วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2557

แด่ผู้เป็นทั้ง พี่ เพื่อน และอาจารย์ (๒) MO Memoir : Sunday 29 June 2557

 (รูปจาก Facebook ของ Rak Rmornwiwat)
****************************************
 



นักเรียนไทย ๔ คนที่เดินทางไปศึกษาต่อที่ Imperial College ด้วยกันในปีพ.ศ. ๒๕๓๒  
ถ่ายที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ๑๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๕

****************************************


ผมกับพี่ซุปกลับมาทำงานในปีพ.ศ. ๒๕๓๗ ดังนั้นนิสิตรุ่นแรกที่เราได้สอนก็คือนิสิตป.ตรี ที่เข้าศึกษาในปีการศึกษา ๒๕๓๖ (เข้าภาควิชาในปีการศึกษา ๒๕๓๗) และนิสิตป.โท-เอก ที่เข้าศึกษาในปีการศึกษา ๒๕๓๗ ถ้านับถึงวันนี้ พี่ซุปก็ได้สอนหนังสือมาครบ ๒๐ รุ่นแล้วครับ
  
ผมเองก็ไม่ได้ไปงานทุกคืน แต่ทุกครั้งที่ไปก็พบว่ามีศิษย์เก่าจากรุ่นต่าง ๆ ผลัดเปลี่ยนกันมาร่วมงานเสมอทุกคืน ซึ่งตรงนี้อาจทำความลำบากใจให้กับเจ้าภาพว่าผู้ที่มาร่วมงานเป็นใคร แม้แต่ผมเองหลายรายก็จำได้แค่หน้าว่าเป็นศิษย์เก่าของภาควิชา แต่จำชื่อและจำรุ่นไม่ได้ว่าเข้าเรียนในปีพ.ศ.ใด นอกจากนี้ก็ยังมีผู้ที่เคยศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษในช่วงเวลาเดียวกันเข้ามาร่วมรำลึกถึงด้วย ถ้าไม่นับบรรดาผู้ที่ทำงานอยู่ในคณะวิศวกรรมศาสตร์แล้ว ผมก็ขอยืนยันได้ว่าบรรดาคนแปลกหน้าทั้งหลายที่ทางเจ้าภาพคงไม่คุ้นหน้าหรือรู้จักมาก่อน คือผู้ที่รู้จักกันพี่ซุปในฐานะเพื่อนสมัยเรียนหนังสือ และศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันของภาควิชาวิศวกรรมเคมี นับตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๕๓๗ จนถึงปีปัจจุบัน

เหตุผลที่ผมนำคำไว้อาลัยของใครต่อใครที่เขียนให้กับพี่ซุป (ทั้งที่ส่งมาให้ผมโดยตรงและ copy มาจากหน้า facebook โดยไม่ขออนุญาตเข้าของ - ต้องขอโทษด้วยครับ) มาลงใน blog นี้ก็เพราะเห็นว่า คำไว้อาลัยเหล่านั้นเป็นสิ่งที่บ่งบอกให้เห็นว่า คนที่ยังมีภาระหน้าที่ที่ยังต้องปฏิบัติ และยังมีโอกาสอยู่นั้น ควรพึงปฏิบัติอย่างไรครับ และเห็นว่าการนำมาเผยแพร่จะเป็นประโยชน์ต่อคนทั่วไปครับ อย่างน้อยก็ถือได้ว่าเป็นการสอนครั้งสุดท้ายของพี่ซุปให้กับผู้ที่ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่อยู่ครับ




****************************************


****************************************

****************************************




****************************************


****************************************

 ****************************************




****************************************



ขอขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่สอนสั่งครับ

หลับให้สบายนะครับอาจารย์

ตุลย์ เสริมศิริวิบูลย์ #5030175521



****************************************

 ****************************************



****************************************




รูปนี้ผมเขียนไว้หลังรูปว่า ๒๘ กันยายน ๒๕๕๓

St. Augustine's Abbey เมือง Canterbury

พี่กุม (ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม) ทำงานด้านฉายรังสีที่ศิริราช นอกนั้น นักเรียนที่มีมาเรียนที่ Imperial วิศวทั้งหมด

