วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2557

แด่ผู้เป็นทั้ง พี่ เพื่อน และอาจารย์ (๒) MO Memoir : Sunday 29 June 2557

 (รูปจาก Facebook ของ Rak Rmornwiwat)
****************************************
 



นักเรียนไทย ๔ คนที่เดินทางไปศึกษาต่อที่ Imperial College ด้วยกันในปีพ.ศ. ๒๕๓๒  
ถ่ายที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๕

****************************************


ผมกับพี่ซุปกลับมาทำงานในปีพ.ศ. ๒๕๓๗ ดังนั้นนิสิตรุ่นแรกที่เราได้สอนก็คือนิสิตป.ตรี ที่เข้าศึกษาในปีการศึกษา ๒๕๓๖ (เข้าภาควิชาในปีการศึกษา ๒๕๓๗) และนิสิตป.โท-เอก ที่เข้าศึกษาในปีการศึกษา ๒๕๓๗ ถ้านับถึงวันนี้ พี่ซุปก็ได้สอนหนังสือมาครบ ๒๐ รุ่นแล้วครับ
  
ผมเองก็ไม่ได้ไปงานทุกคืน แต่ทุกครั้งที่ไปก็พบว่ามีศิษย์เก่าจากรุ่นต่าง ๆ ผลัดเปลี่ยนกันมาร่วมงานเสมอทุกคืน ซึ่งตรงนี้อาจทำความลำบากใจให้กับเจ้าภาพว่าผู้ที่มาร่วมงานเป็นใคร แม้แต่ผมเองหลายรายก็จำได้แค่หน้าว่าเป็นศิษย์เก่าของภาควิชา แต่จำชื่อและจำรุ่นไม่ได้ว่าเข้าเรียนในปีพ.ศ.ใด นอกจากนี้ก็ยังมีผู้ที่เคยศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษในช่วงเวลาเดียวกันเข้ามาร่วมรำลึกถึงด้วย ถ้าไม่นับบรรดาผู้ที่ทำงานอยู่ในคณะวิศวกรรมศาสตร์แล้ว ผมก็ขอยืนยันได้ว่าบรรดาคนแปลกหน้าทั้งหลายที่ทางเจ้าภาพคงไม่คุ้นหน้าหรือรู้จักมาก่อน คือผู้ที่รู้จักกันพี่ซุปในฐานะเพื่อนสมัยเรียนหนังสือ และศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันของภาควิชาวิศวกรรมเคมี นับตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๕๓๗ จนถึงปีปัจจุบัน

เหตุผลที่ผมนำคำไว้อาลัยของใครต่อใครที่เขียนให้กับพี่ซุป (ทั้งที่ส่งมาให้ผมโดยตรงและ copy มาจากหน้า facebook โดยไม่ขออนุญาตเข้าของ - ต้องขอโทษด้วยครับ) มาลงใน blog นี้ก็เพราะเห็นว่า คำไว้อาลัยเหล่านั้นเป็นสิ่งที่บ่งบอกให้เห็นว่า คนที่ยังมีภาระหน้าที่ที่ยังต้องปฏิบัติ และยังมีโอกาสอยู่นั้น ควรพึงปฏิบัติอย่างไรครับ และเห็นว่าการนำมาเผยแพร่จะเป็นประโยชน์ต่อคนทั่วไปครับ อย่างน้อยก็ถือได้ว่าเป็นการสอนครั้งสุดท้ายของพี่ซุปให้กับผู้ที่ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่อยู่ครับ




****************************************


****************************************

****************************************




****************************************


****************************************

 ****************************************




****************************************



ขอขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่สอนสั่งครับ

หลับให้สบายนะครับอาจารย์

ตุลย์ เสริมศิริวิบูลย์ #5030175521



****************************************

 ****************************************



****************************************




รูปนี้ผมเขียนไว้หลังรูปว่า ๒๘ กันยายน ๒๕๕๓

St. Augustine's Abbey เมือง Canterbury

พี่กุม (ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม) ทำงานด้านฉายรังสีที่ศิริราช นอกนั้น นักเรียนที่มีมาเรียนที่ Imperial วิศวทั้งหมด

****************************************







****************************************


****************************************




****************************************




****************************************

****************************************


****************************************

 (หมายเหตุ : ขณะนี้นิสิตผู้นี้กำลังศึกษาอยู่ ณ ประเทศญี่ปุ่น)

****************************************


****************************************




****************************************


อาจารย์ศุภกนก “ครู” ผู้เป็นที่รัก

อาจารย์ศุภกนกเป็นรุ่นพี่ของดิฉัน 2 ปี เรารู้จักกันมานาน...ย้อนหลังไปกว่า 20 ปี เมื่อคราวไปเรียนหนังสือที่ประเทศอังกฤษ นับตั้งแต่ที่ได้รู้จักกันจนถึงวันนี้เรามีความนับถือเอื้ออาทรต่อกันแบบพี่-น้อง ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่คงมีน้อยคนที่จะทราบว่าใจของดิฉันนับถืออาจารย์ศุภกนกเป็น “ครู” ที่รักยิ่งคนหนึ่ง

ถึงแม้จะรู้จักและร่วมงานกันมานาน แต่ดิฉันเพิ่งมีโอกาสอันดีได้สอนคู่กับอาจารย์ศุภกนกในวิชา Thermo II ปีการศึกษา 2555 ปีแรกของหลักสูตรปรับปรุงใหม่วิศวกรรมเคมี ซึ่งมีเนื้อหาใหม่ที่ดิฉันต้องสอนเป็นครั้งแรก แต่นับเป็นโชคดีมากที่ได้สอนร่วมกับอาจารย์ศุภกนกผู้ซึ่งมีใจรักและมีความรู้อย่างลึกซึ้งในวิชา Thermodynamics เป็นอย่างยิ่ง ถือเป็นมือหนึ่งของภาควิชา และดิฉันเชื่อว่าเป็นระดับต้นของประเทศ

