบเสมอกับผิวท่อนเหล็ก
สิ่งที่เห็นตรงรอยเชื่อมต่อคือสีของเนื้อโลหะบริเวณนี้ซึ่งเป็นบริเวณที่ได้รับความร้อนสูงจะแตกต่างไปจากบริเวณที่ไม่ได้รับความร้อนสูง
ตรงรอยเชื่อมของเหล็กกล้าไร้สนิมนั้นเป็นจุดอ่อนที่สามารถเกิด
"สนิม"
ได้
ทั้งนี้เพราะเมื่อเหล็กกล้าไร้สนิมเกิดการหลอมเหลวและเย็นตัวลงด้วยอัตราที่ไม่เหมาะสมนั้น
คาร์บอนที่ตกมีอยู่เล็กน้อยในเนื้อโลหะจะจับตัวกับ
Cr
เกิดเป็นโครงสร้าง
carbide
แยกตัวออกมาที่เรียกว่า
carbide
precipitation
ทำให้เนื้อโลหะตรงบริเวณนี้ที่เดิมมีคุณสมบัติเป็นเหล็กกล้าไร้สนิมนั้นสูญเสียคุณสมบัติดังกล่าวไป
แต่ปัญหานี้ก็สามารถแก้ไขหรือทุเลาได้ด้วยการให้ความร้อนที่เหมาะสมแก่รอยเชื่อมและควบคุมการเย็นตัวให้เหมาะสม
หรือไม่ก็เลือกใช้เหล็กกล้าไร้สนิมที่มีปริมาณคาร์บอนต่ำ
ซึ่งได้แก่พวกที่มีอักษร
L
ต่อท้ายเลขเช่น
304L
และ
316L
ซึ่งจะมีปริมาณคาร์บอนต่ำกว่าเบอร์
304
และ
316
เหตุผลที่ทำให้ทางกรรมการตรวจรับไม่ยอมตรวจรับครุภัณฑ์ดังกล่าวคือเขาว่า
water
bath ที่เขาได้นั้นมันมี
"สี"
ทำให้เขากลัวว่าถ้าเขามันไปใช้ในการเลี้ยงเชื้อ
"สี"
นั้นจะละลายเข้าไปในน้ำและ
"ซึมผ่าน
flask"
ที่เขาใช้เลี้ยงเชื้อ
และส่งผลต่อเชื้อที่เขาเลี้ยงได้
ทางผู้ขายก็พยายามแก้ไขโดยการขัดและล้างบริเวณดังกล่าวแต่
"สี"
นั้นก็ไม่หายไป
(มันจะหายไปได้อย่างไรในเมื่อมันเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อโลหะ)
ตอนแรกที่เขาให้ผมดูครุภัณฑ์ที่เป็นปัญหานั้นเขายังไม่บอกผมว่าทางคนตรวจรับใช้เหตุผลใดในการปฏิเสธ
ผมตรวจดูแล้วก็เห็นว่ามันปรกติดี
เป็นไปตามข้อกำหนดทุกประการ
รอยเชื่อมก็เรียบร้อยดี
แต่งผิวได้เรียบร้อยดี
ส่วนเรื่องสีนั้นผมเห็นว่ามันเป็นเรื่องปรกติที่ต้องเกิดเนื่องจากการเชื่อมโลหะ
(บังเอิญเคยคุมงานวางท่อในโรงงานมาก่อน
ก็เลยพอมีประสบการณ์ได้เห็นรอยเชื่อมท่อเหล็กกล้าไร้สนิมมาบ้าง)
ซึ่งผมก็ได้ให้ความเห็นไปว่าเหตุผลที่กรรมการตรวจรับแย้งมานั้นมันไม่มีน้ำหนัก
(เกรงว่าถ้าใช้คำว่าเหตุผลมันฟังไม่ขึ้นก็จะแรงเกินไป)
ถ้ามีการฟ้องร้องกันก็คงแพ้คดีแน่
และก็ไม่คิดว่าจะก่อให้เกิดปัญหาอย่างที่เขากังวลด้วย
เรื่องก็ยังไม่จบแค่นั้น
เพราะกรรมการตรวจรับก็ยังไม่ยอมตรวจรับอยู่ดี
ต้องมีการเรียกประชุมกรรมการเทคนิคใหม่อีกรอบ
มาคราวนี้ก็เลยมีการยื่นข้อเสนอว่า
ถ้าทางกรรมการตรวจรับนั้นไม่ประสงค์ที่จะตรวจรับครุภัณฑ์ชิ้นดังกล่าว
ก็ขอให้ส่งคืนให้กับทางทบวงมหาวิทยาลัย
เพราะมีมหาวิทยาลัยหลายแห่งทราบเรื่องดังกล่าวแล้วและก็ยินดีที่จะตรวจรับเอาครุภัณฑ์ที่ท่านปฏิเสธนั้นไปใช้งานเอง
เท่านั้นเองเรื่องต่าง
ๆ ก็จบลงสักที
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าคนที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยนั้น
แม้จะจบปริญญาเอก
เรียนรู้มาทางด้านสายวิทยาศาสตร์ที่ต้องใช้เหตุผล
แต่เวลาทำงานเข้าจริงนั้นกลับใช้
ความเชื่อ ความรู้สึก
หรือความลำเอียง ในการพิจารณาสิ่งต่าง
ๆ นั้น หาได้ไม่ยากหรอก