****************************************







****************************************


****************************************




****************************************




****************************************

****************************************


****************************************

 (หมายเหตุ : ขณะนี้นิสิตผู้นี้กำลังศึกษาอยู่ ณ ประเทศญี่ปุ่น)

****************************************


****************************************




****************************************


อาจารย์ศุภกนก “ครู” ผู้เป็นที่รัก

อาจารย์ศุภกนกเป็นรุ่นพี่ของดิฉัน 2 ปี เรารู้จักกันมานาน...ย้อนหลังไปกว่า 20 ปี เมื่อคราวไปเรียนหนังสือที่ประเทศอังกฤษ นับตั้งแต่ที่ได้รู้จักกันจนถึงวันนี้เรามีความนับถือเอื้ออาทรต่อกันแบบพี่-น้อง ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่คงมีน้อยคนที่จะทราบว่าใจของดิฉันนับถืออาจารย์ศุภกนกเป็น “ครู” ที่รักยิ่งคนหนึ่ง

ถึงแม้จะรู้จักและร่วมงานกันมานาน แต่ดิฉันเพิ่งมีโอกาสอันดีได้สอนคู่กับอาจารย์ศุภกนกในวิชา Thermo II ปีการศึกษา 2555 ปีแรกของหลักสูตรปรับปรุงใหม่วิศวกรรมเคมี ซึ่งมีเนื้อหาใหม่ที่ดิฉันต้องสอนเป็นครั้งแรก แต่นับเป็นโชคดีมากที่ได้สอนร่วมกับอาจารย์ศุภกนกผู้ซึ่งมีใจรักและมีความรู้อย่างลึกซึ้งในวิชา Thermodynamics เป็นอย่างยิ่ง ถือเป็นมือหนึ่งของภาควิชา และดิฉันเชื่อว่าเป็นระดับต้นของประเทศ

ตลอดภาคการศึกษาปลาย ปีการศึกษา 2555 อาจารย์ศุภกนกจะเดินมาหาดิฉันที่ห้องทำงานทุกเช้าวันอังคารเวลา 8 โมง เพื่อให้ดิฉันได้ซักถามข้อสงสัยต่างๆในเนื้อหาวิชา มีเนื้อหาส่วนหนึ่งที่ไม่ปรากฏสอนไว้ในหนังสือเล่มใดๆที่ดิฉันอ่านพบ แต่อาจารย์ศุภกนกอธิบายทฤษฎีนั้นได้จากใจของท่าน เหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้เกินขึ้นหลายๆครั้ง ดิฉันรู้สึกทึ่ง จนอดถามออกไปไม่ได้ว่า

“พี่รู้ได้อย่างไรคะเนี่ย”

อาจารย์ตอบว่า “พี่คิดต่อยอดเอาเอง มันอยู่ในสายเลือดพี่แล้วล่ะรุ้ง รู้ไหมว่าพี่เข้าเรียนกับ Prof. Wisniak ตลอดทั้งคอร์สมาแล้วไม่ต่ำกว่าสี่รอบ(Prof.Wisniak เป็นปรมาจารย์ทาง Thermodynamics จากมหาวิทยาลัย Bee-sheva ประเทศอิสราเอล ซึ่งภาควิชาฯเคยเชิญท่านมาสอนในวิชา Advanced Thermodynamics เป็นเวลาหลายปีต่อเนื่องกัน)

ดิฉันได้แต่อึ้ง ไม่ได้ตอบท่านว่าอะไร แต่จำได้ว่าแทบจะอ้าปากค้างเมื่อทราบว่าท่านทุ่มเท เข้าเรียนด้วยตัวเอง ทั้งรายวิชา ต่อเนื่องกันเป็นเวลาหลายปี

มีครั้งหนึ่งดิฉันรบกวนให้ท่านสอนการใช้ฟังก์ชัน solver ในโปรแกรม Excel เพื่อแก้หลายสมการ หลายตัวแปร ไปพร้อมๆกัน (จำได้ว่าตอนนั้นประมาณ 9 ตัวแปร) อาจารย์ปรับรูปสมการและทำให้ดูอย่างคล่องแคล่ว ง่ายดาย ดิฉันอดทึ่งไม่ได้อีกครั้ง จึงถามออกไปเช่นเดิมว่า