ตลอดภาคการศึกษาปลาย ปีการศึกษา 2555 อาจารย์ศุภกนกจะเดินมาหาดิฉันที่ห้องทำงานทุกเช้าวันอังคารเวลา 8 โมง เพื่อให้ดิฉันได้ซักถามข้อสงสัยต่างๆในเนื้อหาวิชา มีเนื้อหาส่วนหนึ่งที่ไม่ปรากฏสอนไว้ในหนังสือเล่มใดๆที่ดิฉันอ่านพบ แต่อาจารย์ศุภกนกอธิบายทฤษฎีนั้นได้จากใจของท่าน เหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้เกินขึ้นหลายๆครั้ง ดิฉันรู้สึกทึ่ง จนอดถามออกไปไม่ได้ว่า

“พี่รู้ได้อย่างไรคะเนี่ย”

อาจารย์ตอบว่า “พี่คิดต่อยอดเอาเอง มันอยู่ในสายเลือดพี่แล้วล่ะรุ้ง รู้ไหมว่าพี่เข้าเรียนกับ Prof. Wisniak ตลอดทั้งคอร์สมาแล้วไม่ต่ำกว่าสี่รอบ(Prof.Wisniak เป็นปรมาจารย์ทาง Thermodynamics จากมหาวิทยาลัย Bee-sheva ประเทศอิสราเอล ซึ่งภาควิชาฯเคยเชิญท่านมาสอนในวิชา Advanced Thermodynamics เป็นเวลาหลายปีต่อเนื่องกัน)

ดิฉันได้แต่อึ้ง ไม่ได้ตอบท่านว่าอะไร แต่จำได้ว่าแทบจะอ้าปากค้างเมื่อทราบว่าท่านทุ่มเท เข้าเรียนด้วยตัวเอง ทั้งรายวิชา ต่อเนื่องกันเป็นเวลาหลายปี

มีครั้งหนึ่งดิฉันรบกวนให้ท่านสอนการใช้ฟังก์ชัน solver ในโปรแกรม Excel เพื่อแก้หลายสมการ หลายตัวแปร ไปพร้อมๆกัน (จำได้ว่าตอนนั้นประมาณ 9 ตัวแปร) อาจารย์ปรับรูปสมการและทำให้ดูอย่างคล่องแคล่ว ง่ายดาย ดิฉันอดทึ่งไม่ได้อีกครั้ง จึงถามออกไปเช่นเดิมว่า

พี่คิดได้เองหรือคะเนี่ย”

อาจารย์ตอบว่า “คิดเองซี รุ้งรู้ไหมว่าพี่ฝึกทำมาแล้วเป็นหมื่นครั้ง” เป็นอีกครั้งที่ดิฉันพูดไม่ออก แต่จำคำพูดนี้ได้ไม่ลืมเลย 

เมื่อคราวที่เริ่มสอนร่วมกับอาจารย์ศุภกนกเป็นปีแรก สิ่งที่ดิฉันได้เป็นของขวัญจากท่านเสมอคือ หนังสือ Thermodynamics จากแหล่งต่างๆ จากเดิมดิฉันเคยมีอ่านของตัวเองเพียง 4 เล่ม ภายในปีการศึกษา 2555 ปีเดียว ดิฉันมีหนังสือเพิ่มขึ้นมาเป็น 10 เล่ม โดยสองเล่มสุดท้ายที่อาจารย์ศุภกนกให้มาพร้อมกัน คือ Chemical reactor theory และ The principles of chemical equilibrium อาจารย์ยื่นหนังสือสองเล่มนี้ให้แล้วบอกว่า

เพื่อลูกศิษย์ของเรา”

ถึงแม้ว่าอาจารย์ศุภกนกจะมีความรู้ลึกซึ้งแค่ไหนในวิชา Thermodynamics แต่เมื่อถึงเวลาตัดเกรดนิสิต ท่านมักเป็นคนที่จะคอยบอก (แกมขอร้อง) เพื่อนร่วมงานเสมอว่า “ช่วยนิสิตเถอะ อย่าให้ F เลย”

ปีการศึกษา 2556 ดิฉันเป็นผู้สอนวิชา Thermo II คนละตอนเรียนกับอาจารย์ศุภกนก เวลาสอนของดิฉันต่อจากท่าน ในห้องเรียนเดียวกัน หลายครั้งดิฉันมายืนรอก่อนเวลา หลายครั้งนิสิตถามอาจารย์หลังเลิกเรียน ทำให้ดิฉันได้สังเกตเห็นความรักและเมตตาที่อาจารย์ศุภกนกมีให้แก่ลูกศิษย์ ท่านเรียกตัวท่านเองเสมอว่า “ครู” และดูเหมือนท่านจะมีความสุขมากที่ได้สอนและได้ตอบคำถามลูกศิษย์

คำว่า “เพื่อลูกศิษย์ของเรา” ที่อาจารย์ศุภกนกพูดกับดิฉันในครั้งก่อนนั้น ตอนนั้นดิฉันแค่ประทับใจเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น แต่มาวันนี้เมื่อได้คิดย้อนหลังกลับไปถึง ความมุ่งมั่นพัฒนาวิชาการของอาจารย์ ความทุ่มเทให้กับการทำงาน ความเมตตาที่ท่านมีต่อดิฉัน และต่อลูกศิษย์ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพื่อใครเลย นอกจาก “เพื่อลูกศิษย์ของเรา” ด้วยเหตุนี้ดิฉันจึงนับถือท่านเป็น “ครู” ที่รักยิ่งของดิฉันท่านหนึ่ง

สีรุ้ง ปรีชานนท์
30 มิถุนายน 2557

****************************************




****************************************


"คนเราไม่ได้เก่งอย่างเดียว ต้องมีดวงด้วย" นี่เป็นคำปลอบใจที่อาจารย์มีให้อ๊อฟในวันที่อ๊อฟนั่งร้องไห้ในห้องอาจารย์ ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ จากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลาร่วม 4 ปี แล้ว แต่ประโยคนี้ยังประทับอยู่ในใจตลอดมา

ทุกครั้งที่พบกัน หรือได้คุยกัน อาจารย์มักจะมีเรื่องมาชวนคุยเสมอ แม้กระทั่งการฝากฝังโอกาสในการทำงานให้กับน้องๆ อาจารย์มีความห่วงใยกับทุกคนเสมอ ขนาดเด็กที่เคยบอกอาจารย์ว่า "ไม่อยากไป ไม่อยากทำ.... เลย" แต่อาจารย์กลับบอกว่าเรามีโอกาสให้ทำ ทำให้สุดครับ

สัญญาว่าจะนำคำสอนของอาจารย์ทุกคำมาปฏิบัติตาม จะเป็นคนดีของสังคมอย่างที่อาจารย์เพียรบอกลูกศิษย์ทุกคนว่า "คนเก่งมีเยอะแล้ว แต่เป็นทั้งคนเก่งและคนดีนั้นหายาก"

 อาจารย์ซุปไม่ได้จากพวกเราไปไหน ภาพและเสียงของอาจารย์ยังติดอยู่ในใจของลูกศิษย์ทุกคนค่ะ ขอให้อาจารย์พักผ่อนให้สบายนะคะ

ด้วยเคารพและอาลัยอย่างสุดซึ้ง
อ๊อฟ นิสิต ป.โท ปี 48, .เอก ปี 50
****************************************

  


****************************************


คำไว้อาลัยชุดแรกที่ได้รวบรวมเอาไว้นั้น นำเผยแพร่บน blog ในเวลาประมาณ ๑๖.๐๐ น ของวันศุกร์ที่ ๒๗ มิถุนายน และนำเผยแพร่ทาง facebook ของผมที่มีนิสิตป.ตรี - โท - เอก อันที่จริงผมก็มีส่วนผิดอยู่ตรงที่เคยประกาศไปว่าจะเปิดรับข้อความจนถึงเย็นวันศุกร์ และนำขึ้น blog ในเช้าวันเสาร์ แต่กลับเป็นว่านำขึ้น blog ในเย็นวันศุกร์เลย ทำให้มีข้อความไว้อาลัยบางส่วนที่เข้ามาทีหลังตกค้างอยู่ และนับจากเวลาที่ประกาศว่าได้ทำการเผยแพร่แล้วนั้นไปจนถึงเวลาก่อนที่ผมจะเดินทางไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพที่ซุป ก็มีผู้เข้ามาอ่านกว่า ๓๕๐๐ ราย แสดงว่ามีคนคิดถึงแกมากมายหรือเกิน ผมเชื่อว่าผู้ที่เข้ามาอ่านนั้น คงมีจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก พร้อมกับภาพเหตุการณ์ในอดีตในช่วงที่ได้รู้จักกับพี่ซุป
  
บันทึกเก็บตกฉบับนี้คงไม่สามารถเก็บรวบรวมคำไว้อาลัยทั้งหมดที่มีผู้เขียนถึงใน facebook ได้ ทำได้เพียงแค่พยายามเก็บรวบรวมเอาไว้ให้ได้มากที่สุด

****************************************


๖ โมงเย็นแล้ว ผมกับเจ้าหน้าที่ของภาควิชาที่เป็นน้อง ๆ ในที่ทำงานเดียวกันกับคุณเล็ก (ภรรยา อ.ศุภกนกกล่าวคำอำลาเจ้าภาพ ดูเหมือนเราจะเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ไม่ใช่ญาติที่ยังคงเหลืออยู่ ขณะที่เพิ่งจะเดินผ่านรั้วกั้นบริเวณเมรุ ก็เห็นรุ่นพี่วิศวรุ่นเดียวกับพี่ซุป (ที่ผมได้พบในงานสวดก่อนหน้านี้ผู้หนึ่งยืนอยู่คนเดียว ผมยกมือไหว้พี่คนนั้น แกก็รับไหว้ผม และหันไปแนะนำให้รู้จักกับอีกคนที่กำลังเดินเข้ามาพอดี พร้อมกับบอกว่า

"นี่ คนนี้มาไกล แต่ก็ยืนยันว่าต้องมาให้ได้ เพื่อมาบอกลาเพื่อนเป็นครั้งสุดท้าย"

แล้วทั้งคู่ก็เดินเข้าไปข้างใน
****************************************



(วัดหัวลำโพง เสาร์ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๗ - ไฟพระราชทานเพลิงศพ)

 (วัดหัวลำโพง เสาร์ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๗)

วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2557

แด่ผู้เป็นทั้ง พี่ เพื่อน และอาจารย์ MO Memoir : Friday 27 June 2557

(รูปจาก facebook ของ Jutipong Poosumas)

ผมรู้จักแกได้อย่างไร ก็จำไม่ได้แล้ว เพราะนั่นมันเมื่อ ๓๐ ปีที่แล้วตอนผมเขียนเรียนวิศวปี ๑ แกก็เป็นรุ่นพี่อยู่ปี ๓ จะว่ารู้จักเนื่องจากการซ้อมเชียร์ก็ไม่ใช่ เพราะการลงมาว๊ากน้อง ๆ ปี ๑ เป็นหน้าที่ของนิสิตปี ๒ ดังนั้นสิ่งที่ทำให้ผมได้รู้จักกับแกก็คงเป็นการได้มีส่วนร่วมในงานนิทรรศการที่ปีนั้นทางคณะมีการจัดขึ้น
  
มาได้อยู่ใกล้ชิดกับแกมากขึ้นก็ตอนที่ได้รับทุน British Council ไปเรียนที่อังกฤษรุ่นเดียวกัน สะบักสะบอมจากการเดินทางมาด้วยกัน เพราะรู้แน่ชัดว่าต้องเดินทางแน่ ๆ ก็เช้าวันจันทร์ วันอังคารต้องไปขอวีซ่าที่สถานฑูตอังกฤษ วันพุธไปรับหนังสือเดินทางคืนจากทางสถานฑูต คืนวันศุกร์เดินทาง เช้าวันเสาร์ถึงอังกฤษยังต้องติดต่อหาที่พักกันอีกทั้งวัน และวันจันทร์ก็เปิดเรียนเป็นวันแรกเลย รุ่นที่ไปตอนนั้นก็มีวิศวกรรมเคมี ๒ คนและวิศวกรรมไฟฟ้า ๒ คน
  
กลับมาทำงานที่ภาควิชาเดียวกันแต่ก็ไม่ได้ทำงานด้วยกัน เพราะต่างเรียนเฉพาะด้านมาคนละทาง จะมีใกล้ชิดหน่อยก็ตอนที่ผมรับหน้าที่ดูแลห้องปฏิบัติการเคมีพื้นฐาน ทะเลาะกันบ้างตอนทำโครงการจัดซื้อครุภัณฑ์โครงการเงินกู้ธนาคารโลกเพื่อปรับปรุงห้องปฏิบัติการเคมีพื้นฐาน เรื่องการจัดหาอุปกรณ์การสอนต่าง ๆ และต้องจัดเตรียมชุดอุปกรณ์เครื่องมือการทดลองให้กับวิชา Physical Chemistry ที่แกเป็นหัวหน้าวิชาและหนึ่งในผู้สอน และนั่นทำให้ผมได้รู้ว่าสิ่งหนึ่งที่แกอยากให้กับนิสิตของภาควิชาทุกคนคือ ความรู้ลึกและรู้กว้าง ในศาสตร์ที่แกสอน จนผมเคยแซวแกเล่นตอนที่ได้เห็นเนื้อหาที่แกจะสอนว่า "แล้วพี่คิดว่าเด็กจะรับไหวเหรอ"

"พี่ซุป" คือชื่อที่น้อง ๆ ที่เรียนวิศวมาด้วยกัน ทำงานด้วยกัน และน้อง ๆ นักเรียนอังกฤษ ใช้เรียก
"ซุป" หรือ "ซุปนก" คือชื่อที่ผมเคยได้ยินเพื่อน ๆ วิศวของพี่ซุปเรียกแก
"ซุป" คือชื่อที่รุ่นพี่ที่ไปเรียนที่อังกฤษด้วยกันใช้เรียก
"อาจารย์ซุป" หรือ "อาจารย์ศุภกนก" คือชื่อที่ลูกศิษย์ของภาควิชาใช้เรียก
"อาจารย์หมี" คือชื่อที่นิสิตวิศวกรรมเคมีรหัส ๔๕ ใช้เรียก (เดาว่าคงใช้เรียกลับหลัง ฉายานี้ผมเพิ่งจะทราบเมื่อวาน จากนิสิตรุ่นนั้น (ที่ตอนนี้เป็นคุณแม่ลูก ๑ แล้ว) เล่าให้ผมฟัง เมื่อพบกันในงานเมื่อคืนวาน)
"นุ่น" คือชื่อเล่นที่ผมได้ยินคนในครอบครัวใช้เรียกแก

โดยความเห็นส่วนตัวแล้ว การที่อาจารย์สักคนจะทำให้ตัวเอง "มีชื่อปรากฏในบทความวิชาการ ทางสื่อ หรือมีชื่อเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในวงการ" หรือ "มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่สูงขึ้น" นั้น ไม่ใช่เรื่องที่ยาก เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถได้มาด้วยการใช้เพียงการหาทางแสดงให้ผู้อื่นรู้และคิดว่า ตัวอาจารย์ผู้นั้นเองมีความรู้ในศาสตร์สาขาที่อาจารย์ผู้นั้นเองถนัด

แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่อาจารย์น้อยคนได้มาโดยไม่รู้ตัว มันเป็นสิ่งที่ได้มายากกว่าสิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นมากนั้น ทั้ง ๆ ที่อาจารย์ทุกคนนั้นมีโอกาสที่จะได้รับสิ่งนั้นเท่า ๆ กัน สิ่งนั้นได้แก่ "การได้มีชื่อจารึกไว้ในความทรงจำของผู้ได้มาเป็นลูกศิษย์" เพราะการได้มาซึ่งสิ่งนี้ยังต้องประกอบด้วยความเป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม ความรอบรู้ในศาสตร์อื่น การวางตัวในชีวิตประจำวันให้เป็นแบบอย่าง และที่สำคัญก็คือ ความรัก ความเอาใจใส่ และความห่วงใย ไม่ว่าจะเป็นด้านการเรียน หรือด้านการใช้ชีวิต ที่อาจารย์ผู้นั้นแสดงออกอย่างจริงใจตามอุปนิสัยอันแท้จริงของอาจารย์ผู้นั้นโดยไม่ได้เป็นการแสแสร้ง ต่อลูกศิษย์ของตนเอง
  
แล้วอันที่จริงแล้วพี่ซุปเป็นอาจารย์แบบไหน ผมว่าถ้าท่านทั้งหลายได้อ่านคำไว้อาลัยที่บรรดาผู้ที่เคยได้เรียนกับแก ผู้ที่มีโอกาสได้รู้จักแก เขียนไว้ให้แก ส่วนหนึ่งที่ผมได้รวบรวมมาจากที่มีการโพสบน facebook และที่ส่งมาให้กับผมทางอีเมล์ ท่านก็จะทราบคำตอบด้วยตัวท่านเอง
---------------------------------------------------------------------

We are Prof. STY's students from India and were part of his research group in summer 2013. We are deeply saddened by his sudden demise. Please accept our sincere condolences by this message. We have only one photo with him and i am attaching that with this mail.
”A person that departs from earth never truly leaves, you are still alive in our hearts and minds. We will surely miss the presence of a truly lovable and kind person. May god give needed strength to your family during this time of grief. May your soul rest in peace Prof. STY"