พี่คิดได้เองหรือคะเนี่ย”

อาจารย์ตอบว่า “คิดเองซี รุ้งรู้ไหมว่าพี่ฝึกทำมาแล้วเป็นหมื่นครั้ง” เป็นอีกครั้งที่ดิฉันพูดไม่ออก แต่จำคำพูดนี้ได้ไม่ลืมเลย 

เมื่อคราวที่เริ่มสอนร่วมกับอาจารย์ศุภกนกเป็นปีแรก สิ่งที่ดิฉันได้เป็นของขวัญจากท่านเสมอคือ หนังสือ Thermodynamics จากแหล่งต่างๆ จากเดิมดิฉันเคยมีอ่านของตัวเองเพียง 4 เล่ม ภายในปีการศึกษา 2555 ปีเดียว ดิฉันมีหนังสือเพิ่มขึ้นมาเป็น 10 เล่ม โดยสองเล่มสุดท้ายที่อาจารย์ศุภกนกให้มาพร้อมกัน คือ Chemical reactor theory และ The principles of chemical equilibrium อาจารย์ยื่นหนังสือสองเล่มนี้ให้แล้วบอกว่า

เพื่อลูกศิษย์ของเรา”

ถึงแม้ว่าอาจารย์ศุภกนกจะมีความรู้ลึกซึ้งแค่ไหนในวิชา Thermodynamics แต่เมื่อถึงเวลาตัดเกรดนิสิต ท่านมักเป็นคนที่จะคอยบอก (แกมขอร้อง) เพื่อนร่วมงานเสมอว่า “ช่วยนิสิตเถอะ อย่าให้ F เลย”

ปีการศึกษา 2556 ดิฉันเป็นผู้สอนวิชา Thermo II คนละตอนเรียนกับอาจารย์ศุภกนก เวลาสอนของดิฉันต่อจากท่าน ในห้องเรียนเดียวกัน หลายครั้งดิฉันมายืนรอก่อนเวลา หลายครั้งนิสิตถามอาจารย์หลังเลิกเรียน ทำให้ดิฉันได้สังเกตเห็นความรักและเมตตาที่อาจารย์ศุภกนกมีให้แก่ลูกศิษย์ ท่านเรียกตัวท่านเองเสมอว่า “ครู” และดูเหมือนท่านจะมีความสุขมากที่ได้สอนและได้ตอบคำถามลูกศิษย์

คำว่า “เพื่อลูกศิษย์ของเรา” ที่อาจารย์ศุภกนกพูดกับดิฉันในครั้งก่อนนั้น ตอนนั้นดิฉันแค่ประทับใจเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น แต่มาวันนี้เมื่อได้คิดย้อนหลังกลับไปถึง ความมุ่งมั่นพัฒนาวิชาการของอาจารย์ ความทุ่มเทให้กับการทำงาน ความเมตตาที่ท่านมีต่อดิฉัน และต่อลูกศิษย์ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพื่อใครเลย นอกจาก “เพื่อลูกศิษย์ของเรา” ด้วยเหตุนี้ดิฉันจึงนับถือท่านเป็น “ครู” ที่รักยิ่งของดิฉันท่านหนึ่ง

สีรุ้ง ปรีชานนท์
30 มิถุนายน 2557

****************************************




****************************************


"คนเราไม่ได้เก่งอย่างเดียว ต้องมีดวงด้วย" นี่เป็นคำปลอบใจที่อาจารย์มีให้อ๊อฟในวันที่อ๊อฟนั่งร้องไห้ในห้องอาจารย์ ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ จากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลาร่วม 4 ปี แล้ว แต่ประโยคนี้ยังประทับอยู่ในใจตลอดมา

ทุกครั้งที่พบกัน หรือได้คุยกัน อาจารย์มักจะมีเรื่องมาชวนคุยเสมอ แม้กระทั่งการฝากฝังโอกาสในการทำงานให้กับน้องๆ อาจารย์มีความห่วงใยกับทุกคนเสมอ ขนาดเด็กที่เคยบอกอาจารย์ว่า "ไม่อยากไป ไม่อยากทำ.... เลย" แต่อาจารย์กลับบอกว่าเรามีโอกาสให้ทำ ทำให้สุดครับ