Regards
Vishvendra Singh Dhayal, Vivek Dhaka, Dharampal Singh Meel
(หมายเหตุ นิสิต ๓ รายนี้เป็นนิสิตแลกเปลี่ยนจากประเทศอินเดีย ที่อาจารย์ ศุภกนก รับเข้ามาฝึกประสบการณ์การทำงานวิจัยในปีพ.ศ. ๒๕๕๖)


---------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------------------

 
---------------------------------------------------------------------


น้องพี
ศุภฤกษ์ ประเสริฐธรรม
Intania 94, CUD 45
---------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------------------

"อาจารย์ศุภกนก หนูจำได้ว่าอาจารย์เคยสัมภาษณ์หนู วันนั้นอาจารย์มองหนูด้วยสายตาที่เอ็นดูมาก หนูซาบซึ้งใจและแม้เราจะไม่ได้คุยกันเท่าไร แต่เมื่อหนูอยู่แลป ทุกครั้งที่หนูเดินเจอกับอาจารย์ หรือทุกครั้งที่หนูยกมือไหว้อาจารย์ อาจารย์จะคุยกับหนู และยิ้มให้หนูทุกครั้ง ขอบคุณอาจารย์ที่คอยดูแล คอยให้ให้คำแนะนำ ให้ความอบอุ่นใจ
  
หากมีครั้งใดที่หนูล่วงเกินอาจารย์ ขอให้อาจารย์อโหสิกรรมให้ด้วยคะ
  
ชีวิตทางโลก อาจารย์มีแต่ให้อะไรมากมาย ทั้งกับลูกศิษย์ กับมหาวิทยาลัย กับครอบครัว และ กับประเทศชาติ
  
ขอให้อาจารย์หลับให้สบาย ด้วยรัก และอาลัย

ภาวนา (MO นิสิต ป.โท ปี2551)
---------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------------------

ผมขออนุญาตเขียนคำไว้อาลัยอ.ศุภกนกดังนี้ครับ

"ทำได้มั้ยครับ" เป็นคำพูดแรกของอาจารย์ศุภกนกที่ผมนึกถึง ประโยคสั้นๆประโยคนี้แสดงให้เห็นถึงความรัก ความเป็นห่วง ความเอาใจใส่ ของอาจารย์ที่มีต่อลูกศิษย์ทุกคน ผมยังจำประโยคนี้ได้ขึ้นใจ เพราะเวลาอาจารย์ให้ทำโจทย์อะไรก็แล้วแต่ อาจารย์จะถามลูกศิษย์ด้วยประโยคนี้เป็นประจำทุกครั้ง จนเป็นที่ติดหูของลูกศิษย์หลายๆคน แต่มาวันนี้ประโยคนั้นคงเป็นได้แค่ความทรงจำที่ทำให้ผมได้ระลึกถึงพระคุณของอ.ศุภกนก ที่ได้สั่งสอนลูกศิษย์คนนี้จนเรียนจบและมีอาชีพการงานที่ดีในทุกวันนี้ได้ ผมขอให้อาจารย์หลับให้สบายนะครับ อาจารย์ศุภกนกจะอยู่ในใจของผมและลูกศิษย์ทุกคนตลอดไปครับ

ด้วยรักและอาลัย

นายฉัตตริน กตัญญูกุล นิสิตเก่าวิศวฯเคมี รุ่น91 (วศ.50)
---------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------

ขอให้อาจารย์หลับให้สบาย มีความสุขตลอดไป อาจารย์เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาที่ใจดี รักลูกศิษย์มาก หนูดีใจและภูมิใจที่ได้เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์

อนัตตา ป.โท คะตะลิสต์ ปี 48
---------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------------------

I am extremely sorry and saddened to hear the news. It must be a great shock to all who know Sup and also in the Department at Chulalongkorn.

Sarah Magaret Payne

Imperial College of Science, Technology and Medicines,
University of London, U.K.

(หมายเหตุ : Ms. Sarah Magaret Payne เป็นเลขานุการของ Prof. Higgins ที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของอ. ศุภกนก ในขณะที่ศึกษาต่อในประเทศอังกฤษ และในขณะนั้นยังทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการเรื่องการรับสมัครนักเรียนเข้าศึกษาต่อโท-เอกที่ภาควิชาวิศวกรรมเคมีของ Imperial College ด้วย ซึ่งเป็นบุคคลที่เป็นที่รู้จักของนักเรียนไทยที่นั่นทุกคนที่ได้ไปศึกษาที่ภาควิชาดังกล่าว
---------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------------------

RIP อ.Sup...

เมื่อวานฉันเพิ่งได้รับทราบข่าวที่น่าใจหายว่าอ.ที่ปรึกษาที่ภาควิชาวิศวกรรมเคมี จุฬาฯเพิ่งเสียชีวิตก่อนวัยอันควรด้วยอาการหัวใจวาย...

วูบแรกรู้สึกตกใจที่อาจารย์จากโลกนี้ไปเร็วเกินควร...

แล้วก็ได้หวนระลึกถึงสมัยเรียนที่เป็นลูกศิษย์ในที่ปรึกษาของอาจารย์...

อย่างที่เคยบอก ฉันในวัยมหาลัย เมื่อ10กว่าปีที่แล้ว คือเด็กไม่เอาไหน ไม่ตั้งใจเรียน เกรดห่วยแตก --- ห่วยขนาดที่อ.Sup เป็นห่วงและเรียกมาคุย 2-3 ครั้ง...

ในตอนนั้น ฉันรับรู้ได้ถึงความห่วงใยของอาจารย์ที่มีต่อลูกศิษย์ไม่เอาถ่านคนนี้จริงๆ อาจารย์มีสีหน้ากังวลว่านักเรียนเกรดปลวกคนนี้จะมีชีวิตต่อไปข้างหน้าอย่างไร ใครจะรับมันเข้าทำงาน มันจะทำงานได้ไหม...เหล่านี้อาจารย์พูดออกมาอ้อมๆ แต่ฉันก็ไม่ได้โง่ขนาดแปลไม่ออกหรอกนะ แหะๆ ...และในวันวานวันโง่เขลานั้น ฉันยังจำได้ว่าฉันสัญญากับอาจารย์ว่าฉันจะตั้งใจเรียนให้มากขึ้น จะเรียนจบและหางานดีๆทำ ไม่ให้เสียแรงที่อาจารย์ห่วงใยและไม่ให้เสียชื่อที่เป็นลูกศิษย์ในที่ปรึกษาของอาจารย์...

ตั้งแต่เรียนจบจนถึงวันนี้...ผ่านไป 12 ปีเต็ม ฉันเพิ่งนึกได้ว่า ยังไม่มีโอกาสกลับไปบอกอาจารย์จริงๆจังๆสักครั้ง...วันนี้ ในวันที่อาจารย์ไม่อยู่ฟังแล้ว แต่หนูก็อยากบอกอาจารย์ตรงนี้และหวังว่าอาจารย์จะรับรู้ได้จากที่แห่งหนึ่งบนฟากฟ้านั้นว่า...ขอขอบพระคุณสำหรับวิชาการที่อาจารย์กรุณาประสิทธิ์ประสาท และความห่วงใยที่มีต่อนิสิตวิศวะโง่ๆคนหนึ่งอย่างหนู --- ถึงหนูจะเป็นนิสิตวิศวะที่ห่วยแตก และไม่ได้เป็นวิศวกร...แต่หนูมั่นใจว่าวันนี้หนูไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวังและเป็นห่วงอีกต่อไปแล้ว...หลับให้สบายนะคะอาจารย์ศุภกนก...


ชีวิตนี้ หนูไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นวิศวกร---แต่หนูดีใจที่เกิดมาเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ค่ะ...

กสิณา สำแดงเดช (รหัส 41)
---------------------------------------------------------------------

ตั้งแต่วันแรก และ จวบถึงวันนี้ที่ผมก้าวเข้ามาเป็นนิสิตปริญญาโท ภายใต้ความดูแลของอาจารย์ ผมรู้สึกได้ถึงความเป็นห่วงที่อาจารย์มีให้กับพวกเรา "ลูกศิษย์" ตลอดเวลา คอยปกป้องดูแลพวกเรา อีกทั้งยังสอนให้รู้จักใช้ชีวิตอย่างมีสติเสมอ จวบจนวันนี้วันสุดท้ายที่อาจารย์จากไปอย่างไม่มีวันกลับ ความดีของอาจารย์จะยังคงอยู่ในความทรงจำและความเมตตาของอาจารย์จะยังคงอยู่ในใจพวกเราเพื่อระลึกถึงเสมอครับ

หลับให้สบายนะครับ อาจารย์

อาลัยยิ่ง

อิทธิพล บูรณะพงษ์ (กั๊ก) (นิสิตกลุ่ม PI ปีการศึกษา 2555)
---------------------------------------------------------------------

Physical Chemistry หรือที่เรียกกันง่ายๆ ตามประสาเด็ก Chem Eng ว่าวิชา Phy Chem วิชานี้จัดเป็นวิชาแรกสำหรับชีวิตเด็ก Chem Eng เลยก็ว่าได้ พวกเราได้เริ่มต้นรู้จักกับจักรวาลของความรู้ด้านเคมีผ่านการสอนของอาจารย์ศุภกนก ที่ต้องใช้คำว่าจักรวาล เพราะวิชานี้ เป็นการปูพื้นฐานเรื่องยากๆหลายเรื่องด้วยกัน

มันเป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้พวกเรา รู้จักกับ chemical thermodynamics, entropy/enthalpy, สภาวะ equilibrium และอะไรอีกหลายอย่าง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการดำรงชีวิตของเด็ก Chem Eng ทุกๆคนเลยทีเดียว

ด้วยความที่ฉันเป็นเด็กหน้าห้อง เป็นมือเล็คเชอร์ และบังเอิญว่า มั่วตอบคำถามของอาจารย์ได้อยู่บ่อยๆ อาจารย์มักจะปล่อยมุขบอกเพื่อนๆ ว่า ใครไม่เข้าใจให้ไปถามฉันได้หลังเลิกเรียน โดยใช้คำพูดว่า ใครไม่เข้าใจให้ไปถามปวีณา ซึ่งปวีณา คือใครวะ!!?? อาจารย์บอกว่า ฉันหน้าตาเหมือนศิษย์เก่าคนนึงที่ชื่อปวีณา เลยเรียกชื่อฉันว่าปวีณามาโดยตลอด แม้ว่าจะบอกชื่อจริงไปกี่ครั้ง ก็ยังเรียกปวีณา อาจารย์สร้างความฮา ได้เสมอ จิงๆ

สิ่งสำคัญส่วนหนึ่งที่ทำให้ฉันตั้งใจเรียน คงเป็นเพราะฉันได้เห็นความมุ่งมั่นตั้งใจ ความรักและความเป็นกันเองของอาจารย์ ที่พยายามสอนเรื่องที่ยากค้อดๆ ให้พวกเราเข้าใจให้จงได้ แม้ว่าพวกเราจะเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง ยังจำได้ว่า อาจารย์สอนไปเหงื่อไหลไป เพราะห้องเรียนตึก 3 ตอนนั้นเป็นห้องพัดลม และวิชานี้เป็นวิชา 4 หน่วยกิจ ระยะเวลาในการเรียนแต่ละคาบก็ยาวนานเหลือเกิน ไหนจะพวกแอบหลังหลังชั้นเรียนอีก อาจารย์ต้องอดทนกะพวกเรามากจริงๆ

ฉันรู้สึกว่าฉันโชคดีจริงๆ ที่ได้เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์

ในวันนี้ อาจารย์ได้หลับสบายแล้ว ฉันขอขอบคุณในทุกสิ่งที่อาจารย์ได้บรรจงสร้างไว้ให้กับพวกเราเป็นอย่างดี

ขอให้อาจารย์มั่นใจเถิดว่า ฉันจะเป็นคนเก่งและคนดี ให้สมภาคภูมิกับที่ได้เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์

ด้วยรักและอาลัย

นก / CHE’83
---------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------------------

ตอนเรียนปริญญาตรีทุกเทอมหนูต้องไปเอารหัสลงทะเบียน อาจารย์จะถามหนูเสมอว่าเป็นยังไงบ้างเทอมที่ผ่านมา หนูก็จะบ่นกับอาจารย์เรื่องการเรียนทุกครั้งว่าเรียนไม่ค่อยเข้าใจ คะแนนไม่ค่อยดี อาจารย์ก็จะให้กำลังใจหนูตลอดให้อ่านหนังสือเยอะๆ พยายามเข้า สงสัยอะไรมาถามได้ ก่อนออกจากห้องอาจารย์ทุกครั้ง อาจารย์จะชูสองนิ้วให้หนูสู้ตาย แล้วบอกว่านภาพรสู้ๆครับ คุณทำได้ครับ ถึงแม้ตอนเรียนปริญญาโทไม่ได้อยู่กับอาจารย์แล้วแต่หนูก็ยังได้เจออาจารย์อยู่บ่อยๆ ทุกครั้งที่เจอกันอาจารย์ก็ยังคอยถามไถ่เสมอว่าเป็นยังไงบ้าง จะจบรึยังครับ สู้ ๆ นะครับ

นี่อาจจะเป็นรูปเดียวที่เคยถ่ายกับอาจารย์ แต่ภาพอาจารย์ที่ใส่เอี๊ยม เสียงดัง สอนเทอร์โม พยายามจำชื่อนิสิตทุกคนในชั้น ปล่อยมุขตลกเป็นระยะ

ภาพทุกอย่างจะยังคงอยู่ในใจหนูตลอดไปนะคะ ขอบคุณที่ให้ทั้งความรู้และกำลังใจกับหนูมาตลอด อาจารย์เหนื่อยมามากแล้ว หลับให้สบายนะคะอาจารย์

ด้วยรักและเคารพ

นภาพร เลิศวงศ์พิพัฒน์
---------------------------------------------------------------------

ขอให้อาจารย์พักให้สบายนะคะ ในนามของลูกศิษย์อาจารย์ หนูจะนำความรู้ความสามารถทางวิศวกรรมที่มี มาทำประโยชน์ให้แก่สังคมและประเทศชาติอย่างเต็มกำลังความสามารถค่ะ

ขอบคุณที่ให้หนูได้รับเกียรติเป็นศิษย์ของอาจารย์ค่ะ

จุฑาธิป อิศรางกูร ณ อยุธยา (วศ.เคมี รุ่น 49)
---------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------------------



ขออาจารย์ศุภกนกนั้นหมดห่วง          ขอให้ดวงวิญญาณสู่สวรรค์
ขอภพหน้าได้มาเป็นครูศิษย์กัน             ขอให้เป็นตามนั้นด้วยเถิดเอย

ขอให้อาจารย์ศุภกนกหมดห่วงกับทางโลก และขึ้นสวรรค์นะครับ

สุเชษฐ วิบูลย์สลิลธารา วิศวกรรมเคมี วศ.2551
---------------------------------------------------------------------

กราบขอบพระคุณอาจารย์ที่ให้ความรู้ และโอกาสอันยิ่งใหญ่แก่ลูกศิษย์ อาจารย์ที่ทัก พูดคุยทุกครั้งที่เจอกันที่แลป ยังคงอบอุ่นในใจเสมอ และภาพที่สะท้อนจิตวิญญาณความเป็นครูได้อย่างสมบูรณ์แบบของอาจารย์จะเป็นแบบอย่างให้ลูกศิษย์ต่อไป ขอให้อาจารย์พักผ่อนให้สบายครับ ด้วยรักและอาลัยยิ่ง

Jootipong Poosumas
---------------------------------------------------------------------


(หมายเหตุ : จากกลุ่มนิสิตปริญญาโท-เอก ที่มีอ.ศุภกนก เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา)
---------------------------------------------------------------------

(หมายเหตุ : ขณะนี้นิสิตรายนี้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนระดับปริญญาตรี กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยในประเทศญี่ปุ่น)
--------------------------------------------------------------------

หนูยังจำวันแรกที่อาจารย์เรียกหนูเข้ามาพูดคุยเพื่อรับหนูเข้าเรียนต่อเป็นลูกศิษย์อาจารย์ได้อยู่เลยค่ะ อาจารย์เป็นคนให้โอกาสหนูได้เข้ามาเรียนที่นี่ ในแว๊บแรกของความรู้สึกหนูอาจารย์เป็นคุณพ่อที่อบอุ่น น่ารักและหัวเราะได้น่ารักมาก พอมาเริ่มทำแลป ถึงจะมีโดนอบรมอยู่บ้างแต่หนูรู้สึกได้ถึงความห่วงใยค่ะ อ าจารย์บอกเสมอว่า อ.เหมือนกระดาษขาวที่มีจุดสีดำ และทุกคนเป็นเช่นนั้นและให้มองข้ามจุดสีดำ (สิ่งไม่ดี) เหล่านั้นไป และหลาย ๆ คำสอนที่มีคุณค่ามากที่ให้หนูได้นำไปใช้จริงในการดำเนินชีวิต อาจมีบ้างความไม่เข้าใจกันที่เกิดขึ้นซึ่งหนูเชื่อว่ามันเกิดจากการที่อาจารย์อยากให้พวกหนูเก่ง ๆ หนูเชื่อแบบนั้นค่ะ และในวันที่ทราบข่าวการจากไปนี้ หนูอยากให้เป็นแค่ฝัน เพราะยังมีหลายอย่างที่หนูอยากบอกอาจารย์คือคำขอบคุณและคำขอโทษมากมาย จากนี้ลูกศิษย์คนนี้จะพยายามตั้งใจเป็นบัณฑิตที่ดีต่อสังคมค่ะ หนูจะจดจำรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคำสอนดีๆ ของอาจารย์ตลอดไปนะคะ ขอให้อาจารย์ศุภของหนูจากไปอย่างสงบค่ะ

ด้วยรักและอาลัยค่ะ

พลอย PI (รหัส 55)
---------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------------------


---------------------------------------------------------------------

ในรอบ ๒๐ ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่ภาควิชาของเรามีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาไปมากครับ และพี่ซุปก็เป็นหนึ่งของผู้ที่มีส่วนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและพัฒนานั้น จนปัจจุบันภาควิชาของเราสามารถมายืนอยู่ตรงจุดนี้ครับ  ผมทราบข่าวการจากไปของพี่ซุปในเช้าวันอาทิตย์ และได้ขออนุญาตคุณเล็ก (ภรรยาของพี่ซุป) ในการรวบรวมเอาคำไว้อาลัยที่บรรดาเหล่าลูกศิษย์ของพี่ซุปเขียนไว้บนหน้า facebook ของพวกเขา และที่ส่งมาให้กับผมทางอีเมล์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ส่วนหนึ่งของภาควิชา ที่เป็นส่วนที่ปรกติจะไม่มีการบันทึกไว้ในเอกสารราชการ ทั้งนี้เพื่อให้คนรุ่นหลังสามารถสืบค้นได้ว่าภาควิชาของเรานั้นเคยมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง และผู้ใดเป็นผู้มีส่วนร่วมอยู่ในเหตุการณ์เหล่านั้น

ชีวิตการทำงานของอาจารย์แต่ละคนนั้นเต็มไปด้วยการถูกประเมินครับ ไม่ว่าจะเป็นการถูกประเมินการสอน การถูกประเมินสมรรถนะการทำงาน ทั้งจากตัวผู้บังคับบัญชาและลูกศิษย์ ปัญหาที่มักประสบของการประเมินมีหลายอย่าง เริ่มจากทำอย่างไรจึงจะทำให้ผู้รับการบริการ (ซึ่งก็คือลูกศิษย์นั่นแหละ) อยากทำการประเมิน ทำอย่างไรจึงจะทำให้ผู้ทำการประเมินนั้นแสดงความคิดเห็นอย่างจริงใจ ไม่ซ่อนเร้นปิดบัง โดยไม่ต้องใช้สิ่งชักจูงหรือใช้การบังคับ และประเมินโดยปราศจากความหวาดกลัว ซึ่งจะทำได้ก็ต่อเมื่อผู้ทำการประเมินนั้นเห็นว่า การประเมินนั้นจะส่งผลให้เกิดการพัฒนา และผู้รับการประเมินนั้นไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะให้คุณให้โทษต่อผู้ทำการประเมินนั้นได้
  
ผลที่ได้จากแบบประเมินทั่วไปนั้นมักจะถูกนำไปให้ผู้บังคับบัญชาใช้ในการประเมินความดีความชอบ หรือให้ผู้ถูกประเมินนั้นนำไปปรับปรุงตัว แต่ก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่ง ที่ผมคิดว่าสามารถเรียกได้ว่าเป็น "แบบประเมินอาจารย์สำหรับเป็นแนวทางให้อาจารย์ผู้อื่นปฏิบัติ" นั่นก็คือ "คำไว้อาลัยให้กับอาจารย์ผู้ล่วงลับไป"
  
ข้อความต่าง ๆ ที่ผมรวบรวมนำมาไว้ข้างต้นนั้น (ทั้งที่ส่งผ่านผมและผม copy จาก facebook มาโดยไม่ได้ขออนุญาตผู้เขียน - ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย) ผมเชื่อว่าไม่ได้มาจากการถูกบังคับหรือจำยอมให้เขียน ไม่ได้เขียนขึ้นโดยมีความหวาดกลัว ไม่ได้เขียนขึ้นตามแบบฟอร์มที่กำหนด ไม่มีการกำหนดว่าต้องเขียนเรื่องอะไรบ้าง ไม่ได้เขียนเพราะโดยหน้าที่ และไม่ได้เขียนเพราะถูกขอร้องให้เขียน แต่ผมเชื่อว่าเป็นการเขียนขึ้นจากความรู้สึกที่แท้จริงในก้นบึ้งของจิตใจผู้เขียนเหล่านั้นที่มีต่อผู้ที่จากไป
  
โดยส่วนตัวแล้วผมถือว่าคำไว้อาลัยเหล่านั้นเป็นแบบประเมินที่สำคัญ ที่ทำการประเมินชีวิตการทำงานของอาจารย์ท่านนั้นได้ครบถ้วนในทุกมิติ สิ่งต่าง ๆ ที่ผู้เขียนแต่ละท่านได้เขียนมานั้นบ่งบอกให้รู้ว่า ผู้ที่ยังมีชีวิตและยังต้องปฏิบัติหน้าที่อยู่ เช่นตัวผมเอง พึงรู้ว่าตนเองควรมีการปฏิบัติตนและปรับปรุงตัวอย่างไร ในช่วงที่ยังมีโอกาส และจากการที่ได้อ่านข้อความต่าง ๆ ที่บรรดาลูกศิษย์ของภาควิชาเขียนให้พี่ซุปนั้นทำให้ผมรู้ว่า

แกได้ตั้งมาตรฐานของความเป็น "อาจารย์ที่ดีของลูกศิษย์" ไว้ได้สูงจริง ๆ

ด้วยความรักและอาลัย
รศ.ดร. ธราธร มงคลศรี
ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วันศุกร์ที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๗


(หมายเหตุ : หน้าห้องทำงานพี่ซุป ถ่ายเมื่อวันพุธที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ เวลา ๑๕.๐๕ น)

(หมายเหตุ : พระราชทานเพลิงศพ วันเสาร์ที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ ณ วัดหัวลำโพง กรุงเทพมหานคร)