สัญญาว่าจะนำคำสอนของอาจารย์ทุกคำมาปฏิบัติตาม จะเป็นคนดีของสังคมอย่างที่อาจารย์เพียรบอกลูกศิษย์ทุกคนว่า "คนเก่งมีเยอะแล้ว แต่เป็นทั้งคนเก่งและคนดีนั้นหายาก"

 อาจารย์ซุปไม่ได้จากพวกเราไปไหน ภาพและเสียงของอาจารย์ยังติดอยู่ในใจของลูกศิษย์ทุกคนค่ะ ขอให้อาจารย์พักผ่อนให้สบายนะคะ

ด้วยเคารพและอาลัยอย่างสุดซึ้ง
อ๊อฟ นิสิต ป.โท ปี 48, .เอก ปี 50
****************************************

  


****************************************


คำไว้อาลัยชุดแรกที่ได้รวบรวมเอาไว้นั้น นำเผยแพร่บน blog ในเวลาประมาณ ๑๖.๐๐ น ของวันศุกร์ที่ ๒๗ มิถุนายน และนำเผยแพร่ทาง facebook ของผมที่มีนิสิตป.ตรี - โท - เอก อันที่จริงผมก็มีส่วนผิดอยู่ตรงที่เคยประกาศไปว่าจะเปิดรับข้อความจนถึงเย็นวันศุกร์ และนำขึ้น blog ในเช้าวันเสาร์ แต่กลับเป็นว่านำขึ้น blog ในเย็นวันศุกร์เลย ทำให้มีข้อความไว้อาลัยบางส่วนที่เข้ามาทีหลังตกค้างอยู่ และนับจากเวลาที่ประกาศว่าได้ทำการเผยแพร่แล้วนั้นไปจนถึงเวลาก่อนที่ผมจะเดินทางไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพที่ซุป ก็มีผู้เข้ามาอ่านกว่า ๓๕๐๐ ราย แสดงว่ามีคนคิดถึงแกมากมายหรือเกิน ผมเชื่อว่าผู้ที่เข้ามาอ่านนั้น คงมีจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก พร้อมกับภาพเหตุการณ์ในอดีตในช่วงที่ได้รู้จักกับพี่ซุป
  
บันทึกเก็บตกฉบับนี้คงไม่สามารถเก็บรวบรวมคำไว้อาลัยทั้งหมดที่มีผู้เขียนถึงใน facebook ได้ ทำได้เพียงแค่พยายามเก็บรวบรวมเอาไว้ให้ได้มากที่สุด

****************************************


๖ โมงเย็นแล้ว ผมกับเจ้าหน้าที่ของภาควิชาที่เป็นน้อง ๆ ในที่ทำงานเดียวกันกับคุณเล็ก (ภรรยา อ.ศุภกนกกล่าวคำอำลาเจ้าภาพ ดูเหมือนเราจะเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ไม่ใช่ญาติที่ยังคงเหลืออยู่ ขณะที่เพิ่งจะเดินผ่านรั้วกั้นบริเวณเมรุ ก็เห็นรุ่นพี่วิศวรุ่นเดียวกับพี่ซุป (ที่ผมได้พบในงานสวดก่อนหน้านี้ผู้หนึ่งยืนอยู่คนเดียว ผมยกมือไหว้พี่คนนั้น แกก็รับไหว้ผม และหันไปแนะนำให้รู้จักกับอีกคนที่กำลังเดินเข้ามาพอดี พร้อมกับบอกว่า

"นี่ คนนี้มาไกล แต่ก็ยืนยันว่าต้องมาให้ได้ เพื่อมาบอกลาเพื่อนเป็นครั้งสุดท้าย"

แล้วทั้งคู่ก็เดินเข้าไปข้างใน
****************************************



(วัดหัวลำโพง เสาร์ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๗ - ไฟพระราชทานเพลิงศพ)

 (วัดหัวลำโพง เสาร์ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๗)

ไม่มีความคิดเห็น: